แสงที่ 30 พิธีประดับยศ (1)
“อะ..อ้าว ท่าน..พันตรี อะ..อาเทอร์ ท่านพันตรีเมเทโอ เวรกรรม..ผมขอโทษ !!!”ผมที่ทำเป็นอุทานเสียงสั่นและแสร้งทำเหมือนกับพึ่งจะได้เห็นใบหน้าของคนทั้งสองชัดๆ..
“หะ..หืม นะ..นี่แก..!×2″เมเทโอกับอาเทอร์ที่เบิกดวงตากว้างขึ้นพร้อมทั้งสบถออกมา
ซึ่งการปะทะของผมกับพวกเขาก็อย่างที่บอกไปมันเกิดขึ้นไวมากจนคนทั้งสองต่างไม่ทันได้สังเกตเห็นใบหน้าของผม เร็วจนรู้สึกตัวอีกทีพวกพี่แกก็ล่วงลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
“โถ่..ไอ้เวรเอ้ย..!”เมเทโอที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย ก่อนจะชันตัวลุกกลับขึ้นมายืน แต่ทว่าทางด้านของอาเทอร์กลับยังคงนั่งช็อคจนตาค้างอยู่อย่างนั้น
“ขอโทษด้วยครับ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าผมสังเกตเห็นช้ากว่านี้ ผมคงจะได้กลับไปที่ทาทารัสหรือไม่ก็อาจจะถูกจับประหารแน่ๆ..”ผมที่กล่าวออกมา คำพูดของผมมันกำลังส่อแววว่าถ้าเกิดสังเกตเห็นช้ากว่านี้ หัวของพวกเขาก็คงจะกระเด็นหลุดออกจากบ่ากลิ้งเป็นลูกขนุนไปแล้ว..
“ฉะ..ฉัน ไม่สิ..นะ..นี่พวกเราเกือบถูกทหารฝึกหัดฆ่าตายเหรอเนี่ย..?”อาเทอร์ที่ดูเหมือนจะช็อคไม่หาย เขายังคงทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ ส่วนทางด้านของเมเทโอที่น่าจะได้ยินวีรกรรมของผมมาแล้ว เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไร แต่ก็แน่นอนว่าพี่แกก็ต้องแอบมีเสียหน้าและคงจะทึ่งอยู่ไม่ใช่น้อยว่าผมจะแข็งแกร่งขนาดนี้..
“อย่างที่ไอ้เจ้าพวกบ้านั่นมันเล่าเลยแหะ ฉันล่ะเชื่อแม่งเลยจริงๆ อะ..โอ้ย ละ..หลังฉัน..”เมเทโอที่สบถออกมา พลางจับหลังของตัวเอง..
“ขะ..ขอโทษทีครับ ตะ..แต่ผมก็อ้อมแรงเอาไว้แล้วนะ..”ผมที่ขอโทษเมเทโอ แต่ไม่วายที่จะขิงใส่ พอเจ้าตัวและอาเทอร์ได้ยินก็ถึงกับหน้าเสียพูดอะไรไม่ออก..
ฟุบ..!
“ฮะ..เฮ้ย แกคิดจะทำอะไร..?”เมเทโอที่ถึงกับร้องเสียงหลง จากการที่ผมเดินเข้าไปบล็อคหลังของเขา ก่อนจะทำการจัดข้อต่อหรือกระดูกส่วนที่เคลื่อนให้เข้ารูป..
กร็อบ..!
“จ๊ากกกกกก..!”เมเทโอที่ร้องตะโกนแหกปากออกมา จากเสียงกระดูกที่เคลื่อนกลับ..
“อะ..เอ๊ะ..? หะ..หืม..”เมเทโอที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติพลันหยุดชะงักไป..
“ดีขึ้นไหมครับ..?”ผมที่เอ่ยถาม โดยที่อีกฝ่ายก็หันมาอย่างพยักหน้าอย่างอึ้งๆ..
