Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. - ตอนที่ 79
แสงที่ 79 ลูกรักเมอรัส
ฟุบๆ ๆ ๆ
ร่างของทหารจากทั้งสองเหล่าทัพที่ต่างพากันวิ่งตรงไปจัดแถวต่อหน้าของสไปร์สและพันตรีพอลที่ถูกส่งตัวมาร่วมทำภารกิจ..
ซึ่งเวลานี้เหล่าทหารได้จัดรูปแบบแถวในลักษณะแถวตอน แบ่งเป็นแบบกลุ่มใครกลุ่มมัน หนึ่งแถวจะมีสมาชิกอยู่ 4 คน โดยแบ่งเป็นเหล่าทัพละ 10 แถว รวมแล้วทหารจากทั้งสองเหล่าทัพมีกำลังพลอยู่ที่ 80 นาย
ฟุบ..
ผมที่รีบวิ่งตรงมาเข้าแถว ก่อนจะเข้ามาต่อท้ายเซนินที่ยืนอยู่ในแถวที่สิบเอ็ด เขายืนอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีสมาชิกภายในกลุ่ม ผมกะเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องไม่ใช่ทหารธรรมดา..
“หืม..? อะไรของนายสิบเอก เขาเรียกรวมพลกอลกำลังทหารที่จะออกไปทำภารกิจ ไม่ได้เรียกรวมพลทหารของฐานที่มั่น..”ซีเนียวที่ยืนอยู่ข้างๆซ้ายมือของผมเอ่ยทักขึ้น ทันทีที่เขาหันมาเห็นผม..
ซึ่งแถวตอนที่อยู่ข้างๆผมคือกลุ่มของเมจ ประกอบไปด้วยไอ้เมจ ซีเนียว แองจี้แล้วก็อาเซีย..
“ใช่..นายเข้าใจผิดแล้วนะ พ่อหนุ่มผมปิดตา..~”แองจี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังซีเนียวเอ่ยขึ้น และจากเสียงของเธอกับซีเนียวมันก็ได้ทำให้เซนินกับเมจต้องหันกลับมามอง ส่วนทางด้านของอาเซียก็พยายามส่งซิกให้ผมเดินออกไปจากแถว..
“เฮ..นาย มาทำอะไรตรงนี้..”เซนินที่หันมากระซิบถามผม..
“ไอ้เวรนี่ท่าจะปํญญาอ่อนแฮะ..”เมจที่กล่าวออกมา..
“มีปัญหาอะไร..?”เสียงของพันตรีพอลที่เอ่ยถามขึ้น ส่งผลทำให้ทุกๆคนละความสนใจจากผม..
โดยพันตรีพอลเขาเป็นชายวัยกลาง มีรูปร่างที่สูงโปร่ง อีกทั้งบุคคลิกยังดูเป็นคนที่มีความฉลาด จากการที่เขาสวมใส่แว่นตาเอาไว้..
“กระผมจ่าสิบตรี เมจ เมลีนัส ขออนุญาติรายงาน ตอนนี้มีสิบเอกคนหนึ่งที่ประจำการอยู่ยังฐานที่มั่นจุดที่ 80 มาเข้าแถวร่วมกับกองกำลังของพวกเราที่จะออกทำภารกิจ ผมไม่ทราบว่าเขาแกล้งไม่รู้ หรือเป็นแค่พวกปัญญาอ่อน ทั้งๆที่ทหารนายอื่นๆที่ประจำการอยู่ยังฐานที่มั่นก็ต่างรู้กันทั้งนั้น..”เมจที่ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ ก่อนจะกล่าวรายงาน..
“หืม..? สิบเอก..ดูเหมือนว่านายจะกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ ฉันไม่ได้สั่งรวมพลทหารของฐานที่มั่น แต่สั่งรวมพลกองกำลังทหารที่จะออกไปทำภารกิจระดับ 4″พันตรีพอลที่บอกกับผม และจากคำพูดของเขามันก็ทำให้..
“ฮ่าๆ ๆ ๆ..”เหล่าทหารที่ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทุกๆคนต่างมองผมเป็นตัวตลก ไม่ว่าจะเป็นเมจ ซีเนียวหรือแองจี้ก็ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะ มีเพียงแค่อาเซียกับเซนินที่ได้แต่ยืนส่ายหน้าไปมา..
