แสงที่ 59 ช่วยอย่าเอาฉันไปเหมารวมกับพวกกระจอกแบบแก
ท่ามกลางร่างของไอ้เจ้าม้าที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าของผม ผมที่ยืนอยู่ก็เตรียมที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสลิ้นของมัน แต่ทว่า..
ฟุบ..
“ไม่เอาอ่ะ..”
[ห้ะ..? กรอด..! ข้าอุตส่าห์ยอมที่จะทำพันธสัญญากับเจ้าแล้วนะ แต่เจ้ากลับเล่นตัว เออ..ไม่ทงไม่ทำแม่งแล้ว..]
ไอ้เจ้าม้าที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนพลันหุบลิ้นและเตรียมที่จะเดินจากไป แต่ทว่า..
“ฉันไม่ได้ต้องการพาหนะหรือข้ารับใช้ แต่ฉันต้องการเพื่อนที่จะสู้ไปกับฉัน..”ผมที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา พอไอ้ม้าที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดชะงัก พลางเบิกดวงตากว้างขึ้น..
[อะ..อึก นะ..นี่เจ้า..]
“ถ้าจะมาเป็นข้ารับใช้หรือแค่สัตว์ที่ให้ฉันขี่ก็จงไปซะเถอะ แต่ถ้าจะมาเพื่อเป็นสหายที่จะร่วมรบไปกับฉัน ก็จงยื่นลิ้นของแกออกมา..”ผมที่ยื่นมือออกไปหาไอ้เจ้าม้า..
[จะ..เจ้าแตกต่างจากมนุษย์ทุกๆคนที่ข้าเคยเจอ ไอ้เจ้ามนุษย์พวกนั้นมองพวกข้าเป็นเพียงแค่พาหนะ แต่เจ้ากลับ..]
“พูดมากน่า สรุปจะเป็นไม่เป็น..? เพื่อนอ่ะ..”ผมที่กล่าวตัดบทไอ้ม้า ก่อนจะถามมันด้วยรอยยิ้ม..
[ด้วยความยินดี สหายมนุษย์คนแรกของข้า..]
ไอ้เจ้าม้าที่ให้คำตอบ พลางเดินกลับมาใช้ลิ้นเลียฝ่ามือของผม ทันใดนั้นก็เกิดเป็นแสงสว่างเล็กๆที่หลังฝ่ามือ พร้อมกับตราสัญลักษณ์รูปอาชาที่ปรากฏอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะจางหายไป..
“ฮะ..เฮ้ย ได้ไง..! จะ..เจ้านั่นมันทำพันธสัญญากับอาชาทมิฬ แถมเจ้าอาชาทมิฬเหมือนจะเป็นฝ่ายขอทำพันธสัญญาด้วยตัวเองด้วย..”
“อึก..เจ้านั่นเป็นใครกันนะ..? ทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันอยู่ที่แผนกไหนกัน..?”
เสียงของเหล่าบรรดานักเรียนที่ต่างพากันกล่าวออกมาด้วยตกตะลึง ทางด้านของเดรสที่เห็นก็ได้แต่ยืนอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“อะ..อึก เป็นไปได้ยังไงกัน..? เจ้านั่นทำอะไรกันแน่..?”เดรสที่สบถถามกับตัวเอง เขามองไม่ออกว่าสตาร์ใช้วิธีไหนในการสยบอาชาทมิฬที่บ้าคลั่ง..
“เอาล่ะ..ต่อไปฉันคงต้องตั้งชื่อให้แก..”ผมที่บอกกับไอ้เจ้าม้า ก่อนจะพลางนึกคิดชื่อเท่ๆให้มัน..
“ฉันตั้งเอง ฉันตั้งเอง..”ไอ้จ้อนที่เสนอขึ้น..
‘หืม..? ไหนลองว่ามาสักสองชื่อดิ่..’ผมที่บอกกับไอ้จ้อน..
“สีหมอกของขุนแผน หรือไม่ก็เซ็กเธาว์ของลิโป้เป็นไง..?”
‘เหอะ..เซนส์การตั้งชื่อโครตห่วย นี่มันโลกแฟนตาซีนะเว้ย เอาให้มันดูเท่ๆหน่อย อย่างเช่น..ดาร์ธเวเดอร์ เป็นไง..?’
“โถ๊ะ..แกก็มักง่ายไม่ต่างจากฉันเลย ความชอบส่วนตัวก็บอก..”ไอ้จ้อนที่ส่งเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าผมเอาชื่อจากตัวละครหลักในหนังสงครามอวกาศชื่อดังมาตั้งให้เจ้าม้า..
“เอาเป็นว่าต่อจากนี้ชื่อของแกคือเวเดอร์..”ผมที่บอกกับไอ้เจ้าม้า..
[มันแปลว่าอะไรงั้นเหรอ..?]
“ความหมายจริงๆมันมาจากอีกภาษาของมนุษย์ที่แปลว่าพ่อ แต่ในความหมายของฉันมันแปลว่าผู้รุกรานแห่งความมืด..”ผมที่บอกกับไอ้เจ้าม้าและเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ให้กลายเป็นความหมายที่ตัวเองถูกใจ..
[ฟังดูน่าเกรงขามดีหนิ ตัดสินใจแล้ว..ข้าเอาชื่อนี้แหละ..]
