Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. - ตอนที่ 5
แสงที่ 5 สู่สมรภูมิด้วยความงงงวย..~
“เฮ้ย..แกหูหนวกหรือยังไงวะ..?”เซอร์เคิลที่ตะโกนถามผม พร้อมกับชักสีหน้าหงุดหงิด..
“ให้ฉันบอกกฏกับมันก่อน..”เจมิสที่กล่าวกับเซอร์เคิล ก่อนจะหันมาหาผม..
“สำหรับทหารเกณฑ์คนอื่น ถ้าผ่านการทดสอบที่สองหรือด่านตรวจวัดระดับเอมพาสก็จะบรรจุเข้ามาเป็นทหารฝึกหัดของอาคัส อีกทั้งถ้าผ่านด่านการทดสอบสุดท้ายหรือด่านนี้ก็จะได้รับสิทธิ์ให้สามารถเลือกแผนกในการเข้าบรรจุและยังสามารถเลือกเหล่าทัพที่จะเข้าสังกัดได้ด้วย แต่ในกรณีของแกที่ไม่มีเอมพาส ฉันจึงอนุมัติให้แก่ข้ามบททดสอบที่สองมา ซึ่งถ้าเกิดว่าแกสามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้ ฉันจะดึงแกเข้ากองทัพทารอนและส่งให้ไปอยู่ที่แผนกยุทธวิธีหรือแผนกวางแผน..”เจมิสที่บอกกับผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมถึงกับซาบซึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..
“แกมีคุณสมบัติการเป็นทหารที่ทหารส่วนใหญ่ไม่มีอยู่ แกคงเข้าใจนะว่านี่คือโอกาสอันแสนริบหรี่ที่ฉันมอบให้ เพราะถ้าเกิดแกพลาด แม้แต่ฉันก็คงจะไม่สนใจสวะอย่างแก..”เจมิสที่บอกกับผม คำพูดของเธอมันได้กระตุ้นและปลุกความกล้าของผม..
“ครับท่าน..!”ผมที่ตะโกนขานรับ..
“ครับท่านงั้นเหรอ ฮ่าๆ..”เซอร์เคิลที่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะตวาดเสียงสั่งผม..
“ขึ้นมาได้แล้ว..!”
ฟุบ..!
ผมที่รวบรวมความกล้าเดินตรงไปยังเวทีตรงหน้า ก่อนจะมุดลอดเชือกขึ้นไปยืนอยู่บนเวที..
“ด่านการทดสอบนี้คือการประเมินศักยภาพของทหาร ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การต่อสู้ด้วยมือเปล่าทั้งการรุกและการรับ อีกทั้งยังประเมินเรื่องการควบคุมเอมพาสในด้านวงเวทการเสริมกำลังให้กับร่างกาย..”เจมิสที่เดินมายังขอบของเวทีพลันกล่าวอธิบาย..
“เสียเวลาน่า อธิบายไปทำไม ยังไงไอ้ขยะนี่ก็ไม่ผ่านอยู่แล้ว..”เซอร์เคิลที่กล่าวออกมา..
“ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยเปลี่ยนรูปแบบการทดสอบด้วย นายก็รู้ว่าเจ้านี่มันไม่มีเอมพาส..”เจมิสที่กล่าวออกมา
“หึ..แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอกด้วย แต่ถ้าเธออยากจะให้ฉันเปลี่ยนรูปแบบการทดสอบจริงๆ งั้นเอางี้เป็นไง..หลังจากที่จบการทดสอบ ถ้าเธอยอมไปกินมื้อเที่ยงกับฉัน ไม่แน่ว่าฉันอาจจะ..”
“เออ..”
เซอร์เคิลที่กล่าวข้อเสนอ โดยที่เจมิสก็ดูเหมือนจะยินยอม..
“เห๋..ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ กะอีแค่ขยะคนเดียว ทำไมเธอถึงทุบสุดตัวขนาดนี้..”เซอร์เคิลที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ พลางหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงออกมา..