“ไม่ได้เข้าใจผิดหรอก สิบเอกคนนี้คือคนที่ฉันบอกกับนายนั่นแหละ..”สไปร์สที่หันไปบอกกับพันตรีพอลถึงกับทำให้อีกฝ่ายชะงัก พร้อมกับหรี่ตาลง
และจากคำพูดของสไปร์ส มันก็ได้ทำให้เสียงหัวเราะของเหล่าทหารต้องหยุดชะงัก ก่อนที่แต่ละคนจะต่างพากันหันหน้ามองกันไปมาด้วยความสับสนและงุนงง
“คนนี้น่ะเหรอ..?”พันตรีพอลที่เอ่ยถามออกมา..
“ใช่..เขาคือว่าที่จ่าสิบตรีที่ได้รับคำสั่งส่งตัวโดยตรงมาจากท่านพลเอกวิลเลี่ยมให้มาร่วมทำภารกิจในครั้งนี้..”สไปร์สที่กล่าวออกมา ก่อนที่เหล่าบรรดาทหารจะต่างพากันส่งเสียงฮือฮาขึ้น..
“คำสั่งส่งตัวโดยตรง..? นี่มันหมายความว่ายังไงกัน..?”
“นั่นสิ..”
“สิบเอกเนี่ยนะ..?”
ท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่าบรรดาทหาร ทางด้านของเมจและกลุ่มของมัน รวมไปถึงอาเซียกับเซนิน ไม่เว้นแม้กระทั่งไอรินที่ยืนอยู่อีกด้านจะต่างจับจ้องสายตามองมาที่ผม..
“เข้าใจแล้ว..ถ้าศักยภาพของเขาเป็นอย่างที่เธอเล่า ฉันเองก็ไม่ติดขัดที่จะให้เขาร่วมทำภารกิจกับเรา..”พันตรีพอลที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันมาบอกกับผม..
“ยังไงก็ต้องขอโทษด้วย ถ้าฉันทำให้นายต้องขายหน้า..”พันตรีพอลที่บอกกับผม..
“ไม่เป็นไรครับ คนเรามันเข้าใจผิดกันได้..”ผมที่ตอบกลับพันตรีพอล ผู้ชายคนนี้ดูมีนิสัยที่ใช้ได้..
“แล้วท่านพลเอกวิลเลี่ยมคิดที่จะให้สิบเอกคนนี้ทำอะไรล่ะ ถ้าส่งตัวมาแบบเจาะจงคงจะต้องมีจุดประสงค์ถูกต้องไหม..?”พันตรีพอลที่ถามกับสไปร์ส
ในตอนนี้เหล่าบรรดาทหารทุกๆนาย รวมไปถึงกลุ่มของเมจต่างพากันยืนงงเป็นไก่ตาแตก ไม่ว่าใครก็ต่างไม่เข้าใจว่าพันตรีทั้งสองกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่..
“ถูกต้อง..ท่านพลเอกได้เขียนคำสั่งเอาไว้ และกำชับให้ฉันเปิดอ่านมันในตอนกำลังจะกระจายคำสั่งมอบหมายหน้าที่..”สไปร์สที่บอกกับพันตรีพอล พร้อมกับหยิบจดหมายออกมาเปิดอ่าน โดยที่พันตรีพอลก็เขยิบเข้ามาอ่านด้วย..
“อะ..อึก..”สไปร์สกับพอลที่ต่างพากันเบิกดวงตากว้างขึ้น คนทั้งสองถึงกับสะอึก ผสานกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว..
“คงมีแต่ต้องปฏิบัติตาม..แล้วนายติดขัดตรงไหนไหม..?”สไปร์สที่ตั้งสติ พลางเอ่ยถามต่อพอล
“ถึงจะทำใจเชื่อไม่ลงก็เถอะ แต่ตราประทับและลายเซ็นส์กำกับคือของจริงแน่นอน ถ้าท่านผู้นั้นว่าแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ติดขัดเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเธอคงจะต้องเปลี่ยนแผนแล้วสิ ในส่วนของฉันก็จะใช้แผนเดิม เพราะยังไงจุดเคลื่อนพลทางปีกขวาก็อันตรายกว่าทางปีกซ้ายที่ฉันจะไป..”พอลที่กล่าวกับสไปร์ส สีหน้าของเขาแลดูอึ้งๆหลังจากที่ได้อ่านจดหมาย..
