The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - ตอนที่ 469 เปลวเพลิงมังกรทอง
EP.469 เปลวเพลิงมังกรทอง
ณ เขตจี้จวินทางใต้ของป่าล่ามังกร ที่ซึ่งเป็นเขตขนาดเล็กและมีประชากรน้อยกว่าห้าหมื่นคน
ดวงดาวสว่างไสวเต็มฟากฟ้าในยามค่ำคืน กองทหารแห่งจักรวรรดิรวมตัวกันในพื้นที่โล่งตอนเหนือของเขต พวกเขาช่วยกันตั้งกระโจมพักจนมีแสงไฟสว่างไสวทั่วบริเวณ การมีองค์จักรพรรดินีมาเยือนสถานที่แห่งนี้เป็นโอกาสหายาก ทำให้เหล่าชาวเมืองต่างปลื้มปีติ
…
ฉินอินและถังเสี่ยวซีอยู่ในจวนเจ้าเมืองของมณฑล ขณะที่จางเว่ยนำกองทัพแห่งจักรวรรดิดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณ
“ฝ่าบาท อาหารเหล่านี้เป็นอาหารจานพิเศษของเขตจี้จวินของเรา นี่คือขาหมูภูเขาผัดพริกเกลือที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขต ส่วนจานนี้คือสตูว์เนื้อเก้งแสนอร่อย และนี่คือเกี๊ยวเนื้อแบดเจอร์ ทรงเพลิดเพลินกับอาหารมื้อพิเศษนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ว่าการเขตกล่าวอย่างกระตือรือร้นพร้อมโค้งคำนับ ก่อนจะหันมองชายชราด้านข้างและกล่าวว่า “ท่านชวีฉู่…ท่านเองก็สามารถทานอาหารเหล่านี้ได้ขอรับ หาอาหารในป่าล่ามังกรมานาน คงไม่ได้ทานอาหารอร่อยเช่นนี้”
ชวีฉู่พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ให้องค์จักรพรรดินีและองค์หญิงเสวยอาหารเถิด หากมีสิ่งใดข้าจะไปเรียกท่านเอง”
“ขอรับ”
ผู้ว่าการถอยออกไป
ฉินอินค่อยๆ นั่งลง นางหยิบสารออกจากแขนขึ้นดูอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ขณะที่ถังเสี่ยวซีกล่าวอย่างหงุดหงิด “นี่เป็นครั้งที่สามร้อยกว่าแล้วที่เจ้าอ่านสารแผ่นนั้นตั้งแต่บ่ายกระทั่งตอนนี้…”
ฉินอินยิ้ม “ข้ามีความสุขมาก”
ชวีฉู่เผยยิ้ม “หลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิงร่วมมือกันทำให้น้ำท่วมทุ่งอัคนีและสังหารอสูรเกราะมากกว่าหกหมื่นตัวในครั้งเดียว ซึ่งเป็นศึกที่พลิกชะตาของจักรวรรดิและคุ้มค่าที่จะเลี้ยงฉลอง พระองค์เสวยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เราจะออกเดินทางไปหาอาอวี่และเฟิงจี้สิงในช่วงเช้า พระองค์ทรงได้รับผืนแผ่นดินคืนแล้ว เช่นนั้นทรงพักผ่อนให้เพียงพอ”
“อื้ม” ฉินอินหยิบตะเกียบคีบเนื้อลงบนจานถังเสี่ยวซีพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวซีก็กินเยอะๆ ล่ะ เจ้ามีกองกำลังที่ยอดเยี่ยมที่สุด และจะได้รับภารกิจกอบกู้แผ่นดิน”
ถังเสี่ยวซีกล่าวด้วยใบหน้างาม “เสี่ยวอิน เจ้าดูแลข้าดีถึงเพียงนี้…หากมู่มู่มาเห็นจะคิดอย่างไร”
ฉินอินอดไม่ได้ที่จะตอบกลับมุกตลก “ไม่รู้สิ พี่อาอวี่อาจจะโกรธก็ได้”
ชวีฉู่เพียงนั่งมองอย่างเงียบงัน
“จริงสิ ท่านผิงหนานโหวไปไหน?” ฉินอินเอ่ยถาม
ชวีฉู่ประสานหมัดกล่าว “เซี่ยงอวี้นำทหารเกือบแสนนายออกจากป่าล่ามังกรในตอนเช้าตรู่เมื่อวานนี้เพื่อไปยังกำแพงเหล็กพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วขณะนี้เราเหลือกองกำลังเท่าใด?”