เป๊าะ..
เซอร์เคิลที่ดีดนิ้ว ทันใดนั้นก็มีวงเวทเล็กๆที่โผล่ออกมาที่ปลายนิ้ว ก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นเปลวเพลิงที่เขาเอามาใช้เพื่อจุดบุหรี่..
“กฏก็ง่ายๆไอ้ลูกหมา ถ้าแกต่อยฉันโดนสักมันก่อนที่บุหรี่จะหมดม้วน ถือว่าแกสอบผ่าน ซึ่งในระหว่างที่บุหรี่ยังไม่ม้วน ฉันจะไม่ทำอะไรแก แต่ถ้ามันหมดเมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีแกจะไปตื่นอยู่บนเตียงที่ค่ายทหารสามัญ..”เซอร์เคิลที่กล่าว พลางวางมาดใช้นิ้วคีบบุหรี่ พร้อมกับพ่นควันออกมา
“อึก..”ผมที่ได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความกดดัน ก่อนจะยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดเลียนแบบมวยไทยช่องเจ็ดที่เคยดู..
“สู้มันนะโว้ย..”ไอ้จ้อนที่ตะโกนให้กำลังใจ..
“เริ่มได้..!”เจมิสที่ส่งเสียงให้สัญญาณ ท่ามกลางสายตาของทหารเกณฑ์บางส่วนที่ยืนดูการทดสอบที่ข้างล่างเวที..
ฟุบ..!!
ผมที่พุ่งเข้าไปหาเซอร์เคิลพร้อมกับเหวี่ยงหมัดแบบครึ่งๆกลางๆออกไป ผมนั้นไม่มีประสบการณ์ทางด้านชกต่อยเลยสักนิด..
ฟุบ..
เซอร์เคิลที่โยกตัวหลบหมัดของผมได้อย่างสบายๆ แต่จะว่าโยกก็ไม่ถูก เขาเพียงแค่ก้าวขาเขยิบออกไปทางด้านข้างเท่านั้น จนทำให้หมัดของผมหวืดแหวกไปในอากาศและเกือบจะล้มหน้าคะมำ..
ฟุบ..
ผมที่ดีดตัวพุ่งตามเซอร์เคิลไป ก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ แต่ทว่าเขาก็ยังคงหลบมันได้ ซึ่งเมื่อเห็นว่าการเหวี่ยงหมัดไม่ได้ผล ผมจึงเปลี่ยนมาใช้ขาเตะออกไป แต่มันดันกลายเป็นเหมือนกับว่าผมกำลังใช้ขาเขี่ยพื้นเวที
“อะไรวะ การเคลื่อนไหวของแกมันปวกเปียกอย่างกับเด็กหัดเดิน..”เซอร์เคิลที่กล่าวออกมา ก่อนที่จู่ๆเขาจะเดินไปเอาแขนพาดเชือก พลางก้มหน้าลงไปมองเจมิส ในระหว่างนั้นก็ยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ..
“แล้วเธออยากกินอะไรล่ะ..?”เซอร์เคิลที่กระตุกรอยยิ้มเอ่ยถาม เขาหันหลังให้ผมและยืนคุยกับเจมิสอย่างหน้าตาเฉย..
ฟุบ..!
ผมที่เห็นช่องว่างพลันพุ่งตัวเข้าไปหาเซอร์เคิลจากทางด้านหลัง พร้อมกับง้างหมัดขวา..
“เฮ้ย..ไอ้เจ้าบ้า แกไม่รู้เหรอว่าสถานการณ์แบบนี้น่ะ..!”ไอ้จ้อนที่ตะโกนออกมาซึ่งผมเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายแค่จงใจเปิดช่องว่างล่อให้ผมเข้าไปหา แต่ถ้าเกิดไม่ทำอะไรเลย มันก็อาจจะเสียโอกาสนี้ไป..