เจ้าเวเดอร์ที่ดูเหมือนจะชอบใจเป็นอย่างมาก มันพลันยกขาหน้า ก่อนจะเดินหมุนรอบตัวเอง..
ฟุบ..
[มาสิ..เดี๋ยวให้ขี่ เจ้าจะเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ขี่ข้าโดยที่ข้าไม่ขัดขืน..]
ไอ้เจ้าเวเดอร์ที่บอกกับผม ก่อนจะหันข้างให้เหมือนอยากจะให้ผมลองขี่ ซึ่งเมื่อผมเห็นแบบนั้นก็กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะกระโดดขึ้นไปขี่บนแผ่นหลังของมัน..
“ฮะ..เฮ้ย เจ้านั่นขึ้นไปขี่แล้ว..!”เสียงของนักเรียนคนหนึ่งที่ตะโกนขึ้น ท่ามกลางสายตาของลิซ่าที่ได้แต่จ้องมองออกไป
ซูม..!!!!!
“เฮ้ย..!!!”
ทันทีที่ผมขึ้นมานั่งบนแผ่นหลังของไอ้เจ้าเวเดอร์ ร่างของมันก็ระเบิดเปลวเพลิงออกมา ขนเกือบทั่วทั้งร่างของมันได้กลายเป็นเปลวเพลิง จนทำให้ผมถึงกับหน้าเหว๋อและเกือบจะกระโดดลงจากแผ่นหลังของมัน
“เจี๊ยกกกก ไหม้แล้ว ไหม้แล้วโว้ย..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา..
[อย่าตื่นตระหนก พวกเราทำพันธสัญญากันแล้ว ไฟของข้าไม่ทำอันตรายต่อเจ้าหรอก..]
“หะ..หืม จริงด้วย..แถมกางเกงของฉันยังไม่ไหม้ด้วย..”ผมที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ สายตากำลังจ้องมองไปยังเปลวเพลิงบนแผ่นหลังของไอ้เจ้าม้าที่ไม่ได้ทำอันตรายอะไรต่อตัวของผมราวกับมีพลังงานจากพันธสัญญาที่ห่อหุ้มร่างของผมเอาไว้
“ไฟจากเจ้าม้าไม่ได้ทำอันตรายอะไรเจ้านั่นด้วยดูสิ..”เสียงของนักเรียนคนเดิมที่ยังคงตะโกนออกมา ซึ่งมันก็สร้างเสียงฮือฮาให้แก่นักเรียนบางส่วนที่จ้องมองอยู่..
“อะ..อึก เป็นเพราะว่าทำพันธสัญญากันแล้วอย่างงั้นเหรอ..?”เดรสที่กล่าวออกมา..
[เจ้าชื่ออะไร..?]
“สตาร์..”ผมที่บอกกับเวเดอร์..
[ดีล่ะ..สตาร์..! จับให้แน่นๆล่ะ ข้าจะโชว์ให้เจ้าได้ดูว่าข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง..!]
เวเดอร์ที่บอกกับผม ก่อนที่ทันใดนั้นมันจะออกตัวควบวิ่งไปข้างหน้า จนผมที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวเกือบที่จะร่วงลงมาจากหลังของมัน..
กร็อบๆ ๆ ๆ
“อั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ นั่งดีๆหน่อยสิฟะ..!”เสียงของไอ้จ้อนที่กระแทกกับแผ่นหลังของเวเดอร์รัวๆ ก็แหงสิฟะ..ตูขี่ม้าไม่เป็นโว้ย..!
ฟุบ..!!!
“ฮี๋..!!”
ฟุบ..
ตึงๆ ๆ ๆ
ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อร่างของไอ้เจ้าเวเดอร์จู่ๆก็กระโดดเหยียบอากาศซิกแซกขึ้นไปข้างบนราวกับมีแท่นเหยียบที่มองไม่เห็นวางอยู่ ซึ่งมันก็ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ผมเป็นอย่างมาก..
[ก็อย่างที่เห็น..ข้ามีพลังที่สามารถเหยียบอากาศได้ แต่เหยียบติดต่อได้แค่ 5 ครั้งเท่านั้น เมื่อใช้ไปแล้วจะต้องรอไปอีกสักระยะจึงจะสามารถใช้ได้ใหม่
ตัวของข้านั้นถือครองพลังอยู่ด้วยกัน 4 แบบ พลังแรกคือเรียกเปลวเพลิงออกมา พลังที่สองคือเหยียบอากาศ และพลังที่สามชีวิตที่เป็นอมตะ โดยพลังอมตะที่ว่าคือไม่ว่าข้าจะถูกโจมตีหรือชำแหละร่างกายด้วยวิธีไหน ข้าก็จะไม่มีวันตาย ยกเว้นเพียงแต่จะถูกไฟเผา..]
สิ้นเสียงของเวเดอร์ พร้อมกับร่างที่ดิ่งกลับลงมาสู่พื้น มันก็ทำให้ผมที่ได้ยินถึงกับต้องตกตะลึง ไอ้เจ้าม้าตัวนี้แม่งโอพีเกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้ แฟนตาซีจ๋าๆเลย..
“แล้วพลังที่ 4 ของแกล่ะ..?”ผมที่ถามกับไอ้เจ้าม้า..
