แสงที่ 20 หน้าสั่นกันเป็นแถบ..
“ฉันคงจะไม่ต้องอธิบายนะว่าเธอน่ะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการของที่นี่แล้ว ร้อยเอกซิลเวีย..”สิ้นคำพูดของร้อยเอกเลนัวร์ ซิลเวียที่ยืนอยู่ก็ค่อยๆก้มหน้าลงไป เธอคงจะเจ็บใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ถูกอีกฝ่ายทำท่าทีเหมือนจะเยาะเย้ย..
“เธอเองก็ด้วยร้อยตรีเจมิส ราเทียร์ เธอถูกสั่งปลดออกจากภารกิจนี้ และเท่าที่ฉันได้ยินมา ดูเหมือนว่าท่านพลตรีแห่งกองทัพทารอน จะรู้สึกผิดหวังในตัวของเธออยู่ไม่ใช่น้อยที่ภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลว..”เลนัวร์ที่หันมากล่าวกับเจมิส ส่งผลทำให้เธอที่ได้ยินดังนั้นต้องก้มหน้าลงไปด้วยอีกคน..
ท่ามกลางร่างของเหล่าบรรดาทหารที่ยืนอยู่ ในตอนนี้ผมได้รับรู้ถึงความจริงแล้วว่าเหล่าทหารที่ผมร่วมต่อสู้กันมา ทุกๆนายก็คือกองกำลังทหารที่สังกัดอยู่ภายใต้กองทัพทารอน..
“อย่างงั้นเองสินะ..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามออกไป “แล้วกองกำลังของฉันล่ะ..?”
“ส่งตัวกลับไปให้หมด ก่อนหน้านี้ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะว่ากองกำลังเอทารอสของเราจะรับช่วงต่อเอง..”เลนัวร์ที่กล่าวออกมา โดยที่เหล่าทหารของเอทารอสที่ยืนอยู่ทางเบื้องหลังก็ต่างพากันกระตุกรอยยิ้มเยาะเย้ย..
“เข้าใจแล้ว..ทหารทุกนายไปเก็บสัมภาระ พวกเราจะเดินทางกลับไปที่ศูนย์บัญชาการหลักกัน..”ซิลเวียที่หมุนตัวหันหลังกลับ ก่อนจะตะโกนออกคำสั่งกับเหล่าทหาร..
“พวกทารอนก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่ แค่ชายแดนยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้ หึ..อยากจะขำให้ฟันร่วง..”
แต่แล้วจู่ๆร่างของซิลเวียและทหารทุกนายที่กำลังกระจายตัวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อจู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนที่เอ่ยดังขึ้นมา..
“อึก..ร้อยตรีเฟียร์ หนึ่งในว่าที่ผู้สืบทอดของเก้าอินทรี..”เสียงของทหารนายหนึ่งที่กล่าวออกมา เมื่อมันได้เห็นร่างของคนที่พูดประโยคเมื่อสักครู่..
“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ.. ร้อยตรีเฟียร์..?”เจมิสที่เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถาม โดยที่อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวย เธอมีเส้นผมสีดำมันวาวกับนัยน์ตาคู่สีทอง อีกทั้งที่กลางหน้าอกของเธอยังติดตรานกอินทรีประดับเอาไว้..
“อะไรของเธอร้อยตรีเจมิส..? ฉันพูดผิดตรงไหน ดูทำหน้าเข้าสิ..เจ็บใจที่ตัวเองแพ้มางั้นเหรอ..?”ร้อยตรีเฟียร์ที่ตอบกลับเจมิส พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่กำลังเยาะเย้ย
“นี่แก..!”เจมิสที่ทำท่าจะง้างหมัด แต่กลับต้องถูกซินเวียที่เข้ามาจับรั้งแขนเอาไว้..
ฟุบ..
