Tensei Shite Inaka De Slowlife Wo Okuritai - ตอนที่ 1 ตุย และจากนั้น...
ว่ากันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีพระเจ้าสถิตอยู่ในสถานที่และสิ่งของหลากหลาย
ภูเขา, ทะเล, ดิน, น้ำ, ไฟ, และสิ่งอื่นอีกมากมาย
เหมือนว่าจะรวมไปถึงในห้องน้ำด้วยช่วงนี้
ขนาดสิ่งที่ธรรมดาพวกนั้นยังมีพระเจ้าสถิตอยู่เลย
มันจะยังมีที่ๆไม่มีพระเจ้าอยู่มั้ยหละเนี่ย?
ดีไม่ดีบนโลกนี้อาจจะมีพระเจ้าเยอะกว่ามนุษย์แล้วด้วยซ้ำ
แต่แม้ว่าทุกคนรู้จักพระเจ้า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเคยเคยเจอตัวเป็นๆเลย
ชั้นก็เหมือนกัน แน่นอนว่าไม่เคยเจอมาก่อนเลย
มีไว้เพื่อสักการะบูชาเท่านั้นโดยไม่มีใครสามารถเจอได้ เป็นตัวตนแบบนั้นแหละ
เพราะแบบนั้นเลยเป็นพระเจ้าไม่ใช่หรือไง?
แต่ว่า, ชั้นในอายุ 27 ปีก็ได้เจอเข้าแล้วหละ
ในพื้นที่ที่ว่างเปล่า
กับพระเจ้านั่นแหละ
#
ชั้นชื่ออินากะ ยูจิ, อายุ 27, โสด, มนุษย์เงินเดือนบริษัทขายอาหาร
ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแฟนด้วยซ้ำ อาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนต์
ก็ไม้ได้เจ็บใจขนาดนั้นนะ? เวลาเห็นคู่รักวัยรุ้นในเมืองมันก็ไม่ได้เจ็บใจขนาดนั้นนะ? จริงๆนะ?
ขนาดชั้นนะ ถ้าอยากมีจริงๆหละก็…
ตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนหวังสูงอยู่แล้ว เข้าเรียนโรงเรียนค่อนข้างดี เรียนต่อที่มหาลัยค่อนข้างดีเหมือนกัน
ได้ใช้ชีวิตมหาลัยอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้ลำบากด้วย
ไม่มีอะไรที่เสียดายนะ
จากนั้นก็ได้งานที่บริษัทขายอาหารระดับกลาง
ส่วนตัวชอบทำอาหารมานานแล้ว การอยู่คนเดียวก็ทำให้ต้องทำอาหารเองเรื่อยๆอีก เพราะมีความสนใจด้านการทำอาหารในระดับนึงนี่แหละ เลยทำให้ทำงานนี้ได้เรื่อยๆ
แล้วก็ทำงานนี้ไป 5 ปี
คิดดูแล้วไม่รีบทุ่มตัวกับงานเกินไปหรอเนี่ย?
ปกติแล้วชั้นชอบขี้เกียจแต่ช่วงนั้นบริษัทกำลังยุ่งพอดี
ตั้งแต่เช้าจนค่ำชั้นต้องวิ่งงานหลายที่เลย
ถึงกับต้องอดข้าวอดนอน
และถึงแม้ว่าจะหมดแรงในตอนท้าย แต่ก็ผ่านสัปดาห์นรกนั้นมาได้
ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงที่บริษัทกำลังขยายขนาด
ช่วงยุ่งก็เลยต้องดำเนินต่อไปก่อน
ก็เข้าใจหรอกว่านี่เป็นโอกาสของบริษัท แต่งานมันก็ยุ่งเกินไปอยู่ดี
เพื่อนร่วมงานที่ล้มป่วยไปแล้วก็มี, ชั้นเองถ้าจัดตารางงานพลาดก็น่าจะเป็นสภาพเดียวกัน
โชคดีที่บริษัทนี้ไม่ใช้บริษัทมืด, ดูเหมือนว่าพวกที่ป่วยจะสามารถพักพ่อนได้ตามที่ควร
“…..โธ่เว้ยไม่อยากทำงานนี้แล้ว กลับไปบ้านเกิดดีกว่า”
ในขณะที่จิตใจมืดหมองจากการทำงงานหนักเกินไปและกำลังเดินกลับบ้าน-
*บรึ้นนนนนนนนนนนนนนนนนน!*
ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เสียงดัง
“…..อะไรกันรถบรรทุกเอง”
แล้วชั้นก็เริ่มเดินต่อ
“เห้ย!อันตราย!”
มีใครมาตะโกนอะไรก็ไม่รู้
น่ารำคาญจัง ทางนี้เหนี่อยแล้วอยากรีบกลับบ้านไปนอน
“อันตรายว้อย! ระวัง-“
มันยังตะโกนอยู่เลย มีอะไรนักหนานะ?
