แสงที่ 40 สัตว์ประหลาด
ณ ห้องทำงานของผู้อำนวยการสถาบันอาคัส..
ภายในห้องทำงานที่กว้างขวาง ภาพที่ปรากฏให้เห็นคือร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งเคลียร์เอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน นอกเหนือจากนี้ถัดไปไม่ไกลตรงบริเวณใจกลางห้อง ยังมีชายอีกสองคนที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่..
ซึ่งชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานผู้นี้ เขาคือพลเอกแห่งกองทัพทารอน นามว่าวิลเลี่ยม สังกัดที่อยู่หน่วยพยัคฆ์อเวจี โดยที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันแห่งนี้ชั่วคราว
ส่วนชายอีกสองคนที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ พวกเขาทั้งสองคือเสาหลักแห่งเหล่าทัพเอทารอสและคีทารัส คนแรกเป็นชายอายุประมาณ 50 ต้นๆ แต่ลักษณะภายนอกกลับยังดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังดูสุขุมเยือกเย็นและชาญฉลาด..
เขาคือหนึ่งในเก้าอินทรีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ ฉายาปราชญ์อินทรี เขาคือพลโทแห่งกองทัพเอทารอส นามว่าเมอรัส..
ถัดมายังชายคนที่สอง ชายผู้นี้มีร่างกายที่กำยำสูงใหญ่ มีใบหน้าที่ดุดัน เจ้าของเส้นผมและดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เขาคือหนึ่งในเสาหลักเก้ากระทิงแห่งกองทัพคีทารัส นามว่าเครเซอร์..
ตึก..
“รุก..”เสียงของเมอรัสที่กล่าวออกมา หลังจากที่ไล่ต้อนหมากของเครเซอร์มานาน..
“เฮ้อ..ยอมๆ ใครมันไปชนะแกได้วะ..?”เครเซอร์ที่ถอนหายใจออกมา..
“หึ..พวกบ้าพลังแบบแก เดาทางง่ายจะตายไป..”เมอรัสที่กล่าว พลางเก็บตัวหมากเข้ากล่อง..
“เฮ้อ..แล้วพวกแกแห่มาที่นี่ทำไมกันวะ..?”วิลเลี่ยมที่ถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งเอ่ยถามคนทั้งสอง..
“ก็แค่แวะมานั่งเล่นเฉยๆ แกก็ทำเป็นไม่เห็นซะสิ..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมา..
“ไสหัวกลับไปอยู่ในที่ของพวกแกซะ เห็นแล้วรกหูรกตาชะมัด..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยปากไล่..
“อ้าว..พูดแบบนี้แกอยากโดนซัดหน้างั้นเหรอ..?”เครเซอร์ที่เริ่มจะชักสีหน้า พร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันออกมา..
“หืม..แกจะเอางั้นเหรอ คิดว่าเป็นเก้ากระทิงแล้วฉันจะกลัวหรือไง..?”วิลเลี่ยมที่ตอบกลับ ก่อนจะปลดปล่อยแรงกดดันสวนกลับ..
แม้ว่ายศของวิลเลี่ยมจะสูงกว่า แต่ทว่าพลโททั้งสองคือเสาหลักอันทรงเกียรติของจักรวรรดิ ปัจจุบันแต่ละเหล่าทัพจะมีเสาหลักอยู่ด้วยกัน 9 คน เก้าพยัคฆ์แห่งทารอน เก้าอินทรีแห่งเอทารอส และเก้ากระทิงแห่งคีทารัส..
โดยที่เหล่าเสาหลักที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่ดำรงตำแหน่งอยู่ในยศพลโท พวกเขามีบทบาทหน้าที่ๆจะต้องคอยปกป้องอาณาจักรและออกทำภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง
เสาหลักแต่ละคนคือทหารที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งส่วนใหญ่ยังแข็งแกร่งกว่าพลเอกในเหล่าทัพเสียด้วยซ้ำ..
นอกเหนือจากนี้เหล่าเสาหลักจะไม่ได้สังกัดหรือขึ้นตรงอยู่กับหน่วยไหนเลย ทุกๆคนมีอิสระสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ พวกเขาจะเข้าสู่สมรภูมิก็ต่อเมื่อเหล่าพลเอกออกคำสั่งเรียกตัวหรือส่งให้ไปทำภารกิจเท่านั้น..