[พลังที่ 4 ของข้าคือพลังแรกที่ติดตัวข้ามาตั้งแต่เกิด มันคือพลังช่วงชิงที่จะทำให้ข้าชิงความสามารถจากม้าตัวอื่นๆมาเป็นของตัวเองได้ ใช่แล้ว..ไม่ว่าจะเป็นพลังไฟ พลังเหยียบอากาศหรือแม้แต่พลังอมตะ ข้าล้วนแล้วแต่ชิงมันมาจากมาตัวอื่นในตอนที่อยู่ในป่า โดยวิธีที่จะใช้ชิงคือต้องเสียบไอ้นั่นของข้าเข้าไปในตัวของม้าตัวอื่น..]
“เออ..เชื่อเลย การที่เราได้มาเจอกับมันคือพรหมลิขิตชัดๆ จ้อนขอเปิดสมาคมคนชอบ…..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ซึ่งแม่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โครตจะบังเอิญ เออ..เยี่ยม นี่แหละม้าในอุดมคติของพวกเรา..
“จะว่าไปแล้ว แกบอกว่าก่อนหน้านี้แก่ชิงพลังอมตะมาจากม้าตัวอื่นใช่ไหม..? แล้วแกฆ่ามันได้ยังไง..?”ผมที่ถามกับเวเดอร์..
[ก็อย่างที่บอกไงว่าต้องเผา ตอนแรกข้าได้ชิงพลังไฟมาจากม้าป่าตัวเมียตัวหนึ่ง ก่อนจะมาเจอกับไอ้เจ้าม้าตัวผู้ที่ถือครองพลังอมตะ โดยที่เจ้าม้าตัวนั้นมันเป็นม้าพเนจรเหมือนกันกับข้า เจ้านั่นตกลงมาจากหน้าผาและไม่ตาย จึงทำให้ข้าได้เห็นความสามารถของมัน พอข้าได้เห็นความสามารถของมันก็จึงเกิดความคิดที่อยากจะแย่งพลังนั้นมา แต่ทว่ามันกลับขัดขืนจนทำให้ข้าโกรธและปลดปล่อยพลังไฟออกมา ก่อนที่ต่อจากนั้..น..]
“เดี๋ยวๆ..!”ผมที่กล่าวแทรกเข้ามา
‘จ้อน..เมื่อกี้แกแปลผิดปะ..? มันบอกว่าไอ้ม้าอมตะเป็นม้าตัวผู้เหรอ..?’
“เออมันว่างั้นแหละ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวยืนยัน..
“เวเดอร์..ที่แกกำลังจะบอกกับฉันคือแกไปเสียบตูดไอ้เจ้าม้าตัวผู้นั่นมาอย่างงั้นเหรอ..?”
[ตอนนั้นมันเป็นเวลากลางคืน ข้าเองก็มองเห็นได้ไม่ชัดนัก ตอนแรกข้าก็นึกว่ามันเป็นตัวเมียก็เลยอึ๊บๆไป แต่พอได้รู้ว่ามันเป็นตัวผู้ ข้าที่รับไม่ได้ก็เลยจัดการเผาร่างของมัน จนได้รู้ว่าพลังอมตะของมันแพ้ไฟ..]
“….”ผมกับไอ้จ้อนที่ต่างพากันเงียบกริบ คุณได้รับม้าใจเกเร 1 EA
ฟุบ..!
ตุบ..!
[ยังไงอันดับแรกช่วยถอดไอ้ปลอกเหล็กนี่ให้ข้าหน่อยสิ..]
“ได้..ฉันจะถอดให้ แต่แกต้องรับปากก่อนว่าจะไม่ไปอึ๊บม้าตัวไหน ถ้าฉันไม่อนุญาติ..”ผมที่บอกกับไอ้เจ้าเวเดอร์ การที่มันถูกใส่ปลอกเหล็กแสดงว่ามันคงชอบสร้างปัญหา..
[ทำไมล่ะ..?]
“เพราะมันอาจจะสร้างปัญหาให้ฉัน..”
[อะ..อึก แต่ว่าข้าอยา..ก..]
“เวเดอร์..ถ้าแกไม่ฟัง ฉันก็ไม่ถอดให้หรอกนะ..”
[กะ..ก็ได้..]
เวเดอร์ที่ยอมจำนนกล่าวออกมา เมื่อผมเห็นแบบนั้นก็ได้ทำการปลดเข็มกลัดที่อินทนูออกมา ก่อนจะกระโดดลงจากหลังของมัน พลางย่อตัวลงไปและใช้มเข็มกลัดในการสะเดาะแม่กุญแจที่ล็อกกับกระบอกเหล็กให้แก่มัน..
แกร๊ก..
ผมที่ถอดแม่กุญแจออก โดยที่เวเดอร์ก็สะบัดตัวไปมาทำให้กระบอกเหล็กหลุดออกจากพันธนาการ รวมไปถึงโซ่ตรวนที่ล็อคร่างของมันเอาไว้..
“นะ..นี่เธอ..”
ทันใดนั้นเองเสียงของเดรสก็ดังขึ้น เมื่อผมหันไปมองก็พบเข้ากับร่างของเขาที่กำลังเดินตรงเข้ามาใกล้ โดยที่สีหน้าของอีกฝ่ายมันกำลังแลดูอึ้งแบบสุดๆ..
“หืม..? ผมทำตามความปรานารถของคุณได้แล้วนะ ถึงลุงจะไม่ได้ขี่เจ้านี่ แต่อย่างน้อยลุงก็ได้เห็นใครสักคนที่ขี่มัน..”ผมที่กล่าวกับเดรส แต่อีกฝ่ายกลับยังคงยืนอึ้ง..