ตอนที่หันหลังกลับไปข้างหน้าก็มีรถบรรทุกกำลังวิ่งเข้ามา
“เอ๊ะ?”
โลกทั้งใบหยุดนิ่ง รถบรรทุกค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฉากที่คนโดนรถชนก็เห็นบ่อยๆบนทีวี ก็คิดว่าพวกเค้าน่าจะหลบพ้นนะ
แต่ขนาดรถแบบนี้คงหลบไม่พ้น ยิ่งด้วยสภาพร่างกายตอนนี้หลบไม่ไหวแน่
ตรงที่นั่งคนขับมีชายวัยกลางคนหลับในอยู่
นายก็โหมงานหนักเกินไปด้วยงั้นหรอ
ชั้นหวังว่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเกิดเป็นการเมาแล้วขับแล้วต้องมารับกรรมแทนคนอื่นที่ไม่เอาด้วยนะ
ขณะที่คิดอย่างนั้นรถบรรทุกก็พุ่งเข้ามาข้างหน้าด้วยแรงมหาศาล
ก็มีราวกันข้างหน้านะ…แต่มันไม่ได้ช่วยเลยไม่ใช่หรอเนี่ย!
อา, ทำงานหนักไปสินะ ถ้าสภาพร่างการพร้อมอาจจะรู้ตัวตั้งแต่มีคนเตือนรอบแรกแล้วหลบทันก็ได้
ถ้าแค่ไม่ได้ทำงานหนักไป ก็คงไม่ต้องกลับดึกขนาดนี้ด้วย
เฮ้อ เหนื่อยจัง
ถ้าเกิดใหม่ได้ จะขอใช้ชีวิตสบายๆในชนบทละกัน
หลังจากนั้นชั้นก็โดนชน……แล้วก็ตาย.
#
อ่า, อุ่นจัง
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอพื้นที่ที่ว่างเปล่า พื้นสีขาวที่ดูเหมือนจะยาวต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มองไม่เห็นกำแพง และไม่เข้าใจด้วยว่ามีอะไรอยู่ต่อจากแสงสีขาวนี้
รู้อย่างเดียวว่ามีสติของอินากะ ยูจิอยู่ที่นี่
สวรรค์? นรก? หรือว่านี่คือชีวิตหน้ากันนะ?
“โห้? ช่างน่าแปลก”
มีคำถามพุดขึ้นมาเต็มไปหมด จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนแก่จากที่ใหนก็ไม่รู้
“……ใครน่ะ? อยู่ที่ใหน?”
“นั่น, ไม่ต้องแตกตื่นไป”
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างหลัง ชั้นก็หันไปแล้วพบกับลุงแก่ที่มีเคราสีขาว
เค้าใส่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเสื้อคลุมสีขาวและถือไม้ท้าวในมือ
……..ก็ลุงแก่คนนึง?
“เจ้ามาที่นี่จากที่ใด”
“…นอกจากญี่ปุ่นแล้วจะเป็นที่ใหนบนโลกอีกหละ”
“โลกสินะ!…….รอเดี๋ยวนะ”
หลังชั้นตอบไปตามนั้น ลุงก็เริ่มเอามือแตะหน้าผากตัวเอง
แก่จริงๆสินะ ลุงคนนี้โอเคมั้ยเนี่ย?
“ทั้งหยาบคายทั้งกระปรี้กระเปร่าเลยนะเจ้าเนี่ย!…ฮึ่ม เจ้าคืออินากะ ยูจิสินะ”
เอ๊ะ? อ่านใจได้งั้นหรอ? เป็นแบบพระเจ้าหรือไงเนี่ย แล้วรู้ชื่อชั้นได้ยังไง?
“อึ้ม ถูกต้อง มนุษย์ญี่ปุ่นเรียกข้าว่าพระเจ้า! ดูจากชื่อแล้วน่าจะรู้จักข้าดีสินะ!”
“…”
จริงหรอเนี่ย
“หืม? ไม่เชื่ออย่างนั้นรึ?”
“ไม่ๆๆ เชื่อสิครับเชื่อสิครับ!”
“ที่คิดในใจเมื่อครู่คือความจริงไม่ใช่รึ”
“สถานที่นี่รวมกับที่อ่านใจได้ก็พิสูจน์พอแล้วหละครับ”
“หืม เอาเถอะข้าก็ไม่สนหรอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ มาคุยเรื่องสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ดีกว่า”
“ครับ”
หลังชั้นตอบไปท่านพระเจ้า(?)ก็กระแอมและเริ่มพูด
“อา ก่อนอื่นเจ้าหน่ะได้ตายไปแล้วบนโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าก็จำได้ใช่มั้ย”
“ครับ จะว่าไปตอนนั้นชั้นก็ตายไปแล้วจริงๆ”
อึ้ม ตายอย่างไม่ต้องสงสัย จากรถบรรทุกคันใหญ่นั่นแหละ
“พูดกันตามจริงมันควรจะเป็ฯไปตามกฏของโลก ถึงจะมีหลายกฏก็เถอะ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างวิญญาณของเจ้าดันมาอยู่ที่อีกโลกหนึ่ง หรือสิ่งที่โลกเจ้าเรียกว่าต่างโลกนั่นแหละ”
“…ต่างโลก?”
“ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยหละ เมื่อมาถึงแล้วเจ้าก็กลับไปไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าต้องเกิดใหม่ที่โลกนี้แทนแล้วหละ”
…จริงหรอเนี่ย ไม่มันใจเลยว่าจะอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยมอนส์เตอร์ได้
ก่อนอื่นเลยเป็นโลกที่มนุษย์สามารถอยู่รอดได้รึเปล่า
“อา เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก มีมนุษย์ธรรมดาอยู่เหมือนโลกนั่นแหละ มีอสูรอยู๋นิดหน่อยแต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก”
“ไม่สิๆ ไม่ใช่ว่านั่นแย่แล้วหรอ”
“ถึงวิทยาศาสตร์จะพัฒนาไม้ได้ไกลแต่เป็นโลกที่มีเวทมนตร์แทนหละ”
อะ โดนเมินซะแล้ว
“…เวทมนตร์สินะ”
ทั้งๆที่อยากใช้ชีวิตหน้าแบบสบายๆแท้ๆ
ซ้ำยังต้องเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมนั้นอีก…
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก…สำหรับตัวอย่า-…หนูทดลอ-…มนุษย์คนแรกที่ได้ไปต่างโลกจะทำให้ชีวิตได้ง่ายขึ้นหน่อยละกัน”
“เมื้อกี้บอกว่าเป็นตัวอย่างบ้าง เป็นหนูทดลองบ้างสินะ?”
คนๆนี้พูดอะไรออกมาด้วยรอยยิ้มหนะ!
“คิดไปเองหรอกนะ เอาเถอะตอนนี้กระบวณการเกิดใหม่กำลังเริ่มแล้ว นี่หน่ะหยุดไม่ได้หรอก”
อา…ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ ปล่อยเรื่องนั้นไว้แล้วใช้ชีวิตอย่างสนุกดีกว่า
เหมือนบอกว่าจะทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นด้วยหนิ
“เอ่อ ที่บอกว่าง่ายขึ้นเนี่ยหมายความว่ายังไงนะ?”
“เดี๋ยวคุยตอนนี้น่าจะเร็วเกินไปหนะ”
“อา นั่นสินะ”
เรื่องนั้นคงช่วยไม่ได้ ไม่ว่ายังไงชั้นก็จะใช้ชีวิตสบายๆอยู่ดี แล้วชั้นก็จินตนาการถึงชีวิตหน้าสบายๆ
“ฮึ่ม สำหรับชนชั้นที่จะไปเกิด ตอนนี้ก็มีเจ้าชายลำดับที่ 3 หรือลูกชายคนโตของดยุค”
เหมือนจะมีเรื่องยุ่งยากอีกแล้ว เห้ย มีพวกราชวงศ์กับขุนนางก็มีงั้นหรอ
“สำหรับพลังก็ อุตส่าห์ต้องลำบากไปเกิดใหม่ทั้งทีจะให้พวกความสามารถในการใช้เวทมนต์ แล้วก็เวทมนต์โบราณ 1 แบบไปละกัน”
โอ้~, ท่านพระเจ้าช่างใจกว้าง แต่ว่าเป้าหมายของชั้นหนะมีแค่อย่างเดียว
“พอดีอยากใช้ชีวิตแบบสนุกๆสบายๆแถวชนบทหน่ะครับ…พอจะมีที่แบบนั้นมั้ยเอ่ย”
“ฮื๊ม? ที่แบบนั้นดีแล้วรึ”
“ครับ แบบนั้นแหละดีแล้วครับ”
“ถ้าเช่นนั้น เป็นลูกชายคนที่ 2 ของเจ้าเมืองของหมู่บ้าน[โคเลียต] ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติก็แล้วกัน”
“ขอตามนั้นเลยครับ”
“เช่นนั้น จะให้พลังอะไรเป็นของขวัญดีหละ? อยากใด้พลังแบบใดรึ?”
“ขอคิดก่อนซักครู่ได้มั้ยครับ”
“ข้าไม่ว่า”
พลังแบบใดหรอ
เวทมนต์……เวทมนต์อลังการแบบในเกม? ฟื้นฟู? ป้องกัน? ใช้พลังเวทไรงี้?