“พอเถอะน่า..เพื่อนกันแท้ๆ ถึงต่อให้ตีกันไปยังไงไอ้เจ้าเครเซอร์มันก็ชนะอยู่ดี..”เมอรัสที่กล่าวออกมาด้วยความรำคาญ เขาเองก็พอจะเดาถึงผลลัพธ์ที่จะออกมาได้..
“หึ..ฉันล่ะเบื่อในความฉลาดของแกจริงๆ..”เครเซอร์ที่กระตุกรอยยิ้ม พลางหันไปแสยะรอยยิ้มเยาะเย้ยวิลเลี่ยม..
“ชิ..”วิลเลี่ยมที่เดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคนทั้งสามนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละเหล่าทัพหรืออีกฝ่ายจะเป็นถึงเสาหลักก็ตาม..
“เข้าประเด็นเลย..พลเอกของทั้งสองเหล่าทัพ ส่งพวกแกให้มาตรวจสอบการทำงานของฉันใช่ไหม..?”วิลเลี่ยมที่เปิดประเด็น..
“ก็ตามนั้น แกจะถามทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าทุกๆปี อาคัสจะต้องส่งคนมาตรวจสอบการทำงานของผู้อำนวยการสถาบัน..”เมอรัสที่กล่าวออกมา..
ซึ่งตามปกติแล้วสถาบันอาคัสจะเปลี่ยนผู้อำนวยการในทุกๆสามถึงสี่ปี โดยที่พลเอกจากทั้งสามเหล่าทัพที่ว่างเว้นจากการทำภารกิจ จะต้องมาดำรงตำแหน่งสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
ก๊อกๆ..
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้ร่างทั้งสามที่กำลังนั่งอยู่ต่างต้องพากันหยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองยังทิศทางของประตูเป็นสายตาเดียวกัน..
“เข้ามา..”วิลเลี่ยมที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา
แอ๊ด..
“ขออนุญาติค่ะ..”เสียงของหญิงสาวที่เปิดประตูเดินเข้ามาปรากฏให้เห็นเป็นร่างของสไปร์สที่นำเอกสารมาส่ง..
“หืม..? พันตรีสไปร์ส มีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถามต่อสไปร์ส แต่ทว่าเธอกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อได้พบเข้ากับพลโททั้งสอง..
“ดิฉันพันตรีสไปร์สแห่งกองทัพทารอน สังกัดอยู่หน่วยพยัคฆ์อเวจี ขอแสดงความเคารพต่อท่านพลโททั้งสองค่ะ..!”สไปร์สที่ยกแขนขึ้นมาทำความเคารพด้วยความเข้มแข็ง เธอคือทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของวิลเลี่ยม..
“อืม..ทำตัวตามสบายเถอะ..”เมอรัสที่บอกกับสไปร์ส..
“คะ..ค่ะ..!”สไปร์สที่ตอบกลับ เธอรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากที่ได้เจอกับหนึ่งในเก้าอินทรีและกระทิง..
“สรุปแล้วมีเรื่องอะไร..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม..
“อะ..เออคือ พอดีว่าฉันนำเอกสารนักเรียนใหม่มาส่งน่ะค่ะ..”สไปร์สที่กล่าวออกมา..
“หืม..? นักเรียนใหม่ ไม่ใช่ว่าการจำแนกทหารเกณฑ์จะเกิดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าหรอกเหรอ แล้วจะมีนักเรียนใหม่จากที่ไหนเข้ามา..?”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา..
“อะ..เออคือ นักเรียนใหม่ที่พูดถึงคือนักเรียนคนนั้นน่ะค่ะ..”สไปร์สที่กล่าวออกมาด้วยกระอักกระอ่วน พลางชำเลืองสายตามองเมอรัสอยู่ตลอด..
ซึ่งทันทีที่วิลเลี่ยมได้ยินก็ขมวดคิ้วพลางนึกคิด แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก..