“นี่..ยัยหนูเวลาจะพูดอะไรก็หัดระวังปากเอาไว้ซะบ้างก็ดี เธออย่าคิดนะว่าเพียงแค่เธอเป็นผู้สืบทอดของเก้าอินทรีแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้ อันดับแรกฉันคงต้องสอนเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติให้เด็กอย่างเธอได้รู้ มันไม่เกี่ยวว่าพวกเราจะอยู่เหล่าทัพไหน แต่กฏของอาคัสที่บัญญัติเอาไว้ ฉันยศสูงกว่าเธอสองขั้น แต่ทำไมเธอถึงไม่ทำความเคารพทหารยศที่สูงกว่ากันล่ะ..?”ซิลเวียที่หมดความอดทนได้เดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของร้อยตรีเฟียร์ พออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหน้าเสีย และได้แต่ยืนอึกๆอักๆอยู่อย่างนั้น
“อึก..!”
“พอได้แล้วร้อยเอกซิลเวีย..”เลนัวร์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาห้ามเอาไว้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ทหารของฝ่ายทารอนเป็นอย่างมาก..
“แล้วถ้าจำไม่ผิด เธอมันก็เป็นแค่ว่าที่ผู้สืบทอด ยังไม่ได้เป็นผู้สืบทอดอย่างเต็มตัวสักหน่อย ฉันพูดถูกไหม..?”ซิลเวียที่กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ พลางตบบ่าของเฟียร์เบาๆ และทำท่าจะเดินจากไป ปล่อยทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่ยืนตัวสั่นด้วยความเจ็บใจ..
“ร้อยเอกซิลเวีย..เธอจะไปไหน..?”เสียงของเลนัวร์ที่เอ่ยถามต่อซิลเวีย จึงทำให้ร่างของเธอต้องหยุดชะงักอีกครั้ง..
“ฉันก็จะไปเก็บสัมภาระเพื่อที่จะเดินทางกลับยังไงล่ะ ท่านผู้บัญชาการคนใหม่..”ซิลเวียที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“เธอยังไปไหนไม่ได้ เธอจะต้องรายงานส่งต่อสถานการณ์ให้ฉันได้รับรู้ก่อน..”เลนัวร์ที่กล่าวออกมา เมื่อเฟียร์และเหล่าทหารของเอทารอสได้ยิน แต่ละคนก็ต่างรู้สึกสะใจที่จะได้ฟังความผิดพลาดของซิลเวียและกองทัพทารอน..
“หืม..จริงด้วยสินะ ทหาร..!”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ก่อนจะเปล่งเสียงตะโกน ทันใดนั้นร่างของเหล่าทหารของทัพทารอนก็ต่างวิ่งกรูกันกลับมาจัดแถวยืนอยู่ที่ทางด้านหลังของเธอ แต่ละคนยืนอยู่ในท่าตามระเบียบพัก โดยที่ผมเองก็ได้วิ่งไปต่อแถวด้วย..
ท่ามกลางกองทัพของทหารจากทั้งสองเหล่าทัพที่กำลังยืนเผชิญหน้ากัน โดยมีผู้นำของตัวเองที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าสุด
ฟุบ..!
ซิลเวียที่เตะขายกแขนขึ้นมาทำท่าวันทยาหัตถ์ โดยที่เลนัวร์เองก็พลันยกฝ่ามือขึ้นมาทำตอบด้วยเช่นกันเปรียบเสมือนธรรมเนียมที่หัวหน้าจะต้องส่งรับผลัดและรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาให้แก่ผู้ที่มารับช่วงต่อได้รับรู้..
“เมื่อช่วงวานกองกำลังเมลันเทียได้วางแผนที่จะจู่โจมศูนย์บัญชาการของพวกเราในวันนี้ ทางเราจึงยื่นเรื่องขอกำลังสนับสนุนไปที่ศูนย์บัญชาการหลัก แต่กว่าที่กองกำลังสนับสนุนจะมาถึง พวกเราคาดว่าต้องใช้เวลาในการเดินทางถึงสามวัน
ซึ่งถ้าให้รอจนถึงตอนนั้นศูนย์บัญชาการแห่งนี้ก็คงจะถูกพวกเมลันเทียตีแตกและเข้ายึดครองได้ในอีกไม่ช้า พวกเราจึงได้วางแผนตอบโต้พวกมันด้วยการลอบโจมตี..