“หมดเวลาแล้วไอ้ลูกหมา..”เซอร์เคิลที่หันหลังกลับ พร้อมทั้งดีดก้นบุหรี่ที่สูบจนหมดม้วนแสกเข้าที่กลางใบหน้าของผม ทำให้ผมผงะไป..
ฟุบ..!!!
ผลั๊วะ..!!!!
ก้นบุหรี่ที่ถูกดีดเข้าหน้าของผมพลันกระเด้งออก แต่ยังไม่ทันที่มันจะตกลงสู่พื้น เซอร์เคิลที่ยืนอยู่ก็ซัดหมัดแหวกทะลวงเข้าสู่ใบหน้าของผม พร้อมกับบุหรี่ก้นนั้น..
“อั่ก..!!!”ผมที่ผงะหน้าหงาย สิ่งที่สัมผัสได้คือดั้งจมูกที่เหมือนจะหัก เจ็บชิบหายเลย..
“หืม..? ไม่ร่วงแหะ..”เซอร์เคิลที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ ร่างที่ยืนอยู่พลันก้าวเดินเข้ามาปล่อยหมัดแย็บเข้าใส่หน้าของผมแบบเป็นชุด จนหลังของผมถอยไปชนติดเข้ากับเชือก..
ผลั๊วะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เซอร์เคิลที่ระดมหมัดซัดเข้าใส่หน้าของผมกว่าหลายครั้ง สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือหมัดที่กระแทกเข้ามายังเบ้าหน้าจนหัวของผมส่ายไปมา ถ้าไม่ติดว่ามีเชือกที่ค้ำหลังเอาไว้ ผมก็คงจะร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว..
ฟุบ..!
เซอร์เคิลที่ยั้งหมัดเอาไว้ เหตุผลเป็นเพราะสภาพของผมในตอนนี้มันคงเละจนดูไม่ได้..
“ขอให้สนุกในค่ายทหารสามัญนะ..”เซอร์เคิลที่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังกลับ เขาคงคิดว่าผมคงจะล่วงลงไปกองภายในไม่กี่อึดใจ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น..
“เฮ้ย..อย่าร่วงนะเว้ย ถ้าร่วงเราแย่แน่..!”เสียงของไอ้จ้อนที่ตะโกนดังขึ้น ร่างของผมที่กำลังจะเซล้มลงพลันเอื้อมมือจับพยุงเชือกเอาไว้..
“หืม..? ไอ้ลูกหมานี่..!”เซอร์เคิลที่หันมาเห็นพลันเบิกดวงตากว้างขึ้น ร่างที่ยืนอยู่ได้หันกลับมา ก่อนจะเหวี่ยงขาเตะสูงหมายจะหวดขมับของผม
ฟุบ..!!!!!!
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว..ขอเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าเกิดผมสามารถที่จะจับขานั่นเอาไว้ได้ ผมก็อาจจะพอพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงยกฝ่ามือขึ้น ภายในชั่วพริบตานี้คือตัวตัดสิน..
ฟุบ..!!!!!
ผลัก..!!!!
“พอแค่นั้นแหล..ะ..!!”
หมับ..!
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในช่วงจังหวะที่ผมกำลังเอื้อมมือออกไปหมายจะจับขาของเซอร์เคิล ด้วยความที่กลัวจึงทำให้ผมหลับตาลง ผลลัพธ์มันมีอยู่เพียงแค่สองอย่าง ถ้าผมจับขาของอีกฝ่ายไม่ได้ก็แสดงว่าผมคงจะโดนเตะจนสลบไปแล้ว..
แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทั้งสองอย่างแบบที่คิดเอาไว้ เพราะสิ่งที่ผมสัมผัสได้อยู่ในตอนนี้มันไม่น่าที่จะเป็นขา แต่มันกลับเป็นอะไรที่ดูนุ่มนิ่ม อีกทั้งก่อนหน้านี้ผมยังเหมือนกลับว่าได้ยินเสียงพูดของเจมิสที่มาดังอยู่ใกล้ๆอีกด้วย
“อะ..เอ๊ะ..?”ผมที่ลืมตาขึ้นมาพลันต้องชะงัก ในตอนนี้ร่างของเจมิสกำลังยืนอยู่ต่อหน้าของผม เธอกำลังใช้แขนรับหน้าขาของเซอร์เคิลที่เตะเข้ามาจากทางด้านข้าง ในลักษณะที่เธอกำลังหันหลังให้เขา แต่หน้ามาทางผม..
“ตายโหง..แต่ถ้าต้องตายแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลว..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ถึงคำพูดของมันเหมือนกลับกำลังดีใจ แต่น้ำเสียงกลับสั่นเครือคล้ายกับจู๋ที่กำลังจะร้องไห้ เพราะอะไรน่ะเหรอ..?
นั่นก็เพราะว่าในตอนนี้ฝ่ามือทั้งสองข้างที่ผมเอื้อมออกไป มันกำลังบีบจับหน้าอกของเจมิสแบบเต็มไม้เต็มมือ ชนิดที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับบีบขยำ..
โดยที่สีหน้าของเจมิสในตอนนี้ เธอกำลังยืนอึ้ง ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆเบิกกว้างขึ้น ก่อนที่จู่ๆตรงบริเวณขมับของเธอจะปรากฏให้เห็นเป็นเส้นเลือดที่ปูดบวมขึ้นมา..
ตึกๆ..!
‘อั่ก..อะไรกัน..?’
ภายในชั่วพริบตานั้นจู่ๆร่างกายของผมก็เกิดความผิดปกติขึ้น ผมสัมผัสได้ถึงอะดรีนาลีนที่ระเบิดออกมา เลือดภายในร่างสูบฉีดอย่างบ้าคลั่งผสานกับร่างกายและใบหน้าที่จู่ๆก็ร้อนผ่าว ก่อนที่ต่อจากนั้นสติของผมก็เหมือนจะดับวูบและผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย..
3 วันต่อมา..
ณ ทางตอนใต้..
ชายแดนระหว่างจักรวรรดิเอลเดียและอาณาจักรเมลันเทีย..
ฟ้าว..!!!!
ตู้มๆ ๆ ๆ ๆ
เปรี้ยงๆ ๆ ๆ
เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงบริเวณเขตชายแดนในตอนนี้คือการปะทะกันระหว่างทหารจากจักรวรรดิเอลเดียและทหารจากอาณาจักรเมลันเทียที่พยายามจะข้ามผ่านเข้ามาภายในประเทศ..
โดยการปะทะกันในครั้งนี้ กองกำลังทหารราบของอาณาจักรเมลันเทียนจำนวน 100 นายพยายามที่จะเคลื่อนกำลังพลผ่านเข้ามายังเส้นแบ่งเขตแดน..
ซึ่งสมรภูมิแห่งนี้อดีตเคยเป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมอยู่ แต่ด้วยการปะทะจึงทำให้ต้นไม้จำนวนมากต้องหักโค่นลงมา จนพื้นที่ตรงส่วนกลางใกล้ที่จะกลายเป็นลานดิน แต่ก็ยังมีต้นไม้บางส่วนที่ขึ้นล้อมอยู่โดยรอบ..
โดยที่ภายในสมรภูมิแห่งนี้ ตามจุดต่างๆจะมีหลุมที่ถูกขุดเป็นที่หลบภัยเอาไว้กว่าหลายสิบหลุม แต่ละหลุมถูกขุดให้เชื่อมโยงจนกลายเป็นเส้นทาง..
ซึ่งอีกฟากหนึ่งของป่าจะปรากฏให้เห็นเป็นเนินที่ราบสูงหรือพื้นที่ต่างระดับ เมื่อข้ามผ่านเข้ามาก็จะเข้าสู่สมรภูมิ..
