แสงที่ 22 คดีพลิก..
หลังจากที่เจมิสกับซิลเวียฝากฝังสตาร์ไว้กับลาซิส คนทั้งสองพร้อมด้วยกองกำลังทหารก็ได้มุ่งหน้าสู่ศูนย์บัญชาการหลักที่ 4 ประจำหัวเมืองหลักทางทิศใต้..
ครึกๆ..
ซึ่งทันทีขบวนที่รถม้าเข้ามาภายในอาณาเขตของศูนย์บัญชาการ มันก็ได้เคลื่อนตัวไปหยุดอยู่ที่หน้าอาคารหลังใหญ่ โดยที่หน้าอาคารในเวลานี้ปรากฏให้เห็นผู้บัญชาการของศูนย์บัญชาการหลักแห่งนี้ที่กำลังยืนรอ อีกทั้งสองฝั่งข้างทางยังมีร่างของเหล่าทหารของทัพทารอนที่ว่างเว้นจากภารกิจมายืนมุงดูกันอยู่..
ตุบๆ ๆ ๆ
เสียงฝีเท้าของทหารทั้งกองร้อยที่พึ่งจะเดินทางกลับมาจากชายแดน พลันกระโดดลงมาจากรถลาก ก่อนที่ทหารทุกนายจะรีบวิ่งไปเข้าแถวกันอยู่ที่หน้าอาคาร..
ปัง..!
ซิลเวียกับเจมิสที่เปิดประตูลงมาจากรถม้า คนทั้งสองนั้นไม่รอช้ารีบก้าวอ้อมกองร้อยของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาร่างของผู้บัญชาการที่กำลังยืนรออยู่..
โดยที่ศูนย์บัญชาการหลักที่สี่แห่งนี้จะบอกว่าเป็นฐานบัญชาการของทัพทารอนเลยก็ว่าได้ ซึ่งทหารยศนายพลที่ถือครองอำนาจในการตัดสินใจของแต่ละเหล่าทัพจะกระจายทหารยศสูงให้ไปบัญชาการอยู่ภายในหัวเมืองต่างๆ
ซึ่งยศของผู้บัญชาการโดยส่วนใหญ่ที่ถูกส่งมาจะเป็นยศนายพัน มีให้เห็นตั้งแต่ยศพันตรี พันโทกับพันเอก อีกทั้งการประจำการจะสลับหมุนเวียนกับนายพันคนอื่นๆตามกำหนดเวลาที่ได้รับมอบหมายเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นนายพันแต่ละคนจะประจำการอยู่ที่ศูนย์บัญชาการได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับผลงาน..
ในแต่ละปี..จะมีนายพันจำนวนไม่น้อยที่ถูกสั่งย้ายเพราะไม่สามารถสร้างผลงานได้ บางคนถูกย้ายให้ไปประจำการอยู่ที่ศูนย์บัญชาการย่อยในหัวเมืองอื่น แต่ก็มีอยู่บางคนที่นอกจากจะสร้างผลงานไม่ได้แล้ว ยังถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะความผิดพลาดในการบริหาร ก่อนจะถูกสั่งให้ไปพักงานและรอจนกว่าที่คนจะขาดถึงจะได้กลับมาทำงานใหม่..
ซึ่งทั้งเหล่าทัพของทารอน ปัจจุบันมีนายพันอยู่ด้วยกันประมาณ 20 นาย แบ่งเป็นพันตรี 10 นาย พันโท 5 นาย และพันเอกอีก 5 นาย..
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วในบรรดาทหารยศนายพันของทารอน กลับมีเพียงพันตรีอยู่แค่คนเดียวที่ได้ประจำการอยู่ที่ศูนย์บัญชาการหลักทางทิศใต้ ซึ่งคนๆนั้นก็คือ..
ฟุบ..!
“ดิฉันร้อยเอกซิลเวียมารายงานตัวตามคำสั่งแล้วค่ะ ท่านพันตรีเมเทโอ..!”ซิลเวียที่ยกมือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ต่อผู้บังคับบัญชาที่เธอสังกัดอยู่ โดยที่อีกฝ่ายก็ยกแขนขึ้นมารับการทำความเคารพด้วยเช่นกัน..