โดยที่ผลสุดท้ายเมื่อคืนนี้กองกำลังทหารของทัพทารอนจำนวนหนึ่งร้อยได้บุกเข้าโจมตีด้วยกลยุทธ์ปิดกล่อง พวกเราสามารถที่จะยึดป้อมปราการกลับคืนมาได้..”
“วะ..ว่าอะไรนะ..?”เลนัวร์ที่กล่าวออกมา สีหน้าของมันและเหล่าทหารของทัพเอทารอสต่างพากันบิดเบี้ยว เมื่อสถานการณ์มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกมันคิด..
ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นนั้นเลนัวร์ก็พอจะรู้มาก่อนแล้วว่ากองกำลังของเมลันเทียกำลังจะบุกเข้ามาโจมตียังศูนย์บัญชาการแห่งนี้ในวันนี้ แต่ทว่าในรายงานที่เขากำลังรับฟังอยู่ มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น พวกเรายังสามารถกวาดล้างกองกำลังของเมลันเทียจำนวนหนึ่งร้อยนาย แม้ว่าสภาพทหารของเราจะไม่สมบูรณ์ แต่พวกเราก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ อีกทั้งในภารกิจเมื่อคืนนี้ ทหารของทัพทารอสยังไม่มีใครตายหรือได้บาดเจ็บเลยแม้แต่คนเดียว..! ทั้งหมดคือรายงานของภารกิจในครั้งนี้..”สิ้นเสียงของซิลเวีย ร่างของเลนัวร์ที่ยืนอยู่ก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะ..
“อุ๊บ..ฮ่าๆ ร้อยเอกซิลเวีย เธอรู้โทษของการรายงานข้อมูลที่เป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชาหรือเปล่า..?”
“รู้สิ..โทษของการรายงานข้อมูลเท็จคือจับขังที่คุกทหารเป็นเวลาหนึ่ง ถ้ามันไม่ใช่ความจริง แก..ไม่สิ ท่านคิดว่าฉันโง่ถึงขนาดที่จะกล้ารายงานข้อมูลเท็จอย่างงั้นเหรอ..? ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองดูเถอะ ศพของไอ้พวกเมลันเทียฉันก็ทิ้งเอาไว้อยู่ที่สมรภูมิ..”ซิลเวียที่ตอบกลับ และจากคำพูดของเธอมันก็ทำให้เลนัวร์เริ่มที่จะหน้าเสีย ดูเหมือนว่ารายงานที่ได้จะเป็นความจริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีจุดที่น่าสงสัยอยู่กว่าอีกหลายข้อ..
“อึก..ถ้างั้นร้อยเอกซิลเวีย..ฉันมีข้อสงสัย..”
“ว่ามา..เลยค่ะ..”ซิลเวียที่กล่าว ก่อนจะหยุดเว้นวรรคไปชั่วขณะ แสดงให้เห็นถึงเคารพที่ไม่เต็มใจ..
“เธอรู้ได้ยังไงว่าในวันนี้ กองกำลังของเมลันเทียจะบุกเข้ามา..? แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันเคลื่อนพลไปปักหลักอยู่ที่ป้อมปราการ ในรายงานที่ฉันได้อ่านก่อนจะถูกส่งมาที่นี่ มันไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกระบุเอาไว้..”
“หืม..? เวรแล้วไง..”ซิลเวียที่ถึงกับผงะ เมื่อเลนัวร์ได้เห็นกระตุกรอยยิ้ม เพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังแอบซ่อนหรือปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ เผลอๆอาจจะเป็นการบิดเบือนข้อมูล
ซึ่งเท่าที่เลนัวร์พอจะนึกออก นั่นก็คือศึกบนเนินที่ราบสูงซิลเวียไม่ได้เป็นฝ่ายชนะอย่างที่ในรายงานระบุเอาไว้ หากแต่ความจริงแล้วเธอเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้
จึงสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อทำให้ตัวเองเหมือนจะต้านพวกมันเอาไว้ได้ ก่อนจะส่งเรื่องเพื่อขอกำลังสนับสนุน การที่ซิลเวียตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะปิดบังความผิดพลาดของตัวเอง แม้สุดท้ายศัตรูอาจจะบุกเข้ามาโจมตีที่นี่ แต่อย่างน้อยซิลเวียก็ยังใช้ชัยชนะของศึกบนเนินที่ราบสูงมาเป็นข้ออ้างในการหักล้างความผิดพลาดของตัวเอง..