“อะ..เออ แต่ก่อนอื่นเลยแกพอจะอธิบายได้ไหมว่าไอ้ที่เห็นอยู่นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น..?”เมเทโอที่เปิดประเด็นเอ่ยถามผม พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ..
“ผมถูกหลอกมาฆ่า แต่โชคดีที่ไหวตัวทันสภาพก็เลยออกมาอย่างที่เห็น..”ผมที่อธิบายเหตุการณ์ให้เมเทโอได้ฟัง ซึ่งมันก็ทำให้เขากับอาเทอร์อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..
“ทหารยศจ่าสิบตรีสองคน จ่าสิบโทสองคน..เจ้าพวกนี้เป็นผู้ใช้เอมพาสระดับ 3 ดาวฟ้ากันทั้งนั้น นะ..นี่แกจัดการกับพวกมันด้วยตัวเพียงคนจริงดิ..?”เมเทโอที่กล่าวถาม พลางตรวจสอบสภาพและระดับยศของศพที่นอนตายกันอยู่ ทางด้านของอาเทอร์ที่พึ่งจะหายช็อคก็ได้เดินไปตรวจสอบที่ศพของเซอร์เคิล..
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ..”
“หึ..ฉันละเชื่อแกเลยจริงๆ แกนี่มันยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก แต่ก็เอาเถอะ..มันเลยทำให้ฉันอยากที่จะได้แกมาเข้าหน่วยเข้าไปใหญ่..”เมเทโอที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว..ผมนึกว่าจะถูกส่งตัวกลับไปที่ทาทารัสแล้วซะอีก..”
“หืม..? แล้วทำไมแกต้องกลับไปที่ทาทารัสด้วยล่ะ..?”
“ก็ผมฆ่าทหารไปตั้งหลายนาย แถมยังเป็นยศจ่ากับร้อยต..รี..”
“อุ๊บ..ฮ่าๆ ๆ แล้วแกจะเอาเรื่องนี้ไปป้าวประกาศให้โลกรู้หรือยังไงกันวะ..? ถ้ามีคนรู้แกได้ติดคุกจนหงำเหงือกแน่ โทษเกือบตลอดชีวิตเลยนะ..”
ในขณะที่ผมกำลังจะให้เหตุผล แต่พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆเมเทโอก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะกล่าวแทรกเข้ามา..
“ทะ..ที่ท่านพันตรีพูดมันหมายความว่า..?”
“ถ้าแกไม่พูด พวกฉันไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ แล้วอีกอย่างแกแค่ปกป้องชีวิตของตัวเอง แกไม่ผิดหรอก..”เมเทโอที่บอกกับผม พร้อมทั้งกระตุกรอยยิ้ม..
“มะ..มะ..เมเทโอ..”เสียงของอาเทอร์ที่กล่าวออกมา น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นคลอนเป็นอย่างมาก..
“อะไร..? ถ้าแกยังคิดที่จะแย่งเจ้านี่อยู่ล่ะก็ ดูเหมือนว่าพวกเราคงจะต้องมาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงซะแล้..ว เฮ้ย..แกเป็นอะไรน่ะ ทำไมทำหน้าอย่างงั้น..?”เมเทโอที่กำลังจะตอบกลับ แต่แล้วเขาก็พบเข้ากับความผิดปกติของอาเทอร์..
“จะ..เจ้าศพนี่คือร้อยตรีเซอร์เคิล..”สิ้นคำตอบของอาเทอร์ ใบหน้าของเมเทโอก็พลันต้องบิดเบี้ยวไปในทันที..
“กะ..แกว่ายังไงนะ..?”เมเทโอที่สบถกล่าวออกมา ก่อนจะรีบก้าวเดินไปดูศพที่นอนอยู่
ซึ่งเมื่อเมเทโอได้เห็นใบหน้าของศพชัดๆ ดวงตาของเขาก็พลันต้องเบิกกว้างขึ้นไปในทันที พร้อมกับฝ่ามือที่ถูกยกขึ้นมากุมขมับด้วยความเคร่งเครียด..