“ระ..เรื่องนั้นช่างมันก่อน แต่เธอทำได้ยังไงกัน เธอใช้วิธีไหนถึงสยบมันได้..?”
[หืม..ไอ้เจ้ามนุษย์คนนี้ เดี๋ยวนะ..กรอด ไอ้เวรที่จับข้ามา..!]
เสียงของเวเดอร์ที่ตะโกนออกมา โดยที่ไอ้จ้อนก็ยังคงทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้เองสินะ..
“สำหรับผมแล้ว..ม้ามันก็เหมือนคนนั้นแหละครับ เราจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักและพูดคุยกับมันก่อน ถ้ามันชอบในตัวของเรา มันก็จะเป็นฝ่ายเข้าหาเราเอง
สำหรับคุณลุงแล้ว คุณลุงมองว่าม้าคืออะไรเหรอครับ..? ถ้ามองว่ามันเป็นเพียงแค่พาหนะ คุณก็จะทำได้แค่ขี่มัน..แต่ถ้าคุณมองว่ามันเป็นเพื่อนของคุณ..นอกจากที่คุณจะได้ขี่มันแล้ว คุณยังจะได้ใจของมันอีกด้วย..”ผมที่อธิบายออกไปแบบมั่วๆ พลางลูบหัวของเวเดอร์..
“อะ..อึก ธะ..เธอคุยกับม้าได้ด้วยเหรอ..? ถึงเจ้านี่จะฉลาดจนรู้ภาษามนุษย์ก็เถอะ แต่เธอก็ไม่น่าจะพูดภาษาม้าได้หนิ..”เดรสที่ถามผม..
“ถึงผมจะพูดภาษาม้าไม่ได้ แต่ทำไมผมจะไม่เข้าใจว่ามันกำลังคุยอะไรกับผม..? มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้อะไรฟัง..”ผมที่กล่าวกับเดรส พลางชี้มาที่หัวใจของตัวเอง..
“ละ..เหลือเชื่อจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าอาชาทมิฬมันปฏิเสธฉันและทุกๆคนมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่ามันจะเลือกเธอ..”เดรสที่ก้มหน้ากล่าวออกมา..
“เปล่าครับ..ผมต่างหากล่ะ ที่เลือกมัน..ใช่ไหม..? เวเดอร์..”
“ฮี๋..~”เวเดอร์ที่พยักหน้าตอบกลับ ในสายตาของคนมันก็คงจะเหมือนกับม้าปกติทั่วๆไป แต่สำหรับผมที่มีกระจู๋ที่สามารถแปลภาษาของม้าได้แล้วนั้น..
[อยากอึ้บอ่ะ..ข้าอยากอึ้บ..!]
“หุบปาก..! ก่อนที่ฉันจะหน้ามืดตัดกระปู๋ของแกทิ้ง..! ฉันเตือนแกดีๆแล้วนะเพื่อน เอมพาสฉันมันเป็นดาบไฟความร้อนสูงเชียวนะโว้ย..”ผมที่ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบอกกับเวเดอร์ที่กำลังเร้าหรือ ส่งผลทำให้มันต้องก้มหน้าคอตกไปในทันที..
“ยังไงช่วยเล่ารายละเอียดตาลุงนี้ให้ฉันฟังหน่อย..”ผมที่กระซิบบอกกับเวเดอร์ ถึงจะเป็นม้าแต่ก็น่าจะรู้..
“อยะ..อย่างงั้นเองสินะ เข้าใจแล้ว..ถ้างั้นฉันขอยกเจ้านี่ให้เธอ ยังไงก็ฝากดูแลมันแทนฉันด้วย..”เดรสที่ดูเหมือนจะทำใจได้แล้วกล่าวออกมา..
“ขอบคุณครับ..เจ้าเวเดอร์มันบอกกับผมแล้วล่ะว่าคนที่จับมันมาก็คือคุณลุง ไม่สิ..ท่านอดีตจอมพลแห่งเอทารอส มหาอินทรีเหล็กดารัน..”ผมที่บอกกับเดรส ก่อนจะกล่าวตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา ซึ่งพออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเบิกดวงตากว้างขึ้น..
โดยที่ตัวของผมเองก็อึ้งไม่ต่างกัน คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของผมคืออดีตนายทหารที่ยศสูงที่สุดในเหล่าทัพของเอทารอสที่ปลดเกษียณ..
“หึ..กะแล้วเชียวว่าเธอสามารถคุยกับมันได้จริงๆ แต่ก็เอาเถอะ..ยังไงฉันก็คาดหวังเอาไว้ว่าเธอจะดูแลมันได้ ถ้าเกิดสถานการณ์เพียงแค่นี้ เธอยังจัดการไม่ได้และปล่อยให้มันต้องตาย ฉันเนี่ยแหละจะเป็นคนส่งเธอไปอยู่กับมันด้วยตัวเอง..”เดรสที่กล่าวออกมา จู่ๆนัยน์ตาของเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความเย็นชา ซึ่งเมื่อผมชำเลืองสายตาไปมองยังขวามือก็พบเข้ากับร่างของไอ้รันต้าที่กำลังเดินตรงเข้ามาใกล้..
และนั่นจึงทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่เดรสพึ่งจะพูดไปมันหมายความว่ายังไง..
