แสงที่ 3 จุดเริ่มต้นการเป็นทหาร..
ณ โบสถ์มิลเทล..
โบสถ์มิเทลคือสถานที่ๆมีไว้ดเพื่อเคารพและบูชาพระเจ้า เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนคนทั่วไป รวมไปถึงทุกๆคนภายในประเทศ..
“อือ..?”ผมที่ได้สติฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่สัมผัสคืออาการปวดศรีษะ เมื่อลืมตาขึ้นผมก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ในสถานที่ๆคล้ายกับโบสถ์ ทางเบื้องหน้ามีรูปปั้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับรูปปั้นของพระเจ้าที่ยืนอยู่ อีกทั้งข้างในโบสถ์ยังมีภาพศิลป์ต่างๆมากมาย..
“อะ..อึก อะไรเนี่ย..?”ผมที่ร้องออกมา ผมในตอนนี้กำลังถูกเชือกมัดในลักษณะที่กำลังเอามือไขว้หลัง เมื่อหันไปก็พบเข้ากับทหารสองนายที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าโบสถ์..
“อ้า~..”เสียงร้องที่ดังออกมา พลันปรากฏเป็นร่างของชายวัยกลางคนที่เดินออกมาจากภายในห้องแห่งหนึ่ง อีกทั้งในระหว่างที่เดินเขาก็พลางใส่เข็มขัดของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเขาพึ่งจะเสร็จกิจอะไรบางอย่างมา
ก่อนที่จู่ๆทันใดนั้นจะมีร่างของหญิงวัยกลางคนในชุดซิสเตอร์ที่ปรากฏตัวเดินตามหลังออกมาจากภายในห้อง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนทั้งสองเข้าไปทำอะไรกันมา..
“ซะ..ซิสเตอร์..”ผมที่เบิกดวงตาขึ้น จากภาพความทรงจำของสตาร์ เธอคนนั้นคือคนที่เลี้ยงดูเจ้าของร่างๆนี้มาตั้งแต่เด็ก เธอมีชื่อว่ามาเรีย เธอเปรียบเสมือนแม่ของสตาร์ อีกทั้งในบรรดาเด็กกำพร้าที่ทหารส่งมายังโบสถ์ เธอยังรักสตาร์มากกว่าใครๆ
“สตาร์..”มาเรียที่หันมายิ้มให้ผม..
“พาตัวมันไป..”ชายวัยกลางคนที่หันไปบอกกับทหารสองนาย..
“อะ..อะไรนะ เดี๋ยวสิ..ไม่ใช่ว่าท่านรับปากกับฉันแล้วอย่างงั้นเหรอว่าจะปล่อยตัวเขาไป..?”มาเรียที่ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก เธอพลันเอื้อมไปจับแขนของชายวัยกลางคน
ผลั๊ก..!
“ฉันรับปากว่าจะไม่ฆ่ามัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่พาตัวมันไปสักหน่อย เจ้านี่มันออกไปนอกเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาติเข้าข่ายหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ถ้าเป็นปกติมันควรจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ..”ชายวัยกลางคนที่สะบัดแขนทำให้มาเรียล้มลง ในระหว่างนั้นเขาก็หยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง..
“สตาร์..อายุสิบแปดปี ตามบัญญัติแห่งอาคัส เจ้านี่มีโทษสถานหนักเพราะคิดที่จะหลบหนีการเกณฑ์ทหาร มันต้องถูกพาตัวไปยังเมืองโรเซ่และรับผลที่มันได้ก่อเอาไว้..”ชายวัยกลางคนที่อ่านรายชื่อของสตาร์ แท้ที่จริงแล้วเขาคือทหารหน่วยตรวจการที่ได้รับมอบหมายให้มาพาตัวผู้ที่อายุครบตามกำหนดไปเกณฑ์ทหาร..
“ดะ..เดี๋ยวสิ ไม่ใช่ว่าบัญญัติการเกณฑ์คนไปเป็นทหารถูกยกเลิกไปแล้วไม่ใช่เหรอ..?”มาเรียที่เอ่ยถาม..