“ฉันไม่เข้าใจว่าคนที่เธอกำลังบอกมันหมายถึงใคร..พูดมาตรงๆเลยเถอะไม่ต้องอ้อมค้อม สองคนนี้คือเพื่อนของฉัน..”วิลเลี่ยมที่บอกกับสไปร์ส..
“คะ..ค่ะ นักเรียนใหม่ที่พึ่งจะมาเข้าเรียนคือคนๆเดียวกันกับที่ถูกท่านพลตรีเลอัสแห่งหน่วยพยัคฆ์คำรนสั่งไปขังในคุกทาทารัสเมื่อหนึ่งปีก่อน..”สไปร์สที่กล่าวออกมา พอวิลเลี่ยมได้ยินก็เบิกดวงตากว้างขึ้นอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆหรี่ตาลง..
“ถูกจับไปขัง..? ข้อหาอะไร..?”
“อะ..อึก นะ..นี่ท่านพลตรีไม่เคยได้ยินผ่านหูมาเลยเหรอคะ เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะเป็นที่พูดถึงในเหล่าทัพทารอน..”สไปร์สที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ..
“อาจจะเคยได้ยิน แต่คงลืมไปแล้วล่ะมั้ง ยังไงก็ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยสิ..”วิลเลี่ยมที่ตอบกลับ พอสไปร์สได้ยินก็เริ่มที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ ส่วนทางด้านของเมอรัสกับเครเซอร์ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไร อีกทั้งยังหยิบหมากขึ้นมาวางบนกระดานและเริ่มเล่นกันใหม่..
“เรื่องทั้งหมดมันมีอยู่ว่า..”สไปร์สที่เริ่มเล่าเหตุการณ์ให้วิลเลี่ยมได้ฟัง โดยที่ในวันนั้นตัวของเธอได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้คัดเลือกทหารเกณฑ์เข้าเหล่าทัพ จึงทำให้เธอได้เหตุการณ์ทุกอย่าง มิหน่ำซ้ำในตอนที่เปเนสปะทะกับสตาร์ จุดที่ทั้งสองปะทะกันคือทางเบื้องหน้าของเธอเลย..
ซึ่งในขณะที่สไปร์สเล่าเหตุการณ์ ตอนแรกวิลเลี่ยมก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งเธอเล่ามาถึงในช่วงที่สตาร์ได้ลั่นคำพูดที่บอกกับเลอัสว่า จะอยู่อย่างว่างเปล่าหรือตายเพื่อบางสิ่ง..
ซึ่งจากคำพูดนี้มันก็ทำให้วิลเลี่ยม เมอรัสและเครเซอร์ต่างต้องหยุดชะงัก ก่อนจะหันมารับฟังเรื่องราวต่อจากนี้อย่างตั้งใจ..
โดยที่ทางด้านของสไปร์สก็ได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งเล่ามาถึงตอนจบ และจากเรื่องราวที่ได้รับฟัง มันก็ทำให้วิลเลี่ยม เมอรัสและเครเซอร์ ต่างรู้สึกสนใจในตัวของสตาร์ขึ้นมา..
“เรื่องทั้งหมดมันก็ประมาณนี้แหละค่ะ..”สไปร์สที่สรุปเรื่องราว ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ ร่างทั้งสามที่นั่งอยู่ภายในห้องก็ต่างพากันเงียบกริบ ก่อนที่เมอรัสกับเครเซอร์จะหันกลับมาเล่นหมากรุกกันต่อ..
“แล้วนักเรียนคนนั้นเลือกที่จะเข้าแผนกไหนล่ะ..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่สไปร์สจะเดินเอกสารข้อมูลของสตาร์มายื่นส่งให้..
“หืม..? แผนกสู้รบกับแผนกยุทธการ(ยุทธวิธี)งั้นเหรอ น่าสนใจดีหนิ..”วิลเลี่ยมที่อ่านรายละเอียดภายในเอกสาร ในระหว่างนั้นพลโททั้งสองก็พยายามตะแคงหูฟัง..
“ใช่ค่ะ..อีกทั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อขึ้นด้วยค่ะ..”
“เรื่องอะไรล่ะ..?”วิลเลี่ยมที่ขมวดคิ้วพร้อมทั้งเอ่ยถาม..