“กรอด..ไอ้พวกขยะไร้ความสามารถ แค่ชายแดนยังไม่มีปัญญาปกป้องเอาไว้ได้ ฉันจะด่าพวกแกยังไงดีวะ..!”เสียงตอบกลับของผู้บัญการประจำศูนย์บัญชาการหลักที่ตะโกนต่อว่าออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด..
ซึ่งผู้บัญชาการเมเทโอผู้นี้เป็นชายวัยกลางอายุประมาณ 40 ต้นๆ เขามีรูปร่างที่สูงโปร่งกำยำและมีใบหน้าที่ดุดันเป็นอย่างมาก อีกทั้งลักษณะเด่นของเขายังใส่ผ้าปิดตาสีดำเอาไว้ที่ดวงตาข้างซ้าย
ส่วนอุปนิสัยของเมเทโอ ใครๆก็ต่างรู้ว่าผู้บัญชาการคนนี้โหดและโครตที่จะน่ากลัวมากแค่ไหน โหดถึงขนาดที่ว่าเจมิสเองก็ยังไม่กล้าที่จะหือ ตอนที่เขาอารมณ์ขึ้น..
“ไอ้พวกสวะเอ้ย..! เพราะความกระจอกของพวกแก ฉันถึงต้องทนแบกหน้านำรายงานที่ได้รับไปรายงานต่อท่านพลตรี แล้วรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันโดนสวดตั้งแต่แปดโมงเช้ายันสามทุ่ม ต่อจากนั้นน่ะเหรอ..? ฉันก็ถูกสั่งปลดกลางอากาศยังไงล่ะ รู้ไหมว่าฉันถูกย้ายไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่เมืองย่อยของโรเซ่ แถมยังถูกไอ้พวกเอทารอสมันเยาะเย้ยเอาอีก เพราะมีลูกน้องกระจอกๆอย่างพวกแก..!”เมเทโอที่ตะโกนแหกปากด่าออกมา ในระหว่างนั้นเขาก็เอามือไขว้หลังก่อนจะเดินไปเดินมาอยู่ต่อหน้ากองกำลังทหารที่กำลังยืนเข้าแถวกันอยู่..
“แล้วสถานการณ์ของกองทัพทารอนในตอนนี้แม่งก็ดันมาขาดกำลังพลอีก จนท่านพลตรีไม่มีทางเลือกต้องยื่นเรื่องไปขอกำลังสนับสนุนจากเอทารอส สุดท้ายเป็นไง..พวกเราก็ต้องเสียเมืองโรเซ่ให้ไอ้พวกเอทารอสไป ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ แต่เจ็บใจชิบหายเลยโว้ย..!”
“อึก..!”เหล่าทหารที่ได้แต่ยืนก้มหน้าจ๋อยสำนึกผิด..
“ไอ้เวรเอ้ย..! ฉันอยากจะฆ่าพวกแกให้ตายซะเดี๋ยวนี้..”เมเทโอที่กัดฟันแยกเขี้ยวใส่เหล่าทหาร ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับ..
“และสุดท้ายนี้..ทหารทุกนายของศูนย์บัญชาการชายแดนที่สอง..พวกแกทุกคนปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก ต่อจากนี้ฉันจะไม่ต่อว่าหรือติเตียนพวกแกอีก แค่พวกแกรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว..”เสียงของเมเทโอที่กล่าวออกมาเบาๆ ส่งผลทำให้ดวงตาของเหล่าทหารต้องเบิกกว้างขึ้น
และนี่ก็คืออีกมุมของชายที่ชื่อเมเทโอ แม้ว่าตัวเองจะถูกต่อว่าหรือตกอยู่สภาพที่ย่ำแย่มากแค่ไหน แต่เขาก็เปรียบเสมือนกำแพงที่คอยปกป้องลูกน้องของตัวเองเอาไว้..