“นี่เจ้าไม่รู้อะไรเลยเหรอ..? เมื่อสองเดือนก่อนอาคัสได้ประกาศกฏบัญญัติ และนำบัญญัติเก่ากลับมาใช้ ตอนนี้ประเทศของเราจำเป็นที่จะต้องเสริมความแข็งแกร่ง..”
“ฮึก..แต่เขาไม่มีคริสตัลมานานะ เขาไม่มีทางที่จะปลุกเอมพาสขึ้นมาได้แน่..”มาเรียที่เอามือป้องปากร้องไห้ออกมา
“อาคัสไม่สนหรอกนะว่ามันจะเป็นขยะหรืออะไร แค่สามารถเอามันออกไปรบได้ก็พอ..”ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมา..
เท่าที่ผมตรวจสอบจากความทรงจำ โดยสิ่งที่เรียกว่าอาคัสคือคำใช้เรียกองค์กรหรือกองทัพทหารจากทั้งสามเหล่าคล้ายๆกับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศอะไรประมาณนั้น และนอกเหนือจากเหล่าทัพทั้งสาม ยังมีกองกำลังทหารหน่วยพิเศษที่แปลกแยกออกไป..
โดยอาคัสนั้นจะเปรียบเสมือนกับเสาหลักที่คอยปกป้องอาณาจักรแห่งนี้ ทุกๆเหล่าทัพต่างมีพลังอำนาจที่ทัดเทียมกัน..
“คะ..คือว่า..”
ผลั๊ก..!
ผมที่ต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้กล่าวก็ถูกทหารที่ยืนอยู่ข้างหลังเอาก้นหอกกระทุ้งเข้ามาที่ท้ายทอยจนต้องหมดสติไป..
“ข้าขอรับปากกับเจ้าว่าตลอดการเดินทางก่อนจะถึงโรเซ่เจ้านี่จะปลอดภัย แต่เมื่อถึงที่นั่นแล้วอนาคตของมันจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของมันเอง ถึงต่อให้มันจะเป็นเพียงแค่ขยะ แต่ถ้าเกิดมันมีความสามารถในด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่ออาคัส ชีวิตของมันก็อาจจะไม่ได้ลำบากอย่างที่เจ้ากังวลเอาไว้ก็ได้..”ชายวัยกลางคนที่กล่าวกับมาเรีย ก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้ทหารพาตัวของสตาร์ไป..
1 วันต่อมา..
ครึกๆ ๆ ๆ
เสียงของรถม้ากว่าหลายสิบคันที่เคลื่อนตัวอยู่บนถนนลูกรัง โดยที่รถม้าคันนี้ได้บรรทุกและพ่วงติดกับรถลากขนาดใหญ่ ภายในรถลากดังกล่าวปรากฏให้เห็นร่างของเหล่าทหารที่กำลังนั่งอยู่ทั้งสองฝั่งให้ความรู้สึกเหมือนกับรถลำเลียงกำลังพลทหาร
“อื้อ..~”
ผมที่ส่งเสียงครางออกมา ในตอนนี้ผมสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนรถที่กำลังเคลื่อนตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบเข้ากับร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนที่นั่ง โดยที่รถลากคันนี้มีเพียงแค่ผมกับเขาเท่านั้น..
“ฟื้นแล้วสินะ..เตรียมตัวให้พร้อมซะล่ะ พวกเรามาถึงนรกแล้ว..”ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมา พร้อมกับแสยะรอยยิ้ม พลางพ่นควันบุหรี่ออกจากจมูก..
“พะ..พวกเราอยู่ที่ไหนเหรอครับ..?”ผมที่ค่อยๆชันตัวลุกขึ้นมานั่ง..