ชวีฉู่คร่ำครวญ “ผู้บัญชาการซูอวี่ยังคงควบคุมกองทัพเมืองหยาดสายัณห์หนึ่งแสนนาย ขององค์หญิงเสี่ยวซีอีกเกือบหนึ่งแสนนาย เมื่อรวมกองกำลังของจางวเหว่ย เหยาหยวน และคนอื่นๆ เรามีกองกำลังราวสองแสนสี่หมื่นนายพ่ะย่ะค่ะ ส่วนใหญ่เป็นทหารที่คัดเลือกจากเขตและมณฑลต่างๆ ที่เดินทางผ่าน แต่พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ฉะนั้นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดจึงเป็นขององค์หญิงซี ซึ่งมีกองทัพอสูรห้าหมื่นตน และกองทัพมังกรผงาดสี่หมื่นห้าพันนาย”
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวซีจะต้องเป็นกองกำลังหลักจริงๆ”
“อื้ม ข้าจะเป็น” ถังเสี่ยวซีมองจานอาหารอย่างเงียบงันก่อนจะกล่าวว่า “มู่มู่คงคิดเช่นเดียวกันตอนที่ให้ข้ายืมกองกำลังหลักของกองทัพมังกรผงาด”
…
ขณะที่กำลังทานอาหาร จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอินขมวดคิ้วถาม
จางเหว่ยถือดาบรีบวิ่งเข้าพร้อมประสานหมัดกล่าว “ฝ่าบาท กองทัพอสูรเกราะปรากฏตัวขึ้นทางทิศตะวันออกของเขตและกำลังโจมตีเมือง พวกมันมีจำนวนราวสองหมื่นตน ขณะนี้ผู้บัญชาการซูอวี่กำลังนำทัพต่อต้านไว้ ฝ่าบาททรงรีบหลบหนีเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอสูรเกราะสองหมื่นตนงั้นรึ?” ฉินอินลุกขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น? กองกำลังหลักของเฉียนเฟิงอยู่ในมณฑลชางหนานไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นจะปรากฏตัวในมณฑลเทียนชู่ได้อย่างไร?”
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่กองทัพอสูรเกราะเหล่านี้ดูไม่เหมือนว่าเป็นกองทัพของเฉียนเฟิง เนื่องจากอสูรระดับห้าดาวเป็นผู้นำทัพมา กระหม่อมเกรงว่า…ผู้บัญชาการซูอวี่คงไม่สามารถต้านทานไว้ได้นาน”
ฉินอินทราบถึงพลังของกองทัพอสูรเกราะดี กระนั้นกล่องลูกศรและเครื่องยิงของซูอวี่ถูกทำลายหมดแล้ว อีกทั้งกำแพงเมืองสูงเพียงห้าเมตรและทำจากดินซึ่งไม่สามารถรับการโจมตีได้มาก เช่นนั้นแม้จะมีกองทัพเมืองหยาดสายัณห์หนึ่งแสนนายของซูอวี่ ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีที่บ้าคลั่งของอสูรเกราะได้
“ข้าไม่ไป”
ฉินอินสูดลมหายใจจนภูเขาบนหน้าอกกกระเพื่อมเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “เสี่ยวซี นำกองทัพมังกรผงาดเข้าร่วมต่อสู้กับข้า ป้าอวี่ไม่สามารถต้านทานพวกปีศาจได้ตามลำพังเป็นแน่ ท่านอาวุโสฉู่โปรดตามข้าไปด้วยเถิด เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นอสูรระดับห้าดาว พวกเราจำเป็นต้องพึ่งพาพลังของท่าน”
ชวีฉู่ประสาน “รับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
…
เสียงเกือกม้าดังก้องภายใต้แสงดาว ขณะที่ม้าศึกวิ่งไปทางตะวันออกของเขตจี้จวินซึ่งมีเปลวเพลิงลุกโชนสว่างไสว ดูเหมือนว่าซูอวี่จะโจมตีอีกฝ่ายด้วยไฟ แต่กลับไม่ได้ผลดีนัก เนื่องจากอสูรเกราะสามารถกระโดดข้ามแนวเพลิงเข้ามาฟาดฟันโล่หนักของทหารเมืองหยาดสายัณห์
“สกัดไว้ ห้ามถอยเด็ดขาด!” ทหารเมืองหยาดสายัณห์ตะโกนเสียงดัง
แต่การป้องกันต้องแลกมาด้วยการเสียสละ ทันใดนั้น! กลุ่มพลโล่แนวหน้าถูกฆ่าฟันอย่างรวดเร็วภายใต้ความมืดมิด พวกมันสวมชุดสีดำเพื่ออำพรางตนและลอบสังหาร
เมื่อฉินอิน ถังเสี่ยวซี ชวีฉู่ และจางเหว่ยมาถึงสนามรบ เหล่าทหารต่างแสดงความประหลาดใจ “ฝะ…ฝ่าบาทเสด็จมาสนามรบ…”
ทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้มากนัก
ถังเสี่ยวซีโบกมือออกคำสั่ง “กองทัพมังกรผงาดเตรียมศรเศวตรมณีช่วยกองทัพเขี้ยวกระบี่”
“ขอรับ!”
