Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. - ตอนที่ 48
แสงที่ 48 ไม่รู้จักนะครับ..
ท่ามกลางร่างของอลิซที่จ้องมองมาทางผม เธออึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าของเธอแลดูตกตะลึงราวกับเห็นผีตอนกลางวัน
“อึก..”อลิซที่หลบสายตาของผม สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ..
“คนรู้จักของเธอเหรอ..?”ชายที่หนุ่มหน้าหล่อที่เอ่ยถาม เขาเป็นคนที่อลิซกำลังช่วยพยุงร่าง ถ้าผมได้ยินชื่อไม่มีผิดรู้สึกว่าจะชื่อไมค์สินะ
“อะ..อืม คนเคยรู้จักน่ะ..”อลิซที่ตอบกลับ ก่อนที่จู่ๆแววตาของเธอจะแสดงออกถึงความเย็นชา..
“เท่าที่เห็นก็แค่พลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1 เองหนิ ไม่คิดว่าเธอจะมีคนรู้จักแบบนี้ด้วย..”ไมค์ที่กล่าวออกมา แววตาของเขาไม่ได้แสดงออกว่ากำลังดูถูก แต่คำพูดมันส่อแววออกมาให้เห็นชัดๆเลย..
“มะ..ไม่ใช่นะ ก็บอกอยู่ว่าแค่คนเคยรู้จัก..”อลิซที่รีบกล่าวปฏิเสธ เธอดูกระวนกระวายใจเมื่อเห็นว่าไมค์กำลังเข้าใจผิด
“อ่าๆ ช่างเถอะ..ยังไงก็ช่วยพาฉันไปที่ห้องพยาบาลก่อนเถอะ แม่งเอ้ย..อีกแค่นิดเดียว..”ไมค์ที่สบถออกมา ก่อนจะบอกกับอลิซ โดยที่เธอก็ได้พยุงร่างของมันเข้ามายังทิศทางของผม ปากไม่ดี..ต้องเรียกว่ามัน
“หะ..หืม ท่านผู้อำนวยการ..?”
เสียงของไมค์ที่เอ่ยขึ้น ในขณะที่ร่างของมันและอลิซกำลังจะเดินผ่านร่างของผมไป จู่ๆคนทั้งสองก็ต้องหยุดชะงัก จากการปรากฏตัวของใครบางคน..
ซึ่งเมื่อผมหันกลับไปมองก็พบเข้ากับร่างของวิลเลี่ยมที่ยืนอยู่..
“ผมพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 ไมค์ เจ็ทเกต ขอทำความเคารพท่านผู้อำนวยการ..”ไมค์ที่ฝืนความเจ็บปวดยกแขนขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ต่อวิลเลี่ยม..
“หืม..ถ้าจำไม่ผิด พลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 ไมค์ เจ็ทเกต หัวกะทิลำดับที่ 2 ของชั้นเรียนขั้นที่สามแผนกสู้รบ แถมแกยังเป็นลูกชายของพลตรีเปเนสด้วยสินะ..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยกล่าวออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ผมเบิกดวงตากว้างขึ้น อ้าว..ไอ้เวรนี่มันลูกของโจทย์เก่าผมนี่หว่า..
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านรู้จักผมและท่านพ่อของผม..”
“อืม..ถ้าเป็น 10 หัวกะทิของแต่ละแผนก ไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพไหน ฉันก็จำข้อมูลได้หมดแหละ และที่สำคัญพ่อของแกถือว่าเป็นทหารที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ทำไมฉันถึงจะไม่รู้จัก..”
“ครับ..”ไมค์ที่ตอบกลับ เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่วิลเลี่ยมจะชำเลืองสายไปมองยังอลิซ..
“อะ..อึก ดิฉันพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 อลิซ..”อลิซที่ยกแขนขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ ท่าทีของเธอดูเกร็งๆ เมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าของวิลเลี่ยม..
“อืม..”วิลเลี่ยมที่ตอบกลับ ก่อนจะละสายตา การแสดงออกของเขาบ่งบอกให้เห็นว่าเขาไม่รู้จักกับนักเรียนหญิงคนนี้
“แล้วนั่นแกไปโดนอะไรมา..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม โดยที่ไมค์ก็ดูเหมือนว่ามันจะแสดงอาการดีใจออกมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง..