คำต่อว่าเมื่อสักครู่เป็นเพียงแค่ตัวกระตุ้นและแรงผลักดัน เพื่อที่จะให้ทหารทุกนายเข้มแข็งขึ้นก็เท่านั้น..
“อึก..!”เหล่าทหารที่จ้องมองแผ่นหลังของเมเทโอด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่เว้นแม้แต่ทหารของทัพทารอนที่ยืนดูอยู่ห่างๆ..
“พวกแกยืนบื้ออะไรอยู่เล่า รีบไปช่วยฉันเก็บของสิวะ..?! พวกเราจะย้ายไปอยู่ที่เมืองลาเดสกัน(เมืองย่อย)..”เมเทโอที่หันมาตะโกนออกคำสั่งกับเหล่าทหารให้ไปช่วยเก็บของที่ห้องทำงาน..
“อะ..เออคือว่า ดิฉันยังไม่ได้รายงานสถานกาณณ์ล่าสุดเลย..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา พอเมเทโอได้ยินก็ถึงกับเส้นเลือดปูดขึ้นขมับ..
“กรอด..ทันทีที่ไอ้พวกเอทารอสมันไปถึง พวกมันคงจะเยาะเย้ยเราสินะ..? ไม่อยากฟังโว้..ย..”
“เปล่าเลยค่ะ..พวกเราต่างหากที่ตอกหน้าพวกมัน..!”
ในขณะที่เมเทโอกำลังจะตะโกนออกมา จู่ๆซิลเวียก็กล่าวรายงาน..
“ห้ะ..? อะไรนะ..”เมเทโอที่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความงุนงง และเมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มของซิลเวีย เจมิสและเหล่าทหารที่ต่างพากันกระตุกออกมา มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเข้าไปใหญ่..
“ไหนลองรายงานมาดิ่..ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น..”เมเทโอที่หมุนตัว ก่อนจะเดินกลับมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของซิลเวีย..
“เรียนท่านพันตรี เรื่องทั้งหมดมันมีอยู่ว่า..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เมเทโอได้ฟัง ตั้งแต่ช่วงที่รายงานขอกำลังสนับสนุนฉบับสุดท้ายถูกส่งไป จวบจนถึงความสำเร็จของภารกิจที่สามารถยึดป้อมปราการและชายแดนกลับคืนมาได้
อีกทั้งซิลเวียยังรายงานข้อมูลสำคัญที่เธอไม่ได้เขียนใส่ลงไปในรายงานในตอนที่ส่งให้กับเมเทโอเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเธอรู้ถึงข้อมูลที่ศัตรูจะบุกเข้ามาโจมตีศูนย์บัญชาการได้ยังไงให้แก่อีกฝ่ายได้ฟัง
“อึก..เป็นความจริงอย่างงั้นเหรอ..?”เมเทโอที่ถึงกับสะอึก เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ร่างของชายผู้หนึ่งจะปรากฏตัวเดินออกมา..
“ทะ..ท่านร้อยเอกซิลเวีย..”เสียงของชายวัยกลางที่เอ่ยปากเรียกเจมิส โดยที่สภาพของชายคนนี้มีผ้าพันแผลพันรัดอยู่รอบตัว อีกทั้งเขายังขาหักต้องใช้ไม้ในการค้ำพยุง..
“ร้อยตรีอีแวน..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ซึ่งร้อยตรีอีแวนผู้นี้ก็คือผบ.ร้อยที่ประจำการอยู่กับซิลเวียเมื่อตอนก่อนหน้านี้
แต่หลังจากที่อีแวนถูกกองกำลังของซาเมลเข้าโจมตี เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมารักษาที่เมืองแห่งนี้..
“เธอเป็นยังไงบ้าง..?”ซิลเวียที่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่อีแวนจะพยุงตัวเองเดินเข้ามา..
ฟุบ..!
อีแวนที่ดูเหมือนจะเดินไม่ไหวและเกือบที่จะสะดุดล้ม แต่ก็ได้ซิลเวียที่เข้ามาประคองรับเอาไว้ได้ทัน..