ทหารกองทัพมังกรผงาดพลันยกคันศรขึ้นและยิงออกไป มันได้ผลที่น่าทึ่งมาก เหล่าอสูรเกราะล้มลงกับพื้นพร้อมส่งเสียงโหยหวนน่าสังเวช ซึ่งแตกต่างจากลูกศรธรรมดาที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ให้อีกฝ่ายเลย
ฉินอินลงจากหลังม้าและก้าวไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้าจนรองเท้าเหยียบลงบนแอ่งน้ำสีเลือด นางชักกระบี่จื่อยินออกมาพร้อมปลดปล่อยพลัง ทันใดนั้น! แสงสีทองรูปมังกรปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นทักษะสยบมังกรขั้นแรก “ชิ้ง!” นางร่ายรำกระบี่ขณะที่แสงสีทองของโซ่เทวะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรงจนอสูรเกราะกว่าสิบตัวถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา
“ฝ่าบาท…”
“ทรงพระเจริญ”
“จักรวรรดิจะได้รับชัยชนะ”
กลุ่มทหารแห่งจักรวรรดิส่งเสียงร้องยินดี แต่ดูเหมือนการโจมตีเมื่อครู่จะดึงดูดความสนใจของบางคนที่อยู่ห่างออกไปจากเหล่าอสูรเกราะ ชายชราชุดดำห้าคนนั่งมองบนหลังม้า แต่ละคนมีตราอสูรระดับห้าดาวติดไว้ที่หน้าอก ชายชราเคราสีแดงพลันกล่าวขึ้น “วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะของมนุษย์…อืม เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ของจักรพรรดิ”
ชายชราคนหนึ่งกล่าว “ผู้อาวุโสฉือจีไม่ต้องการเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีมนุษย์หรือ?”
ฉือจีหัวเราะ “ผู้อาวุโสจินหวงอย่าดูถูกพวกมนุษย์นัก แม้ฉินอินไม่ได้เก่งกล้า แต่ติ่งอัคนีที่อยู่ข้างนางแข็งแกร่งมาก แม้แต่ข้าหรือท่านก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
แววตาจินหวงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “หุบปาก องค์จักรพรรดิปีศาจส่งพวกเราทั้งห้าเข้าร่วมกับเฉียนเฟิงเพื่อหาโอกาสตัดหัวฉินอิน และตอนนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว ข้า ผู้อาวุโสซงหมี่ และผู้อาวุโสโจวถันจะออกไปสกัดกั้นชวีฉู่ด้วยกัน ส่วนท่านและผู้อาวุโสหลันฝู่ออกไปสังหารฉินอิน ตกลงหรือไม่? ท่านเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่งจากทั้งหมดสิบห้าคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากองค์จักรพรรดิ อีกทั้งยังมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา เช่นนั้นท่านคงไม่กลัวใช่หรือไม่?”
“ฮ่าๆๆ”
ฉือจีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้าไม่ต้องกล่าวยียวนข้า ออกไปจัดการฉินอินและรอรับรางวัลด้วยกันเถิด”
“อืม”
“ฟุ่บ” เงาสีดำทั้งห้าเคลื่อนตัวออกไป แม้อสูรระดับห้าจะไม่สามารถบินได้ แต่พวกเขาก็ทะยานอยู่ในอากาศชั่วขณะหนึ่ง ฉือจีพลันควบแน่นพลังสีแดงบนฝ่ามือพร้อมคำราม “ตายซะฉินอิน!”
“ระวัง!”
ถังเสี่ยวซีกัดฟันพร้อมเปลวเพลิงลุกโชนทั่วกาย ทันใดนั้นนางก็เปลี่ยนเป็นร่างจิ้งจอกเก้าหาง แต่ฉินอินกลับกระโดดออกไปขวางด้านหน้าถังเสี่ยวซีอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แสงสีทองของโซ่เทวะจะส่องประกายควบแน่นอยู่บนหน้าอก ทักษะสยบมังกรขั้นที่สาม…โล่มังกรศักดิ์สิทธิ์!