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ..?”เมจที่สบถออกมาเบาๆ ส่วนทางด้านของเซนินก็หันมาจ้องมองผม ก่อนที่เขาจะกระตุกรอยยิ้มออกมา..
“อย่างนี้เองสินะ..”เซนินที่ดูเหมือนจะรู้อะไรบางกล่าวขึ้น..
“เอาล่ะ..ก่อนอื่น ฉันจะแบ่งกำลังพล กองกำลังของเอทารอส เฉพาะกลุ่มที่ 2,4,6,8,10 กับกองกำลังของทารอนกลุ่มที่ 1,3,5,7,9 สลับตำแหน่งกัน ปฏิบัติ..!”สไปร์สที่เปล่งเสียงตะโกนออกคำสั่ง ก่อนที่ทหารจากทัพเอทารอสและทารอนจะเปล่งเสียงขานรับ
“เฮ..!!”เสียงเฮที่ดังออกมา ก่อนที่กองกำลังของทั้งสองเหล่าทัพตามกลุ่มที่ถูกขานเรียกจะวิ่งมาสลับตำแหน่งกัน ส่งผลทำให้ตอนนี้กองกำลังของทั้งสองฝ่ายได้มาผสมปะปนกัน แบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ..
“ฉันกับพันตรีพอลจะแบ่งกองกำลังเป็นสองกลุ่มหลักๆและแยกกันออกทำภารกิจ กลุ่มคู่มากับฉัน ส่วนกลุ่มคี่จะออกทำภารกิจกับพันตรีพอล..”สไปร์สที่กล่าวชี้แจ้งรายละเอียด..
โดยที่ผมก็พึ่งจะสังเกตเห็นว่ากลุ่มคู่ก็มีไอรินที่ยืนอยู่ด้วย ซึ่งกลุ่มของเธอนั้นคือกลุ่มที่ 10
“ชิ..ทำไมไม่แยกทำใครทำมันวะ จะมารวมกันทำไม..”เมจที่สบถออกมาเบาๆ แต่โชคดีที่สไปร์สกับพอลไม่ได้ยินคำพูดของมัน แม้ว่ามันจะยืนหน้าสะหล่อนอยู่ทางด้านหน้าสุด..
“ขออนุญาติค่ะ..จ่าสิบตรีของทารอนคนนี้สงสัยว่าทำไมทั้งสองเหล่าทัพถึงไม่แยกกันทำภารกิจ..”
แต่แล้วทันใดนั้นไอรินที่ยืนอยู่ข้างๆซ้ายมือของเมจก็ยกมือขึ้น ก่อนจะตะโกนถามกับพันตรีทั้งสองและโยนขี้ให้ไอ้เมจ ส่งผลทำให้มันถึงกับหน้าแหย..
“ยะ..ยัยบ้า นะ..นี่เธ..อ..”
“จ่าสิบตรีนายนั้นน่ะ..แกชื่ออะไร..?”สไปร์สที่เอ่ยถามกับไอ้เมจ ถึงกับทำให้มันรีบหันหน้ากลับมา..
“กระผม เมจ เมลีนัส สังกัดอยู่กองทัพทารอนหน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหารครับ..!”
“เมลีนัส..? ลูกชายของพันเอกมารินสินะ แกไม่พอใจงั้นเหรอที่กองกำลังจากทั้งสองเหล่าทัพจะปฏิบัติภารกิจร่วมกัน..?”สไปร์สที่กล่าวออกมา ก่อนจะเอ่ยถาม กะแล้วเชียวลูกของพันเอกนี่เอง แต่ถ้าให้เทียบกับไอ้รันต้าหรือไอ้ไมค์ สถานะของเจ้านี่ก็ไม่เท่าไหร่..
“อะ..อึก เปล่าครับ..ผมก็แค่สงสัยเฉยๆ ในมุมมองของผม ผมคิดว่าควรจะแยกกันปฏิบัติภารกิจ เพราะทหารภายในเหล่าทัพเดียวกัน ย่อมมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันอยู่แล้ว..”