“นักเรียนคนนั้นสามารถที่จะเอาชนะเกมหมากกลยุทธ์ของฉันได้ ภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ..”
“อะไรนะ..?”วิลเลี่ยมที่อุทานออกมา ส่วนทางด้านของเมอรัสที่กำลังเดินหมากรุกก็พลันต้องหยุดชะงัก
“อย่างที่ท่านได้ยินเลยค่ะ อีกทั้งฉันยังไม่ได้ออมมือให้ด้วย แม้จะเป็นกลยุทธ์ที่ฉันคิดค้นขึ้น เพื่อที่จะเอาไว้ใช้สำหรับทดสอบความสามารถของนักเรียน ถึงจะเล่นเพียงแค่ตาเดียว แต่นักเรียนคนนั้นสามารถที่จะไล่ต้อนและเอาชนะฉันได้..”สิ้นคำยืนยันของสไปร์ส วิลเลี่ยมที่รู้ถึงระดับความสามารถของเธอก็ต้องตกตะลึง
“เธอไม่ได้ออมมือให้เด็กคนนั้นแน่นะ อีกทั้ง..จะว่าไปแล้วฝีมือของเธออยู่ในระดับไหน..?”เมอรัสที่หันมาเอ่ยถาม..
“อะ..เออคือว่า..”
“พันตรีสไปร์สคืออดีตนักเรียนอัจฉริยะหัวกระทิของทัพทารอน ในสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ เธอติดท็อปหนึ่งในสามของนักเรียนที่มีความสามารถมากที่สุดในรุ่นนั้น อีกทั้งเธอยังเป็นเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถจบหลักสูตรทั้งสองแผนกอย่างแผนกสู้รบและแผนกยุทธวิธีได้ และหลังจากจบการศึกษาเธอก็ได้ถูกส่งให้ไปทำภารกิจมากมาย จนได้เลื่อนขึ้นเป็นพลตรี ในระยะเวลา 15 ปี ตั้งแต่ที่เข้าประจำการในกองทัพ..”
ในขณะที่สไปร์สกำลังจะให้คำตอบเมอรัส จู่ๆวิลเลี่ยมก็กล่าวแทรกเข้ามา เขานั้นได้บอกชีวประวัติของสไปร์สแบบละเอียด ซึ่งมันก็ทำให้เมอรัสตระหนักได้ว่าหญิงสาวผู้นี้มีความสามารถมากแค่ไหน..
“อย่างงั้นเองสินะ ถ้าเป็นไปได้ เธอช่วยจำลองการเดินหมากที่เธอเล่นกับเด็กคนนั้นให้ฉันดูหน่อยสิ คนที่มีความสามารถแบบเธอคงจะจำกลยุทธ์ที่เขาใช้ได้สินะ..”เมอรัสที่กล่าวออกมา ก่อนจะล้มกระดานที่กำลังเล่นกับเครเซอร์ พร้อมกับวางหมากใหม่..
ซึ่งทางด้านของสไปร์สที่เห็นเช่นนั้นก็หันไปมองวิลเลี่ยม..
“ทำตามที่เขาบอก ฉันเองก็อยากที่จะเห็นเหมือนกัน..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา พอสไปร์สได้ยินก็พยักหน้า ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้ากระดาน..
“ขออนุญาตินะคะ..”
“อืม..เชิญเลย”เมอรัสที่ตอบกลับ ก่อนที่สไปร์สจะเริ่มเดินหมากทั้งสองฝั่ง เพื่อที่จะจำลองกลยุทธ์ให้เมอรัสได้ดู..
“เท่าที่เห็นฝั่งของเธอคือสีขาว ส่วนอีกฝ่ายเป็นสีดำสินะ..”เมอรัสที่เอ่ยถาม ในระหว่างนั้นสไปร์สก็กำลังเดินเกม เธอจดจำทุกรายละเอียดได้อย่างชัดเจน..
“ใช่ค่ะ..”
“อืม..อย่างที่วิลเลี่ยมบอก กลยุทธ์ของเธอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ถ้างั้นไหนขอดูหน่อยซิว่านักเรียนคนนั้นจะใช้กลยุทธ์ไหน..”เมอรัสที่กล่าวออกมา ก่อนจะเพ็งสายตามองไปยังการจำลองเกมของสไปร์ส
โดยที่หญิงสาวก็ได้เดินเกมอย่างช้าๆ เพื่อที่จะให้คนทั้งสามได้เห็น ก่อนที่หลังจากนั้น..
