The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 474 หยุดการขัดแย้ง
EP.474 หยุดการขัดแย้ง
“ฟิ้ว”
ฌานสัมผัสจมดิ่งไปในทะเลจิต หลินมู่อวี่ในชุดคลุมองครักษ์มังกรเหยียบย่ำลงบนความว่างเปล่าก่อนทอดสายตามองทะเลจิตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา จากนั้นปล่อยตนเองให้ดำดิ่งสู่ทะเลจิตที่แหวกออกอย่างเชื่องช้า เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดจนกลิ่นหญ้า เถาวัลย์และดอกไม้นานาชนิดลอยแตะจมูก…น้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปเติบโตขึ้นที่นี่
ณ ความว่างเปล่าในทะเลจิต เขาเห็นน้ำเต้าสีทองผุดขึ้นท่ามกลางเส้นเถาวัลย์
วิญญาณยุทธ์คือเป็นศิลปะการต่อสู้ชนิดหนึ่งที่เติบโตขึ้นในจิตวิญญาณ แหล่งพลังของน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปจึงหยั่งรากอยู่ในก้นบึ้งทะเลจิตของหลินมู่อวี่
“ฟึ่บ”
หลินมู่อวี่ลงถึงพื้นอย่างนุ่มนวลก่อนเหยียบย่ำไปบนพื้นที่ว่างเปล่าและยื่นมือไปสัมผัสเถาวัลย์แผ่วเบา ทันใดนั้นความรู้สึกวูบวาบพลันแล่นเข้ามาในร่างกาย สายลมแห่งความปีติพัดผ่าน น้ำเต้าสีทองและเถาวัลย์สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมกะพริบแสงสีทองราวกับรับรู้การมาถึงของผู้เป็นนาย
แม้น้ำเต้าทองจะยังเติบโตไม่เต็มที่ เขาก็สามารถทำให้มันบรรลุถึงขั้นที่เก้าและขึ้นเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่งชั้นเลิศได้
หลินมู่อวี่ปล่อยมือจากน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปก่อนเดินไปอีกทางหนึ่งที่สัมผัสได้ถึงธาตุโลหะอันแข็งแกร่ง…วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะ
ภูเขาสีทองตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล แสงสีทองส่องสว่างปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขาแสดงให้เห็นถึงแหล่งพลังของวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะซึ่งถูกสกัดจากศิลา ไม่น่าแปลกใจเลยที่พลังวิญญาณซึ่งควบแน่นจากแร่เหล็กอย่างโซ่เทวะจะเป็นที่รู้จักในฐานะวิญญาณยุทธ์ที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดในโลก
หลินมู่อวี่ก้าวไปยังเชิงเขาก่อนเอื้อมไปมือสัมผัสภูเขาเบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา ฉับพลันความรู้สึกปีติแผ่ซ่านไปทั่วภูเขาโซ่เทวะ แสงสีทองสว่างวาบไปทั่วบริเวณ
“ไง โซ่เทวะ” หลินมู่อวี่ยิ้มจาง
ทันใดนั้นแสงสีทองรอบภูเขาก็สว่างจ้ากว่าเดิม พลังโซ่เทวะตอบสนองต่อเขาเสมือนเด็กน้อยตอบโต้กับพ่อของตนไม่มีผิด
…
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ เดินมายังพื้นที่กึ่งกลางระหว่างภูเขาโซ่เทวะและน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีป มือทั้งสองข้างผายออกพร้อมเปล่งเสียงต่ำ “มาหาข้า”
“วิ้ง”
ฉับพลันแสงสีทองบนเนินเขาพลันจางหายก่อนเกิดแสงส่องสว่างขึ้นบนฝ่ามือทั้งสอง น้ำเต้าทองปรากฏขึ้นบนมือซ้ายขณะที่โซ่เทวะพาดอยู่บนมือขวา
หลินมู่อวี่เคลื่อนฝ่ามือเข้าหากันอย่างเชื่องช้าเพื่อให้วิญญาณยุทธ์ทั้งสองเข้าคู่กันอย่างสันติ