“เวรแล้วไง..”เมเทโอที่สบถออกมา..
“เรื่องใหญ่เลยนะ ถ้าพันโทของเอทารอสรู้เรื่องนี้เข้า ไอ้เจ้านั่นไม่รอดแน่..”อาเทอร์ที่กล่าวออกมา โดยที่เมเทโอก็หยุดคิดไปชั่วขณะ..
“ก็อย่างที่บอกไป ถ้าพวกเราไม่พูด ไอ้เวรนั่นไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรารีบจัดการกับศพกันก่อนเถอะ..”เมเทโอที่กล่าวออกมา แต่สีหน้าของเขาในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด..
“มะ..เมเทโอ นะ..นี่อย่าบอกนะว่าแกจะ..”อาเทอร์ที่กล่าวออกมา
“เออ..มันมีทางเลือกอื่นอีกหรือไง ยังไงก็ไม่มีใครที่เห็นเหตุการณ์อยู่แล้ว..”
“เฮ้ย..แกคิดให้ดีนะ ถ้าเกิดถูกจับได้พวกเราจะมีเอี่ยวไปด้วยนะ..”อาเทอร์ที่กล่าวออกมา..
“แล้วจะให้ทำยังไง..? ส่งเจ้านี่ไปให้พันโทเซอร์ซิสมันเฉือนคอเล่นงั้นเหรอ..?”เมเทโอที่ถามกลับ ซึ่งตัวของผมที่ยืนอยู่ก็ได้แต่รอดูการตัดสินใจของพวกเขา โดยที่พลังในโหมด X เหลืออยู่อีกเพียงแค่ 30 วิ..
“เปิดวงจร..เอเนลซ่า..!”เมเทโอที่กล่าวออกมา ทันใดนั้นที่ตรงบริเวณกลางหน้าอกของเขาก็ส่องแสง ก่อนที่จู่ๆจะมีมือปริศนาสีแดงที่แหวกปีนออกมาจากภายในอกของเขา..
ซูม..!!!
“อึก..อะไรวะนั่น..?”ผมที่สบถถามกับตัวเองจากร่างของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่โผล่ออกมาจากกลางหน้าอกของเมเทโอ โดยที่สิ่งมีชีวิตตนนั้นมีลักษณะร่างกายเป็นเปลวเพลิงคล้ายกับภูติเพลิงที่เป็นผู้หญิง..
“เอเนลซ่า..เผาให้ราบ..!”เมเทโอที่ออกคำสั่งกับภูติเพลิง ก่อนที่ทันใดนั้นภูติตัวดังกล่าวจะกางฝ่ามือออกไปยังซากศพทั้งหลาย พร้อมทั้งปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมา..
ซูม..!!!!!!
เปลวเพลิงที่พวยพุ่งเป็นสายได้เข้าแผดเผาซากศพที่นอนตายกระจัดกระจายกันอยู่จนมอดไหม้กลายเป็นเผาธุรีเหลือทิ้งเอาไว้เพียงแค่ผลึกสีฟ้าที่ตกอยู่ ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นคริสตัลมานา..
ซูม..!!!!!!
ภูติเพลิงที่สาดมือหันไปยังร่างของเซอร์เคิล ก่อนที่เปลวเพลิงจะเข้าแผดเผาร่างของมัน แต่ก็ดูเหมือนว่าร่างของเป้าหมายจะมีความทนทานกว่าร่างอื่นๆ จึงต้องใช้เวลาในการเผาอยู่พอสมควร..
ก่อนที่สุดท้ายแล้วศพทั้งหลายจะถูกเผาอำพรางไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของกระดูก รวมไปถึงรถม้าที่จอดทิ้งเอาไว้ เมเทโอก็สั่งให้ภูติเพลิงเผาทำลายจนไม่เหลือซาก..
“ขอบใจมาก..”เมเทโอที่หันไปกล่าวกับภูติเพลิง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลอยกลับเข้าไปช่องว่างที่ตรงกลางหน้าอกของเขา..