“ผะ..ผมขอโทษ มันเป็นเพราะผมที่ไม่มีความสามารถพอ จึงทำให้ทุกๆคนต้องเดือดร้อนไปด้วย..”อีแวนที่กล่าวกับซิลเวีย ดวงตาของเขาแดงก่ำคล้ายกับคนที่กำลังจะร้องไห้ ภายในใจเต็มไปด้วยความขมขื่น..
“ไม่เลย..เธอทำได้ดีมากๆ..”ซิลเวียที่โอบกอดร่างของอีแวนเอาไว้..
“ร้อยเอกซิลเวีย..เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ สิ่งที่เธอรายงานมามันเป็นความจริงอย่างงั้นเหรอ..?”เมเทโอที่กล่าวออกมา
ฟุบ..!
ตุบๆ
แต่แล้วจู่ๆทันใดนั้นทหารกว่าหกนายก็ได้แบกร่างของซาเมล และศพอีกสองร่างมาโยนลงสู่พื้น ห่างจากจุดที่เมเทโอยืนอยู่ไปไม่ไกลนัก โดยที่ศพทั้งสองในตอนนี้ก็เริ่มที่จะส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาแล้ว
ซึ่งเมื่อเมเทโอรวมไปถึงกลุ่มของทหารที่มายืนมุงดูได้เห็นเช่นนั้น แต่ละคนก็ต่างเบิกดวงตากว้างขึ้น จากชุดเครื่องแบบทหารของเมลันเทียที่ร่างทั้งสามนั้นสวมใส่อยู่..
“นี่อย่าบอกนะว่าไอ้สามตัวนี้จะเป็น..”เมเทโอที่กล่าวออกมา..
“ฆ่าฉันสักทีสิวะ..!!”ซาเมลที่กำลังนอนคว่ำพลันเงยหน้าขึ้นมาแผดเสียงตวาด แต่มันกลับทำให้อีแวนที่เห็นเช่นนั้นถึงกับต้องเบิกดวงตากว้างขึ้น..
“อะ..ไอ้เวรนั่น ผบ.ร้อยของเมลันเทีย..ทำไมมันถึงได้..”อีแวนที่กล่าวออกมา และจากคำพูดของเขามันก็ทำให้เมเทโอและเหล่าทหารทุกนายที่ยืนฟังเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นต่างต้องพากันตกตะลึงไปตามๆกัน..
ซึ่งเมื่อเมเทโอได้รับรู้เข้าถึงความจริงทั้งหมด ประกอบกับได้รับคำยืนยันจากปากของอีแวนว่าเชลยที่ถูกซิลเวียจับมานั้นเป็นตัวจริง และไหนจะศพของผู้บัญชาการของเมลันเทียอีก สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้พันตรีผู้นี้ถึงกับอึ้งจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
“อึก..!”เมเทโอที่ได้รับฟังเรื่องราวและได้เห็นหลักฐานด้วยตาของตัวเอง พลันค่อยๆก้มหน้าลงไป ก่อนที่เขาจะเดินปรี่ตรงไปหาซิลเวีย ทันทีที่เดินมาถึงก็เอื้อมมือออกไปแตะที่บ่าของเธอ..
“แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่รีบรายงานให้เร็วกว่านี้วะ..?!”เมเทโอที่สบถถาม..
“อะ..เออคือว่า..”ซิลเวียที่ถึงกับหน้าเสียไปไม่เป็น แต่แล้วจู่ๆ..
“หึๆ ๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ มันต้องอย่างนี้สิวะ..! กองกำลังของฉันมันสุดยอดจะตายไป กะอีแค่พวกสวะเมลันเทียกระจอกๆ ก็ไม่คณามือหรอก..”เมเทโอที่เกริ่นเสียงหัวเราะ ก่อนจะระเบิดมันออกมาด้วยความสะใจอย่างยิ่งยวด..
“….”เหล่าทหารที่ได้แต่ยืนจ้องมองเมเทโอกันตาปริบๆ ภายในใจของแต่ละคนต่างตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า [เหรอฟะ..?!!]