“ฉันรีบเกินไปหน่อยก็ลืมเขียนรายงานตรงส่วนนั้นไป..”สิ้นเสียงของซิลเวีย เลนัวร์และทหารจากกองทัพเอทารอสก็ต่างหยุดนิ่งพลางกระพริบทำตาปริบๆ..
“ว่ายังไงนะ..?”เลนัวร์ที่ร้องออกมา เขาเริ่มที่จะหัวเสียเมื่อเห็นว่าซิลเวียกำลังพยายามที่จะแถ..
“ไปพาตัวไอ้เจ้านั่นมา..แล้วก็เอาศพของไอ้เจ้าสองคนนั้นมาด้วย..”ซิลเวียที่เอี่ยวตัวหันไปบอกกับผบ.หมู่ที่ 1 เมื่อได้รับคำสั่ง ผบ.หมู่ก็ได้สั่งให้ทหารแปดนายวิ่งตรงออกไปยังคอกม้าและที่เก็บศพของผู้บัญชาการกับผบ.ร้อยของเมลันเทีย..
“ไม่เอาน่าร้อยเอกซิลเวีย เธอพูดความจริงมาเถอะว่าเธอล้มเหลวในภารกิจนี้ ยังไงอีกเดี๋ยวกองกำลังของข้าศึกก็คงจะบุกมาแล้ว เธอแถไปยังไงก็ไม่รอดหรอก ซึ่งถ้าเกิดเธอพูดมาตามตรง ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้สักครั้งก็แล้วกัน..”เลนัวร์ที่กล่าวออกมา..
“พูดอะไรน่ะท่านผู้บัญชาการ เอาไว้เดี๋ยวท่านก็จะได้เห็นด้วยตาของตัวเองว่ารายงานของฉันมันเป็นความจริงหรือแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมา..”ซิลเวียที่ตอบกลับ..
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนัก ทหารสองนายก็ได้หิ้วปลีกร่างของซาเมลออกมาจากคอกม้า ก่อนจะรีบดิ่งตรงมาหายังทิศทางของซิลเวีย..
“ไอ้พวกสวะเอลเดีย ปล่อยนะ พวกแกจะทำอะไรฉัน..!”เสียงของซาเมลที่ร้องตะโกนแหกปากดังให้ได้ยินมาแต่ไกล ก่อนที่สุดท้ายแล้วร่างของมันจะนำตัวมาโยนลงต่อหน้าของซิลเวียและเลนัวร์..
“นะ..นี่มัน อย่าบอกนะว่าไอ้สวะเมลันเทีย..?”เลนัวร์ที่กล่าวออกมา ทันทีที่ได้เห็นชุดเครื่องแบบของซาเมล..
“เจ้านี่คือทหารยศแพลทินัมหนึ่งดาวหรือผบ.ร้อยของเมลันเทียที่พวกเราจับเป็นได้บนเนินที่ราบสูง ภายหลังพวกเราได้ใช้วิธีการลับในการรีดข้อมูลมาจากมัน จนทำให้ได้ล่วงรู้ถึงการเคลื่อนไหวของกองกำลังสนับสนุนที่มาปักหลักอยู่ที่ป้อมปราการ รวมไปถึงข้อมูลที่พวกมันจะบุกเข้ามาโจมตีศูนย์บัญชาการในวันนี้..”สิ้นคำอธิบายของซิลเวีย กองทัพของเอทารอสก็ถึงกับอึ้งจนตาถล่น ถึงเลนัวร์จะไม่ถูกกับซิลเวีย แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะมองไม่ออกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดคือความจริง..
