แสงที่ 33 กระโดดถีบยอดหน้า..
1 วันต่อมา..
หลังจากเหตุการณ์ในพิธีประดับยศเมื่อช่วงวาน ทันทีที่เทียอัสจากไปบรรยายกาศภายในห้องก็เปลี่ยนตามไปด้วย
เหล่าทหารทุกๆนายและบรรยากาศภายในห้องเริ่มที่จะเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน บางคนไม่กล้าที่จะพูดอะไรไม่เว้นแม้กระทั่งพลตรีทั้งสาม..
ซึ่งพอพิธีจบลงเมเทโอก็ได้พาสตาร์ปลีกตัวออกมา และรีบพาเขามุ่งหน้าไปส่งที่เมืองอวาลอนหรือสถานที่ตั้งของสถาบันอาคัส..
โดยเหตุผลที่ต้องรีบไปส่ง นั่นก็เพราะวันพรุ่งนี้คือวันที่สถาบันอาคัสจะเปิดภาคเรียน และระยะทางจากเมืองฮาลันไปยังเมืองอวาลอน ปกติมันต้องใช้เวลาถึง 2 วันในการเดินทาง แต่เมเทโอต้องการที่จะไปให้ถึงในระยะเวลาเพียงแค่ 12 ชั่วโมง เพื่อที่จะให้สตาร์ได้มีเวลาเตรียมพร้อม
ซึ่งด้วยความเร่งรีบ หลังจากที่พิธีประดับยศจบลง มันก็เลยทำให้สตาร์ไม่มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยอะไรกับซิลเวียและเจมิสเลย อีกทั้งคนทั้งสองก็ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกส่งไปทำภารกิจที่เขตเหนือ กว่าที่จะได้พบกันอีกครั้งก็น่าจะนานอยู่
ซึ่งหลังจากการเดินทาง ท้ายที่สุดเมเทโอก็ได้มาส่งสตาร์ถึงเมืองอวาลอนในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เขาได้จัดแจงหาห้องพักภายในเมืองให้ชายหนุ่ม โดยห้องพักที่ว่าก็คือห้องพักของเขาเองตั้งอยู่ ณ ระแวกใจกลางเมือง อยู่ไม่ห่างจากสถาบันอาคัสมากนัก..
และหลังจากที่มาส่งจนเสร็จ เมเทโอก็ได้เดินทางกลับไปยังเมืองฮาลันตามคำสั่งของเจมิไนท์ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพิธีประดับยศ มันจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จนทำให้ทั้งสามพลตรีต้องสั่งเหล่าทหารทุกนายที่อยู่ในเหตุการณ์มากำชับว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกไปเป็นอันขาด โดยการรวมพลจะเกิดในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้..
ณ เช้าวันรุ่งขึ้น..
[สตาร์]
เช้าวันใหม่อันแสนสดใส หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงวาน ไอ้จ้อนก็ได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ผมฟัง สิ่งที่เกิดขึ้นมันได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก จากวีรกรรมของตัวข้าพเจ้าในโหมด X ที่ก่อเรื่องเอาไว้..
ซึ่งทันทีที่มาถึงยังเมืองอวาลอน ผมก็ได้นอนหลับพักผ่อน พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าผมก็รีบจัดแจงตัวเองเพื่อที่จะไปเข้าเรียนยังสถาบันของอาคัส โดยที่วันนี้ก็เป็นวันเปิดภาคเรียนใหม่..
“เลิกเอาผมปิดตาได้แล้ว มันเหมือนกับพระเอกเฮนไตแกรู้ปะ..?”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ตอนนี้ผมกำลังยืนส่องกระจกอยู่ โดยชุดที่ผมสวมใส่เป็นชุดยูนิฟอร์มของกองทัพทารอน
ซึ่งก็อย่างที่รู้กันชุดฟูนิฟอร์มของทัพทารอน จะเป็นชุดยูนิฟอร์มสีดำให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกทหารนาซี แต่ด้วยการที่ผมเป็นเพียงแค่พลทหารฝึดหัดขั้นที่หนึ่ง ชุดที่สวมใส่มันก็ยังไม่มีออฟเจคอะไรมากนัก เพียงแค่ดาวสีขาวหนึ่งดวงที่ประดับอยู่บนอินธนูบนบ่า..