ไม่ๆ อะไรแบบนั้นไม่ดีแน่ๆ ชั้นอยากใช้ชีวิตแบบสบายๆนะ
บ้านเกิดเป็นแถวชนบท แล้วก็เป็นลูกชายคนที่ 2
ลองจินตนาการดูกัน
อย่างน้อยต้องป้องกันตัวเองได้ เรื่องความสามารถในการใช้เวทเดี๋ยวก็คงใช้ได้แหละถ้าพยายามมากพอ
เรื่องชนบท เจ้าเมืองคงมีเวลาเยอะแหละ
ถ้างั้นก็ อาจจะดูเว่อเกินแต่ลดความลำบากในการอยู่บ้านนอกให้น้อยลงดีกว่า
บ้านนอก…บ้านนอก
เริ่มจากไล่ข้อดีก่อนละกัน
อย่างแรกคือพื้นที่กว้าง ธรรมชาติเยอะแล้วสีเขียวดูสวย สมบูรณ์แบบสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
นอกจากนั้นก็ๆ อาหารสดใหม่ อากาศสดชื่น ฤดูร้อนตอนเย็นก็เย็นสบาย มองเห็นดาวตอนกลางคืนด้วย แถมมีชาวบ้านที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีก
อืม~ จะข้อใหนก็หาไม่ได้ในตัวเมืองเนอะ อยากลองสัมผัสจังเลยน้า
อย่างอื่นก็มีในเมืองอยู่แล้ว, ข้อดีคงจะประมาณนั้นหละมั้ง?
คราวนี้มาดูข้อเสีย
ค้าจ้างถูก คนแก่เยอะ ขาดแคลนหมอ สัตว์ป่าอาจจะก่อปัญหาแบบพวกลิงกับหมูป่า ภัยธรรมชาติแสนน่ากลัว แล้วก็…การเดินทางสินะ
ที่พูดมาฏ้ที่เจอในญี่ปุ่นหน่ะนะ อาจจะไม่เหมือนกับในต่างโลกก็ได้
ก็เป็นสถานที่ประมาณนี้แหละมั้ง?
อึ้ม อย่างที่คิดปัญหาใหญ่ที่สุดคือการเดินทางสินะ น่าจะไม่มีพวกจักรยานหรือรถด้วยสิ
เวทมนต์เดินทาง? เคลื่อนที่…เคลื่อนย้าย…วาร์ป?
มีมั้ยนะเวทมนต์แบบนั้น
“ขอโทษนะครับ ท่านพระเจ้า”
ตอนที่มองรอบๆหลังเรียกหาพระเจ้าก็เจอกับเสื่อทาทามิธรรมดากลาางอยู่พร้อมกับพระเจ้าที่วางศอกไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นขณะกำลังเคี้ยวข้าวเกรียบในปาก
“หืม? เลือกได้แล้วรึ”
แล้วท่านก็ยืนขึ้นพร้อมกับจิบชาไปด้วย
อะ โต๊ะญี่ปุ่นหายไปแล้ว
“มีเวทมนตร์ที่ทำให้เคลื่อนที่พริบตาหรืออะไรทำนองนั้นมั้ยครับ”
“อึ้ม, เวทมิติสิน้อ? ถ้าเช่นนั้นการเคลื่อนที่พริบตาก็คงจะเป็นไปได้ เป็นหนึ่งในเวทมนตร์โบราณหนะ”
“งั้นขอเป็นเวทมิติได้มั้ยครับ?”
“ฮึ่ม เจ้านี้ก็แปลกเหมือนกันน้อ ข้านึกว่าเจ้าจะขอเป็นพวกมหาเวทซะอีก”
“เวทมิติมันสามารถใช้เคลื่อนที่หนีตอนฉุกเฉินได้หนะสิครับ แถมการสามารถไปที่ๆไกลออกไปในชั่วพริบตายังทำให้การไปซื้อของหรือหาเงินง่ายด้วย จะหาหมอก็ต้องเข้าเมืองอีก แล้วคงจะลำบากแน่ๆถ้าพวกเกลือกับน้ำตาลหมดบ้าน”
“ข้าเข้าใจแล้ว น่าก็เพื่อให้การอยู่บ้านนอกสะดวกขึ้นสินะ งั้นอีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้ไปเกิดใหม่แล้วหละ”
“ครับ งั้นขอฝากด้วยครับ”
“ข้าจะทำให้แน่ใจว่าจะเกิดใหม่ได้อย่างราบรึ่นก็แล้วกัน”
สิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นคือรอยยิ้มของพระเจ้า ก่อนที่จะมีแสงสีขาวมาบังสายตาจนมองอะไรไม่เห็น แล้วค่อยๆดับไป
…คราวนี้แหละจะใช้ชีวิตสบายๆอยู่ในชนบทให้ได้เลย