“ฆ่าฉันสักทีสิวะ..?!”ซาเมลที่ส่งเสียงตะโกนแหกปากออกมา..
“โอ๋ๆ เห็นทีว่าจะไม่ได้ พวกเราจำเป็นที่จะต้องรีดข้อมูลอื่นๆจากแกอีก เพราะฉะนั้นแกจะต้องกลับไปยังศูนย์บัญชาการหลักกับพวกเรา..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา พร้อมทั้งแสยะรอยยิ้มสุดเหี้ยม ถึงกับทำให้ใบหน้าของซาเมลพลันต้องซีดหนักไปในทันที..
“อึก..หึๆ ฮ่าๆ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อีกไม่นาน..กองกำลังสนับสนุนของเมลันเทียจะบุกมาโจมตีที่นี่ ถึงในตอนนี้พวกแกจะมีกำลังพลที่เยอะกว่า แต่ถ้าเป็นกลยุทธ์ของท่านผู้บัญชาการแล้ว ประกอบกับความแข็งแกร่งของ ผบ.ร้อย คนที่กำลังจะมาถึง ถึงแม้ว่าเจ้านั่นจะเป็นแค่ทหารยศแพลทินัมหนึ่งดาวเหมือนกันกับฉัน แต่ทว่าความแข็งแกร่งนั้นมันคนละเรื่อง เจ้านั่นมีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับผู้ใช้เอมพาสระดับ 3 ดาวม่วง ยังไงพวกแกทุกๆคนก็ไม่รอดแน่..”ซาเมลที่จู่ๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมทั้งพูดออกมาจนหมดเปลือก
ซึ่งเมื่อเหล่าทหารทุกๆนายที่ยืนอยู่ที่นี่ได้ยินก็ต่างพากันแสดงสีหน้ากดดันออกมา ไม่เว้นแม้แต่เฟียร์และเลนัวร์
“ผู้ใช้เอมพาสระดับ 3 ดาวม่วง แบบนี้ไม่ได้การแล้ว ถ้าที่มันพูดเป็นความจริง พวกเราแย่แน่ ทหารทุกนายเข้าประจำตำแหน่ง..!”เลนัวร์ที่ตะโกนออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล..
“อุ๊บ..ฮ่าๆ ท่านผู้บัญชาการ ท่านอย่างพึ่งตื่นตระหนกสิ..”ซิลเวียที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา โดยที่เหล่าทหารของทัพทารอนเองก็เช่นกัน..
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้เลนัวร์ได้แต่หันซ้ายมองขวางุนงงกับปฏิกิริยาของซิลเวียและทหารทุกๆนายภายใต้สังกัดของเธอ..
“หึ..หัวเราะไปเถอะ อีกเดี๋ยวพวกแกก็จะต้อ..ง..”
“พูดจบหรือยัง..?”
ในขณะที่ซาเมลกำลังกล่าวจู่ๆซิลเวียก็กล่าวแทรกเข้ามา เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ทหารจำนวนหกนายจะช่วยกันหิ้วปลีกศพสองศพ พร้อมกับศรีษะของศพทั้งสองนั้นตรงเข้ามายังทิศทางของซิลเวีย..
ตุบ..!!!×2
“อึก..”
ท่ามกลางสายตาของเลนัวร์และกองกำลังทหารจากเอทารอส ทุกๆคนต่างจ้องมองไปยังศพที่ถูกพามาด้วยความสยดสยอง..
ตุบ..!
ทหารสี่นายที่นำร่างอันไร้ศรีษะของผู้บัญชาและผบ.ร้อยของเมลันเทียมาโยนลงต่อหน้าของเลนัวร์ ก่อนที่อีกสองนายจะนำศรีษะที่กุดขาดทั้งสองมายื่นส่งให้แก่เจมิสที่เสนอตัวเดินเข้ามารอรับ..
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง..”เจมิสที่เดินเข้ามาขวางทหารสองนายที่ถือศรีษะทั้งสอง เธอเองก็อยากจะตบหน้าของทัพเอทารอสที่กล้ามาดูถูกกองทัพของตน..