ซึ่งผมก็มารู้เอาทีหลังว่าระดับยศจะคล้ายๆกับระดับพลังของคริสตัลมานา มันจะใช้ดาวในการระบุ ตอนนี้ผมยศพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1 ก็จะติดแค่ดาวขาวหนึ่งดวงทั้งสองบ่า ถ้าเลื่อนเป็นขั้นสองก็จะติดดาวฝั่งละสองดวง
พลทหารฝึกหัด-ดาวขาว (ขั้น1☆,ขั้น2☆☆,ขั้น3☆☆☆)
นายสิบ-ดาวเขียว(สิบตรี☆,สิบโท☆☆,สิบเอก☆☆☆)
จ่า-ดาวฟ้า-ดาวฟ้า (จ่าสิบตรี,☆ จ่าสิบโท☆☆,จ่าสิบเอก☆☆☆)
นายร้อย-ดาวม่วง (ร้อยตรี☆,ร้อยโท☆☆,ร้อยเอก☆☆☆)
นายพัน-ดาวแดง (พันตรี☆,พันโท☆☆,พันเอก☆☆☆)
นายพล-ดาวทอง (พลตรี☆,พลโท☆☆,พลเอก☆☆☆)
ซึ่งข้อมูลนี้ผมก็ได้รับรู้มาตั้งนานแล้ว แต่ได้มาทบทวนอีกครั้งกับเมเทโอในระหว่างการเดินทางเมื่อวาน โดยที่นอกเหนือจากเรื่องนี้ เขาก็ได้อธิบายถึงระบบต่างๆในสถาบันอาคัส..
และเท่าที่ผมได้รู้มาที่สถาบันอาคัสจะไม่มีระบบชั้นปี อย่างเช่นนักเรียนปีหนึ่ง ปีสองหรือปีสาม แต่จะใช้เป็นระดับยศหรือขั้นแทน..
โดยทุกๆหนึ่งเดือนที่สถาบันอาคัส ในทุกๆแผนกจะเปิดการทดสอบเลื่อนระดับ ซึ่งถ้าผ่านบททดสอบก็จะได้เลื่อนระดับไปสู่ขั้นต่อไป และจะต้องทำการทดสอบเลื่อนระดับแบบนี้ไปจนถึงขั้นที่สาม..
ซึ่งนั่นก็เท่ากับ..ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่พึ่งจะเข้ามาหรือนักเรียนที่อยู่มานานแล้วจะใช้ระดับขั้นเป็นตัวชี้วัดถึงสถานะ ถึงต่อให้เป็นนักเรียนที่พึ่งจะเข้ามาได้ไม่นาน แต่สามารถผ่านบททดสอบจนเลื่อนระดับก็จะมีสถานะที่สูงกว่านักเรียกที่อยู่มานาน แต่กลับไม่สามารถเลื่อนระดับได้..
ยกตัวอย่างเช่นผมที่กำลังจะไปเรียนในวันนี้ ถ้าเกิดผมไปทำการทดสอบเลื่อนระดับและสามารถที่จะผ่านบททดสอบนั้นได้ ผมก็จะได้เลื่อนระดับและกลายเป็นพลทหารฝึกหัดขั้นที่สอง อีกทั้งยังจะมีสถานะที่สูงกว่านักเรียนที่เป็นพลทหารขั้นที่หนึ่งนายอื่นๆ ถึงแม้ว่าทหารเหล่านั้นจะเข้ามาเรียนก่อนผมก็ตาม..
นอกเหนือจากนี้ในช่วงระหว่างที่ทางสถาบันไม่ได้เปิดการทดสอบเลื่อนระดับ ทางสถาบันก็จะจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรของแต่ละแผนก อีกทั้งยังไม่จำกัดสิทธิ์ว่านักเรียนของสถาบันจะเข้ามาเรียนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน..
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว นักเรียนทุกๆคนที่เข้ามาจะมีเวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าภายในระยะเวลา 5 ปีนักเรียนที่เข้ามายังไม่สามารถที่จะผ่านบททดสอบหรือจบหลักสูตรได้ ก็จะถูกคัดรายชื่อออกและส่งไปที่ค่ายทหารสามัญ..
ส่วนนักเรียนที่สามารถผ่านบททดสอบจะได้ติดยศสิบตรี ต่อจากนั้นก็จะต้องเลือกหน่วยที่จะเข้าไปสังกัดภายใต้หน่วยในเหล่าทัพของตัวเอง..