ทว่าทันทีที่มือทั้งสองข้างเข้ามาใกล้กัน โซ่เทวะกลับเหวี่ยงไปฟาดน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีป “เปรี้ยง” ฉับพลันแสงสีท่องพวยพุ่งอย่างรวดเร็วก่อนควบแน่นกลายเป็นกำแพงน้ำเต้าพุ่งโจมตีโซ่เทวะ วิญญาณยุทธ์ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือดราวกับพวกมันกำลังร้องตะโกนว่า ‘ตายซะ’
“ฟึ่บ”
ทว่าการตอบโต้ของวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะนั้นแข็งแกร่งกว่า โซ่ทั้งเก้าตวัดไปทั่วสารทิศก่อนพุ่งโจมตีน้ำเต้าทองอย่างพร้อมเพรียง “เปรี้ยง” ฉับพลันเถาวัลย์สีทองปรากฏขึ้นรอบน้ำเต้าก่อนบีบรัดโซ่เทวะด้วยหนามแหลมอาบยาพิษ โซ่เทวะคำรามกึกก้องไปทั่วบริเวณ พลังดวงดาราพลันควบแน่นบนโซ่ทั้งเก้า
“บัดซบ”
หลินมู่อวี่สบถออกด้วยความตกตะลึง นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านอาวุโสชวีฉู่ตั้งชื่อพลังโซ่เทวะของเขาว่าดาราโซ่เทวะ เพราะมันได้ผสานเข้ากับพลังดวงดาราอย่างสมบูรณ์
โซ่เทวะส่องแสงสว่างไสวพร้อมกับดวงดาราที่ปรากฏ
วิญญาณยุทธ์สามารถใช้พลังของเจ้านายได้เป็นแน่
ทว่าน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปยังไม่ยอมแพ้เช่นกัน หลังจากส่งเสียงร้องแสบแก้วหู แสงรอบน้ำเต้าพลันพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง พลังเจ็ดประทีปควบแน่นในชั่วพริบตา เกิดเป็นหนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!
“ตู้ม!”
แสงสว่างวาบไปทั่วทะเลจิต กลุ่มควันลอยคละคลุ้งจนบดบังทัศนียภาพจนหมดสิ้น สองวิญญาณยุทธ์เพื่อนยากทำให้ก้นบึ้งทะเลจิตแห่งนี้กลายเป็นสนามรบไปเสียแล้ว
ไม่นานนัก การต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
พลังดวงดาราปะทะสามประทีปทรกรรมชีวี!
หลินมู่อวี่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสเห็นภาพเบื้องหน้า ทั้งพลังดวงดาราและพลังเจ็ดประทีปต่างเป็นพลังของเขา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใช้พลังทั้งสองปะทะกัน ทว่าเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของเขา
“ฮึ่ม”
น้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าสังเวชพร้อมลอยกลับมาบนมือซ้ายของเขา ขณะที่โซ่เทวะบนมือขวาแลดูเหลือพลังล้นหลามจนอยู่ไม่สุข มันดีดดิ้นไปมาราวกับกำลังยั่วยุฝ่ายตรงข้าม
“ฟิ้ว”
น้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปหมุนอย่างรวดเร็วพร้อมเปิดปากออกกว้างและพยายามดูดโซ่เทวะเข้าไป น้ำเสียงคล้ายหลินมู่อวี่ดังแว่วออกมาจากปากน้ำเต้า “โซ่เทวะ จงยอมรับซะว่าเจ้าน่ะเป็นไอ้โง่”
ขณะเดียวกันเสียงของหลินมู่อวี่ก็ดังมาจากโซ่เทวะ “ไอ้น้ำเต้าเน่า รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
ทันใดนั้นแสงดวงดาวพุ่งทะยาน โซ่เทวะเปิดการโจมตีอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง พลังปัญจสวรรค์ตกลงมาจากฟากฟ้า
ขณะเดียวกันน้ำเต้าทองเปล่งแสงส่องสว่าง ดวงดาวมากมายตกจากฟากฟ้าพุ่งโจมตีโซ่เทวะ…เจ็ดประทีปพลิกดารา!