“นี่ครับ..”
หมับ..!
“ไอ้คนที่แกพูดถึงเมื่อกี้ ใช่ไอ้สวะสองคนนี้หรือเปล่า..?”เจมิสที่ย่อตัวลง ก่อนจะนำหัวทั้งสองมาโชว์ให้ซาเมลได้เห็น..
“เฮือก..!”
ทันทีที่ซาเมลได้เห็นใบหน้าของหัวทั้งสองนั้นชัดๆ ใบหน้าของมันก็พลันต้องซีดเสียไปในทันที ดวงตาของมันเหลือกถล่นเหมือนจะกำลังช็อคกับภาพที่เห็น..
“มะ..ไม่จริง ผบ.ร้อย เฮอร์เคส ทะ..ท่านผู้บัญชาการ ..ไม่จริง ระ..เรื่องแบบนี้มัน..!”ซาเมลที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ มันเอ่ยชื่อและยศของหัวทั้งสองออกมา..
ฟุบ..!
“ท่านผู้บัญชาการ ลองดูยศที่ประดับอยู่บนหน้าอกของศพนั้นทีสิ..แล้วช่วยบอกฉันด้วยว่าเจ้านั่นมันเป็นทหารยศอะไร..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา
เมื่อเลนัวร์ได้ยินก็ใช้ขาเขี่ยพลิกร่างอันไร้วิญญาณของผู้บัญชาการเมลันเทียให้หงายตัวขึ้น ก่อนที่เขาจะได้พบเข้ากับตราประดับยศของอีกฝ่าย..
“อึก..ทหารยศแพลทินัมสามดาว..”เลนัวร์ที่ถึงกับตะลึง เพราะยศของศพๆนี้มันเทียบเท่าได้กับยศของเขาและซิลเวีย
ซึ่งการที่สามารถสังหารผู้บัญชาการชายแดนของข้าศึกได้ มันคือความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา..
“อึก..แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การที่เธอพาทหารไปลอบโจมตีพวกเมลันเทีย ทั้งๆที่สภาพของทหารแต่ละนายก็ต่างอ่อนล้าจากศึกบนเนินที่ราบสูง เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าการตัดสินใจของเธอ มันคือการส่งทหารให้เข้าไปตาย ฉันก็เลยสงสัยว่า..นั่นคือการตัดสินใจของคนที่เป็นผู้นำอย่างงั้นเหรอ เพราะว่าถ้าเกิดเป็นฉัน อันดับแรกที่ฉันจะคำนึงคือความปลอดภัยของทหา..ร..?!”
“นี่..ท่านผู้บัญชาการ..”
ในขณะที่เลนัวร์กำลังพูด จู่ๆซิลเวียก็กล่าวแทรกเข้ามา อีกทั้งแววตาของเธอยังดูดุดันเป็นอย่างมาก จนถึงกับทำให้เลนัวร์ต้องผงะไปชั่วขณะ..
“อะ..อะไร เธอกำลังคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดมันผิดหรือยังไง..?”เลนัวร์ที่เอ่ยถามเขาเลือกที่จะเล่นงานและใช้การตัดสินใจที่บ้าบิ่นของซิลเวียมาทำให้กลายเป็นจุดบกพร่อง ซึ่งพอทหารของเอทารอสได้ยินก็รีบตะโกนสนับสนุนในทันที..
“ใช่..ท่านร้อยเอกเลนัวร์คือผู้บัญชาการที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา..!”
“นั่นสิ..ถ้าเป็นท่านผู้บัญชาการเลนัวร์แล้ว เขาไม่มีทางสั่งให้พวกเราไปตายฟรีๆแน่..”
“หืม..? ท่านผู้บัญชาการ ท่านรู้หรือเปล่าว่าฉันเองก็เข้าร่วมสมรภูมิเมื่อวานนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ฉันจะเป็นทหารที่จบจากแผนกยุทธการที่มีดีแค่วางกลยุทธ์ แต่ฉันก็กล้าที่จะลงไปในเสี่ยงอันตรายในพื้นที่ ฉันขอถามหน่อยสิ..ถ้าเกิดเป็นท่าน ท่านจะกล้าลงไปบัญชาการด้วยตัวเองไหม..?”