“เรียนท่านผู้อำนวยการ ก่อนหน้านี้ผมได้เข้ารับการทดสอบกับท่านพลโทเครเซอร์ เพื่อที่จะขอฝากตัวเป็นผู้สืบทอดของเขา และผมก็เกือบที่จะผ่านการทดสอบของเขาด้วยครับ..”ไมค์ที่กล่าวออกมา แต่พอวิลเลี่ยมได้ยินกลับไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นเต้นแต่อย่างใด เท่าที่ดูจากชุด ไมค์กับอลิซทั้งสองคนสังกัดอยู่ที่เหล่าทัพคีทารัส
“แล้วเจ้านั่นมันบอกกับแกว่าอะไรล่ะ..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม..
“เขาบอกว่าผมทำได้ดีมากครับ..”ไมค์ที่กล่าวออกมา เมื่อวิลเลี่ยมได้รับคำตอบก็ค่อยๆถอนหายใจออกมา..
“เฮ้อ..งั้นเองสินะ ยังไงก็พยายามเข้าล่ะ..”
“ครับผม..!”ไมค์ที่กล่าวออกมา การที่เขาได้รับกำลังใจจากวิลเลี่ยม แม้ว่าจะอยู่กันคนละเหล่าทัพแต่ก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุด อีกทั้งชายที่ชื่อวิลเลี่ยมผู้นี้ยังไม่ใช่เพียงแค่ทหารธรรมดา แต่เขาคือวีรบุรุษแห่งสงครามของสมรภูมิทางตอนเหนือ ในสงครามยุทธการพยัคฆ์ขย้ำเหยื่อ..
“เออคือ..ท่านผู้อำนวยการครับ มันอาจจะเสียมารยาท แต่ผมอยากจะสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน โดยที่เมื่อวานนี้มีคนภายในกลุ่มกระทิงเหล็กของผมสองกลุ่มจากแผนกยุทธวิธีที่ถูกไอ้สวะบางคนทำร้ายและซ้อมจนตกอยู่ในสภาพปางตาย แถมยังไม่สามารถหาตัวของผู้กระทำได้ ท่านพอจะทราบถึงเรื่องนี้หรือเปล่าครับ..?”ไมค์ที่เอ่ยถามต่อวิลเลี่ยม โดยที่ในขณะเดียวกันฮิตเลอร์ที่ยืนอยู่ก็ถึงร่างกระตุก ยัยบ้าจะออกอาการทำไมฟะ..?
“อืม..ฉันรู้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการที่จะมีนักเรียนมาฆ่ากันตาย มันก็ไม่ได้ผิดกฏของอาคัส เพราะที่นี่ถูกสร้างรากฐานเอาไว้ว่าผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด..”วิลเลี่ยมที่ตอบกลับไมค์ ถึงกับทำให้มันสะอึกไป
โดยในขณะที่พูดวิลเลี่ยมก็ได้ชำเลืองหางตาไปมองสตาร์ที่กำลังยืนหันหลังให้เขาอยู่ชั่วขณะ ตัวของเขาเองรู้แค่เพียงเรื่องที่สตาร์จัดการกับกลุ่มของไซคอน แต่เรื่องกลุ่มของซีอุส เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การที่มีคนมาทำเรื่องพรรค์นั้นต่อหน้าของอนุสาวรีย์อันทรงเกียรติของอาคัส มันคือสิ่งที่ไม่สามารถอภัยให้ได้ ตอนนี้ฉันและอาจารย์ทุกๆคนกำลังตามสืบเรื่องนี้กันอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าพลทหารสองนายที่อยู่ในเหตุการณ์จะจำอะไรไม่ได้ ส่วนอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกส่งไปที่สถานพยาบาล คงมีแต่ต้องรอพลทหารฝึกหัดสองนายนั้นกลับมายังสถาบัน เราจึงจะรู้ว่าใครเป็นตัวการ ซึ่งถ้าจับตัวของผู้ที่ก่อเหตุได้เมื่อไหร่ ไอ้เจ้านั่นจะต้องถูกสั่งจำคุกเป็นเวลา 3 ปี อีกทั้งยังจะถูกสั่งปลดและส่งไปยังค่ายทหารสามัญ..”สิ้นคำพูดของวิลเลี่ยม ใบหน้าของฮิตเลอร์ก็พลันต้องถอดสีไปในทันที..