“หึๆ ถึงต่อให้เรื่องมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ยังไงก็ไม่สามารถยกเลิกคำสั่งย้ายกลางครันได้ แต่ใครจะสน..อย่างน้อยๆพวกเราก็สามารถที่จะตอกหน้าไอ้พวกเอทารอสได้ แถมฉันยังได้หน้าในผลงานนี้อีก ขอเพียงอีกแค่สองผลงาน ฉันก็จะได้เลื่อนขั้นไปเป็นพันโทแล้วเว้ย ฮ่าๆ..~”เมเทโอที่ตะโกนออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะด้วยความดีใจ เขาไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะถูกสั่งย้ายหรือไม่ สิ่งที่เขาต้องการคือไม่เป็นขี้ปากของกองทัพเอทารอสก็เพียงพอแล้ว
ซึ่งในเมื่อเรื่องราวมันพลิกผันมาเป็นแบบนี้ นั่นก็เท่ากับว่าตัวของเมเทโอเองก็จะได้หน้าในผลงานนี้ อีกทั้งยังจะได้แต้มสะสมในการเลื่อนขั้น..
“สุดยอด..!!!!!!!!~”ทหารจากทารอนที่ต่างส่งเสียงเฮกันออกมา การที่สหายร่วมกองทัพประสบความสำเร็จและสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่กองทัพได้นั้น นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาเองก็จะพลอยได้รับผลประโยชน์นี้ไปด้วย..
“เอาล่ะ..พรุ่งนี้ฉันจะไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านพลตรีได้รู้ ส่วนวันนี้..มาฉลองกันเถอะ..!!!”เมเทโอที่ตะโกนออกมา เขายังคงดีใจอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่า..
“เรียนท่านผู้บัญชาการ..เกรงว่าพวกเราจะฉลองกับท่านไม่ได้..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ส่งผลทำให้เมเทโอพลันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้างุนงง..
“อะ..อ้าวทำไมอ่ะ..?
“พวกเรามีธุระที่จะต้องไปจัดการ..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา พอเมเทโอได้ยินมันก็ทำให้เขายิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่..
“ธุระอะไรวะ..?”
“เราจะไปแสดงความยินดีกับทหารเกณฑ์นายหนึ่งที่อีกไม่ช้าจะต้องเข้าร่วมกับกองทัพทารอน ซึ่งทหารนายนั้นคือคนที่ทำให้ภารกิจของเราสำเร็จลุล่วง..”
“ห้ะ..? ทหารเกณฑ์..? สำเร็จลุล่วง..?”เมเทโอที่งุนงงเป็นไก่ตาแตก โดยตอนที่เล่าซิลเวียก็ไม่ได้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับตัวแปรสำคัญอย่างสตาร์เข้าไปด้วย จึงทำให้เขาไม่รู้..
“มีใครจะไปกับฉันบ้าง..?”ซิลเวียที่หันไปเอ่ยถามกับเหล่าทหารราวกับเมเทโอที่ยืนอยู่เป็นเพียงแค่หัวหลักหัวตอ..
พรึ้บ..!
“วีรบุรุษของพวกเราทั้งคน มีใครจะไม่ไปบ้างล่ะครับ..?!”เสียงของเรซิสที่ตะโกนดังออกมา พร้อมกับเหล่าทหารที่ต่างยกมือขึ้น..
“แล้วเธอล่ะ..?”ซิลเวียที่หันไปถามเจมิส..
“แน่นอนว่าฉันต้องไป เผื่อไอ้เจ้าบ้านั่นมันอาจจะตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ..”เจมิสที่กล่าวออกมา..
“หึ..ถ้าอย่างงั้นก็..เคลื่อนพลได้..!”ซิลเวียที่กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะตะโกนออกคำสั่งกับทหารทั้งกองร้อยที่พึ่งจะผ่านภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากับเธอ..
“เฮ..!!!”สิ้นเสียงของเหล่าทหารที่ดังกระหึ่ม ทุกๆคนก็ต่างวิ่งไปขึ้นรถม้า ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวออกจากศูนย์บัญชาการแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของเมเทโอที่ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ..