ฟุบๆ ๆ
แต่ทว่ายังไม่ทันที่รันต้าจะเดินเข้ามาใกล้ จู่ๆเหล่านักเรียนบางส่วนจำนวนราวๆกว่า 30 คนก็พากันวิ่งตัดหน้ากรูกันเข้ามาห้อมล้อมผมเอาไว้ซะก่อน
“เฮ..นายน่ะ เมื่อกี้สุดยอดไปเลย นายใช้วิธีไหนจับเจ้าอาชาทมิฬเหรอ..? บอกกับพวกเราบ้างสิ..?”
“นั่นสิ..ขอร้องล่ะ บอกเคล็ดลับกับพวกเราบ้างสิ พวกเรายังหาม้าไม่ได้เลยสักตัว..”
เสียงของเหล่านักเรียนที่ต่างพากันส่งเสียงถามผม ท่าทีของแต่ละคนแสดงออกถึงความเป็นมิตร ไอ้ที่เดินเข้ามาก็แค่กะว่าจะมาถามถึงเคล็ดลับ..
“เออคือ..”ผมที่ไม่รู้จะเริ่มตอบคำถามของนักเรียนคนไหนก่อน จากเสียงที่ดังเซ็งแซ่อยู่รอบๆ
“นี่นายน่ะ..”
แต่แล้วทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาจากทางซ้ายมือของผม เมื่อผมหันไปมองก็พบเข้ากับร่างของลิซ่าที่พึ่งจะลงจากหลังของม้าและกำลังเดินตรงเข้ามาหาผม..
การปรากฏตัวของเธอได้ทำให้นักเรียนทุกๆคนต่างพากันเงียบเสียงลงในทันที..
“นายเป็นนักเรียนของแผนกไหน ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยล่ะ ไม่ใช่ท็อปสิบหัวกะทิด้วย..?”ลิซ่าที่เปิดประเด็นเอ่ยถามผม เธอกำลังยืนกอดอกขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย โดยที่สีหน้าของผู้หญิงคนนี้มันดูตึงๆอยู่ตลอดเวลา..
“เฮ้ย..แกเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า เทพธิดาแห่งแผนกยุทธิวิธีเข้ามาคุยกับไอ้เจ้าหมอนี่ว่ะ..”
“ดะ..ได้ไง ปกติฉันไม่เคยเห็นเธอทักใครก่อนนะ..”
“นั่นสิ..หรือว่าเธอจะสนใจไอ้เจ้าหมอนี่..?”
“พูดอะไรของแกวะ ถ้าแรนต้าแผนกสู้รบมาได้ยินเดี๋ยวก็โดนกระทืบตายเอาหรอก รายนั้นแอบชอบลิซ่ามาตั้งแต่สมัยก่อนเข้าเรียนแล้วนะ..”
“หืม..? ถึงจะเคยได้ยินมาอยู่บ้างก็เถอะ แต่ไม่ใช่ว่ารันต้าเป็นคู่หมั้นกับน้องสาวของลิซ่าเหรอ..?”
“ก็ใช่อยู่..แต่ว่าน้องสาวของลิซ่าเป็นพวกไร้ความสามารถน่ะ รันต้ามันก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เห็นว่าน้องสาวของลิซ่าสวยโครตๆเลยไม่ใช่เหรอ..?”
“ก็เออดิ..ถ้าไม่สวยเจ้ารันต้าก็คงจะถอนหมั้นไปแล้ว เผลอๆเจ้านั้นอาจจะคิดควบสองเลยก็ได้..”
เสียงของนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ต่างพากันกล่าวออกมา โดยที่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก..
“เวเดอร์..แกไปเดินเล่นก่อนไป..”ผมที่บอกกับเวเดอร์ แถมในช่วงจังหวะที่กำลังชุลมุน ตาลุงเดรสก็แอบปลีกตัวหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้..
ซึ่งทันทีที่เวเดอร์มันได้ยินแบบนั้นมันก็รีบกระโจนตัวฝ่าวงล้อมของเหล่านักเรียนออกไปในทันที..
“อึก..สั่งได้ด้วย..”ลิซ่าที่ถึงกับเบิกดวงตากว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง เธอคงจะอึ้งที่เห็นผมสามารถสั่งเวเดอร์ได้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้เอาไปฝึก..
“เมื่อกี้ใครถามเคล็ดลับนะ..?”ผมที่แสร้งทำเป็นเมินลิซ่า ก่อนจะหันไปถามกับเหล่าบรรดานักเรียน..
“ฉันๆ ๆ ๆ..!”
เหล่านักเรียนที่ต่างยกมือตีวงล้อมกันเข้ามา ส่วนทางด้านของลิซ่าที่เห็นว่าผมเมิน เธอก็พลันชักสีหน้าขึ้น..
“นี่นาย..!”ลิซ่าที่ตวาดเสียง..
“เคล็ดลับการจะจับม้า อันดับแรกพวกนายต้องเริ่มที่การคุยกับมันก่อน..”ผมที่ทำเป็นไปสนใจพลันบอกเคล็ดลับกับเหล่านักเรียน..
“ห้ะ..? คุยกับม้าเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า..?”
“เออนั่นดิ..จะให้ไปคุยกับม้า นี่นายยังสติดีอยู่หรือเปล่า..”
“ถ้าไม่คิดที่จะบอกตั้งแต่ทีแรกก็พูดออกมาตรงๆเลยเถอะ..เสียเวลาชะมัด..”