ฟุบ..
“นั่นคือการตัดสินใจของแกสินะ..?”อาเทอร์ที่เอ่ยถาม..
“ก็ตามนั้น..ถ้าเพื่อที่จะได้ไอ้เวรนี่มา ฉันเองก็ต้องยอมเสี่ยง แล้วแกล่ะว่าไง..?”เมเทโอที่ตอบกลับ พร้อมทั้งเอ่ยถามอาเทอร์..
“เออ..แกเล่นเผาก่อนแล้วค่อยถาม คิดว่าฉันจะมีทางเลือกอื่นหรือไง..”อาเทอร์ที่ตอบ ก่อนที่คนทั้งสองจะพร้อมใจกันหันหน้ามามองผม..
“เฮ้ย..แกน่ะ ถ้าเกิดเอาเรื่องนี้ไปโม้ให้ใครฟัง ฉันฆ่าแกแน่..!”เมเทโอที่บอกกับผม..
“อึก..ท่านพันตรีคิดว่าผมจะโง่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ..”ผมที่ตอบกลับ ตอนนี้โหมด X ได้สงบลงแล้ว โดยที่ไอ้จ้อนก็ได้เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง เหลือจะเชื่อนี่ขนาดท่านพันตรีทั้งสองก็ยังถูกผมซัดจนร่วงเลยเหรอเนี่ย..
“วางมาดให้มันขรึมๆหน่อย เดี๋ยวก็ถูกจับได้กันพอดี..”ไอ้จ้อนที่บอกกับผม ซึ่งผมในตอนนี้กำลังพยายามทำตัวให้เหมือนกับตอนที่อยู่ในโหมด X
“ได้ยินแบบนั้นค่อยสบายใจหน่อย..”เมเทโอที่ตอบกลับ ก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ.
“อึก..ไปสูบไกลๆดิ่ เหม็นชะมัด..”อาเทอร์ที่ไล่เมเทโอ ก่อนจะเขยิบตัวออกห่างจากควันบุหรี่ที่ลอยมาเตะจมูก..
“คิดว่าฉันอยากจะสูบมันมากหรือไง..? แค่กๆ..”เมเทโอที่ตอบกลับ ก่อนจะสำลักควันบุหรี่ หรือว่านั่นจะเป็นเงื่อนไขเอมพาสของเขา ซึ่งถ้าผมฟังจากที่ไอ้จ้อนพึ่งจะเล่ามาไม่ผิด ดูเหมือนว่าเมเทโอจะถือครองเอมพาสที่ไม่ใช่ทั้งชนิดกักเก็บหรือยุทโธปกรณ์..
“เอาเถอะ..ยังไงตอนนี้พวกเรารีบออกจากที่นี่กันก่อน ส่วนแกชุดอยู่ยูนิฟอร์มอยู่ในรถม้าไปเปลี่ยนซะ ฉันจะพาแกไปยังที่ๆหนึ่ง..”เมเทโอที่บอกกับผม..
“ปะ..ไปที่ไหนเหรอครับ..? ไม่ใช่ว่าผมจะต้องไปสถาบันหรอกเหรอ..?”
“พูดอะไรของแกสถาบันมันเปิดพรุ่งนี้ ที่ๆฉันจะพาแกไปคือพิธีประดับยศของหน่วยพยัคฆ์คลั่งที่เมืองฮาลัน..”เมเทโอที่กล่าวออกมา..
“หืม..? ฉันไม่ยักจะเห็นได้ยินมาว่าหน่วยของแกมีพิธีประดับยศ แล้วที่สำคัญ..แกจะพาเจ้านี่ไปด้วยทำไม..?”อาเทอร์ที่กล่าวถามเมเทโอ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่เมเทโอจะเข้ากอดคอของผมและพาเดินเนียนๆตรงไปยังรถม้า..
“แกอย่าสงสัยมากน่า เอาเป็นว่าวันนี้ฉันขอตัวไอ้เจ้านี่ไปก่อน..!”
ฟุบ..!!!