“อะ..อึก นี่มันอะไรกัน..?”เมอรัสที่เบิกดวงตากว้างขึ้น ถึงกลยุทธ์ที่สไปร์สใช้จะด้อยกว่ากลยุทธ์ของเขา แต่มันก็ถือว่ามีประสิทธิภาพและยากเกินที่จะทำลาย
แต่ทว่าในตอนนี้กลยุทธ์ของคู่ต่อสู้ที่เมอรัสได้เห็นนั้นก็ไม่ธรรมดาจะบอกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้..
“เป็นยังไงบ้างเมอรัส..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม แม้ว่าตอนนี้เกมยังไม่จบ แต่คนเดียวที่พอจะมองเกมต่อจากนี้ออกก็คงมีเพียงแค่เมอรัส..
“พอแค่นั้นแหละ..”เมอรัสที่บอกกับสไปร์ส ซึ่งมันก็ทำให้เธอหยุดเดินหมาก..
ก่อนที่ต่อจากนั้นเมอรัสจะทำการจับหมากเดินถอยหลังย้อนกลับ และลองแก้กลยุทธ์ของสตาร์ด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะแก้ไขยังไง การเดินหมากของสตาร์ในครั้งต่อไปก็ยังได้เปรียบอยู่..
สิ่งที่เมอรัสกำลังเห็น มันได้สร้างความตกตะลึงให้แก่เขาเป็นอย่างมาก แม้แต่ตัวของเขาเองก็ไม่อาจที่จะแก้ไขหรือพลิกเกมในกระดานนี้ได้ราวกับว่าอีกฝ่ายอ่านเกมล่วงหน้าเอาไว้หมดแล้ว..
“อึก..เจ้านั่นไม่ใช่นักเรียนธรรมดา คำว่าอัจฉริยะยังน้อยไปสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ..”เมอรัสที่กล่าวยืนยันออกมา มือของเขากำลังสั่นด้วยความตื่นเต้น จนทำให้เครเซอร์กับวิลเลี่ยมที่เห็นต่างต้องพากันอึ้งไปตามๆกัน..
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักระยะแล้วสิ..”เมอรัสที่กล่าวออกมา เมื่อวิลเลี่ยมได้ยินก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาคิดที่จะทำอะไร..
“นี่อย่าบอกนะว่าแกจะ..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา..
“หึๆ ใช่..ฉันอยากจะลองเจอกับเจ้าเด็กนักเรียนคนนั้นดูสักครั้ง ยังไงก็ช่วยมอบตำแหน่งอาจารย์ที่มีหน้าที่สอบเลื่อนระดับชั่วคราวให้ฉันด้วย..”เมอรัสที่กล่าวออกมา พอวิลเลี่ยมได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ
ซึ่งนอกจากที่วิลเลี่ยมจะไม่ติดขัดแล้ว การที่จะได้หนึ่งในเก้าอินทรีมาเป็นผู้คุมสอบมันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำ จากการที่อีกฝ่ายมีมาตรฐานการวัดคุณสมบัติที่สูงกว่าคนอื่นๆ และยังมีสายตาอันเฉียบแหลม..
“เออๆ อยากจะทำอะไรก็เชิญเถอะ..”
“จะอะไรกันนักหนาก็แค่ไอ้เจ้าเด็กที่วางกลยุทธ์เก่งคนหนึ่งไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย สงครามมันต้องวัดกันที่ความแข็งแกร่งสิถึงจะถูก..”เครเซอร์ที่นั่งฟังมานานเอ่ยขึ้น
“เหอะๆ ไอ้พวกสมองกล้าม..”เมอรัสที่หัวเราะแห้งๆออกมา..
“จริงสิ..เห็นว่าเข้าแผนกสู้รบด้วยสินะ ถ้าอย่างงั้นเรื่องระดับเอมพาสก็..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา พลางก้มหน้าลงไปดูเอกสารในมือ ก่อนที่จู่ๆเขาจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง..