“ตู้ม”
ทะเลจิตซึ่งในขณะนี้เปรียบเสมือนสนามรบอันดุเดือดได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดจนสภาพพังยับเยิน เคราะห์ดีที่เป็นการต่อสู้ในทะเลจิตของเขา ในโลกแห่งความเป็นจริงการปะทะของพลังเจ็ดประทีปพลิกดาราและปัญจสวรรค์คงสร้างความเสียหายร้ายแรงเป็นวงกว้างมิน้อย
…
ณ โลกความจริง หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วแน่นขณะแสงวิญญาณยุทธ์พวยพุ่งรอบกาย ทันใดนั้นเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก ทว่ายังคงนั่งนิ่งและพยายามควบคุมวิญญาณยุทธ์ของตนต่อไป
ฉินฮั่นมองหลินมู่อวี่ก่อนผงกศีรษะแผ่วเบา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความนับถือ ชายหนุ่มผู้นี้มีสมาธิและความอดทนเป็นเลิศ
ดวงตาของฉินฮั่นเต็มไปด้วยความรักยามจ้องมองฉินอิน ในฐานะทายาทของตระกูล นางทะลวงสู่ขอบเขตนภาตั้งแต่อายุยังน้อย การทะลวงสู่ขอบเขตปราชญ์อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น…อีกทั้งฉินอินยังเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดที่ฉินฮั่นเคยพบเห็นในตระกูลฉิน ทว่าเมื่อนึกถึงทายาทหญิงรุ่นที่สองร้อยสามสิบเก้าของตระกูล ฉินฮั่นก็ถึงกับสั่นสะท้าน เขาส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วหวังขับไล่ความคิดที่หลอกหลอนดั่งฝันร้าย ผู้ใดจะคาดคิดว่าฉินอี้องค์จักรพรรดิผู้ก่อตั้งจะให้กำเนิดทายาทที่ชั่วร้ายเช่นนั้นได้
พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนรอบกายฉินฮั่นอย่างเชื่องช้า เขากล่าวออกอย่างผ่อนคลาย “อาอวี่ อย่าได้กังวลไป พลังของวิญญาณยุทธ์มีจำกัด เมื่อวิญญาณยุทธ์ทั้งสองหมดแรง เจ้าค่อยใช้วิธีที่ข้าสอนทำให้พวกมันปรับตัวและไว้วางใจซึ่งกันและกัน”
“อืม”
หลินมู่อวี่ได้เสียงของฉินฮั่นดังก้องในทะเลจิต เขาพยักหน้ารับและอดทนกับความเจ็บปวดอันแสนสาหัสต่อไปขณะเฝ้าดูวิญญาณยุทธ์ทั้งสองของตนต่อสู้กันในทะเลจิต แน่นอนว่านิสัยของวิญญาณยุทธ์จะเหมือนนายของมันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน พลังโซ่เทวะและน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องจนหลินมู่อวี่เริ่มท้อกับพละกำลังของพวกมัน
ไม่รู้ว่าเวลาล่วงไปนานเพียงใด ท้ายที่สุดพลังของมันทั้งสองก็หมดสิ้น พวกมันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา แสงของน้ำเต้าทองริบหรี่มากขณะที่โซ่เทวะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเคลื่อนไหวใด
ขณะนั้นหลินมู่อวี่ขยับแขนของตนสองสามคราก่อนยกยิ้ม “พวกเจ้าพอแล้วใช่หรือไม่? ถึงเวลาของข้าบ้างแล้วล่ะ”
วิญญาณยุทธ์ทั้งสองสั่นสะท้าน พวกมันต่างสงสัยว่านายของตนจะทำสิ่งใด
หลินมู่อวี่หมุนข้อมือก่อนกล่าวคำเบา “ตอนนี้พวกเจ้าต้องช่วยกันโจมตีข้า หากไม่สำเร็จ พวกเจ้าจะถูกตีแทน เข้าใจหรือไม่?”