ชั่วพริบตาเดียวทันทีที่เมเทโอหันหลังไปให้คำตอบกับอาเทอร์ พี่แกก็เอื้อมมือกระชากแขนของผมอย่างแรงและพาวิ่งตรงไปยังรถม้า โชคดีที่ผมยังตั้งหลักเอาได้ไม่งั้นคงจะสะดุดหน้าไถลดินไปแล้ว..
“เฮ้ย..!”อาเทอร์ที่ถึงกับร้องลั่น เขารีบวิ่งตามมา แต่กลับต้องถูกเมเทโอที่หันมาดีดก้นบุหรี่ใส่หน้าจนทำให้ต้องชะงักไป..
ฟุบ..!
ปัง..!
เมโทโอที่เหวี่ยงร่างผมขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับปิดประตูเสียงดังลั่น ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปยังที่นั่งคนขับและควบม้าออกไปในทันที..
“ย้ะ..!”
“ฮี่..!!~”
“หยุดนะเฮ้ย..ท่านพลตรีเลอัสสั่งฉันมา ถ้าฉันไม่ได้ตัวไอ้เจ้านั่นกลับไป ฉันถูกสวดยับแน่..!”อาเทอร์ที่ตะโกนบอกกับเมเทโอ..
“ฉันก็ได้รับคำสั่งมาเหมือนกันโว้ย ติดไว้ก่อนเดี๋ยวรอบหน้าฉันเลี้ยงข้าว ฮ่าๆ..”เมเทโอที่กำลังควบม้าหนีพลันชะโงกหน้ากลับไปตะโกนบอกอาเทอร์..
“เวรเอ้ย..!!!”อาเทอร์ที่เหวี่ยงขาเตะดินด้วยความหัวเสีย จากภาพรถม้าของเมเทโอที่กำลังแล่นลับสายตาไป..
4 ชั่วโมงต่อมา..
ณ เมืองฮาลัน..
ศูนย์บัญชาการระดับ 3 ของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง..
ครึกๆ ๆ ๆ ๆ
หลังจากที่เมเทโอได้ตัวผมมา พี่แกก็พาซิ่งรถม้ามายังเมืองแห่งหนึ่ง โดยใช้เวลาในการเดินทางนานถึง 4 ชั่วโมงเต็มๆ กว่าที่จะเดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้..
ซึ่งทันทีที่เข้ามาภายในเมืองได้ เมเทโอก็ขับรถม้าพาผมผ่านเข้ามายังรั้วของสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศูนย์บัญชาการ แต่ทว่าเท่าที่ดูจากอาณาเขตของพื้นที่แล้ว ศูนย์บัญชาการแห่งนี้ไม่ธรรมดา มันมีขนาดความกว้างกว่าหลายร้อยไร่ อีกทั้งยังมีอาคารกว่าหลายสิบหลังที่ถูกสร้างเอาไว้..
ครึก..!
เอี๊ยด..!
เสียงของรถม้าที่แล่นมาหยุดอยู่ที่อาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ตัวอาคารถูกสร้างมาจากคอนกรีต มองจากข้างนอกก็รู้ว่าข้างในมันต้องกว้างมากๆแน่ มันมีลักษณะคล้ายกับโรงยิม ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิดสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นหอประชุม..
“ลงมา..”เมเทโอที่เปิดประตูรถม้า ก่อนจะบอกกับผม
ซึ่งทันทีที่ผมลงมาภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมกับเมเทโอก็คือประตูทางเข้าที่ถูกปูด้วยพรมแดง อีกทั้งยังมีทหารกว่าหลายนายที่ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งข้างทางของพรมแดง..
“ครับ..!”เหล่าทหารที่ยกมือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ ทันทีที่ได้เห็นการปรากฏตัวของเมเทโอ ก่อนที่ทหารสองนายซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูจะเปิดประตูต้อนรับ..
ฟุบ..!