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝั่งเอลเดียหรือเมลันเทียนที่อีกฟากหนึ่งของเนินดินห่างออกไปประมาณกว่า 500 เมตร จะปรากฏให้เห็นเป็นป้อมปราการและกระโจมกว่าหลายสิบหลังที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวเพื่อเอาไว้ใช้เป็นฐานที่มั่น ถัดออกไปอีก 3 กิโลเมตร นั่นก็จะเป็นศูนย์บัญชาการของเขตชายแดน..
ห่างจากสมรภูมิมาประมาณ 2 กิโลเมตร..
ณ ศูนย์บัญชาการชายแดนที่ 2 ทางทิศใต้ของเอลเดีย..
ศูนย์บัญชาการชายแดนที่ 2 คือศูนย์บัญชาการที่ตั้งอยู่ภายในป่าปรากฏให้เห็นเป็นค่ายทหาร มีกระโจมและเต็นท์กว่ายี่สิบหลังที่ตั้งอยู่..
ซึ่งภายในเต็นท์ของผู้บังคับบัญชาการ ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในตอนนี้คือร่างของหญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ต้นๆ เธอกำลังนั่งผสานฝ่ามือวางแขนตั้งเอาไว้บนโต๊ะด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
โดยที่ลักษณะภายในห้องถ้ามองจากหน้าทางเข้าของเต็นท์จะมีทหารกว่าห้านายที่กำลังยืนประจำตำแหน่งอยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง..
ฟุบ..
ทันใดนั้นร่างของทหารนายหนึ่งก็ปรากฏตัวเดินเข้ามาภายในเต็นท์ ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดทำความเคารพ พร้อมกับรายงานตัวต่อหญิงวัยกลางคนที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา..
“ผมหน่วยข่าวกรองสิบเอกมาโค มารายงานตัวแล้วครับท่านผู้บัญชาการซิลเวีย..!”เสียงของนายทหารที่ตะโกนออกมาเสียงดังฟังชัด..
“สถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง..?”เสียงหญิงวัยกลางคนหรือผู้บัญชาการยศร้อยเอกที่เอ่ยถาม เธอได้รับหน้าและถูกมอบหมายให้มาประจำการอยู่ที่ชายแดนแห่งนี้..
“สถานการณ์ในตอนนี้กองกำลังฝ่ายเรากำลังเสียเปรียบ ผบ.กองร้อย ร้อยตรีอีแวนได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้นำของข้าศึก จึงสั่งถอนกำลังพล ทำให้กองกำลังของข้าศึกตีตื้นและยึดจุดยุทธศาตร์ภายในสมรภูมิได้มากขึ้น หลุมที่เราใช้เป็นที่หลบภัยถูกพวกมันยึดไปกว่าหลายจุด คาดว่าในอีกไม่ช้า มันจะบุกเข้ามาจนถึงป้อมปราการ และถ้าเลวร้ายที่สุดมันอาจจะบุกเข้ามายังศูนย์บัญชาการแห่งนี้ได้ในอีกไม่ช้า..”สิ้นการรายงานของสิบเอกมาโค ซิลเวียและทหารภายในห้องก็ต่างสะอึก ก่อนจะพากันก้มหน้าลงด้วยความกดดัน..
ฟุบ..!
ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนกดดันภายในห้อง จู่ๆร่างของหญิงสาวผมแดงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวเดินเข้ามา ก่อนจะมาหยุดทำความเคารพต่อหน้าของซิลเวีย
“ฉันร้อยตรีเจมิสมารายงานตัวตามคำสั่งของท่านพันตรีแล้วค่ะ ท่านร้อยเอก ไม่สิ..ท่านผู้บัญชาการซิลเวีย..!”เสียงที่เปล่งดังออกมาด้วยความเข้มแข็ง ผสานกับท่าวันทยหัตถ์อันแสนงดงาม ทหารหญิงผู้มาเยือนนายนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากร้อยตรีเจมิส..