“เชี้ยอะไรวะเนี่ย..!!!?”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา เออ..เชื่อเขาเลย แค่มีคนไปอัดถั่วดำที่หน้าอนุสาวรีย์ โทษแม่งหนักกว่ากระทืบพลตรีซะอีก แถมยังถูกสั่งปลดกลางอากาศด้วย ชักจะไม่ขำซะแล้วสิ..
“ครับ..ได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกโล่งใจ แต่ถ้าจับตัวของผู้ที่กระทำการได้เมื่อไหร่ ผมอยากจะขอพูดคุยกับเจ้านั่นเป็นการส่วนตั..ว..”ไมค์ที่กล่าวออกมา
“เออคือ..ไม่ทราบว่าจะคุยกันอีกนานไหม..รู้หรือเปล่าว่ามันขวางทางเดิน..?”ผมที่เงียบฟังมานานในที่สุดก็ตัดสินใจกล่าวแทรกไอ้ไมค์ ส่งผลทำให้มันหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองผมตาขวาง..
“นี่แก..รู้หรือเปล่าว่าฉันกำลังคุยกับใครอยู่..?”ไมค์ที่เอ่ยถามผม ส่วนอลิซก็ดูเหมือนจะอึ้งชั่วขณะ สีหน้าของเธอดูประหลาดใจ..
“พลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1 สตาร์..”วิลเลี่ยมที่เรียกขานชื่อของผม จึงทำให้ผมหันหลังกลับ..
“ผมพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1 สตาร์ ขอแสดงความเคาพต่อท่านผู้อำนวยการ ต้องขออภัยที่ไม่ได้ทำเคารพตั้งแต่ทีแรก..”ผมที่กล่าวออกมา พร้อมกับทำวันทยาหัตถ์
โดยที่ทางด้านของไมค์กับอลิซก็ต่างเบิกดวงตากว้างขึ้น เมื่อเห็นว่าวิลเลี่ยมรู้จักชื่อของพลทหารฝึกหัด แถมยังเป็นเพียงแค่ทหารฝึกหัดขั้นที่ 1
“อืม..ส่วนเธอคงจะเป็นนักเรียนที่อยู่กลุ่มเดียวกันสินะ..”วิลเลี่ยมที่หันไปมองยังฮิตเลอร์..
“ผะ..ผมพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1 อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้อำนวยการ..”เสียงของฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา เธอค่อนข้างที่จะประหม่า..
“เอาล่ะ..พลทหารฝึดหัดสตาร์ ก่อนหน้านี้ก็ได้เจอกันไปแล้ว แต่ฉันแค่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับแก เหตุผลที่ฉันตามแกมาก็เพื่อที่จะเอาเจ้าสิ่งนี้มาให้..”วิลเลี่ยมที่หันมากล่าวกับผม ก่อนจะหยิบนำอินทนูที่ประดับดาวเอาไว้ข้างล่ะสามดวงออกมา..
“ยินดีกับแกด้วยที่สอบผ่าน นับต่อจากนี้แกได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 แล้ว..”สิ้นคำพูดของวิลเลี่ยม ไมค์ที่ได้ยินก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกโดยเฉพาะอลิซ..
ซึ่งในประวัติศาสตร์ของอาคัส ไม่มีพลทหารคนไหนที่เลื่อนระดับที่เดียวสองขั้นภายในการสอบแค่ครั้งเดียว..
“ขอบคุณครับ..”ผมที่ตอบกลับวิลเลี่ยม ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเตรียมที่จะรับอินทนู..
ฟุบ..!
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ไมค์กับอลิซต้องตกตะลึงจนตาค้างรวมไปถึงฮิตเลอร์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อวิลเลี่ยมที่ยืนอยู่จู่ๆก็เอื้อมมือมาปลดกระดุมอินทนูของผมและประดับยศให้ผมด้วยตัวเอง..
“เรียบร้อย..”
ตุบๆ
วิลเลี่ยมที่ตบลงมาบนบ่าของผม ทันทีที่ประดับยศให้เสร็จ
“ขอบคุณครับ..”ผมที่ยกมือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์..
“แล้วนี่แกกำลังจะไปไหน..?”วิลเลี่ยมที่ชักมือกลับ พร้อมทั้งเอ่ยถาม..
“ผมตั้งใจจะเข้าไปทำการทดสอบเลื่อนระดับของแผนกสู้รบน่ะครับ..”ผมที่ตอบกลับ แต่ไอ้สองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของผม ตอนนี้คงจะพากันตาเหลือกไปแล้วล่ะมั้ง เมื่อรู้ว่าผมได้เข้าเรียกถึงสองแผนก..