เสียงของนักเรียนบางส่วนที่ต่างพากันกล่าวออกมา ก่อนที่บางคนจะเดินออกไป แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่..
“ไม่เอาน่า เมื่อกี้เป็นมุขใช่ไหม..?”นักเรียนคนที่ยังยืนอยู่ฝืนยิ้มและถามผม..
“เปล่า..ฉันพูดจริง พวกนายอาจจะยังไม่รู้ แต่ม้าบางตัวน่ะ มันฉลาดจนเข้าใจภาษามนุษย์เลยนะ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดู..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันไปทางม้าตัวสีน้ำตาลของลิซ่า..
“เฮ..แกน่ะ มาหาฉันหน่อยสิ..”ผมที่ตะโกนเรียกม้าของลิซ่า แต่ทว่ามันกลับสะบัดหัวไปมาอย่างหงุดหงิด
[เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องฟังคำสั่งของแกด้วย..! ไอ้พวกมนุษย์..ฉันไม่น่าพลาดท่าเลย โดนยัยมนุษย์คนนี้มันหลอกด้วยแผนสกปรกซะได้..!! ]
“มันบอกว่างั้นแหละ..”ไอ้จ้อนที่เป็นล่ามแปลภาษา ดูเหมือนว่าไอ้ม้าตัวนั้นกำลังหงุดหงิดและไม่พอใจลิซ่าอยู่..
“แกจะเดินมาดีๆหรือให้ฉันเรียกม้าของฉันม้าอึ๊บแก..?”ผมที่ตะโกนขู่ไอ้เจ้าม้าตัวเมียสีน้ำตาล พอมันได้ยินก็ถึงกับหูกระตุก..
[ห้ะ..?! มะ..ไม่เอานะ..!]
ไอ้เจ้าม้าตัวสีน้ำตาลที่รีบวิ่งตรงเข้ามาหาผม ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้า ท่ามกลางเหล่าบรรดานักเรียนและลิซ่าที่ได้ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง..
“ก็อย่างที่เห็น..ม้าบางตัวมันก็ไม่ได้โง่หรอกนะ ขอย้ำอีกครั้งนะ..แค่บางตัว แต่ถ้าฉันเดาไม่ผิดพวกม้าส่วนใหญ่ก็อาจจะพอเข้าใจภาษามนุษย์อยู่บ้าง ถ้าพวกแกพูดกับมันดีๆ พวกมันอาจจะยอมทำพันธสัญญาเองก็ได้
และถ้าเป็นไปได้อย่าใช้วิธีบีบบังคับจะดีที่สุด อย่างเช่นม้าตัวนี้ที่มันกำลังไม่พอใจผู้ทำพันธสัญญาของมัน..”ผมที่อธิบายออกมา เมื่อเหล่าบรรดานักเรียนที่ได้ยินก็ต่างสะพรึง..
“ละ..เหลือเชื่อ พวกม้ามันฉลาดขนาดนี้เลยเหรอ..?”
“นะ..นั่นสิ..”
“ยังไงก็ขอบใจนายมากนะ เดี๋ยวฉันจะไปทดลองทำดู..”
เหล่าบรรดานักเรียนที่ต่างพากันกล่าวออกมา ก่อนที่บางส่วนจะเดินปลีกตัวออกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็เหลืออีก 10 กว่าคนที่ยังคงยืนอยู่ ดูเหมือนว่าพวกที่เหลือคงจะสงสัยว่าลิซ่าเดินเข้ามาหาผมทำไม..
[มะ..มนุษย์ แกเข้าใจภาษาของพวกเราอย่างงั้นเหรอ จริงสิ..ก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่าแกคุยกับไอ้เจ้าม้าตัวใหญ่นั่นด้วย..]
“ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ไหนแกไม่พอใจอะไรยัยนั่นลองเล่าให้ฉันฟังซิ..”ผมที่ตอบกลับไอ้เจ้าม้าตัวสีน้ำตาล..
“นี่นายน่ะ..”ลิซ่าที่เรียกขาน พร้อมกับเดินเข้ามาหาผม..
“ว่าไง..?”ผมที่ตอบกลับ พลางลูบหัวของไอ้เจ้าม้าตัวสีน้ำตาล..
“อึก..ฉันมีเรื่องที่อยากจะขอคำปรึกษาน่ะ แน่นอนว่าจะจ่ายให้..”ลิซ่าที่เปิดประเด็นกับผม ซึ่งมันก็ทำให้พวกนักเรียนที่ยืนอยู่ต่างพากันทำตาโต..
“อะไรล่ะ..?”
“ไอ้เจ้าม้าตัวนี้มันดูไม่ค่อยที่จะเต็มใจให้ฉันขี่ มันเหมือนจะขัดขืนอยู่ตลอด..”ลิซ่าที่บอกกับผม ในระหว่างนั้นผมก็พลางฟังเรื่องราวจากปากของไอ้เจ้าม้าตัวสีน้ำตาล..
“ก็แหงสิ..เธอเล่นใช้วิธีสกปรกเอาของกินมาล่อและบีบบังคับมันทำพันธสัญญา มันจะรู้สึกไม่พอใจก็คงจะไม่แปลกหรอก..”ผมที่กล่าวออกมา พอลิซ่าได้ยินก็ถึงกับอึ้งไป เธอคงจะประหลาดใจว่าทำไมผมถึงรู้..