“พูดแบบนั้นแสดงว่าแกไม่ไว้ใจเอทารอสอย่างงั้นเหรอ..? การที่ท่านจอมพลของเหล่าทัพทั้งสองตัดสินใจที่จะลืมเรื่องความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ก็เพื่อต้องการที่จะกระชับความสัมพันธ์ที่เคยแตกร้าวของเหล่าทัพทั้งสองให้กลับมาเป็นพันธมิตรกันอีกครั้ง แกรู้ตัวหรือเปล่าว่าการกระทำของแกอาจจะทำให้เกิดเป็นฉนวนเหตุของความขัดแย้ง ปัญหาที่เกิดขึ้น..แกคิดว่าตัวของแกหรือแม่ของแกจะรับไหวอย่างงั้นเหรอ..?”สไปร์สที่เอ่ยถามกับเมจด้วยสีหน้าที่เย็นชา ถึงกับทำให้อีกฝ่ายหน้าแตกยับ..
“กรอด..ขออภัยด้วยครับ ต่อไปผมจะระวังคำพูด..”เมจที่กัดฟันกล่าวออกมา พลางหันไปมองไอรินด้วยความเคียดแค้น..
“ฮึม..”ไอรินที่หันมามองผมด้วยใบหน้าที่เย็นชาและไร้อารมณ์ ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นมา นี่หรือว่าเธอคิดที่จะแก้แค้นให้ผม..?
“กรอด..”ไอ้เมจที่เห็นแบบนั้นก็พลันหันขวับมาจ้องหน้าของผมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แล้วไหงกูเกี่ยวอะไรด้วย..
“เอาล่ะ..ต่อไปฉันจะขอชี้แจ้งรายละเอียดของภารกิจ ว่าที่จ่าสิบตรีสตาร์..ก้าวออกมาแนะนำตัวต่อพันตรีพอลหน่อยซิ..”สไปร์สที่เปิดประเด็น พร้อมกับหันมาบอกกับผม..
“ครับ..!”ผมที่ขานรับ พร้อมกับก้าวเดินออกไป ในขณะที่เดินก็มีสายตาของเหล่าบรรดาทหารที่จับจ้องมองมาอยู่ตลอด ก่อนที่ผมจะเดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าสไปร์สและพันตรีพอล..
พรึ้บ..
“กระผมสิบเอกสตาร์ สังกัดอยู่กองทัพทารอน หน่วยพยัคฆ์คลั่งและหน่วยพยัคฆ์อเวจี..”ผมที่ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวรายงานตัว
ซึ่งทันทีที่สิ้นเสียงของผม ทหารจากทัพทารอนและเอทารอสทุกนายก็ต่างพากันส่งเสียงฮือฮาขึ้น..
“สะ..สังกัดอยู่ทั้งสองหน่วยอย่างงั้นเหรอ..?”
“นี่มันอะไรกัน..? เจ้านั่นยังสติดีอยู่หรือเปล่า..?”
“นั่นสิ..ถ้าเข้าทั้งสองหน่วย การจะเลื่อนระดับยศจำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานให้ได้ทั้งสองหน่วย จึงจะสามารถติดยศได้..”
เสียงของทหารจากทั้งสองเหล่าทัพที่ต่างพากันกล่าวออกมา โดยที่ทางด้านของเซนินกับไอรินก็ได้แต่ยืนจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
ต่างจากเมจและเพื่อนภายในกลุ่มที่มองว่าสตาร์เป็นพวกสติไม่ดี เพราะการตัดสินใจเข้าสังกัดทั้งสองหน่วยเป็นอะไรที่คนธรรมดาทั่วไปเขาไม่ทำกัน..
“อย่างนี้เองสินะ เพราะสังกัดสองหน่วยก็เลยยังติดอยู่แค่ยศสิบเอก..”พอลที่กล่าวออกมา..
“ถูกต้องแล้ว หลังจากที่จบหลักสูตรจากสถาบัน เจ้านี่ก็ถูกหน่วยพยัคฆ์คลั่งเรียกตัวไปทำภารกิจระดับ 4 พอกลับมาก็ได้ติดยศว่าที่จ่าสิบตรี ก่อนจะถูกส่งมาที่นี่ต่อ..”สไปร์สที่อธิบายกับพอล สิ่งที่เธอบอกทำให้อีกฝ่ายรวมไปถึงทหารต่างพากันตกตะลึง..
“ทำไปแค่ภารกิจเดียว แต่กลับถูกอวยยศสามขั้นเนี่ยนะ..?”พอลที่เอ่ยถาม..