เมื่อเลือกหน่วยได้แล้ว ทางเหล่าทัพก็จะเรียกตัวบรรจุเข้าหน่วยและจะถูกส่งไปทำภารกิจ ถ้าสามารถสร้างผลงานได้ก็จะได้เลื่อนขั้น..
“เมืองนี้ดูครึกครื้นดีนะ..”ผมที่กล่าวออกมา
ซึ่งทันทีที่เดินออกมาจากที่พัก ผมก็พบเจอเข้ากับผู้คนมากมาย ถึงจะเป็นประเทศที่ปกครองโดยทหาร แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ทหารเท่านั้น..
ในตอนนี้จุดที่ผมกำลังยืนอยู่คือขอบถนน โดยที่ผืนของถนนจะถูกปูเป็นเส้นทางด้วยหินตลอดทั้งเมือง อาคารและตึกที่ถูกสร้างจะอยู่ติดกันเป็นล็อกๆตลอดทางเดินถนน นอกเหนือจากนี้ทั้งทางซ้ายมือและขวามือยังมีผู้คนที่กำลังเดินสวนทางกันไปมา ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นทหารก็ตาม..
“ไม่ใช่ๆ แกต้องเลี้ยวขวาข้างหน้า..”เสียงของไอ้จ้อนที่บอกกับผม ซึ่งผมในตอนนี้กำลังเดินไปบนถนน ส่วนตาก็พลางจ้องแผนที่ในมือ..
“ขวา..? ขวาไหนวะ..”
“โอ๊ะ..ตรงนั้นไง..”ไอ้จ้อนที่ขยับตัวชี้ไปยังถนนทางขวามือ ซึ่งเป็นถนนที่เยื้องกับทางหลัก เออเยี่ยม..อย่างน้อยก็เป็นไอ้จู๋ติด GPS ล่ะวะ..
ซึ่งหลังจากที่ผมเดินตามทางที่ไอ้จ้อนบอกไป ท้ายที่สุดผมก็มาถึงยังจุดหมาย..
ณ สถาบันอบรมวิชาทหารแห่งอาคัส..
ในตอนนี้ภาพที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้าของผมในถนนเส้นหลักคือทางเข้าของสถาบันที่ตั้งตระหง่านอยู่ มีทหารฝึกหัดมากมายที่กำลังทยอยเดินเข้าไปข้างใน
ซึ่งเท่าที่ผมดูจากอาณาเขตของรั้วสถาบันแล้วมันทอดยาวไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา เท่าที่ได้ยินมาไม่ผิดเห็นว่าสถาบันแห่งนี้กินพื้นที่ไปมากถึง 4 ใน 10 ของอาณาเขตทั้งหมดภายในเมือง..
โดยผมเองก็เข้าใจผิดมาโดยตลอด ตอนแรกผมก็นึกว่าสถานที่ๆได้เจอกับเจมิสเป็นครั้งแรกคือสถาบันแห่งอาคัส แต่ความจริงแล้วที่นั่นกลับเป็นเพียงแค่ศูนย์ฝึกอบรมทหารเกณฑ์ประจำเมืองโรเซ่เพียงเท่านั้น..
“อู้ว..~ นม นมทั้งนั้นเลย..~”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา มันกำลังขยับไปมาอยู่ใต้กางเกงของผม จากร่างของทหารหญิงหลายนายที่กำลังเดินเข้าไปภายในเมือง..
ผลั๊ว..!
“โอ้ย..ทำไรวะ..?”ไอ้จ้อนที่ร้องเสียงหลง จากฝ่ามืออรหันต์ของผมที่ฟาดลงไปยังหัวของมันจนคอตก
“เก็บอาการหน่อย แกเจ็บฉันก็เจ็บเหมือนกัน หัดทำตัวให้เหมือนกับไอ้จ้อนของคนอื่นเขาบ้างดิ่..”
“ฉันไม่ชอบทำตามใครมันไม่เท่ และที่สำคัญแกควรจะภูมิใจที่มีจู๋สุดแสนจะชาญฉลาดและเจ๋งแจ๋ว แถมยังพูดได้อย่างฉัน ว่าไงจ้ะสาวน้อยคนนั้นน่ะ..สนใจไปเที่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า..~”ไอ้จ้อนที่ดูเหมือนจะไม่สำนึก มิหน่ำซ้ำมันยังหันไปแซวทหารหญิงนายหนึ่งที่เดินผ่านมา..