“อะ..อึก แล้วฉันควรจะทำยังไง..?”ลิซ่าที่เอ่ยถาม สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียด..
“อันดับแรก..เธอควรจะขอโทษมันก่อน..”ผมที่บอกลิซ่า พอเธอได้ยินก็หรี่ตาขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ..
“อะไรนะ..?”
“ก็ขอโทษมันไง จะทำไม่ทำก็แล้วแต่เธอ..”ผมที่บอกกับลิซ่า เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับสะอึก ก่อนจะมองไปยังม้าของตัวเองที่กำลังทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจใส่..
“อึก..”ลิซ่าที่ได้แต่ยืนลังเลทำอะไรไม่ถูก เธอพลันชำเลืองหางตามองไปยังเหล่านักเรียนนับสิบที่ยังคงยืนมองอยู่..
“พวกแกมองอะไรไม่ทราบห้ะ..?!”ลิซ่าที่แผดเสียงตวาด พอพวกนักเรียนได้ยินก็ต่างพากันสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน..
“ขะ..ขอโทษ..”ลิซ่าที่หันกลับมา ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษม้า เธอไม่มีทางเลือกจึงจำใจที่จะทำแบบนี้..
“ฮี๋..ฟึดๆ..!”
“ถ้าคิดจะขอโทษแบบส่งๆก็อย่าทำเลย ม้ามันยังดูออก คิดจะขอโทษทั้งทีก็ทำให้มันจริงใจหน่อย จะอายอะไรก็แค่ขอโทษ..”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อลิซ่าได้ยินก็หันมาจ้องหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ..
“ฮี๋..!”ไอ้เจ้าม้าน้ำตาลที่ผงกหัวเหมือนกับพยักหน้า พอลิซ่าได้เห็นแบบนั้นก็ถึงกับหยุดชะงัก..
“อึก..ฉันขอโทษที่ใช้วิธีแบบนั้นจับแก แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อแกก็ทำพันธสัญญากับฉันแล้ว ฉันรับปากว่าต่อจากนี้จะดูแลแกเป็นอย่างดี..”ลิซ่าที่กล่าวออกมา ถึงสีหน้าที่เธอแสดงจะยังคงเคร่งขรึม แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าคำขอโทษนั้นมันออกมาจากใจจริงๆ..
“เฮ้อ..เวรเอ้ย นี่ฉันคงจะบ้าไปแล้วจริงๆที่คุยกับม้า แถมยังขอโทษมันด้ว..ย..”
“ฮี๋..~”
ลิซ่าที่ถอนหายใจพลางสบถออกมาด้วยความอับอาย เธอคิดว่าตัวเองคงจะบ้าไปแล้วที่เชื่อผม แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อไอ้เจ้าม้าตัวสีน้ำตาลจู่ๆก็เดินเข้ามาเอาหน้าซบชนเข้ากับร่างของเธอ พร้อมกับส่ายหัวเอาหน้าไซร้..
สิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับทำให้ลิซ่าอึ้งไปชั่วขณะ เธอพลันหันมามองผม..
“รับปากอะไรกับมันก็ทำให้ได้ด้วยล่ะ..”ผมที่กล่าวกับลิซ่าและทำท่าจะเดินจากไป..
“เดี๋ยวก่อน..!”ลิซ่าที่เรียกผม..
“หืม..?”
“เท่าไหร่..? ฉันจะจ่ายให้..”
“แค่คำขอบคุณก็พอแล้ว เงินของเธอฉันไม่อยากได้..”ผมที่ตอบกลับลิซ่า พอเธอได้ยินก็ต้องหยุดชะงัก พร้อมกับทำสีหน้าลังเลใจ..
“เฮๆ..ไอ้สวะ ม้ามันพึ่งจะถูกจับได้ มันก็แค่ยังไม่ชินกับเจ้าของ แกบ้าหรือเปล่าที่อยู่ๆให้เธอไปขอโทษม้า ส่วนไอ้ผลลัพธ์นั่นมันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น..”
และแล้วเสียงของไอ้ตัวปัญหาก็เอ่ยดังขึ้น พร้อมกับร่างของไอ้เวรรันต้าที่เดินเข้ามา ซึ่งอันที่จริงผมก็สังเกตเห็นตั้งนานแล้วว่ามันมายืนดูอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ส่งเสียงคัดค้านอะไร จนกระทั่งตอนนี้..
“ชิ..”ลิซ่าที่เดาะลิ้นขึ้นมา สีหน้าของเธอดูไม่สบอารมณ์อย่างแรง เมื่อเห็นการปรากฏตัวของรันต้า..
“ก็คงงั้นแหละ แต่จะว่าไป..แกเป็นใครกันเหรอ จู่ๆถึงเข้ามาสอดเรื่องของคนอื่น..?”ผมที่ตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยถาม ซึ่งพอไอ้เวรรันต้ามันได้ยินก็ถึงกับชักสีหน้าด้วยความโกรธ ส่วนพวกนักเรียนที่ยืนดูอยู่ก็ต่างพากันหน้าเหว๋อ..
“นี่แก…อึก”รันต้าที่กัดฟันด้วยความโกรธ แต่แล้วจู่ๆมันกลับสะกดความโกรธนั้นเอาไว้และทำเป็นใจเย็นลง..