น้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปเปล่งแสงส่องสว่างก่อนค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากโซ่เทวะอย่างไม่เต็มใจ
หลินมู่อวี่พุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมกับปล่อยหมัดใส่น้ำเต้าทอง เขายกขาเตะมันก่อนเรียกพลังโซ่ดวงดาวออกมารัดโซ่เทวะและเหวี่ยงหมัดไปสุดแรง ทว่าขณะที่ปล่อยลูกเตะอันรุงแรงใส่น้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีป เขากลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในร่างกายของตน…อย่างไรเสียพลังทั้งสองก็เป็นวิญญาณยุทธ์ในร่างของเขาเอง
ภาพที่เกิดขึ้นในทะเลจิตของหลินมู่อวี่จึงน่าขันไม่หยอก เขาต่อสู้กับวิญญาณยุทธ์ทั้งสองของตนจนน้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บปวด
…
ท้ายที่สุดเมื่อไม่อาจต้านทานพลังของหลินมู่อวี่ได้ น้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปและโซ่เทวะจึงรวมพลังกันเพื่อตอบโต้เขา พลังดวงดาราผนวกหนึ่งประทีปพิฆาตชีวันพุ่งตรงมาหาหลินมูอวี่
“พวกเจ้าหวังสูงเกินไป”
ฉับพลันหลินมู่อวี่เหวี่ยงหมัดเสียงปีศาจขึ้นไปกลางอากาศ
ขณะนี้พลังของร่างกายแข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณยุทธ์มากนัก หมัดพุ่งออกไปปะทะพลังดวงดาราและหนึ่งประทีปพิฆาตชีวันอย่างบ้าคลั่ง ทว่าการโจมตีครั้งนี้กลับทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงเช่นกัน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน วิญญาณยุทธ์อันแข็งแกร่งทั้งสองต่างปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ พวกมันพยายามตอบโต้นายของตนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ถูกหลินมู่อวี่จัดการเสียทุกครั้งไป
ทว่าแม้วิญญาณยุทธ์ทั้งสองจะจู่โจมเขาพร้อมกัน พวกมันกลับไม่ร่วมมือกันแต่อย่างใด
เหมือนว่าเขาคงต้องใช้เวลามากกว่าวันสองวันเพื่อให้วิญญาณยุทธ์ทั้งสองคุ้นเคยกัน
โซ่เทวะและน้ำเต้าอมตะเจ็ดประทีปต่างเป็นวิญญาณยุทธ์ชั้นยอด การลดทิฐิอันสูงส่งลงมาเพื่อปรับตัวเข้าหากันคงไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน
…
แสงรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามาในห้องใต้หลังคา หลินมู่อวี่กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เขาแทบไม่หลงเหลือพละกำลังอยู่ในร่างกายและไม่สามารถสัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์ทั้งสองได้อีกต่อไป ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนส่ายศีรษะ “ท่านบรรพบุรุษ ข้าทำเต็มที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
ฉินฮั่นยิ้ม “อืม กลับไปพักผ่อนก่อนให้เต็มที่เถิด ไว้คืนนี้ข้าจะสอนเจ้าพร้อมกับฉินอิน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอินค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากฝึกฝนมาหนึ่งคืนเต็ม ดวงตาของเธอเปล่งประกายอย่างสดใส เห็นได้ชัดว่านางมีพัฒนาการที่ดีมาก ขณะนั้นนางเหลือบไปเห็นหลินมู่อวี่ที่มีสภาพสะบักสะบอม “พี่อาอวี่ ทะ…ท่าน เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?”
หลินมู่อวี่จับหน้าอกของตนก่อนกล่าวตอบ “นี่เป็นราคาที่ต้องจ่ายในการผสานวิญญาณยุทธ์ เสี่ยวอิน ช่วยพยุงข้าที ข้าไม่มีแรงแล้ว”
“อืม…”
ฉินอินรีบพาดแขนของหลินมู่อวี่บนไหล่ของตนก่อนพยุงเขาขึ้น นางยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ก่อนกล่าวออก “น่าสงสารนัก คืนนี้ท่านพักที่จวนหงส์ไฟแล้วกัน ท่านจะได้มาฝึกตอนกลางคืนได้สะดวก”
“อืม ให้คนไปส่งข้าที่จวนหน่อยเถิด”
“อื้ม”
………………………………….