ซึ่งทางด้านของสไปร์สที่เห็นก็พยายามสงวนท่าทีไม่แสดงท่าทีกระอักกระอ่วนออกมา..
“พันตรีสไปร์ส..ฉันตาฝาดหรือว่าเธอเขียนข้อมูลผิด..?”วิลเลี่ยมที่รีบปิดกระดาษในมือ ก่อนจะเอ่ยถามต่อสไปร์ส..
“ข้อมูลทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความจริ..ง..”
“ไหนขอดูหน่อยดิ่..”
ฟุบ..!
“เฮ้ย..!”
ในขณะที่สไปร์สกำลังจะกล่าวยืนยัน จู่ๆเครเซอร์ที่นั่งอยู่ก็พุ่งเข้ามากระชากเอกสารในมือไปดู ส่งผลทำให้วิลเลี่ยมต้องร้องออกมาเสียงดังลั่น..
“พลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1 สตาร์ ถือครองเอมพาสยุทโธปกรณ์ ระดับ 1 ดาวเขียว ความสามารถของสกิล 1 ดาวเขียว เทียบระดับได้กับเวทมนตร์ระดับ หะ..ห้า..? นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า..?”เครเซอร์ที่เปล่งเสียงอ่านรายละเอียดภายในเอกสาร แต่ในขณะที่อ่านเขาก็ได้ไปชะงักตรงระดับของเวทมนตร์ จนต้องเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามต่อสไปร์ส..
“สงสัยว่าดิฉันจะเขียนรายงานผิ..ด..”
“ในนี้มันเขียนเอาไว้ว่าสกิลเอมพาสของเจ้านั่นสามารถตัดทำลายหุ่นเหล็กที่โรงฝึกได้ด้วย ถึงจะอยู่กันคนละเหล่าทัพ แต่ถ้าโกหกถือว่าต้องโทษแรงนะ พันตรีสไปร์ส..”เคร์เซอร์ที่กล่าวแทรกสไปร์ส พออีกฝ่ายที่กำลังจะโกหกได้ยินก็ถึงกับหน้าเสีย ส่วนทางด้านของวิลเลี่ยมก็พลันยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับ..
“คิดจะกั๊กของดีเอาไว้คนเดียวงั้นเหรอ..? วิลเลี่ยมเพื่อนรัก..ถึงจะสังกัดอยู่ที่ทารอน แต่ก็ใช่ว่าจะย้ายไม่ได้นะ..”เคร์เซอร์ที่เดินอ้อมเข้าไปข้างหลังของวิลเลี่ยม ก่อนจะใช้สองมือจับไปยังหลังเก้าอี้ พร้อมกับโน้มตัวยื่นหน้าลงไปกระซิบกล่าวที่ข้างหู..
ซึ่งตัวของวิลเลี่ยมเองก็เป็นคนที่สมองไว ทันทีที่เขาอ่านรายงานและได้เห็นความสามารถของสตาร์ เขาก็กลัวว่าชายหนุ่มจะถูกพลโททั้งสองดึงตัวไป ถ้าไม่ติดว่าเขามาพลาดตรงที่แสดงอาการ อีกฝ่ายก็คงจะไม่รู้..
“เปล่าสักหน่อย นี่แกอย่าบอกนะว่าจะขอเป็นผู้ทดสอบเลื่อนระดับด้วยอีกคน..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม..
“หึ..แน่นอน..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมา
“แต่ก็เอาเถอะ..ยังไงก็ขอดูความสามารถก่อน ไม่แน่อาจจะแค่ฟลุ๊คก็ได้..”เมอรัสที่กล่าวออกมา..
“เออ..ฉันเองก็เหมือนกัน หุ่นเหล็กที่ใช้ทดสอบอาจจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลาก็ได้ ก็อย่างว่าแหละใช้มาตั้งเท่าไหร่แล้ว..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมาอีกเสียง แต่ทว่า..
“แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นของจริง มันจะต้องมาเป็นผู้สืบทอดของฉัน..!×2″เมอรัสกับเครเซอร์ที่แสยะรอยยิ้มกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงกับทำให้วิลเลี่ยมต้องกุมขมับ..