“เมืองแห่งการฝึกทหารที่สองโรเซ่..”ชายวัยกลางคนที่ตอบกลับ เมื่อผมมองไปยังข้างหลังของรถลากก็พบว่าตอนนี้พวกเราได้แล่นผ่านเข้ามาภายในเมืองแล้ว
ซึ่งภาพแรกที่เห็นคือทหารจำนวนมากที่เดินเกลื่อนกลาดกันอยู่บนท้องถนน โดยที่สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในยุคกลางของชาวตะวันตกมีกลิ่นอายแฟนตาซี แต่ทว่าเครื่องแบบของทหารที่เห็นกลับไม่ใช่ชุดเกราะหนักพะรุงพะรัง หากแต่เป็นชุดยูนิฟอร์มทหารให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในยุคชาตินิยมหรือสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชุดอย่างกับพวกนาซี..
ซึ่งเท่าที่ผมลองวิเคราะห์โลกใบนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีอย่างพวกเครื่องจักร แต่อาจจะมีอุปกรณ์เวทมนตร์หรืออะไรสักอย่างที่เข้ามาแทนที่..
และจากความทรงจำของผมในตอนนี้ เท่าที่รู้คร่าวๆเมืองโรเซ่คือหนึ่งใน 5 ของเมืองที่ใช้ฝึกฝนทหาร อีกทั้งยังเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ที่ 4 ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศ..
โดยที่เมืองโรเซ่นั้นถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในขุมนรกของทั้งห้าเมืองที่ใช้ฝึกฝนทหาร ในแต่ละปีจะมีทหารไม่น้อยที่ตายไประหว่างการฝึก..
“ตอนนี้แกมีอยู่แค่สองทางเลือก ทางเลือกแรกคือดิ้นรนกระเสือกกระสนเข้าไปในสถาบันของอาคัสและพบเจอกับขุมนรก หรืออีกทางเลือกคือถูกส่งไปฝึกเป็นทหารสามัญที่แทบไม่ต่างอะไรกับแรงงานหรือสุนัขรับใช้อยู่ที่ค่ายพลทหารสามัญ ซึ่งนั่นก็คือขุมนรกเหมือนกัน แกจะเลือกทางไหนล่ะ..?”ชายวัยกลางคนที่เอ่ยถาม ก่อนจะจับกระชากมือของผมและใช้หลังมือเป็นที่ดับบุหรี่..
ฉี๋..~
“โอ้ย..! โอ้ย..เจ็บ..!”ผมที่ร้องตะโกนแหกปากออกมาด้วยความเจ็บปวด ผมได้ยินเสียงของเนื้อที่กำลังไหม้ได้อย่างชัดเจน..
“อะไรกันแค่นี้ก็ร้องแหกปากซะแล้ว อย่างแกน่ะไม่ไหวหรอกมั้ง เพราะงั้นฉันจะส่งไปที่ค่ายทหารสามัญ ที่เหลือแกก็หาทางเอาชีวิตรอดเอาเอง..”ชายตรงหน้าที่บอกกับผม..
“เข้าสถาบันของอาคัสซะ ถ้าแกถูกส่งไปที่ค่ายทหารสามัญ ชีวิตแก่ดิ่งแน่..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ซึ่งมันก็ทำให้อาการบาดเจ็บที่หลังมือของผมบรรเทาลง..
‘กะ..แกหายไปไหนมา..?’ผมที่ถามไอ้จ้อน ซึ่งตั้งแต่ที่โบสถ์จนถึงตอนนี้ ผมพึ่งจะได้ยินเสียงของมัน..
“ตรวจสอบความทรงจำและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ มันคือพื้นฐานของการเอาชีวิตรอด แต่ก็ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าของร่างๆนี้จะรู้เฉพาะแค่เรื่องพื้นฐานเท่านั้น..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา เมื่อผมได้ยินก็พยายามลืมความเจ็บปวดของบาดแผล..
ซึ่งการที่ไอ้จ้อนบอกให้ผมเข้าสถาบันของอาคัส มันย่อมมีเหตุผลอยู่ สถาบันของอาคัสคือสถานที่ฝึกฝนทหาร ถ้าสามารถที่จะผ่านการทดสอบเข้าไปได้ แม้ชีวิตจะลำบากแต่ก็ยังมีหนทางรอดอยู่ อีกทั้งยังได้ติดยศเป็นพลทหารฝึกหัดของอาคัส..