ร่างของผมที่ย่างกายเดินตามหลังของเมเทโอมา เมื่อเข้ามาภายในหอประชุม สิ่งที่พบนั่นก็คือกองกำลังทหารนับพันนายที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าที่ถูกจัดเรียงกว่าหลายแถวยาวจนเต็มหอประชุม
โดยที่ทางด้านหน้าสุดของเหล่าทหารนับพันที่ผมเห็นจะมีเวทีขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ บนเวทีมีร่างของชายวัยกลางคนสามคนที่กำลังนั่งอยู่ เพียงมองจากชุดผมก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาคือทหารยศนายพล..
“ตามมา..”เมเทโอที่บอกกับผม ทางเบื้องหน้าของพวกเราคือทางเดินเล็กๆตรงกลางเปรียบเสมือนเส้นแบ่งที่ทอดยาวไปจนถึงสุดปลายของเวที อีกทั้งทางเดินนี้ยังเป็นทางเดียวกับที่สามารถใช้เดินไปยังเวทีได้..
ตุบๆ ๆ ๆ
ผมที่ก้าวตรงไปยังทางเดิน ในระหว่างทางก็มีทหารจำนวนไม่น้อยที่หันมามองหน้าของผม และก็ดูเหมือนว่าจะมีทหารกลุ่มใหญ่อยู่กลุ่มหนึ่งที่หันมาส่งรอยยิ้มให้กับผม ถ้าจำไม่ผิดพวกเขาคือกองร้อยชายแดนใต้ที่ผมเคยเจอเมื่อหนึ่งปีก่อน พวกเขาจ้องมองตามผมตลอดทาง จนกระทั่งผมเดินมาจนเกือบจะถึงสุดปลายของทางเดิน
หมับ..!
แต่แล้วจู่ๆในขณะที่เดินก็มีใครบางคนที่เอื้อมมาจับแขนของผม พอผมหันไปมองก็พบเข้ากับซิลเวีย..
“ท่านร้อยเอกซิลเวีย.”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อได้พบเข้าซิลเวียที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แถวแรก ตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่คือฝั่งซ้ายมือของทางเดิน..
“ไม่เจอกันตั้งหนึ่งปี เธอดูดีขึ้นนะ..”ซิลเวียที่เอ่ยปากทักทายผมด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาของเธอกลับดูแปลกๆ มันเป็นแววตาที่ผมอธิบายไม่ถูก..
“อู้ว..~ สายตาแบบนั้นเธอคงอยากที่จะ..~”ไอ้จ้อนที่ส่งเสียงออกมา ก็นั่นแหละ..สายตาที่ซิลเวียมองมาก็อย่างที่ไอ้จ้อนมันบอก..
“เอาไว้ค่อยคุยได้ไหม ไม่เห็นเหรอฟะว่าท่านพลตรีมองอยู่..?”เมเทโอที่หันกลับมาชักสีหน้า พร้อมกับส่งเสียงกระซิบกระซาบบอกซิลเวีย..
“ขอโทษค่ะ..”ซิลเวียที่ก้มหน้าลงไป ก่อนที่เมเทโอจะเดินเลี้ยวไปทางซ้ายพาผมเดินเลาะหน้าเวทีไปยังเก้าอี้ที่นั่งที่ว่างอยู่ โดยมีสายตาของพลตรีทั้งสามที่ต่างจับจ้องมองมาที่ผม..
“อะ..อึก..”ผมที่หันไปสบตากับเหล่าพลตรีอยู่ชั่วขณะ แต่แล้วก็ต้องรีบหลบตาอย่างไว จากแววตาอันแสนดุดันที่โครตจะน่ากลัวของพลตรีทั้งสาม..