“แน่ใจแล้วเหรอ..? ฉันว่าแกควรไปพักก่อนนะ แกคงเหนื่อยกับการทดสอบเมื่อสักครู่..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา เขาแลดูเป็นห่วงผม แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าปกติแล้ว ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาพูดหรือวางตัวอะไรแบบนี้ เขาเหมือนกับกำลังพยายามจะเอาใจผม..
“ก็เหนื่อยอยู่เหมือนกันครับ ผมเป็นพวกที่ใช้สมองไปพร้อมๆกับกล้ามเนื้อด้วยสิ แต่ถึงยังไงผมก็ตั้งใจจะสอบให้ผ่านภายในปีนี้ ถ้าท่านรู้จักผมแสดงว่าจะต้องรู้ถึงข้อมูลสินะครับ ท่านน่าจะรู้ว่าผมเสียเวลาไปเปล่าๆไปตั้งหนึ่งปี..”ผมที่บอกกับวิลเลี่ยม..
“อืม..เรื่องนั้นฉันได้ยินมาแล้วล่ะ รวมไปถึงทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับแก..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา
“อย่างงั้นเองสินะครับ..”
“แต่ก็เอาเถอะ ถึงพวกเราจะพึ่งได้เจอกัน แต่ฉันขอบอกเอาไว้เลยว่าฉันคาดหวังกับแกเอาไว้สูงมาก ถ้าเกิดแกทำได้สำเร็จ อันดับนักเรียนหัวกะทิในอาคัสก็คงจะเปลี่ยน..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา ซึ่งพอไมค์ได้ยินก็ถึงกับสะอึก เขาเริ่มที่จะสีหน้าไม่พอใจออกมา ส่วนทางด้านของอลิซก็ได้ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก..
“ผมอยากจะเตือนท่านเอาไว้ อย่าคาดหวัง..แล้วท่านจะไม่ผิดหวัง..”
“หืม..? แกกำลังจะบอกว่าแกเองก็ไม่แน่ใจในตัวเองอย่างงั้นเหรอ..?”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ผมหมายถึงเรื่องที่ท่านกำลังพยายามมาทำดีกับผมอยู่ตอนนี้ ผมแค่อยากจะบอกให้ท่านได้รู้เอาไว้ว่าผมมีหน่วยที่ตั้งใจจะเข้าอยู่แล้ว ถึงต่อให้ท่านจะพยายามไปมันก็สูญเปล่า..”ผมที่บอกกับวิลเลี่ยม พออีกฝ่ายได้ยินก็หยุดชะงักไป เขาดูรู้สึกอึ้งไม่น้อย เมื่อเห็นว่าผมรู้ถึงเจตนาที่เขาแอบแฝงเอาไว้..
“หึ..ฮ่าๆ นี่แกดูออกหมดเลยอย่างงั้นเหรอเนี่ย..?”วิลเลี่ยมที่แหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ พลางยกมือขึ้นมาปิดตา..
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผมเสียเวลาไปมากแล้ว..”ผมที่บอกกับวิลเลี่ยม โดยที่อีกฝ่ายก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังรู้สึกถูกใจในตัวของผม..
“อืม..เข้าใจแล้ว ส่วนเรื่องเพื่อนๆของแก ฉันจะให้คนเอาดาวประดับส่งไปให้ทีหลัง และสุดท้ายไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ ฉันไม่ถอดใจแน่ จนกว่าจะถึงวันที่แกเลือกหน่วย..”วิลเลี่ยมที่บอกกับผม พร้อมกับกระตุกรอยยิ้มออกมา..
“ครับ..”ผมที่ตอบกลับสั้นๆ พร้อมทั้งทำความเคารพต่อวิลเลี่ยม โดยที่ฮิตเลอร์เองก็ทำแบบเดียวกัน ก่อนที่ผมจะหมุนตัวหันหลังกลับ และก็ได้พบเข้ากับไอ้ไมค์และอลิซที่กำลังยืนตาเหลือกกันอยู่..
“ยังไงพวกเธอก็ช่วยหลีกทางให้สองคนนี้ด้วย..”วิลเลี่ยมที่บอกกับคนทั้งสอง เมื่อพวกมันได้ยินก็แสดงท่าทีเลิ่กลั่ก ก่อนจะยอมเขยิบไปทางด้านข้างให้ผมและฮิตเลอร์เดินไป..