ภายในสถาบันของอาคัสจะมีแผนกที่แตกแขนงออกไป มีทั้งแผนกสู้รบ แผนกเสบียง แผนกแพทย์สนาม แผนกยุทธวิธีทางการรบและแผนกอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถ้าเกิดสามารถเข้าไปในแผนกใดแผนกหนึ่งได้ก็สามารถที่จะยื้อชีวิตได้ ในกรณีที่สร้างผลงานจะได้รับการเลื่อนยศตามลำดับ ยิ่งยศสูงก็จะยิ่งมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดี..
แต่ในทางกลับกันถ้าถูกส่งไปยังค่ายทหารสามัญ ก็จะถูกฝึกให้กลายเป็นทาสแรงงานที่นั่นมันคือขุมนรกดีๆ ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีการเลื่อนยศ อีกทั้งบางครั้งยังถูกส่งให้ไปเป็นคนรับใช้ของพลทหารฝึกหัดในสถาบันอาคัสอีก ในยามออกรบกองกำลังทหารสามัญก็จะถูกส่งให้ไปอยู่ในแนวหน้าและตายไป ซึ่งมันแทบไม่ต่างอะไรกับโล่มนุษย์..
“ดะ..ได้โปรด ช่วยส่งผมไปที่สถาบันอาคัสด้วยครับ..”ผมที่บอกกับชายวัยกลางคนตรงหน้า..
“หืม..? จริงๆฉันตั้งใจว่าจะส่งแกไปที่ค่ายทหารสามัญตั้งแต่ทีแรก เพราะรู้ว่าตัวของแกเกิดมาโดยไม่มีคริสตัลมานา เพราะฉะนั้นขอถามหน่อยสิ..ว่าตัวของแกมีอะไรดีถึงคิดว่าสถาบันอาคัสจะรับแกเข้าไปโดยที่แกไม่มีเอมพาส..?”ชายวัยกลางคนตรงหน้าที่เอ่ยถาม..
“พะ..เพราะ เพราะ เพราะ..”ผมที่พูดอะไรไม่ออกได้แต่อ่ำๆอึ้งๆ..
“เฮ้อ..เชื่อแม่งเลย เอาเถอะ..ฉันจะส่งแกไป แต่ถ้าแกไม่ผ่านบททดสอบ แกเตรียมตัวถูกโยนไปที่ค่ายทหารสามัญได้เลย..”ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมา..
“ขอบคุณครับ..”ผมที่ตอบกลับจะว่าไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร..
“เอาเถอะ..ที่แกมาอยู่ตรงนี้ได้เพราะว่าซิสเตอร์คนนั้น จะว่าไปแล้วเธอก็เด็ดไม่เบา..”ชายวัยกลาวคนที่ลูบคาง พลางทำหน้าหื่น..
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรงั้นเหรอครับ..?”ผมที่เอ่ยถามต่อชายตรงหน้า..
“ฉันคือหัวหน้ากองกำลังทหารตรวจการของเมืองโรเซ่ ชื่อลาซิส..และอย่าได้คิดจะเอาชื่อของฉันไปแอบอ้างเชียว..”ลาซิสที่แนะนำตัว เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่รถม้าจะหยุดแล่น..
“ลงไปสิ..ถึงแล้ว..”ลาซิสที่บอกกับผม ก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาจุดม้วนใหม่..
เมื่อผมได้ยินเช่นนั้นก็กระโดดลงจากรถลาก ก่อนจะพบว่ามีชายหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับผมจำนวนไม่น้อยที่เดินลงมาจากรถม้า..
“ได้โปรดเถอะครับ ได้โปรดให้ผมได้ทดสอบเข้าสถาบันอาคัสด้วย..”
ทันใดนั้นจู่ๆก็เหมือนจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้น เมื่อจู่ๆก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่พยายามจะขัดขืนทหารสองนายเพื่อลงมาจากลาก แต่สุดท้ายชายคนนั้นก็ถูกฟาดจนหมดสติไป..