“ไอ้เด็กนั่นน่ะเหรอ คนที่แกพูดถึง..?”เสียงของชายวัยกลางคนที่หันไปเอ่ยถามต่อเจมิไนท์ที่นั่งอยู่ เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างใหญ่ผมสีทองที่กำลังนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ ชายคนนี้คือพลตรีของหน่วยพยัคฆ์คลั่งหน่วยที่ 1 นามของเขาคืออาทิส
“ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ..”เจมิไนท์ที่ตอบกลับ โดยที่ตัวของเขาคือพลตรีที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลหน่วยพยัคฆ์คลั่งหน่วยที่ 3
“เจมิไนท์..แกมั่นใจแน่นะว่ารายละเอียดของภารกิจชายแดนใต้เมื่อหนึ่งปีก่อนจะเป็นความจริง..”เสียงอีกเสียงที่เอ่ยถาม โดยที่เจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนร่างกายสูงโปร่ง แต่เขากลับไม่ได้มีร่างกายที่กำยำหรือสูงใหญ่เหมือนกับอาทิสและเจมิไนท์
โดยที่ชายผู้นี้มีเส้นผมและดวงตาเป็นสีน้ำตาลไว้เคราแพะแต่ไม่มีหนวด แววตาของเขาแอบแฝงไปด้วยความเยือกเย็น ซึ่งเขาก็คือพลตรีแห่งหน่วยพยัคฆ์คลั่งที่ 2 นามว่าเทรน..
“ฉันตรวจสอบเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วถึงได้กล้าแบกหน้าไปรายงานให้ท่านพลเอกได้ทราบ มีทั้งพยานและหลักฐาน อีกทั้งที่พิธีจำแนกทหารเข้าเหล่าทัพเมื่อหนึ่งปีก่อน ไอ้เจ้านั่นมันยังสร้างวีรกรรมเอาไว้ จนทำให้มันถูกไอ้เจ้าเลอัสสั่งไปขังคุก พวกแกไม่เคยได้ยินผ่านหูมาบ้างเลยเหรอ..?”
“เออ..ก็เคยได้ยินอยู่ เอาเป็นว่าฉันจะปักใจเชื่อก็แล้วกัน ยังไงซะ..การที่ท่านพลเอกตัดสินใจที่จะมอบอำนาจให้แกจัดการเรื่องเลื่อนยศให้กองกำลังทหารหน่วยที่สาม ท่านผู้นั้นก็คงจะใช้ดุลพินิจตรวจสอบแล้วว่าความสำเร็จของภารกิจนั้นเป็นความจริง..”เทรนที่กล่าวออกมา..
“หึ..ไม่ใช่เพียงแค่นั้นหรอก ดูเหมือนว่าท่านพลเอกจะสนใจเจ้านั่นเอามากๆ ถึงขนาดใส่รายชื่อของมันเข้ามาในรายชื่อทหารที่จะได้ประดับยศเลยล่ะ แล้วพวกแกรู้ไหมว่าท่านพลเอกอนุมัติให้ฉันอวยยศให้ไอ้เจ้านั่นได้สูงสุดกี่ขั้น ในความสำเร็จแค่เดียว..?”
“กี่ขั้น..?”อาทิสกับเทรนที่เอ่ยถาม..
“ห้าขั้น พร้อมทั้งยังให้เหรียญกล้าหาญมาด้วย..”สิ้นคำตอบของเจมิไนท์ พลตรีทั้งสองก็ต่างพากันอึ้ง..
“ดะ..เดี๋ยวสิ แต่เจ้านั่นเป็นเพียงแค่ทหารฝึกหัด แถมยังไม่ได้เข้าหน่วยพยัคฆ์คลั่งของพวกเราเลยนะ ทำไมท่านพลเอกถึงได้ลงทุนทำถึงขนาดนั้น..?”เทรนที่กล่าวแย้งขึ้น..
“หึ..ก็เพราะว่า..ยศที่มันจะได้ในวันนี้จะเป็นแค่ยศว่าที่ เมื่อไหร่ที่มันเข้าหน่วยของพวกเราก็จะได้ติดยศนั้นจริงๆ พวกแกอาจจะยังไม่รู้ตอนนี้มีหน่วยพยัคฆ์กว่าหลายหน่วยที่ต่างหมายตามัน พวกแกไม่คิดว่านี่จะเป็นเหยื่อล่อชั้นดีหรอกเหรอ..?”