“ฉันเป็นใครอย่างงั้นเหรอ..? แปลกแฮะ..ทั้งสถาบันไม่มีใครไม่รู้จักฉัน มีแค่สวะอย่างแกนี่แหละ ฉันคนนี้คือหัวกะทิลำดับที่ 1 ของแผนกสู้รบ รันต้า..แล้วแกล่ะเป็นใคร..? ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย..?”รันต้าที่แนะนำตัว ก่อนจะพยายามเอาสถานะมาข่ม
“ก็อย่างที่เห็นฉันก็เป็นพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 เหมือนกับแกนั่นแหละ..”ผมที่ตอบกลับ..
“หืม..? อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ..!”รันต้าที่ระเบิดเสียงหัวเราะโชว์ฟันหลอ ซึ่งมันอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ทว่าพวกนักเรียนที่ยืนอยู่กลับเห็นกันหมด ทุกคนๆพยายามที่จะกลั้นขำกันเอาไว้จนหน้าดำหน้าแดง..
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับขยะอย่างแกสิ เอาเถอะ..มาเข้าเรื่องกันเลยละกัน ฉันจะให้ทางเลือกกับแกแค่สองทางเลือกเท่านั้น ทางเลือกแรกเรียกม้าของแกมาให้ฉันฆ่าแบบดีๆ หรือทางเลือกที่สองให้ฉันกระทืบแกและบังคับให้แกเรียกมันมาให้ฉันฆ่า..”รันต้าที่กล่าวออกมา
ซึ่งถ้าผมเดาสถานการณ์ไม่ผิด ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เดรสคงจะไปขู่ว่าม้าตัวนั้นเป็นของเขา ไอ้เจ้ารันต้ามันก็เลยไม่กล้าทำอะไร แต่หลังจากที่มันเห็นว่าม้าตัวนี้ได้กลายเป็นของผม มันจึงคิดที่จะเข้ามาฆ่า..
“ว่าไงอย่าเงียบสิ..ถ้าแกไม่ตอบ ฉันจะมอบทางเลือกที่สองให้แกนะ..”รันต้าที่กล่าวออกมา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มโชว์ฟันหลอ แต่แล้ว..
ตุบๆ
ทันใดนั้นเองจู่ๆร่างของไอ้ไมค์กับอลิซก็ได้เดินเข้ามา ทันทีที่ไอ้ไมค์มันเห็นผม มันก็พลันชักสีหน้า ก่อนจะแสยะรอยยิ้มขึ้น นี่มันอะไรกันวันกระทืบคนแห่งชาติงั้นเหรอ..?
“กะแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นแก ไอ้เวร..! คราวก่อนแกกล้ามากนะที่มาหักหน้าฉันต่อหน้าของผู้อำนวยการ..”ไมค์ที่กล่าวออกมา พลางหักข้อมือ..
“ไมค์..นี่แกรู้จักมันด้วยเหรอ..?”รันต้าที่เอ่ยถามกับไมค์..
“ไอ้เวรนี่คือคนที่ทำให้ฉันต้องเสียหน้า ฉันจะกระทืบมัน..”ไมค์ที่ตอบกลับรันต้า..
“หืม..? บังเอิญจังนะ ไอ้เวรนี่ก็คือคนที่ฉันกำลังจะกระทืบเหมือนกัน แต่มันจะโดนหรือไม่โดนก็ขึ้นอยู่กับคำตอบของมันต่อจากนี้ แกก็รู้ว้าฉันเป็นคนใจกว้างให้โอกาสคนอยู่เสมอ..”รันต้าที่กล่าวออกมา..
“จะไม่มีใครได้ทำอะไรหมอนี่ทั้งนั้น ถ้ายังเห็นแกหน้าของฉันช่วยถอยไปจะได้ไหม..?”ลิซ่าที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะหันมาบอกกับผมว่า..
“ถือซะว่าแทนคำขอบคุณ..”
ยังไม่ทันที่เอลิเซียจะได้พูดอะไรจนจบ จู่ๆก็มีคนสองคนที่ขี่ม้าควบตรงเข้ามา..
“สตาร์เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ..?”เอลิเซียที่กระโดดลงจากแผ่นหลังของม้าพร้อมกับฮิตเลอร์ คนทั้งสองพลันเดินตรงเข้ามาหาผม..
“ก็อย่างที่เห็น ฉันกำลังมีปัญหากับไอ้พวกหัวกะทิกระโหลกลำดับหนึ่งกับปัญญาอ่อนลำดับสอง อ้อ..จริงสิ..สิบหัวกะทิงั้นเหรอ..? ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยอย่าเอาฉันไปเหมารวมกับพวกกระจอกงอกง่อยแบบแกจะได้ไหม..?”ผมที่บอกกับเอลิเซีย ก่อนจะชี้ไปที่ไอ้รันต้าสลับกับชี้ไมค์ พร้อมทั้งประกาศลั่นวาจาออกมา
“เอลิเซีย..”
แต่แล้วจู่ๆลิซ่าที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็เรียกชื่อของเอลิเซีย ทันทีที่อีกฝ่ายหันมามอง เธอก็พลันต้องผงะและเบิกดวงตากว้างขึ้น ก่อนจะกล่าวในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดออกมา..
“พี่..”
“ห้ะ..?!”ผมกับไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา เดี๋ยวสิ..นี่มันสถานการณ์อะไรกัน..?
ไรท์:คอมเม้น..!
MANGA DISCUSSION