ลำพังเพียงแค่เมอรัสก็แย่อยู่แล้ว แต่นี่ดันมีเครเซอร์พ่วงเข้ามาอีก คนที่มีความสามารถและแววที่โดดเด่นอย่างสตาร์ ตอนนี้กำลังถูกหมายตาโดยเสาหลักทั้งสอง ซึ่งถ้าเกิดอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอให้ชายหนุ่มกลายมาเป็นผู้สืบทอด นักเรียนผู้มากความสามารถคนนี้จะต้องถูกดึงตัวไปอย่างแน่นอน..
ก๊อกๆ
“ขออนุญาติค่ะ..!”
แต่แล้วทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของใครบางคนที่เอ่ยดังออกมา..
“เข้ามา..”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของพันตรีมิลันเซีย..
“อะ..อึก ดิฉันพันตรีมิลันเซียแห่งกองทัพคีทารัส สังกัดหน่วยกระทิงทลาย ขออนุญาติรายงานตัวแสดงความเคารพต่อท่านพลโททั้งสอง..”มิลันเซียที่แสดงความเคารพต่อพลตรีทั้งสอง ทันทีที่เธอสังเกตเห็นพวกเขา..
“ไม่เจอกันนานเลยนะยัยหนูแว่น ครั้งล่าสุดที่เจอ..เธอยังเป็นแค่ร้อยโทอยู่เลยหนิ..”เครเซอร์ที่เอ่ยปากทักทาย เมื่อได้เจอทหารที่อยู่ในเหล่าทัพเดียวกัน
“ค่ะ..! เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านจำดิฉันได้..”มิลันเซียที่ตอบกลับ อาจารย์สุดเฮี้ยบอย่างเธอก็ไม่อาจจะรักษาอาการได้ เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าของหนึ่งในเก้ากระทิง..
“เอาล่ะพันตรีมิลันเซียมีอะไรก็ว่ามา..”วิลเลี่ยมที่เปิดประเด็นกับมิลันเซีย..
“เรียนท่านผู้อำนวยการ เมื่อช่วงเช้าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่หน้าอนุสาวรีย์ของอาคัส มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บถึง 4 คน หนึ่งในนั้นอาการค่อนข้างที่จะสาหัสตอนนี้ถูกส่งไปรักษาที่สถานพยาบาลภายในเมืองค่ะ..”
“หืม.. ก็เป็นเรื่องปกติหนิ..แล้วมันทำไมเหรอ..?”วิลเลี่ยมที่กล่าวออกมา การทะเลาะวิวาทสำหรับเขานั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติ ไม่มีกฏที่ห้ามไม่ให้นักเรียนทะเลาะหรือมีเรื่องกัน
ซึ่งถึงมันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่สำหรับอาคัสแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจะสามารถอยู่รอดภายในสถาบันแห่งนี้ ถึงเคลสนี้อาจจะดูรุนแรงไปกว่าเคลสก่อนๆที่ผ่านมาก็ตาม..
“เออคือ..ประเด็นสำคัญที่ฉันนำเรื่องนี้มารายงานก็เพื่อที่จะแจ้งให้ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเด็กนักเรียนเพียงคนเดียวของเหล่าทัพทารอนกับนักเรียนกลุ่มหนึ่งของเหล่าทัพคีทารัส
ซึ่งเด็กนักเรียนที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บคือนักเรียนหัวกะทิลำดับที่ 8 ของชั้นเรียนขั้นที่ 3 ส่วนอีก 3 คนที่เหลือก็คือนักเรียนภายในกลุ่มของเขา ทุกๆคนสังกัดอยู่ภายในเหล่าทัพคีทารัส..
เหตุผลที่ฉันนำเรื่องนี้มารายงานเพียงเพราะแค่จะทำตามหน้าที่ของอาจารย์ปกครองที่คอยตรวจสอบควบคุมวินัยก็เท่านั้นค่ะ..”มิลันเซียที่กล่าวรายงาน..