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็น..ถึงต่อให้เจ้านั่นจะเป็นที่ต้องการตัวมากขนาดไหน แต่เล่นอวยทีเดียวจากทหารฝึกหัดขึ้นติดยศจ่าสิบเอกเลยเหรอ ฉันว่ามันเกินไปว่ะ..”อาทิสที่กล่าวต่อเจมิไนท์ ตอนแรกเขาคิดว่าสตาร์จะแค่เข้ามาร่วมพิธีประดับยศเฉยๆ แต่ไปๆมาๆกับมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่แปลกที่พวกเขาจะอึ้ง..
“อาทิส..การที่คนๆเดียวสามารถกวาดล้างกองร้อยได้ถึงสองกองร้อย แกลองนึกสภาพดูสิว่าจะมีสักกี่คนที่จะสามารถทำได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้เอมพาสระดับดาวสูงๆ อย่างพวกท่านพันโท ยังไงก็ไม่ทางที่จะทำได้เด็ดขาด ถึงต่อให้เป็นพวกเราก็อาจจะทำได้สำเร็จ แต่คงตกอยู่ในสภาพโชกเลือด..”เจมิไนท์ที่ให้เหตุผล ซึ่งมันก็ทำให้พลตรีทั้งสองต่างพากันสะอึกพูดอะไรไม่ออก..
[สตาร์]
“แกนั่งรออยู่ตรงนี้..”เมเทโอที่กล่าวออกมา ก่อนที่ผมจะนั่งลงยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ส่วนตัวของเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวแรกข้างๆผม..
ซึ่งจุดที่ผมนั่งมันเป็นเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตัวที่สองของแถวแรก อีกทั้งยังเป็นตัวเดียวที่ว่างอยู่ราวกับคนจัดรู้จำนวนของทหารที่จะมาในวันนี้จึงจัดเก้าอี้เอาไว้พอดีเป๊ะ..
“อะหรือ อะหรือ พวกเราจะได้ติดยศกับเขาด้วยกันนะ..? ถ้าอย่างงั้นก็เป็นไปตามแผนที่แกในโหมด X บอกเลยน่ะสิ..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา โดยที่ผมในโหมด X ก็ได้เขียนระบุเอาไว้ว่าอาจจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น
“การประดับยศทหารของหน่วยอื่นๆและกองกำลังทหารหน่วยที่สามก็ได้ผ่านไปแล้ว ต่อไป..ฉันจะขอประกาศรายชื่อผู้นำที่จะได้รับการประดับยศของหน่วยพยัคฆ์คลั่งหน่วยที่สาม..”เสียงของนายพลคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตัวแรก ก่อนที่เขาจะชันตัวลุกขึ้นยืนและหยิบนำกระดาษรายชื่อออกมา..
“ร้อยตรีเจมิส ราเทียร์ ขึ้นมาบนเวที..”เสียงประกาศของนายพลที่ดังขึ้น ทันใดนั้นจู่ๆร่างที่นั่งอยู่ข้างๆทางขวามือของผมก็ชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินผ่านหน้าของผมไป จนได้กลิ่นหอมเย้ายวนอันแสนคุ้นเคย..
ดะ..เดี๋ยวนะ ร่างที่ผมกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้คือสาวผมสั้นในชุดยูนิฟอร์มที่สวมหมวกทหารสีดำทับเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอนั่งอยู่ข้างๆผม การที่ผมไม่ทันได้สังเกตเห็นเธอ คงจะเป็นเพราะว่าเธอเปลี่ยนลุคใหม่ตัดผมสั้น แถมมันยังดู..
“อ๊ากกกกกกก โครตสวยเลยเว้ย..!”เสียงของไอ้จ้อนที่ร้องตะโกนแหกปากออกมา โดยที่ผมก็ไม่สามารถที่จะเถียงมันได้ เพราะว่าเจมิสในตอนนี้สวยและดูสง่างามจริงๆ..
ไรท์:คอมเม้น..!!!!
MANGA DISCUSSION