ซึ่งแววตาของไอ้ไมค์ในตอนนี้ที่จ้องมองมายังผม มันแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันกำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับผม สิ่งที่เกิดขึ้นคงจะทำให้มันรู้สึกเสียหน้าที่ก่อนหน้านี้มันดันว่าผมเป็นเพียงแค่พลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1
ส่วนทางด้านของอลิซ ยัยนี่ก็เอาแต่ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนัก..
“จริงสิ..จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเห็นพวกแกคุยกันอยู่ พวกแกรู้จักกันด้วยเหรอ..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถามผม เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็หันมองไปยังอลิซ พลางเอียงคอด้วยความสงสัย พอยัยนั่นเห็นแบบนั้นก็กลอกดวงตากลิ้งไปมาอย่างเลิ่กลั่ก..
“ไม่นะครับ..ไม่เห็นจะรู้จักเลยสักนิด..”ผมที่กล่าวออกมา..
“หึ..ใช่ๆ ไม่เห็นรู้จักเลยสักนิด..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา และจากคำพูดของผมที่เอ่ยออกไป มันก็ได้ทำให้ยัยอลิซถึงกับต้องสะอึก..
“อย่างงั้นเองสินะ ถ้างั้นฉันไม่กวนแกแล้ว แกไปเถอะ..”วิลเลี่ยมที่บอกกับผม แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกไป ผมก็ได้หันกลับไปกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า..
“อ้อ..ส่วนเรื่องอันดับนักเรียนหัวกะทิอะไรนั่น ในมุมมองของผมมันก็แค่เรื่องไร้สาระ ผมไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นนักเรียนหรือพวกอันธพาลกระจอก แต่ผมมาเพื่อเป็นทหาร..”ผมที่กล่าวออกมา และจากคำพูดของผม มันก็ทำให้วิลเลี่ยมถึงกับชะงักไป
พอผมหันหน้ากลับมา ภาพที่ได้เห็นนั่นก็คือใบหน้าของไอ้ไมค์ที่กำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ โดยที่คำพูดของผมก็คงจะเหมือนกับเป็นการหลอกด่ามันทางอ้อม ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมจะเดินผ่านร่างของมันไป..
“กรอด..นี่แก..”ไมค์ที่หันมาแยกเขี้ยวจ้องหน้าของผมตาเขม็ง ในช่วงจังหวะที่ผมเดินผ่าน โดยที่ตัวของผมเองก็แสยะรอยยิ้มเยาะเย้ยส่งตอบมันไป..
ซึ่งหลังจากที่สตาร์เดินปลีกตัวออกไปแล้ว ทางด้านของวิลเลี่ยมก็ได้เดินกลับไปด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านของไมค์ก็ได้แต่ยืนกัดฟันหน้าดำหน้าแดงไปด้วยความโกรธ..
“ไอ้สวะนั่นมันเป็นใครกันวะ..?”ไมค์ที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย ส่วนทางด้านของอลิซก็ได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของสตาร์ที่กำลังเดินจากไปอย่างอึ้งๆ แววตาที่เธอมองแผ่นหลังของเขามันไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“ตอนนี้นายรีบไปรักษาแผลก่อนเถอะ..”อลิซที่หันมาบอกกับไมค์ เธอแสดงออกถึงความเป็นห่วง พออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้นจึงค่อยๆสงบลง
“ถ้าฉันได้ยินไม่ผิด เมื่อกี้ไอ้เวรนั่นมันบอกจะไปสอบเลื่อนระดับที่แผนกสู้รบใช่ไหม..?”ไมค์ที่เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม..
“อะ..อืม..ใช่”อลิซที่ตอบกลับ เมื่อได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มก็ถูกแสยะขึ้นมาบนใบหน้าของไมค์
“หึ..ไอ้สวะนั่น เละแน่..”
ตัดกลับมาที่ทางด้านของสตาร์
หลังจากที่ผมกับฮิตเลอร์เข้ามาภายในสนามสอบของแผนกสู้รบ ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามาก็จะพบเข้ากับทางเดินแคบๆ ผมจำเป็นที่จะต้องเดินขึ้นบันไดไปกว่าหลายสิบขั้น ทั้งสองฝั่งทางเดินนั้นมืดสนิท
แต่เมื่อเดินขึ้นมาจนสุดปลายทางของบันได สิ่งที่พบนั่นก็คือประตูอีกบานประตูที่ปรากฏอยู่พร้อมกับแสงที่ส่องสว่าง ผมนั้นไม่รอช้ารีบก้าวเดินขึ้นไปในทันที..