“กรอด..ไอ้พวกเวรนี่ ไปเอารถม้ามา..!!!!”เมเทโอที่ขบฟันแน่น พลันหันไปแผดเสียงตะโกนออกคำสั่งกับเหล่าทหารที่ว่างเว้นจากภารกิจ ก่อนที่สุดท้ายแล้วเขาจะตัดสินใจตามกองกำลังของซิลเวียไป
1 วันต่อมา..
กร็อบๆ..
เสียงของม้าที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่บนทุ่งหญ้า ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่ผมถูกลาซิสลากคอมา อีกฝ่ายก็ได้พาผมมุ่งหน้ามาสู่เมืองเฮร่า โดยตลอดการเดินทางที่ผ่านมา ผมนั้นแทบจะไม่ได้นอนพักผ่อนเลย..
[สตาร์]
“คุณลาซิส..ผมขอนอนสักหน่อยได้ไหมครับ..?”ผมที่กำลังขี่ม้าซ้อนท้ายเอ่ยถามต่อตาลุงลาซิส..
“ก็ลองหลับดูดิ แกร่วงหัวฟาดพื้นฉันไม่รับผิดชอบนะ แกคิดว่าระยะห่างจากเมืองโรเซ่ไปยังเมืองเฮร่าแค่เดินออกจากบ้านมาหน้าปากซอยก็ถึงแล้วหรือยังไง..ปกติแล้วมันต้องใช้เวลาเดินทางถึงสองวันด้วยซ้ำ ที่ฉันยอมอดหลับอดนอนก็เพื่อที่จะรีบพาแกไปให้ถึงจุดคัดแยกได้ทันเวลา.”ลาซิสที่กล่าวออกมา และพอได้ยินผมก็ทำได้แต่ต้องอดทนเอาไว้..
“อะ..อึก เข้าใจแล้วครับ..”
“แต่จะว่าไป แกนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าแกจะสามารถเอาชนะร้อยตรีเซอร์เคิลได้ อีกฝ่ายเป็นถึงว่าที่ผู้สืบทอดของหนึ่งในเก้าอินทรีเชียวนะ..”ลาซิสที่กล่าวออกมา ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ผมจะเคยได้ยินว่ามีคนพูดถึงเก้าอินทรีอะไรสักอย่าง..
“แต่ก็เอาเถอะ..จากเซ็นส์ของฉัน ยังไงอีกไม่นานแกจะต้องกลายเป็นคนสำคัญของกองทัพทารอนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นก็พยายามเข้าล่ะ..”ลาซิสที่บอกกับผม..
“คะ..ครับ แต่ผมกลัวว่าจะจับฉลากได้เหล่าทัพอื่นน่ะสิ..”ผมที่บอกกับลาซิส..
“แกไม่ต้องห่วง ถึงเหล่าทัพจะมีจำนวนใบจับฉลากที่เท่ากัน แต่ก็ใช่ว่าโอกาสของแกจะมีเพียงแค่หนึ่งในสาม..
ตามระบบจับฉลากจำแนกเหล่าทัพที่ซับซ้อนแล้ว ไม่ว่าแกจะจับได้เหล่าไหนก็ตาม แต่ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะได้เลือก..ยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดแกจับฉลากได้เหล่าทัพเอทารอส แกก็มีสิทธิ์ที่จะขอเปลี่ยนเหล่าทัพต่อผู้ที่เป็นคัดเลือกตรงนั้นได้เลย
แกมีสิทธิ์ที่จะขอเข้าร่วมเหล่าทัพที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทารอนหรือคีทารัส แต่สมมุติว่าถ้าเกิดผู้คัดเลือกจากเหล่าทัพทั้งสองอย่างทารอนและคีทารัสไม่สนใจหรือปฏิเสธแก แกก็จะต้องสังกัดอยู่ในทัพเอทารอสหรือเหล่าทัพที่แกจับฉลากได้..”สิ้นคำอธิบายของลาซิส ผมก็เข้าใจระบบการจำแนกเข้าเหล่าทัพได้ในทันที
ดูเหมือนว่าระบบการจำแนกทหารเกณฑ์เข้ากองทัพ จะมอบสิทธิ์ให้เหล่าทหารเกณฑ์ได้เลือกเหล่าทัพที่อยากจะเข้า แต่ถึงอย่างนั้นผู้คัดเลือกในแต่ละเหล่าทัพจะเลือกทหารนายนั้นๆหรือไม่..ก็คงขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละคนว่ามีความสามารถมากแค่ไหน..
