The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 00 บทนำ
ยามดวงอาทิตย์เจิดจ้า แสงแดดอบอุ่นสว่างไสวไปทั่วเมืองจันทราสีเงิน ทำให้เมืองระดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์จีนแห่งเกม ‘ผู้พิชิต’ นี้ดูเชื่องช้ายิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่ยามเช้าค่อยๆ เคลื่อนผ่าน ผู้เล่นทั้งชายและหญิงเริ่มทยอยเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับบอสและอุปกรณ์ในเกม ทุกคนวุ่นวายผิดแผกไปจากที่เคย
ใจกลางเมือง เสียงระฆังดังกังวานใสในวิหารศักดิ์สิทธิ์…ก้องสะท้อนไปทั่วทั้งเมือง
มีเพียงผู้เล่นเกมที่ไต่ถึงระดับเทพเท่านั้นที่จะสามารถออนไลน์เข้ามาในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้! การได้เข้าเป็นสมาชิกของวิหารศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นความภาคภูมิใจของผู้เล่นทุกคน ถึงอย่างนั้นผู้ที่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกวิหารศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนน้อยมาก ในเซิร์ฟเวอร์จีนมีผู้เล่นเพียงเจ็ดคนเท่านั้น…ที่สามารถเป็นสมาชิกของวิหารศักดิ์สิทธิ์! ผู้เล่นทั้งหมดต่างขึ้นถึงระดับเทพกันแล้วทั้งนั้น!
ฟู่…ฟู่…
ลมพัดใบไม้แห้งปลิวลงไปยังบันไดของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ห่างออกไปไม่ไกล ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเกราะเต็มยศก้าวเดินอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปยังห้องโถง ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ที่แฝงร่องรอยของความเดียวดาย ส่วนดวงตาคู่นั้นก็เผยให้เห็นความเศร้าโศกที่ยากจะอธิบาย ยามที่ก้าวย่างชุดเกราะของเขาส่องประกาย…สายลมพัดผ่านส่งให้เสื้อคลุมตัวโคร่งสะบัดไหว…และไอดีที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาที่ทุกผู้คนต่างคุ้นเคยก็คือ…
หลินมู่อวี่ LV*255
ฉายา: เทพยุทธ์
ฐาน: นครจันทราสีเงิน
สำนัก (กิลด์): สำนักวีรบุรุษ
ตำแหน่ง: ประมุข
อันดับโลก: 1
“เงียบเหมือนเคย…”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองต้นไม้แห่งโลกที่อยู่ใจกลางวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขานำต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้มาจากทางเหนือ ตอนนี้มันแตกกิ่งก้านสาขาสะพรั่ง และเพราะเกียรติยศนี้ที่ทำให้เขาได้ฉายาเทพยุทธ์มา เขาสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่บนจุดสูงสุดของโลก ‘ผู้พิชิต’ กับเทพมนตราฟางเกอเชวียได้
“ถึงเวลาแล้ว”
ชายหนุ่มคิดเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็เดินก็ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์
ด้านนอกวิหารศักดิ์สิทธิ์ ผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนเดินไปมา หลินมู่อวี่เดินเลาะไปตามกำแพงเมืองเพียงลำพัง
ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงว่ามีคนเอามือมาแตะบ่า และโอบไหล่เขาอย่างสนิทสนม ไม่ต้องหันไปดูก็รู้เลยว่าเป็นใคร มีเพียงผู้เดียวในนครจันทราสีเงินที่กล้าโอบไหล่เทพยุทธ์เช่นนี้ นั่นก็คือหลี่เล่อ เพื่อนรักที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กนั่นเอง เพียงแต่พอโตขึ้น หลี่เล่อมีเหตุให้ต้องไปอยู่ต่างประเทศ แต่ว่าทั้งคู่ยังเล่นเกมนี้ด้วยกัน แถมหลี่เล่อก็มีตำแหน่งเป็นรองประมุขอีกด้วย
“อาเล่อ?”