“เฮ้อ..อย่างเซงเลยว่ะ..”ผมที่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในสถาบัน โดยที่ในระหว่างทางไอ้จ้อนแม่งก็แซวสาวทุกคนๆที่เดินผ่าน โชคดีที่พวกเธอไม่ได้สังเกตเห็น..
และหลังจากที่เดินเข้ามาได้สักระยะ ท้ายที่สุดผมกับไอ้จ้อนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าน้ำพุ โดยที่เหนือน้ำพุดังกล่าวมีรูปปั้นที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของสี่แยก ลักษณะของรูปปั้นนั้นประกอบไปด้วยสัตว์จำนวนสามชนิด มีพยัคฆ์ นกอินทรีและกระทิง..
ซึ่งสัตว์ทั้งสามในตอนนี้กำลังยืนตระหง่านแสดงความน่าเกรงขามของตนออกมา เท่าที่ผมคาดเดาดูเหมือนว่ามันจะเป็นสัญลักษณะของทั้งสามเหล่าทัพ..
“จะเอายังไงก่อนดีวะ..?”ผมที่เอ่ยถามกับไอ้จ้อน ซึ่งเมเทโอก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากถึงขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าพอเข้ามาในสถาบันได้ให้ไปรายงานตัวกับอาจารย์ที่ชื่อว่าสไปร์ส..
“เฮ้ย..! ไอ้ขยะขั้นหนึ่งฉันสั่งให้ไปซื้อขนมปังใส้ชีสมาไม่ใช่เหรอ..แล้วนี่แกเอาอะไรมาให้ฉัน..?”
ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนที่ตะโกนดังขึ้น ทันทีที่ผมเดินอ้อมน้ำพุไปก็พบเข้ากับร่างของทหารกลุ่มหนึ่งจำนวน 4 คนที่กำลังยืนห้อมล้อมร่างของใครบางคนอยู่ที่ทางเบื้องหน้า..
“อึก..สถานการณ์แบบนั้น..”ผมที่กล่าวออกมา..
“แก๊งขาใหญ่ในโรงเรียนที่กำลังรุมแกล้งขยะผู้แสนอ่อนแอ สถานการณ์แบบนี้พระเอกจะต้องโผล่ออกไปช่วย ส่วนไอ้คนที่โดนแกล้งก็จะกลายมาเป็นเพื่อนที่แสนดีของพระเอก พล็อตทุนต่ำที่มีให้เห็นกันอยู่เกลื่อนกลาดในนิยายและมังงะ แต่ก็นะพอได้มาเห็นกับตามันก็ดูคลาสสิคดี..~”ไอ้จ้อนที่อธิบายออกมา เออไม่ต้องบอกก็รู้..
“ขะ..ขอโทษครับ ผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้แหละ..”ร่างของคนที่กำลังถูกรังแกพลันกล่าวออกมา เท่าที่ฟังจากคำลงท้ายแสดงว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่ไหงเสียงถึงได้ดูใสแปลกๆกันนะ..
“เดี๋ยวก่อน..จะว่าไปฉันก็สงสัยมาตั้งนานแล้วว่าหน้าแบบนั้น แกเป็นผู้ชายแน่เหรอ..?”เสียงของทหารกล้ามบึกภายในกลุ่มที่กล่าวออกมา เพียงมองแค่ตาเปล่าก็ทำให้ผมรับรู้ได้ในทันทีว่าเจ้านั่นจะต้องเป็นหัวโจกแน่ๆ แถมมันยังเป็นพลทหารฝึกหัดขั้นที่ 3
ส่วนคนที่กำลังถูกรังแกเป็นชายหนุ่มตัวเล็ก แต่ผมก็มองเห็นเขาแค่เพียงแผ่นหลัง..
“หืม..แล้วไหนล่ะพระเอก..? สตาร์แกเปิดโหมด X แล้วเข้าไปช่วยมันดิ่..”ไอ้จ้อนที่บอกกับผม ซึ่งผมก็รู้สึกเห็นด้วย..ผมน่ะเกลียดไอ้พวกสวะที่รังแกคนอ่อนแอมากที่สุด เพราะผมเองก็เคยถูกรังแกจนเข้าใจความรู้สึกของทหารคนนั้น..