ก่อนที่สุดแล้วภาพที่ปรากฏให้เห็นที่อีกฟากหนึ่งของบานประตู นั่นก็คืออันจันทร์คนดูที่ล้อมรอบไปทั่วบริเวณ ภายในห้องแห่งนี้ถูกจำลองเป็นสนามประลองขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับโคลอตเซียม..
โดยที่ทางเบื้องล่างถัดจากขั้นบันไดที่ทอดยาวลงไป สิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั่นก็คือลานประลองขนาดใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นทั่วทั้วบริเวณในตอนนี้กลับไม่มีนักเรียนที่อยู่ที่นี่เลยสักคน..
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเท่าที่ผมสังเกตเห็นภายในอัฒจันทร์ชั้นที่อยู่ติดกับลานประลองเหนือขอบกำแพง ณ เวลานี้มีร่างของทหารยศพันตรีที่นั่งกันอยู่สองคน คาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์ผู้คุมสอบ ส่วนภายในสนามประลองก็ปรากฏให้เห็นเป็นชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่..
ฟุบ..
ผมที่เดินก้าวเดินตามขั้นบันไดที่ทอดยาวลงไปทางเบื้องล่าง ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเดินมาจวนจะถึงอาจารย์ผู้คุมสอบทั้งสอง หืม..? เดี๋ยวนะ..
“อาจารย์สไปร์ส..”ผมที่เรียกขานคนตรงหน้าที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเธอก็คือสไปร์ส..
“อู้ว..~~ อาจารย์..”เสียงของไอ้จ้อนที่ร้องออกมา คงไม่ต้องบอกนะว่ามันกำลังรู้สึกอะไร..
“สตาร์..?”สไปร์สที่กล่าวออกมา แต่เมื่อเธอหันกลับมาเห็นผม สีหน้าที่เธอแสดงออกกลับดูไม่สู้ดีนัก..
“หืม..? มาแล้วสินะ..”เสียงอีกเสียงที่เอ่ยดังขึ้น พร้อมทั้งหันหน้ากลับมามอง ซึ่งเจ้าของเสียงก็คือร่างของพันตรีที่นั่งอยู่ข้างๆกับสไปร์ส โดยที่เธอคนนั้นก็คือ..
“อาจารย์มิลันเซีย..?”ผมที่กล่าวออกมา จากร่างของสาวแว่นสุดเฮี้ยบที่นั่งอยู่..
“อู้ว..ของดี..”เสียงของไอ้จ้อนที่ยังคงร้องออกมา..
“แกมาทำอะไรที่นี่ วันนี้ฉันบอกให้แกไปเข้ารับการทดสอบเลื่อนระดับที่แผนกยุทธวิธีไม่ใช่เหรอ..?”สไปร์สที่เปิดประเด็นถามผม สีหน้าของเธอเริ่มที่จะแสดงออกถึงความกระวนกระวายใจ
“อ่อ..ผมพึ่งจะสอบผ่านไปน่ะ ก็เลยกะว่าจะมาสอบที่แผนกนี้ต่อ..”ผมที่บอกกับสไปร์ส พลางชี้นิ้วไปยังอินทนูบนบ่น ซึ่งพออีกฝ่ายได้เห็น มันก็ทำให้เธอถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ..
“ละ..เลื่อนสองขั้น ปะ..เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าพอแกสอบเลื่อนเป็นขั้นที่สอง แกจะต้องรอจนกว่าจะได้ประดับยศขั้นที่สองและสอบในครั้งถัดไปไม่ใช่เหรอ..”สไปร์สที่เอ่ยถามอย่างอึ้งๆ ถ้าเป็นตามปกติมันก็ต้องจะเป็นอย่างนั้น ยกเว้ยเสียแต่..
“อะ..อึก แกสอบกับใคร..?”สไปร์สที่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม เธอเองก็ได้ยินมาแว่วๆว่าวันนี้พลโทเมอรัสได้ไปเป็นผู้คุมสอบที่สนามสอบของแผนกยุทธวิธี..
“เรื่องนั้นผมคงจะ..”