หลินมู่อวี่หันกลับไปพร้อมรอยยิ้ม “ทำไมถึงโผล่พรวดมาแบบนี้นี่”
หลี่เล่อหัวเราะ “อาอวี่ ดูนายเหมือนไม่ค่อยมีความสุขเลย เกิดอะไรขึ้น ทำหน้าอย่างยักับพ่อตาย แต่ฉันว่าพ่อนายก็ยังดูแข็งแรงดีนี่นาตอนที่เจอกันคราวล่าสุดน่ะ”
หลี่เล่อดูเป็นคนไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรมาตั้งแต่เล็กแล้ว ชีวิตเขาเหมือนไม่เคยมีเรื่องวิตกกังวลอะไร หลินมู่อวี่อิจฉานิสัยนี้ของเขาเสียจริง
“ฉันตัดสินใจแล้ว คิดว่าคงถึงเวลาที่จะต้องเลิกเล่นเสียที” หลินมู่อวี่พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“ว่าไงนะ?”
หลี่เล่อได้ยินดังนั้นก็ผงะถอยหลัง “อาอวี่ นายล้อฉันเล่นใช่มั้ยเนี่ย นายเพิ่งจะได้เป็นเทพยุทธ์ แล้วจะไปแบบนี้เนี่ยนะ หรือว่า…พ่อนายกดดันไม่ให้เล่นเหรอ?”
หลินมู่อวี่ยิ้มรับอย่างจนปัญญา “ก็ใช่น่ะสิ พ่อยื่นคำขาดให้ฉันเลิกเล่นเกม แล้วไปช่วยกิจการครอบครัว ตอนนั้นฉันสัญญากับพ่อไว้ว่า ภายในสองปีฉันจะต้องไปถึงจุดสูงสุดของเกมนี้ให้ได้ ตอนนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว ถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาสักที ความจริง…ฉันก็ยังไม่อยากเลิกเล่นเลย!”
หลี่เล่อหัวเราะลั่น ราวกับว่าไม่มีเรื่องไหนน่าขำไปกว่านี้อีกแล้ว เขาตบไหล่เพื่อน พร้อมพูด “หลินมู่อวี่ เทพยุทธ์ที่น่าเกรงขาม หลินจื้อลูกชายคนรองของท่านประธานบริษัทหลงซิน ไม่อยากเชื่อเลยว่ามหาเศรษฐีค่าตัวหมื่นล้านอย่างนายจะมีชีวิตที่ขมขื่นขนาดนี้ ดูเหมือนว่าชีวิตคนรวยก็ไม่ได้ดีไปเสียทุกเรื่องสินะ ว่าแต่…นายตัดสินใจแน่แล้วเหรอ?”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น ความมุ่งมั่นทอประกายในดวงตา “นี่เป็นหน้าที่ของฉัน ฉันจะหนีอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ตามฉันมาสิ ฉันอยากจะขายอุปกรณ์ทั้งหมด และจากนี้ไปอนาคตของสำนักวีรบุรุษจะอยู่ในความรับผิดชอบของนาย ฉันจะให้คนอื่นๆ ในสำนักช่วยสนับสนุนนาย”
“นายอยากขายชุดเทพอัคคีกับกระบี่เจ็ดสะบั้นงั้นเหรอ?”