“ใช่..ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง แต่ในตอนที่จำแนกหน่วย ท่านพลเอกวิลเลี่ยมก็ได้ติดยศสิบเอกให้กับไอ้เจ้านี่ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงได้ติดยศสิบเอกทันที ทั้งๆที่ยังไม่ได้ร่วมทำภารกิจของหน่วยพยัคฆ์อเวจี..”สไปร์สที่อธิบายอย่างต่อเนื่อง และทันทีที่ทุกๆคนได้รู้แบบนั้น ไม่ว่าใครก็ต่างพากันตกตะลึงจนตาค้าง..
“จะ..เจ้านั่นมีศักยภาพมากขนาดไหนกัน ถึงขนาดเลื่อนยศสามขั้นภายในความสำเร็จแค่ครั้งเดียว..”
“อะ..อึก นั่นสิ..หรือว่าจะเป็นหัวกะทิของนักเรียนรุ่นล่าสุดที่จบมากันนะ..?”
เสียงของพวกทหารที่ยังคงฮือฮาดังให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เกิดขึ้นมันได้สร้างความสับสนให้แก่อาเซียเป็นอย่างมาก ภายในหัวของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในคราวเดียวกัน..
“เอาล่ะ..ทุกคนเงียบก่อน ต่อไปฉันจะกระจายหน้าที่ในกลุ่มคู่..”สไปร์สที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา จึงทำให้ทุกๆเสียงค่อยๆเงียบซาลง ก่อนที่ทุกๆคนจะจดจ่อสายตามองมาที่เธอ..
“ภารกิจในครั้งนี้ฉันจะร่วมออกทำภารกิจอยู่ในแนวหน้า เราจะแบ่งกองกำลังออกเป็น 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะแบ่งเป็นกองกำลังของทารอน 4 นาย และเอทารอส 4 นาย นับเอาตามหมายเลขกลุ่ม..”สไปร์สที่กล่าวออกมา พอทุกๆคนได้ยินว่าพันตรีอย่างเธอจะผู้นำภารกิจ ไม่ว่าใครก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ทว่า..
“และฉันจะขอมอบหมายหน้าที่ให้ว่าที่จ่าสิบตรีสตาร์รับผิดชอบเป็นผู้จัดวางกลยุทธ์คอยควบคุมสั่งการกองกำลังทหารภายในกลุ่มทั้งหมด ซึ่งแม้แต่ตัวของฉันที่เป็นผู้นำภารกิจจะต้องปฏิบัติตามแบบแผนของเขา..”สิ้นคำพูดของสไปร์ส เหล่าทหารของกลุ่มคู่ก็ต่างพากันตาเหลือกถล่นอ้าปากช็อคค้าง
“อะ..อะไรนะ..!!!?”เมจที่ถึงกับร้องลั่นออกมา ส่วนทางด้านของพวกทหารก็เริ่มที่จะต่างพากันตื่นตระหนก โดยเฉพาะทหารจากเอทารอส..
“มะ..หมายความว่ายังไง จะให้เจ้าสิบเอกนั่นมาเป็นผู้วางกลยุทธ์อย่างงั้นเหรอ ถึงมันจะมีฝีมือก็เถอะ..?”
“นั่นสิ..ถึงต่อให้มันจะมีฝีมือขนาดไหนก็เถอะ แต่นี่มันภารกิจระดับ 4 เชียวนะ เบื้องบนคิดอะไรอยู่กันแน่..”
“บะ..แบบนี้มันบ้าไปแล้ว หรือว่าพวกทารอนคิดจะหลอกให้พวกเราไปตาย..!”
“พวกเราขอถอนตัวจากภารกิจนี้..!”
ทหารจากเอทารอสที่เริ่มจะส่งเสียงพากันประท้วง ถึงแม้ว่าอันที่จะไม่สามารถถอนตัวได้ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครที่จะทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ได้..
“หุบปาก..!!!”พอลที่ยืนอยู่พลันออกตัวแผดเสียงตวาดออกมา ส่งผลทำให้พวกทหารภายใต้เหล่าทัพต่างพากันเงียบ..
“ทะ..ท่านพันตรี ทำไมล่ะครับ..ทารอนกำลังคิดที่จะส่งพวกเราไปตายนะครับ ผมเชื่อว่าทหารของเอทารอสทุกๆนายไม่มีใครที่จะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ลง..”เสียงกล่าวของทหารเอทารอสผู้นำกลุ่มที่ 8
“แต่ฉันไม่มีปัญหา..!!”