“พวกแกจับมันถอดกางเกงดิ่..”ไอ้หัวโจกกล้ามบึกที่ออกคำสั่งกับลูกสมุน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเข้าไปจับล็อกแขนทั้งสองข้างของนักเรียนร่างเล็กผู้กระทำจากทางด้านหลัง ส่วนอีกคนก็ไม่รอช้ารีบทำการปลดถอดเข็มขัดในทันที..
“อยะ..อย่านะครับ ถะ..ถ้าจะดูเดี๋ยวผมถอดให้ดูเอง..”ชายร่างเล็กที่ออกแรงดิ้นขัดขืน
“หึ..ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น แกน่ารักซะขนาดนี้ ฉันว่าแกคงไม่ต้องมีไอ้จ้อนหรอก..”หัวโจกที่กล่าว พร้อมกับหยิบมีดสั้นออกมาเลีย ทั้งๆที่ตรงบริเวณนี้ก็มีทหารฝึกหัดหลายนายที่เดินเข้าไปในสถาบัน แต่ทุกๆคนกลับทำเป็นไม่สนใจราวกับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องปกติ
“เฮ้ย..! ตูสุดจะทนแล้วโว้ย..! สหายร่วมโลกของฉันกำลังจะถูกตัด สตาร์เร็วเข้า..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้อง เมื่อผมได้ยินก็หลับตาทำสมาธิในทันที..
“ตอนนี้แหละ..!”
“โดจินของอาจารย์ซาซากิ มิกุ ชื่อเรื่องเพื่อนชายของผมกลายเป็นสาวไปซะแล้ว..!”สิ้นเสียงของไอ้จ้อน ภาพของโดจินก็แว็บเข้ามาภายในหัวของผม ก่อนที่โหมด X จะถูกปลุก..
“เฮ้อ..ตูนี่แม่งโครตโง่เลย ไอ้จ้อนคราวก่อนก็บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ใช้ตอนที่จำเป็นเท่านั้น..”ผมที่ถอนหายใจกล่าวออกมา พอโหมด X ตื่นขึ้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก
“อะ..อ้าว..ไหงงั้นอ่ะ รีบไปช่วยเจ้านั่นเร็วเข้า..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา..
“มันไม่ใช่เรื่องของเรา และที่สำคัญเราไม่ควรจะสอดมือเข้าไปยุ่ง ฉันขอผ่านล่ะ..เซงชะมัด..”ผมที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย..
“ตะ..แต่ถ้าเป็นในนิยา..ย..”
“ไอ้จ้อนแกตั้งสติ นี่มันคือชีวิตจริง แล้วยิ่งเป็นโลกที่ไฟสงครามกำลังปะทุ ไม่มีใครมีเวลาว่างมามัวสนใจพวกขยะอ่อนแอหรอกนะ หัดแยกแยะหน่อย..แกลองมองไปรอบๆดูสิ มีใครที่คิดจะเข้าไปช่วยไอ้กากนั่นไหม..? ก็ไม่มี..เพราะอะไรน่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่ามันคือวัฏจักรของชีวิต ผู้แข็งแกร่งย่อมกลืนกินผู้ที่อ่อนแอ และที่สำคัญฉันมันไม่ใช่ไอ้พวกโลกสวย จำเอาไว้นะไอ้จู๋..”ผมที่ตอบกลับไอ้จ้อน พร้อมทั้งอธิบายเหตุผล ก่อนจะก้าวเดินตรงไปข้างหน้า..
“แกนี่มันระยำจริงๆ..!”ไอ้จ้อนที่ดูเหมือนจะโกรธด่าผมออกมา..
“หึ..แกรู้อะไรไหม ฉันสัมผัสได้ว่าความทรงจำของฉันพึ่งจะกลับมาได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดฉันจำเรื่องราวทั้งหมดในอดีตได้ คำว่าระยำมันคงจะน้อยไปสำหรับฉันซะอีก..”ผมที่ตอบกลับไอ้จ้อนโดยไม่สนคำด่าทอ..
“สตาร์ขอเถอะ ช่วยมัน..”ไอ้จ้อนที่เปลี่ยนมาอ้อนวอน..