“ใช่ มันจะได้จบไปเสียที มิเช่นนั้นฉันคงคิดถึงมันจนนอนไม่หลับแน่”
“ฮ่าๆ ก็ดีเหมือนกัน ไปกันเถิด นายยังสามารถทำเงินได้จากการเคลียร์แอคเคาน์ก่อนที่จะเลิกเล่นล่ะนะ ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าอุปกรณ์ของนายดีที่สุดในเซิร์ฟเวอร์แล้ว เออ ว่าแต่นายจะไม่ลองเล่นเกมที่กำลังจะปล่อยออกมาใหม่จริงๆ เหรอ ฉันได้ยินข่าวลือมานะว่าพวกฟางเก่อเชวีย เวิ่นเจี้ยน เยี่ยนจ้าวอู๋ซวง กำลังพากันเล่นเกมนี้อยู่ นายไม่สนใจจริงๆ เหรอ”
“ไม่…”
ทั้งคู่มาถึงลานประมูลในเมืองจันทราสีเงิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นลานประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเกมนี้ หลินมู่อวี่ถอดอุปกรณ์ออกทีละชิ้นแล้ววางลงบนลานประมูล
ชุดเทพอัคคี ชุดอุปกรณ์ระดับเทพ 5 ชิ้น ราคาเริ่มต้น 22,000,000 หยวน
กระบี่เจ็ดสะบั้น อุปกรณ์ระดับเทพ ราคาเริ่มต้น 10,000,000 หยวน
โซ่เทพสังหาร เครื่องประดับระดับเทพ ราคาเริ่มต้น 7,000,000 หยวน
แหวนเขาแรด อุปกรณ์ระดับเทพ ราคาเริ่มต้น 4,000,000 หยวน
เพียงชั่วพริบตา อุปกรณ์ของหลินมู่อวี่ก็ถูกประมูลไปจนเกลี้ยง เหลือไว้เพียงชุดของผู้เล่นระดับเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ฉายาเทพยุทธ์ของเขายังอยู่ ไม่มีใครมาแทนที่เขาได้ในประวัติศาสตร์ของเกมนี้
“ลู่ลู่ ออกมาเดี๋ยวนี้”
หลินมู่อวี่เอ่ยปากแผ่วเบา ทันใดนั้น มวลแสงสว่างก็รวมตัวอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าเขา จากนั้นภูตสาวหน้าตาน่ารักก็ปรากฏกายขึ้น นางเป็นภูตประจำตัวหลินมู่อวี่ ผู้เล่นทุกคนจะได้รับภูตเช่นเดียวกันนี้เมื่อเข้าร่วมเกม แท้จริงแล้วภูตคือระบบความช่วยเหลือระดับสูงที่ระบบเกมสร้างขึ้น ช่วยให้ผู้เล่นทุกคนทำภารกิจในเกมได้ลุล่วง
“พี่ชาย!”
ลู่ลู่โอบคอหลินมู่อวี่อย่างมีความสุข แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่ชุดข้อมูล แต่ก็มีระบบที่สลับซับซ้อน ลู่ลู่ที่ตัวสูงราวสามสิบเซนติเมตร นั่งบนไหล่ของหลินมู่อวี่พร้อมรอยยิ้ม “มีเรื่องอะไรจะให้ลู่ลู่ช่วยอีกแล้วเหรอคะ”
หลินมู่อวี่ยิ้มตอบ “ลู่ลู่ ลบสกิลทั้งหมดของฉันทิ้งที”
“หา เอาจริงหรือพี่ชาย” ภูตสาวมองเขาอย่างตกใจ
หลินมู่อวี่พยักหน้า “สแกนม่านตา หลังจากยืนยันตัวตนของฉันแล้วก็ลบสกิลทิ้งให้ที”
“รับทราบค่ะ!”
ภูตสาวใช้เสียงหุ่นยนต์ รายงานผลการลบสกิลทีละอย่าง
ดื่มกินเทพสังหาร สกิลระดับ SSS ชั้นปรมาจารย์ ลบสำเร็จ!
วิชาดาบเพลิงพิโรธ สกิลระดับ SSS ชั้นปรมาจารย์ ลบสำเร็จ!
โล่คริสตัลน้ำแข็ง สกิลระดับ SSS ชั้นปรมาจารย์ ลบสำเร็จ!
กลยุทธ์ดวงดารา สกิลระดับ SSS ชั้นปรมาจารย์ ลบสำเร็จ!