ทันใดนั้นไอรินที่ยืนอยู่ก็ชูมือขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวออกมา ส่งผลทำให้ทหารจากเอทารอสทุกๆนายต่างพากันหันมามอง..
ซึ่งตัวของไอรินนั้นถือว่าเป็นทหารที่ใครๆก็ต่างให้ความยำเกรง ในบรรดากองกำลังทหารของเอทารอสในตอนนี้ เธอถือว่าเป็นทหารที่มีศักยภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านการต่อสู้หรือด้านการวางกลยุทธ์ เธอก็ล้วนแล้วแต่ทำได้ดี เผลอๆทำได้ดีกว่าจ่าสิบโทบางคนเสียด้วยซ้ำ.
“ฉันเชื่อว่ายังไงการที่ทารอนทำแบบนี้จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอนค่ะ..!”ไอรินที่เปล่งเสียงตะโกนออกมา..
“จะ..จ่าสิบตรี อะ..ไอริน..”เสียงของทหารที่เป็นตัวแทนกล่าวแย้งในตอนแรกถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพียงแค่ความเห็นต่างของไอรินก็ทำให้ทหารส่วนใหญ่เริ่มที่จะเกิดความลังเลใจ..
“ถึงจะไม่รู้ว่าเบื้องบนมีเหตุผลอะไร แต่อย่าว่าแต่เอทารอสเลย ผมเองก็รับไม่ได้กับคำสั่งนี้..”เสียงของเมจที่ตะโกนขึ้น ก่อนจะหันมาจ้องหน้าของผม..
“จะให้พวกเราไปฟังคำสั่งสิบเอกเนี่ยนะ ให้คิดยังไงมันก็ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด..”สิ้นคำพูดของเมจ พวกทหารจากทัพทารอนและเอทารอสก็ต่างกันพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นสินะ..สำหรับทัพทารอน นี่คือคำสั่งของท่านพลเอกวิลเลี่ยมที่ได้รับมอบหมายโดยตรงมาจากท่านจอมพล พวกแกไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ ถ้าไม่ทำตามคำสั่งมีแต่ต้องรับโทษสถานเดียว..!”สไปร์สที่แผดเสียงตวาดกล่าวออกมา ส่งผลทำให้เมจและทหารจากทานรอนต่างพากันหน้าเสีย
“ส่วนเอทารอสพวกแกไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเหมือนกัน และฉันก็อยากจะบอกให้รู้เอาไว้ว่าสิบเอกคนนี้คือคนที่ท่านเมอรัสให้ความไว้วางใจ จนถึงขั้นออกตัวรับรองความสำเร็จของภารกิจ..!”พันตรีพอลที่ประกาศออกมา เมื่อทหารจากเอทารอสได้ยินแบบนั้นก็ต่างพากันเบิกดวงตากว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง ส่วนเมจที่ได้ยินแบบนั้นก็กลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องหน้าเสีย..
“พวกอ่ะ อื้มมมม~..ลูกรักเมอรัส..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาอย่างแอ็คๆ..
“ทะ..ท่านพลโทเมอรัส..”ไอรินที่สบถออกมาเบาๆ ถึงสีหน้าของเธอยังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตาของเธอกำลังเบิกกว้างขึ้น ก่อนจะเปล่งประกายแววระยิบระยับ..
“ตาแก่สมองนกนั่น..”เซนินที่สบถออกมาเบาๆ พลางเหลี่ยวกลับมามองผมอยู่ชั่วขณะ ซึ่งผมก็บังเอิญได้ยินว่าเขาเผลอสบถเรียกเมอรัสว่าอะไร
“ปะ..ปราชญ์อินทรีให้ความไว้วางใจเจ้านั่นอย่างงั้นเหรอ..?”
“เรื่องแบบนี้มัน ใช่ความจริงหรือเปล่า..?”
เสียงของทหารจากเอทารอสที่ต่างพากันกล่าวออกมา ทุกๆคนเริ่มที่จะแตกตื่นสับสน เมื่อได้ยินสิ่งที่พันตรีพอลบอก..