“สอบกับฉันเองแหละ..”
ในขณะที่ผมกำลังจะให้คำตอบ จู่ๆร่างของเมอรัสก็มาปรากฏตัวที่ทางด้านหลัง เขาพลันเอื้อมมือมาแตะที่บ่าของผม ก่อนจะให้คำตอบกับสไปร์ส..
“อะ..อึก ท่านพลโทเมอรัส..”สไปร์สที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอและเอลิเซียจะลุกขึ้นยืนทำความเคารพ..
“ท่านพลโท ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ไม่ใช่ว่าท่านต้องทำการทดสอบที่แผนกยุทธวิธีอย่างงั้นเหรอ..?”ผมที่แสร้งทำเป็นเอ่ยถาม..
“ไม่ต้องทำมาเป็นแสร้งไม่รู้หรอก ฉันรู้ว่าแกรู้..และที่สำคัญ อันดับแรกก่อนจะคุยกันช่วยเอามีดที่จ่ออยู่ตรงท้องของฉันออกไปก่อนจะได้ไหม..?”เมอรัสที่กล่าวออกมา
ซึ่งผมที่กำลังยืนหันหลังให้เมอรัสอยู่ในตอนนี้ก็ได้ยืนเอามือไขว้หลัง โดยที่ภายในมือก็กำลังถือมีดสั้นที่หันปลายมีดจ่อเข้าไปที่หน้าท้องของเขา ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้ามาแตะบ่าของผมด้วยซ้ำ..
“ขออภัยด้วยครับ..ผมไม่ชอบให้ใครมาเข้าข้างหลัง ล่าสุดเท่าที่จำได้ ไอ้คนที่เข้าข้างหลังผมก็ได้ถูกผมเอามีดกระซวกท้อง ก่อนที่ผมจะดึงใส้ของมันออกมาทำเป็นเชือก และใช้ใส้นั่นรัดคอของมันจนตาย..”ผมที่กล่าวออกมา ซึ่งพอเมอรัสและทุกๆคนได้ยินก็ถึงหน้าเสีย จากวิธีอันแสนโหดเหี้ยมที่คนปกติไม่มีทางจะคิดได้..
“แน่นอนครับว่าเป็นมุข ฮ่าๆ..”ผมที่แสร้งทำเป็นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา โดยที่ทุกๆคนก็ได้แต่ยืนหน้าแห้ง
“อะ..อึก สตาร์..ยังไงก็เถอะ ฉันว่าวันนี้แกกลับไปพักผ่อนก่อนจะดีที่สุ..ด..”
“ท่านพลโทเครเซอร์ นักเรียนที่ท่านรออยู่ มาถึงแล้วค่ะ..!!!”
ในขณะที่สไปร์สกำลังจะบอกให้สตาร์กลับไปเพราะเห็นว่าท่าไม่ดี จู่ๆมิลันเซียที่ยืนอยู่ก็หันไปตะโกนบอกกับร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังยืนบิดตัวไปมาเหมือนกับเป็นการวอร์มอัพ ส่งผลทำให้ชายคนนั้นพลันต้องหันหน้ามามอง ก่อนจะแสยะรอยยิ้มออกมา..
“หึ..ไอ้เจ้าผอมแห้งนั่นน่ะเหรอ..? แต่ก็เอาเถอะ..รีบลงมาสิ..! ฉันมารอแกตั้งแต่เช้าแล้วนะเว้ย..!”เสียงของชายวัยกลางคนที่ตะโกนเรียกผม สิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับทำให้สไปร์สต้องหน้าเสีย..
“พลโท..? หึๆ นี่อย่าบอกนะว่าตาลุงนั่นก็คือเสาหลักที่มารอทดสอบแกด้วยอีกคน แบบนี้ก็สวยสิ..พวกเราได้จบหลักสูตรในวันเดียวแหงๆ..”เสียงของไอ้จ้อนที่หัวเราะอยู่ภายในลำคอ พลางกล่าวออกมา
‘สวยบ้านแกสิ ลี้ก่อนเลย..ไอ้ลุงนั่นไม่ธรรมดา..!’ผมที่กล่าวออกมาและเตรียมที่จะชิ่งออกจากสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือแรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่กระจายออกมาจากร่างๆนั้น
“อะ..อ้าวเฮ้ย..! ไหงงั้นล่ะ จู๋งง..!”
ไรท์:คอมเม้น..!