เพลงหอกรัดมังกร ทักษะระดับ SS ที่ได้รับมาพร้อมฉายาเทพยุทธ์ ไม่สามารถลบได้
ฝีเท้าดาวตก ทักษะระดับ SS ที่ได้รับมาพร้อมฉายาเทพยุทธ์ ไม่สามารถลบได้
ทักษะหล่อหลอม ทักษะระดับ SSS ชั้นปรมาจารย์ เป็นสกิลอาชีพเฉพาะตัว ไม่สามารถลบได้
ไม่นานนัก สกิลหลักทั้งยี่สิบสี่อย่างของหลินมู่อวี่ถูกลบออกเกือบหมด ยกเว้นเพียงสามสกิลเท่านั้นที่ไม่สามารถลบได้
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว ฝีเท้าดาวตก ทักษะหล่อหลอมเหล่านี้ล้วนเป็นสกิลที่ได้มาอย่างยากลำบาก ช่างเถอะ ไม่มีเวลาไปลบสกิลอาชีพแล้ว ปล่อยสกิลพวกนั้นไว้แบบนี้ แล้วลบแอคเคาน์ไปเลยก็แล้วกัน! “
“ลู่ลู่”
“หลินมู่อวี่เรียกภูตประจำตัวอีกครั้ง “เปิดคำสั่งทำลายตัวเอง ฉันจะไปแล้ว”
ภูตสาวตัวน้อยจ้องมองหลินมู่อวี่อย่างเงียบงัน ดวงตารื้นด้วยน้ำตา ใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “พี่ชายจะไปแล้วเหรอ พี่ชายไม่ต้องการลู่ลู่แล้วเหรอ”
หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร่ำไห้ดี เขาไม่เคยเห็นภูตร้องไห้มาก่อน จึงพูดติดตลกว่า “เปล่าสักหน่อย ไม่แน่ว่า…พวกเราอาจจะเจอกันอีกก็ได้นะ ลู่ลู่ เริ่มระบบทำลายตัวเองให้ฉันด้วย ฉันตัดสินใจแล้ว!”
“ก็ได้ค่ะ พี่ชาย”
สุดท้ายลู่ลู่ก็ต้องทำตามหน้าที่ของตนเอง ลำดับต่อมา หลินมู่อวี่ก็ส่งต่อตำแหน่งประมุขสำนักให้กับหลี่เล่อ จากนั้นร่างของเขาค่อยๆ เลือนหายกลายเป็นชุดข้อมูล การที่มองเห็นร่างกายของตนเองสลายไปไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนัก
แต่หลินมู่อวี่อดกลั้นทั้งหมดนี้ได้ เขาเข้าใจ ลูกผู้ชายต้องรู้จักรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ ต้องไปทำในสิ่งที่ตนเองควรจะทำ การหลบหนีคือวิสัยของคนขี้ขลาดเท่านั้น
พรึ่บ!
ความมืดเข้าครอบงำ หลินมู่อวี่ปรากฏขึ้นในช่องปิดตายแห่งหนึ่ง ไม่มีร่างกายแล้ว เขาเรียกหาระบบ “ออฟไลน์”
หนึ่งวิ สองวิ สามวิ…
ครึ่งนาทีผ่านไปก็แล้ว ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลินมู่อวี่ประหลาดใจ “ออฟไลน์ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ไม่มีใครตอบคำถามเขา รอบตัวมีเพียงความว่างเปล่า
หลินมู่อวี่ใจเย็นต่อไปไม่ไหว เขาเริ่มตะโกน “ภูตระบบ? ลู่ลู่? ให้ฉันออฟไลน์เดี๋ยวนี้!”
ไม่มีคำสั่งออฟไลน์ แต่กลับมีความรู้สึกเวียนหัวรุนแรง เบื้องหน้าของหลินมู่อวี่เหมือนสนามพลังที่หมุนวน ดูดสติสัมปชัญญะของเขาให้จมดิ่งลงไปด้วย
แจ้งเตือนระบบ: โค้ดสำหรับออกจากเกมถูกแก้ไข ระบบกำลังลงโปรแกรมใหม่!
แจ้งเตือนระบบ: การติดตั้งโปรแกรมสำเร็จ คุณถูกบังคับให้ตัดขาดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต!
“หา?”
หลินมู่อวี่ตกใจ พร้อมเวียนหัวอย่างรุนแรง เขาถูกลากเข้าสู่ความมืดมิด ร่างกายของเขาด่ำดิ่งลงไปเรื่อยๆ
“ไอ้บ้าที่ไหนมาดึงสายอินเทอร์เน็ตฉันวะ”
ก่อนที่จะหมดสติไป นี่คือคำพูดสุดท้ายของใครบางคน