“ขอย้ำอีกครั้งพวกแกอาจจะยังไม่รู้ว่าเขาคนนี้คือคนที่เสาหลักปราชญ์อินทรีเมอรัสให้การยอมรับในด้านการวางเชิงกลยุทธ์ ถ้าพวกแกไม่เชื่อก็จงดูให้เต็มตาซะ นี่คือลายเซ็นส์รับรองจากท่านพลโทเมอรัส..!”พอลที่พลิกกระดานในมือแสดงให้ทุกๆสายตาได้ประจักษ์ เมื่อเหล่าทหารได้เห็นแบบนั้นก็ต่างพากันพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่แต่ละคนจะหันมามองหน้าของกันและกัน..
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าเป็นคนที่ท่านพลโทเมอรัสให้การยอมรับ พวกเราก็จะไม่มีข้อกังขาใดๆ..”
“ใช่ครับ..!”
“ใช่ๆ..”
“กะแล้วเชียวว่าทำไมถึงมีฝีมือขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง..”
เหล่าทหารจากเอทารอสที่ต่างพากันพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน ทำให้สถานการณ์วุ่นวายถูกคลี่คลายลง..
“กรอด..”เมจที่ได้แต่ยืนก้มหน้ากำหมัดแน่น ส่วนทางด้านของอาเซียก็ตกตะลึงจนตาค้าง เธอเอาแต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก..
ตอนนี้อาเซียเข้าใจแล้ว เธอเข้าใจว่าสตาร์มีความสามารถเชิงกลยุทธ์ที่ซ่อนอยู่ แม้ว่าเขาจะไม่มีเอมพาสก็ตาม..
“ในเมื่อทุกๆคนไม่มีข้อข้องใจแล้ว ต่อไปฉันจะขออธิบายสถานการณ์ให้ทุกๆคนได้เข้าใจ..จากสถานการณ์ล่าสุดที่กองกำลังหลักได้ถูกลอบโจมตี จนต้องหลบหนีเข้าไปในหุบเขาลาติสและหาที่ซ่อนตัวอยู่ภายในนั้น
คาดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่แน่ว่าศัตรูอาจจะกำลังแอบซุ่มโจมตีกองกำลังสนับสนุนของพวกเราอยู่รอบๆหุบเขาลาติสก็เป็นได้ ยังไงพวกมันก็คงจะคาดเดาสถานการณ์ว่าจะต้องมีกำลังเสริมที่ถูกส่งมาสบทบ
ภารกิจในครั้งนี้เราจะต้องตรวจหาศัตรูที่ซุ่มโจมตีอยู่รอบๆหุบเขาให้พบและเข้ากวาดล้างพวกมันให้หมด เพื่อที่จะเปิดทางและเข้าไปช่วยกองกำลังหลัก..!”สไปร์สที่อธิบายสถานการณ์..
“ขออนุญาติสอบถามครับ..”เสียงของทหารนายหนึ่งที่ยกมือขึ้น เขาคือทหารยศจ่าสิบโทของกองทัพทารอน..
“ว่ามา..”สไปร์สที่เปิดโอกาสให้ทหารนายนั้นได้เอ่ยถาม..
“ในเมื่อกองกำลังหลักถูกไล่ต้อนเข้าไปในหุบเขา จนออกมาไม่ได้ ท่านคิดว่าพวกเขายังมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่าครับ ในกรณีแบบนี้ศัตรูอาจจะบุกโจมตีกองกำลังหลักจนแตกพ่ายไปแล้วก็ได้..”
“อ้าว..ปากหมานะแกเนี่ย..!”
สิ้นเสียงของคำถาม ทหารอีกนายจากกองทัพเอทารอสก็ตะโกนด่าขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเป็นลาง..
“ถามได้ดี..ก็จริงอยู่ว่ากองกำลังหลักถูกบีบบังคับไล่ต้อนให้ต้องหนีเข้าไปในหุบเขา แต่ฉันเชื่อว่ายังไงพวกไฮสโตเรียก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้าจู่โจมกองกำลังหลักโดยพละการ เพราะความแตกต่างทางจำนวนของกำลังพล..
และอีกหนึ่งการคาดคะเนของท่านจอมพลทั้งสอง ยังไงพวกมันก็คงจะทำได้แค่ดักซุ่มโจมตีอยู่รอบๆหุบเขาและรอคอยจนกว่าที่เสบียงของกองกำลังหลักจะหมด หรือไม่ถ้าเกิดกองกำลังหลักคิดที่จะหลบหนีออกมาจากหุบเขา พวกมันก็จะแอบลอบโจมตีและไล่ให้กองกำลังหลักกลับเข้าไป
การทำแบบนั้นนอกจากพวกมันจะไม่สูญเสียกำลังพลแล้ว พวกมันยังสามารถตัดกำลังรบของเอลเดียได้ด้วยการดักซุ่มรอกองกำลังเสริมที่จะถูกส่งมาช่วย..