“หึ..ฝันไปเถอะ ฉันตอนนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวให้เป็นจุดสนใจอีกต่อไปแล้ว วันก่อนก็บอกแล้วหนิ..ว่าตอนนี้ฉันดังจนไม่มีใครกล้าแตะต้องแล้ว..”ผมที่ตอบกลับไอ้จ้อนเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผมกำลังจะเดินผ่านไอ้พวกแก๊งนักเลงกระจอก..
พรึ้บ..!
หลังจากที่ยื้อยุดฉุดกระชากมานาน ในท้ายที่สุดกางเกงของทหารร่างเล็กก็ถูกออกเผยให้เห็นกางเกงในผู้ชายตัวสีดำ..
“หืม..เป็นผู้ชายจริงๆด้วยว่ะ แต่เล็กนิดเดียวเอง ฮ่าๆ มีอยู่แค่นั้นแกอย่ามีมันเลยจะดีที่สุด..”หัวโจกที่กล่าวออกมา พร้อมกับย่อตัวลงพลางเอื้อมมือออกไปเตรียมที่จะถอดกางเกงขอไอ้เจ้าร่างเล็กตรงหน้า
“หืม..?”
แต่แล้วในช่วงจังหวะที่ผมกำลังเดินผ่าน จู่ๆไอ้หัวโจกก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นผม มันพลันหันมามอง พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น..
“เฮ้ย..แกน่ะ..”
กึก..
“ว่าไง..?”
ผมที่หยุดชะงักฝีเท้าจากเสียงเรียกของไอ้หัวโจก ก่อนจะหันกลับไปเอ่ยถามมันห้วนๆด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง..
“เยี่ยม..! หึๆ แกคงคาดไม่ถึงละสิ ยังไงถึงต่อให้แกจะเมิน สุดท้ายพระเอกก็จะเป็นตัวดึงดูดส้นตีนอยู่เสมอ เคี๊ยกๆ..”เสียงของไอ้จ้อนที่หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ..
“ถึงสถาบันอาคัสจะมีนักเรียนกว่าหกร้อยคน แต่ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้าแกเลย..?”ไอ้หัวโจกที่เอ่ยถามผม พร้อมกับค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน..
“ก็พึ่งจะมาเรียนวันแรก ก่อนหน้านี้ฉันติดคุกมา แกมีอะไรหรือเปล่า..?”ผมที่ตอบกลับแบบปกติ ไม่ได้ชักสีหน้าหรือวางมาดอะไร..
“ติดคุก..? อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ..”หัวโจกที่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่มันและลูกสมุนจะต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา..
“ถ้าไม่มีอะไรฉันไปแล้วนะ..”ผมที่ตอบกลับ ก่อนจะหันหลังกลับ..
“เฮ้ย..ไอ้ขยะขั้นหนึ่..ง”
ฟุบ..!!!!
ตู้ม..!!!!!!!!!!
ผมที่สุดจะทนพลันหันหลังกลับ ก่อนจะวิ่งไปกระโดดถีบยอดหน้าของไอ้เวรหัวโจก จนทำให้มันถึงกับหน้าหงายกระเด็นล่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้นในลักษณะที่กำลังหงายหน้าขึ้น ส่วนไอ้พวกลูกสมุนก็ได้แต่ยืนหน้าเหว๋อสตั๊นกันเป็นแถบ..
“ต้องอย่างนั้น ไอ้สอง..!”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาด้วยความสะใจแบบยิ่งยวด..
ฟุบ..!!!
ผมที่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับง้างขาแบบสุดกำลังเหมือนกับนักฟุตบอลที่กำลังจะปั่นฟรีคิกเล็งไปที่เบ้าหน้าของไอ้หัวโจกที่กำลังนอนมึนอยู่..
“แล้วมึงเป็นอะไรมากหรือเปล่า..? คิดว่าอยู่ขั้นสามแล้วมึงเปรี้ยวมากเหรอ..?”ผมที่ถามออกมา พอพูดจบก็พลันเหวี่ยงขาเตะอัดเข้าไปที่หน้าของไอ้หัวโจกที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นมาแบบเต็มแข้ง..
ปัง..!!!!