“อื้ม..ถึงฉันจะพึ่งมาดำรงตำแหน่งได้แค่สองปี แต่เธอก็ยังคงทำหน้านี้ได้ดีไม่เคยเปลี่ยนไปเล..ย เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอบอกว่านักเรียนที่มีปัญหากับกลุ่มนักเรียนของคีทารัสที่ได้รับบาดเจ็บ มีกี่คนกันนะ..?”
“แค่คนเดียวคะ เท่าที่ฉันไปสอบถามนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์ในระแวกนั้น ก็เลยได้ข้อมูลมาว่านักเรียนคนดังกล่าวพึ่งจะออกมาจากคุกทาทารัส ทันทีที่มาถึงก็ถูกกลุ่มนักเรียนของเหล่าทัพคีทารัสหาเรื่อง
ก่อนที่ต่อจากนั้นจะเกิดเรื่องขึ้น นักเรียนของเหล่าทัพทารอนคนนั้นเขาจะจัดการกับเด็กนักเรียนทั้งสี่คนด้วยตัวเพียงคนเดียว..”สิ้นคำอธิบายของมิลันเซีย มันก็ทำให้ทุกๆคนภายในห้องต้องต่างพากันอึ้ง จากการที่นักเรียนคนนั้นคือหัวข้อที่พวกเขาพึ่งจะสนทนากันไป..
“อะ..อึก มีการเปิดวงจรหรือเปล่า..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม ทางด้านของสไปร์สก็ได้แต่ยืนอึ้งจนตาค้าง ไม่มีทางเลยที่นักเรียนใหม่จะจัดการเอาชนะกับนักเรียนที่เป็นถึงพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 ทั้ง 4 คนได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว
“เท่าที่ได้ยินมาเห็นว่าไม่มีการเปิดวงจรเวทนะคะ นักเรียนคนนั้นสามารถจัดการกับกลุ่มเด็กนักเรียนของคีทารัสโดยไม่เปิดวงจรเวท แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการใช้อาวุธกันเกิดขึ้นอยู่..”มิลันเซียที่กล่าวรายงานอย่างต่อเนื่อง..
“อาวุธ..? อาวุธที่ว่ามันคืออะไร..?”
“มีดสั้นคะ..หลังจากที่นักเรียนนายนั้นจัดการกับกลุ่มนักเรียนทั้งสี่คนจนหมดสภาพ เขาก็ได้ใช้มีดสั้นแทงเข้าไปตรงบริเวณชายโครงของนักเรียนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจำนวนสามแผล อีกทั้งก่อนหน้านี้เขายังเตะศรีษะของนักเรียนคนนั้นจนสมองบวม
และจากข้อมูลล่าสุดที่สถานพยาบาลส่งมาเห็นว่าอาการของนักเรียนนายนั้นตอนนี้เป็นตายเท่ากัน รายงานทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ..!”สิ้นคำรายงานสุดท้ายของมิลันเซีย พร้อมกับความโหดเหี้ยมที่ได้รับ มันก็ทำให้เครเซอร์รู้สึกทึ่งจนต้องเบิกดวงตากว้างขึ้น..
“อึก..ชักอยากจะเจอแล้วสิ..”เครเซอร์ที่ฉีกรอยยิ้มออกมา..
“อีกอย่างหนึ่ง..แววตาของไอ้เจ้านั่นมันไม่เหมือนกับนักเรียนทุกๆคนที่ฉันเคยเจอ..”มิลันเซียที่จู่ๆกล่าวโพลงขึ้น..
“หมายความว่ายังไง..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถาม..
“ฉันเคยเห็นแววตาแบบนั้นมันก่อน แววตาของมัน..เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่กระหายสงคราม..”สิ้นคำพูดสุดท้ายของมิลันเซีย ทุกๆคนภายในห้องก็ต่างต้องพากันตกตะลึงอีกครั้ง ใครจะคิดกันละว่า..บัดนี้สัตว์ประหลาดได้มาเยือนยังอาคัสแห่งนี้แล้ว
ตัดกลับมาที่ทางด้านของสตาร์..
“หึ..!”รอยยิ้มของสตาร์ที่ถูกฉีกกระชากขึ้นมาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะราวกับสัตว์ประหลาดที่กำลังเกรี้ยวกราด..
ไรท์:คอมเม้นงับ..~~~
…
MANGA DISCUSSION