อารมณ์เหมือนใช้กองกำลังหลักเป็นเหยื่อล่อ และรอกวาดล้างกองกำลังเสริม อีกทั้งยุทธวิธีที่พวกไฮสโตเรียใช้โจมตีก็ยังคงเป็นความลับที่เอลเดียไม่ล่วงรู้ วิธีที่พวกมันใช้ เท่าที่ฉันได้ยินจากการสันนิษฐานของทหารนายหนึ่งมาคือการอำพรางตัวและการจู่โจมด้วยกระสุนแรงดันเวทแบบใหม่ที่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้..”สไปร์สที่สาธยายลากยาว เมื่อพวกทหารได้ยินก็ต่างพากันสะอึกพูดอะไรไม่ออก สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงสูง นอกจากจะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของศัตรู ทางฝ่ายเรายังไม่รู้ยุทธวิธีที่พวกมันใช้อีก..
“ก็อย่างที่บอกไปว่าการจู่โจมในครั้งนี้พวกเราจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักๆ ทางพันตรีพอลจะนำกองกำลังกลุ่มคี่เคลื่อนพลเข้าสู่ช่องแคบทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหุบเขาลาติส
ส่วนกองกำลังของเราจะเคลื่อนพลเข้าสู่ช่องแคบทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พวกเราจะเข้าโอบล้อมหุบเขาและค่อยๆเคลื่อนตัวไล่ต้อนกองกำลังของไฮสโตเรียที่น่าจะแอบซุ่มจู่โจมอยู่รอบๆหุบเขา
การทำแบบนั้นจะทำให้ศัตรูมีเพียงแค่สองทางเลือก ทางเลือกแรกคือสั่งถอนกำลังพลออกจากสมรภูมิ ส่วนอีกทางเลือกคือหลบหนีเข้าไปในหุบเขาลาติส แต่ถ้าเกิดพวกมันทำแบบนั้นก็อาจจะต้องปะทะกับกองกำลังหลักที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในหุบเขา และเมื่อถึงตอนนั้นกองกำลังของเราและกองกำลังหลักก็จะกลายเป็นฝ่ายที่เข้าปิดล้อมพวกมัน..”สไปร์สที่อธิบายถึงกลยุทธ์คร่าวๆ ซึ่งถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เห็นแผนที่ภูมิศาสตร์ แต่ก็พอจะเดาคร่าวๆได้อยู่
“ต่อไป..ฉันจะให้สิบเอกสตาร์มาอธิบายรูปแบบกลยุทธ์ที่จะใช้ ยังไงก็จงฟังและปฏิบัติตามอย่างไร้ข้อสงสัยด้วย..”สไปร์สที่กล่าว ก่อนจะโยนหน้าที่รับผิดชอบมาให้ผม ซึ่งพอผมได้ยินแบบนั้นก็ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ พร้อมกับหันกลับไปหาทุกๆคน..
“เอาล่ะ..ทหารทุกนายจงฟังให้ดี..”ผมที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา ก่อนจะหยุดเว้นวรรค โดยที่เหล่าบรรดาทหารก็ต่างจับจ้องมองมาที่ผม..
ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีแววตาที่แตกต่างกันออกไป อย่างไอ้เมจตอนนี้มันกำลังจ้องหน้าของผมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ส่วนอาเซียก็จ้องมองมาด้วยความตกตะลึง..
แต่คนที่น่าจะอาการหนักมากที่สุดนั่นก็คือไอริน ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาที่เป็นประกายระยิบระยับ แม้ว่าใบหน้าของเธอจะยังคงเย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์ก็ตาม..
“อีก 20 นาที เคลื่อนพล..!”
“ห้ะ..!!!?”
“อ้าวเฮ้ย..? แล้วแผนล่ะ แผนอยู่ไหน..?!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา หลังจากที่พวกทหารต่างพากันร้องเสียงหลง..
‘ก็ฉันนี่ไงล่ะ..แผน..!”
ไรท์:คอมเม้น..~~~