ไอ้หัวโจกที่ถึงกับหน้าหงายอีกครั้ง แรงกระแทกของหน้าแข้งที่หวดเข้าไปทำให้ศรีษะที่เงยขึ้นมาต้องกลับไปกระแทกพื้นอีกครั้ง..
“อั่ก..!”ไอ้หัวโจกที่ถึงกับตาเหลือกเลือดกลบปาก อีกทั้งเลือดกำเดายังไหลออกมาจากจมูกของมัน ท่ามกลางสายตาของลูกสมุนที่ได้แต่ยืนอึ้งจนตาค้าง..
“นี่แก..!”ลูกสมุนทั้งสี่ที่พึ่งจะตั้งสติได้ ก่อนที่สองในสามจะพุ่งเข้าใส่ผม ยกเว้นเพียงแค่ไอ้ลูกสมุนที่กำลังล็อกตัวของไอ้คนที่ถูกถอดกางเกง..
ผลั๊วะ ๆ ๆ
ปัง..!!!
ผมที่เหวี่ยงหมัดซัดหน้าของไอ้ลูกสมุนที่พุ่งเข้ามา มันนั้นถูกผมซัดแค่หมัดเดียวก็ร่วงลงไปนอนจูบพื้น ส่วนอีกคนก็ถูกผมเตะเข้าไปที่ขมับขวาจนหน้าคว่ำ..
“เห๊อะๆ เอิ๊กๆ ไม่คณามือพี่หรอก..”ไอ้จ้อนที่ยังคงส่งเสียงออกมาด้วยความสะใจ..
“กลับมาที่ไอ้เวรนี่..!”ผมที่หันกลับไปยังไอ้ตัวหัวโจก ก่อนจะพบว่ามันกำลังตะเกียดตะกายชันตัวลุกขึ้นมา ผมจึงอ้อมเข้าไปเตะหน้าของมันอีกครั้ง..
ผลั๊วะ..!!!
ร่างของไอ้หัวโจกที่กระเด้งตามแรงเตะ ก่อนจะร่วงลงไปหน้าคว่ำอยู่กับพื้นอีกครั้ง
“เรียบร้อย..~”ไอ้จ้อนที่เก๊กเสียงหล่อกล่าวออกมา..
“เก๋าเหรอ ไอ้ขยะ..!”
ผลั๊กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมที่สติหลุดพลันใช้ขากระทืบลงไปยังหลังหัวของไอ้หัวโจกอย่างแรง ผมกระทืบซ้ำๆโดยไม่กลัวว่ามันจะตาย อีกทั้งยังไม่ได้กั๊กแรงเอาไว้ ส่งผลทำให้ร่างที่นอนอยู่ถึงกับเกิดอาการชักจนตัวกระตุก..
ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงร้องของไอ้หัวโจก การที่มันถูกผมเตะอัดหน้าและกระทืบกว่าหลายครั้ง เลยทำให้สติของมันติดๆดับๆ จนร้องออกมาไม่ได้..
“เฮ้ย พอได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ตายหรอก..”ไอ้จ้อนที่เริ่มจะใจคอไม่ดีเข้ามาห้ามผม..
หึ..คิดว่าผมจะหยุดงั้นเหรอ..เปล่าเลย พอเห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งกระทืบมันหนักขึ้น จนหน้าของมันที่นอนคว่ำอยู่กับพื้น จู่ๆก็มีเลือดที่ไหลทะลักออกมาจนกลายเป็นกองเลือก
“เฮ้ย..! สตาร์พอได้แล้ว..”ไอ้จ้อนที่ร้องตะโกนห้ามผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แต่ทว่า..
ฟุบ..!
ผมที่ใช้เท้าเขี่ยพลิกร่างของไอ้หัวโจกให้นอนตะแคง และก็ได้พบว่ามีเลือดที่ไหลออกมาจากปากและจมูก ใบหน้าของมันบอบช้ำเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น..
“สตาร์ อย่า..!”
ปัง..!!!!!!!
สิ้นเสียงของไอ้จ้อนที่ร้องห้าม ผมที่ยืนอยู่ก็ได้เหวี่ยงขาเตะอัดเข้าไปที่หน้าของไอ้หัวโจกเป็นครั้งสุดท้าย บอกเลย..โดนเข้าไปหลายดอกยังไงมันก็เลือดคลั่งในสมองแน่ๆ ไม่ตายก็พิการ..
ฟุบ..!