“ท่านพันตรีส่งเธอมาอย่างงั้นเหรอ..?”ซิลเวียที่เอ่ยถามออกมาอย่างอึ้งๆ จากการปรากฏตัวของทหารหญิงผู้ที่ได้รับสมญานามว่าเพลิงผลาญแห่งทารอน..
“ค่ะ..!!”
“อึก..ในเมื่อเธอถูกส่งมา พวกเราก็สามารถที่จะกู้สถานการณ์ในตอนนี้ได้ ตอนนี้ร้อยตรีอีแวนได้รับบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นแล้ว..ร้อยตรีเจมิสรับคำสั่ง..!”
“ค่ะ..!!!”
“ฉันขอมอบหมายหน้าที่และแต่งตั้งให้เธอเป็น ผบ.ร้อย พร้อมกับขอมอบกองกำลังทหารให้หนึ่งกองร้อย (ประมาณ 176 นาย) ภารกิจในครั้งนี้แม้จะไม่สามารถเอาชนะศึก แต่จงยึดคืนจุดยุทธศาสตร์กลับมาให้จงได้..!”
“รับทราบค่ะ..!!!”เจมิสที่เปล่งเสียงขานรับ..
“ฉันให้เวลาสองชั่วโมงในการเตรียมความพร้อม ส่วนเรื่องกลยุทธ์และยุทธวิธีฉันจะบอกทีหลัง..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา..
“รับทราบค่ะ..!”เจมิสที่ทำความเคารพซิลเวียเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับและเดินออกไป..
ซึ่งทันทีที่เจมิสเดินออกมาข้างนอกเต็นท์ เธอก็รีบมุ่งหน้าตรงไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยที่ใต้ต้นไม้ต้นดังกล่าวปรากฏให้เห็นเป็นร่างของสตาร์ที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่..
“ตั้งแต่ที่ออกเดินทางมา นี่ก็สามวันเข้าไปแล้ว แต่เขายังไม่ฝืนเลยครับ..”เสียงของทหารยศจ่าสิบตรีที่เดินเข้ามาบอกกับเจมิส..
ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ล่าสุด มันก็เกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น จนทำให้สตาร์ถูกเจมิสพาตัวมายังชายแดนแห่งนี้ พร้อมกับกองกำลังทหารบางส่วนที่ถูกส่งให้ตามมาสมทบ..
“ไปเอาน้ำมา..”เจมิสที่บอกกับจ่าสิบตรี ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปหาถังและตักน้ำมาจนเต็ม..
“นี่ครับท่าน..”
หมับ..!
ซ่า..!
เจมิสที่รับถังน้ำมา ก่อนจะสาดเข้าไปยังร่างของสตาร์ทำให้อีกฝ่ายที่หลับไม่ได้สติค่อยๆที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมา..
[สตาร์]
“เกิดอะไรขึ้น..? หืม..ที่นี่ที่ไหน..”ผมที่ฟื้นขึ้นมาด้วยอาการงุนงง ทันทีที่ลืมตาภาพที่เห็นมันกลับพร่ามัวไปหมด พร้อมกับอาการปวดหัวตึบๆ แต่ทันทีที่ตั้งสติได้ภาพทุกอย่างก็เริ่มที่จะชัดเจนขึ้นมา
ในตอนนี้เจมิสกำลังยืนอยู่ต่อหน้าของผม มันจบแล้วสินะ..ชะตากรรมของผมคงจะต้องไปลงเอยอยู่ที่ค่ายทหารสามัญ แม่งเอ้ย..!
“ตื่นแล้วสินะว่าที่สิบตรีสตาร์ ตอนแรกฉันก็นึกสงสัยอยู่ว่าแกจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน..?”เจมิสที่กล่าวออกมา เดี๋ยว..เธอเรียกผมว่าอะไรนะ..
“เมื่อกี้ท่านเรียกผมว่าอะไรนะครับ..”ผมที่ค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยถามต่อเจมิส..
“ก็ว่าที่สิบตรีไง..นี่แกหูหนวกงั้นเหรอ..?”
“ห้ะ..!?”