“อย่างงั้นเองสินะครับ แต่จะว่าไปแล้ว..ผมเองก็รู้สึกเสียดายจริงๆ ถ้าเกิดตอนนั้นผมผ่านบททดสอบที่สองได้ ผมก็มีโอกาสที่จะได้เลือกแผนกและเหล่าทัพด้วยตัวเอง จะได้ไม่ต้องมาจับฉลากแบบนี้..”ผมที่กล่าวออกมา ถ้าก่อนหน้านี้ผมสามารถปลุกเอมพาสได้ ผมก็คงจะได้เข้ารับการทดสอบที่สองและไม่ต้องไปจับฉลากเสี่ยงดวงให้เสียเวลา..
“หืม..ถึงแกจะผ่านบททดสอบทั้งสาม แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้แกจะรอด เมื่อหลายวันก่อนทางอาคัสได้ประกาศคำสั่งให้ทหารเกณฑ์ทุกคนต้องมายังจุดคัดแยก ไม่เว้นแม้แต่ทหารที่ผ่านบททดสอบทั้งสาม..”
“อ้าว..ทำไมล่ะครับ..?”
“จะทำไมซะอีกล่ะ..ก็มันมีทหารเกณฑ์บางคนที่ติดสินบนผู้คุมสอบน่ะสิ พอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูคนใหญ่คนโตของอาคัส สุดท้ายก็เลยมีคำสั่งลงมาว่าให้ทหารเกณฑ์ทุกนายไปยังจุดคัดแยก ไม่ว่าจะเป็นทหารเกณฑ์นายไหนก็ตาม..”ลาซิสที่อธิบายออกมา อย่างนี่เองสินะ..ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน อำนาจของเงินก็ยังคงน่ากลัวเสมอ..
“อ่อ..ฉันลืมบอกแกไป ในการจับฉลากจำแนก มันจะมีฉลากอยู่ใบหนึ่งที่พิเศษที่สุด ถ้าเกิดสามารถจับฉลากใบนั้นได้ล่ะก็ แกจะสามารถเลือกเหล่าทัพและแผนกได้ ซึ่งแม้แต่ผู้คัดเลือกก็ไม่มีสิทธิ์..”ลาซิสที่กล่าวออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ดวงตาของผมเปล่งประกายขึ้นในทันที..
“แล้วฉลากพิเศษที่ว่ามันมีอยู่กี่ใบกันเหรอครับ..?”
“มีอยู่ใบเดียวในหกร้อยใบ..”สิ้นคำพูดของลาซิส ดวงตาที่เปล่งประกายของผมก็พลันหมองหม่นลงในทันที โอกาสหนึ่งในหกร้อยงั้นเหรอ..? คงเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ ถ้าวัดกันเรื่องดวงผมน่ะซวยสุดๆไปเลย
“แต่ก็เอาเถอะ..อย่างน้อยๆแกก็ยังมีโอกาสอยู่หนึ่งในสาม เตรียมตัวให้พร้อม..พวกเรามาถึงแล้ว..”ลาซิสที่บอกกับผม และแล้วพวกเราก็มาถึงจุดหมาย..
ซึ่งภาพที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้าของพวกเราในตอนนี้คือเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ โดยที่เมืองดังกล่าวมีกำแพงที่สูงชัน อีกทั้งยังมีการป้องกันที่แน่นหนา นี่คือหัวเมืองทางทิศตะวันตกหรือที่รู้จักกันในนาม เมืองเฮล่า..
MANGA DISCUSSION