สวบ ๆ ๆ ๆ
ผมที่เดินไปหยิบมีดสั้นของไอ้หัวโจกที่ตกอยู่ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซวกแทงเข้าที่ท้องของมันอยู่สองสามแผล..
“เฮ้ย..!!!! แกทำบ้าอะไรวะ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก..!”ไอ้จ้อนที่ร้องตะโกนต่อว่าผม ก่อนที่ผมจะเก็บมีดสั้นในมือเอาไว้..
“คราวนี้แกรู้หรือยังว่าถ้าฉันเข้ามาช่วยผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง..? ไอ้ขยะที่กำลังจะถูกตัดจู๋กับสภาพของไอ้เวรนี่ในตอนนี้ อันไหนมันน่าสงสารมากกว่ากันล่ะ..?”ผมที่ถามกับไอ้จ้อน ส่วนสายตาก็พลางเพ็งมองไปยังใบหน้าของไอ้หัวโจกเพื่อที่จะให้ไอ้จ้อนได้มองเห็นผ่านตาของผมชัดๆ..
โดยที่สภาพของไอ้หัวโจกตอนนี้ ทั่วทั้งใบหน้าของมันปูดบวมจนดูไม่ได้ แถมยังถูกชะโลมไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง อีกทั้งก่อนที่สติมันจะดับ มันคงจะร้องไห้ออกมา จากคราบน้ำตาไหลอาบ..
“อึก..กะ..แกก็ทำเกินไป น่าสงสารมันว่ะ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา
โถ่..ไอ้จู๋ จิตใจของแกมันช่างบริสุทธิ์ ทีตอนผมฆ่าคนไปตั้งเยอะ ไม่เห็นว่ามันจะมีท่าทีหรืออาการแบบนี้เลย แต่ก็เอาเถอะ..คิดในแง่ดี อย่างน้อยๆผมก็ยังมีมันและตัวเองอีกคนที่เป็นด้านสว่าง แม้ว่าผมในโหมด X จะเข้าสู่ด้านมืดก็ตาม..
ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็ได้ทำให้เหล่านักเรียนบางส่วนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันหยุดชะงัก ส่วนไอ้ลูกสมุนคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ก็ถึงกับหน้าเสียรีบปล่อยร่างของไอ้คนที่ถูกแกล้งในทันที ก่อนจะวิ่งหนีหางจุดตูดไป..
“หึ..”ผมที่ส่งเสียงอยู่ภายในลำคอ ก่อนจะเดินออกจากที่ตรงนี้ ทั้งๆที่ตอนแรกผมก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำตัวให้ไม่เด่นมาก แต่ยังไม่ทันไรก็มีเรื่องลอยมาหาซะแล้ว..
“ดะ..เดี๋ยวก่อนครับ..!”
แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังจะเดินไป จู่ๆไอ้เจ้าร่างเล็กที่โดนแกล้งในตอนแรกก็ส่งเสียงเรียกผม..
“อย่าได้เข้าใจผิด ฉันไม่ได้จะช่..ว..ย..อึก..”ผมที่หันหน้ากลับไปหาร่างที่ยืนอยู่ข้างหลัง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ผมก็ถึงกับต้องตกตะลึงจนตาค้าง..
“ชะ..เชี้ย..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา มันเองก็ดูเหมือนจะกำลังอึ้งไม่ต่างกับผม..
ซึ่งร่างของคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผม นั่นคือสาวน้อยตัวเล็กผมสั้นที่มีหน้าตาที่โครตจะน่ารัก น่ารักยิ่งกว่าไอดอลในโลกเก่าของผมซะอีก เธอมีเส้นผมเป็นสีทอง มีดวงตาเป็นสีเขียวมรกต อีกทั้งภายใต้กางเกงในสีดำยังมีมะเขือน้อยที่ตุงออกมาให้เห็น ดะ..เดี๋ยวๆ..!!
“ไม่จริง..!!!!!!!!!!!!!”เสียงของไอ้จ้อนที่ร้องตะโกนแหกปากออกมา ถึงต่อให้เป็นเสือผู้หญิงก็ขอบอกเลยว่าถ้าเจอไอ้หมอนี่ แม่งมีหวังเรดาร์พัง..
ไรท์:คอมเม้น..!!!
MANGA DISCUSSION