“ก็อย่างที่เห็น..ไม่ใช่ว่าใครจะมีสิทธิ์ได้เข้ารับการทดสอบ ถ้าแกไม่ได้ฉันแกคงจะถูกส่งไปยังค่ายทหารสามัญโดยไม่ต้องผ่านการพิจรณาใดๆ สำนึกบุญคุณเอาไว้ซะด้วยล่ะ..”ลาซิสที่กล่าวออกมา..
“ครับ..”ผมที่ตอบกลับ ก่อนจะหันไปมองรอบบริเวณ ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าสถาบันที่ถูกกั้นเอาไว้ด้วยรั้ว ห่างไปไม่ไกลนั้นคือประตูทางเข้า..
“พยายามเข้าล่ะ..อีกสองชั่วโมงเจอกัน ยังไงแกก็คงจะสอบไม่ผ่านอยู่แล้ว..”ลาซิสที่กล่าว พลางพ่นควันบุหรี่ออกมา..
“เดินไป..”เสียงของทหารตรวจการภายใต้สังกัดของลาซิสที่ออกคำสั่งกับทหารเกณฑ์ทั้งหลาย ก่อนที่ทุกๆคนจะเดินต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบเข้าไปภายในสถาบัน..
‘ว้าว..~ ดูหนองทรงโพทรงโตแรกแย้มนั่นซี่..~”ไอ้จ้อนที่ร้องลากเสียงออกมา ซึ่งเมื่อผมชะโงกหน้าสลับกับหันกลับไปมองยังทหารเกณฑ์ที่เดินนำหน้าและข้างหลังก็พบว่ามีผู้หญิงกว่าหลายคนที่เดินอยู่ภายในแถว..
เมื่อตรวจสอบความทรงจำของสตาร์ก็ได้รู้ว่าในโลกแห่งนี้ ผู้หญิงและชายล้วนแล้วแต่มีความเท่าเทียมกัน สิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดคือศักยภาพของแต่ละคนไม่ใช่เพศ..
“มองอะไรของแกวะ..? เดี๋ยวก็ซัดหน้าให้หรอก..?”เสียงของผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างผมเอ่ยขึ้น ถึงกับทำให้ผมหน้าแหยไปในทันที..
“สตาร์..จะว่าไปแล้ว ก่อนที่พวกเราจะถูกส่งมาที่นี่ แกจำได้ไหมว่ามันมีเสียงคอมพิวเตอร์ที่คล้ายกับเสียงของระบบดังอยู่ ไม่แน่ว่าเราอาจจะมีไอ้นั่นอยู่ก็ได้..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ซึ่งไม่ต้องพูดแบบเจาะจงผมก็รู้ว่าไอ้นั่นที่หมายถึงมันคืออะไร..
‘เออว่ะ จริงด้วย..’ผมที่ตอบกลับไอ้จ้อน..
“ลองทดสอบดูดิ่..”
“เปิดหน้าต่างสเตตัส..”ผมที่สบถออกมาเบาๆ แต่ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดที่ปรากฏ..
“ปลดปล่อยเอมพาส สกิล ระบบ บังไค “ผมที่ยังคงทดลอง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงผลลัพธ์มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม..
“ชิบหายแล้วไงทีนี้..”ไอ้จ้อนที่กล่าว เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผมจะเดินมาหยุดอยู่ภายในลานกว้างโล่งๆ โดยที่ทางเบื้องหน้ามีเสาธงที่ตั้งหง่านอยู่ ถัดไปอีกจะเป็นอาคารต่างๆมากมาย..
“หน้ากระดานสามแถว..!!!”เสียงตะโกนของทหารตรวจการที่สั่งจัดแถว ก่อนที่ทหารเกณฑ์ทุกๆคนจะรีบปฏิบัติตาม แม้จะไม่เคยฝึกมาก่อน แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกๆคนจะพอรู้ว่าต้องทำยังไง
ฟุบ..!!!