“ตูม!”
ฉือจีกวัดแกว่งมือซ้ายที่ปกคลุมไปด้วยพายุปราณกระแทกบนโล่มังกรจนระเบิดออกรุนแรง ร่างกายฉินอินสั่นสะท้านเล็กน้อย ขณะที่โล่มังกรศักดิ์สิทธิ์และโซ่เทวะแตกกระจายกลายเป็นแสงสีทองรอบบริเวณ หากวิญญาณยุทธ์ถึงขั้นแตกสลาย เช่นนั้นจะหมายความว่าทะเลปราณของผู้ใช้ได้รับความเสียหายในระดับหนึ่ง กระนั้นฉินอินไม่ใช่คนขลาด นางพลันควบแน่นพลังเป็นรูปร่างเงามังกรสีแดงเพลิงพร้อมเสียงดังหวีดหวิว
ทักษะสยบมังกรขั้นที่สี่…เปลวเพลิงมังกรทอง!
แม้ฉือจีจะไม่รู้ว่าวิทยายุทธ์นี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังทำลายล้างของมัน เขาพลันกระแทกฝ่ามือขวาลงไปอย่างรวดเร็ว
“ตูม!”
พลังทั้งสองปะทะกันจนระเบิดรุนแรง ทำให้ทุกคนรอบข้างถอยหลังไปหลายก้าว
ไม่ไกลออกไป ชวีฉู่เรียกติ่งอัคนีออกมาพร้อมเปลวพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาขณะที่ต่อสู้กับอสูรระดับห้าดาวทั้งสาม พลังฝ่ามือของเขาระเบิดออกมาพร้อมผนึกไฟ รอบบริเวณอบอวลไปด้วยพลังปราชญ์แห่งปีศาจ ทั้งสามจึงร่วมมือกันโจมตีและหลบหลีกอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ชวีฉู่ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่และไม่สามารถจัดการคนใดคนหนึ่งได้
“พรึ่บ!”
เปลวเพลิงปกคลุมทั่วร่างกายถังเสี่ยวซี ขณะที่หางทั้งเก้าแกว่งไกวเล็กน้อย ใบหน้างามเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางกระโดดเข้าไปต่อสู้กับหลันฝู่พร้อมส่งฝ่ามือกระแทกหน้าอกอีกฝ่าย…ผนึกวิญญาณ!
“ตูม!”
แม้หลันฝู่จะปกป้องตนเองด้วยพลังปราชญ์แห่งปีศาจ แต่เขาถูกแรงระเบิดกระแทกใส่จนกระอักเลือดและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เป็นสาวน้อยที่น่าทึ่งจริงๆ ข้าชอบ!”
เปลวเพลิงยังคงลอยวนรอบกายถังเสี่ยวซี ก่อนที่มันจะลุกโชติช่วงทั่วท้องนภาพร้อมพุ่งไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว…ผนึกดวงดารา!
“ดี!”
หลันฝู่ยกฝ่ามือขึ้นปลดปล่อยพลังปราชญ์แห่งปีศาจพวยพุ่งทำลายผนึกดวงดาราทันที แต่เมื่อเขาก้มหัวลงก็พบรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้างามของถังเสี่ยวซี “เปรี้ยง!” รองเท้าของเด็กสาวร่างเล็กปกคลุมไปด้วยไฟเตะเข้าที่เอวอย่างรุนแรง แม้จะเป็นการโจมตีที่เรียบง่ายที่สุด แต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดเช่นกัน
…
การที่อสูรระดับห้าดาวทั้งห้าตนโจมตีพร้อมกัน ดูเหมือนเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้เหล่าอสูรเกราะ จากนั้นพวกมันโบกสะบัดหอกและขวานอย่างบ้าคลั่งเข้าใส่กองทัพของซูอวี่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้กองทัพมนุษย์ต้องพบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
จู่ๆ เสียงเกือกม้าดังกังวานจากระยะไกลภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง ก่อนจะมีเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้น “กองทัพเสินเวยเข้าล้อมสังหารพวกมันเพื่อเสริมกำลังองค์หญิง!”
แสงจันทร์สาดส่องธงรบที่ปลิวไสว ทำให้เห็นเปลวเพลิงสีทองที่อยู่กลางธง
กองทัพเสินเวยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!
……….……….……….……….