ทันใดนั้นจู่ๆก็มีร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดยูนิฟอร์มทหารสีดำที่ย่างกายเดินออกมา เธอเป็นหญิงสาวที่สวยเป็นอย่างมาก เธอมีเส้นผมและดวงตาเป็นสีแดงทับทิม อีกทั้งไหนจะขนาดของหน้าอกคัพ C ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุด ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ไหนก็คงจะต้องพากันกลืนน้ำลายไปตามๆกันเมื่อได้เห็น..
โดยที่นอกจากรูปลักษณ์ของหญิงสาวผู้นี้จะเป็นอะไรที่ดึงดูดสายตาของทุกๆคน ตรงบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของเธอยังประดับยศเผยให้เห็นเป็นตราสัญลักษณะของดาวหนึ่งดวง เธอก้าวเดินมาอย่างมั่นคง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของเหล่าทหารเกณฑ์..
“ยินดีที่ได้รู้จักไอ้พวกหนอนแมลง ฉันร้อยตรีเจมิสแห่งกองทัพทารอนจะมาเป็นผู้ทดสอบพวกแกทุกๆคน..”เจมิสที่กล่าวแนะนำตัว..
“อู้วหู้ว..!~”ไอ้จ้อนที่ส่งเสียงออกมา มันกำลังจะเบ่งขยายตัว..
‘อย่าแม้แต่จะคิด หัดอ่านสถานการณ์ซะบ้าง เดี๋ยวก็ได้ตายทั้งจู๋ทั้งคนหรอก..’ผมที่บอกกับไอ้จ้อน ถึงแม้ร้อยตรีเจมิสจะมีรูปโฉมที่งดงาม แต่ปฏิกิริยาของทหารเกณฑ์ทุกๆคนกลับไม่มีใครเลยที่จะกล้ามองเธอด้วยสายตาแทะโลม..
เพราะในโลกนี้ระดับยศและระดับพลังคือทุกสิ่ง สถานะของเพศหญิงที่อ่อนแอไม่สามารถนำมาใช้กับโลกใบนี้ได้ เพราะผู้หญิงบางคนแข็งแกร่งกว่าผู้ชายส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ..
‘เชี้ย..’ไอ้จ้อนที่อ่านความทรงจำของสตาร์พลันอุทาน ก่อนจะรีบหดขนาดลำตัวลงอย่างรวดเร็ว แถมมันยังตัวสั่นด้วยความหวาดผวา..
“อืม..หึ..”เจมิสที่กวาดสายตามองเหล่าทหาร ก่อนจะกระตุกรอยยิ้มออกมาด้วยความพึ่งพอใจ..
“ดูเหมือนว่าทหารตรวจการจะไม่ได้ตาบอดสินะ พวกแกเกือบจะทุกคนผ่านหมด..”เจมิสที่กล่าวออกมา เธอได้ทำการตรวจสอบปริมาณมานาในคริสตัลมานาของแต่ละคน แม้จะไม่รู้ว่าเอมพาสของใครคือชนิดไหนก็ตาม
“เอาล่ะก่อนอื่นเลย..ฉันสัมผัสได้ว่าในหมู่หนอนแมลงอย่างพวกแก มันยังมีคนที่กากเสียยิ่งกว่าหนอนแมลงทั้งหมดปะปนอยู่..”เจมิสที่กล่าวออกมา เมื่อผมได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับร่างกระตุกหน้าถอดสี..
‘เชี้ยแล้วไง..!!’ไอ้จ้อนที่กู่ร้อง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจมิสจะก้าวเดินออกมามายังคนที่ยืนอยู่กึ่งกลางของแถวหน้ากระดานแถวแรก ก่อนที่เธอจะเลี้ยวมายังทิศทางของผม
ซึ่งในตอนนี้ถ้านับจากแถวหน้ากระดานแถวที่หนึ่งผมจะยืนอยู่ทางขวามือสุด..
‘เวรๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ’ผมที่กู่ร้องอยู่ภายในใจ..
กึก..
“แกมาทำอะไรที่นี่..!?”
ไรท์:คอมเม้นนนนให้ด้วยนะงับ
MANGA DISCUSSION