ซิลเวียที่เอ่ยถาม เมื่อเลนัวร์ได้ยินสิ่งที่เธอพูดก็ถึงกับอึ้งจนไปไม่เป็น ตามปกติแล้วถ้าไม่ใช่ผู้บัญชาการที่จบมาจากแผนกสู้รบควบกับแผนกยุทธการ คนๆนั้นจะไม่มีทางกล้าลงไปยังพื้นที่ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน..
แต่ทว่าผู้บัญชาการอย่างซิลเวียที่จบมาจากแผนกยุทธการและไม่ค่อยมีฝีมือด้านการรบ จะมีหน้าที่แค่คอยสั่งการวางกลยุทธ์เท่านั้น แต่เธอกลับกล้าที่จะลงไปเสี่ยงชีวิต มันจึงทำให้เลนัวร์และทหารจากทัพเอทารอสทุกนายถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“เป็นห่วงความปลอดภัยงั้นเหรอ..? สั่งให้ไปตายฟรีๆงั้นเหรอ..? ถามจริงๆเถอะถ้าพวกแกกลัวตาย แล้วจะมาเป็นทหารไปเพื่ออะไร..?”ซิลเวียที่เอ่ยถาม ก่อนจะเปล่งเสียงตะโกนเรียกขานทหารของทัพทารอน
“ทหารแห่งทารอนทุกนาย..!”
“ครับ/คะ..!!!”
“ช่วยบอกหน่อยซิว่าพวกแกกลัวตายหรือเปล่า..?”
“ไม่ครับ/ค่ะ..!!!!”
“จ่าสิบตรีเรซิส ช่วยบอกเหตุผลกับทหารของเอทารอสที่กำลังงุนงงอยู่ ณ ตอนนี้หน่อยได้ไหมว่าทำไมแกถึงไม่กลัวตาย..!”
“ความกลัวคือบ่อเกิดแห่งความกล้า..! ไม่มีความกล้าใดที่ปราศจากความกลัว แต่เมื่อผมได้เข้าใจความหมายของคำว่าความกลัวแล้ว ผมจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวอีกต่อไป พวกเราคือทหารมีหน้าที่ๆจะต้องปกป้องจักรวรรดิ แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต..!!!”จ่าสิบโทเรซิสที่แผดเสียงตะโกนออกมา
ซึ่งเมื่อเลนัวร์และเหล่าทหารของเอทารอสได้เห็นความเข้มแข็งและคติประจำตัวของทหารจากทัพทารอน แต่ละนายก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกตบหน้าจนหน้าสั่น..
“ดีมากทหาร..!”ซิลเวียที่กล่าวออกมา โดยที่เรซิสก็ขานรับ..
“ครับผม..!”
“ได้ยินชัดแล้วสินะ ท่านผู้บัญชาการเลนัวร์..สงครามน่ะ ถ้าไม่เสียสละ ชัยชนะมันก็ไม่เกิดหรอก..!”ซิลเวียที่กล่าวคำพูดสุดท้ายออกมา และมันก็เป็นคำพูดที่เปรียบเสมือนกับหอกแหลมทิ่มแทงเข้าไปยังกลางใจของเลนัวร์ จนอีกฝ่ายรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก..
ท่ามกลางร่างของเลนัวร์ ผบ.ร้อยเฟียร์ รวมไปถึงกองร้อยของทัพเอทารอส ทุกๆคนได้แต่ยืนหน้าชาพูดอะไรไม่ออก จากที่ตอนแรกจะมาเยาะเย้ยเขา แต่กลับเป็นฝ่ายที่ต้องอับอายขายขี้หน้าแทน
“เอาล่ะ..ดูเหมือนว่าคงไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบายแล้วสินะ ทหารทุกนาย..!!! ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อย ได้เวลาเดินทางกลับไปพักผ่อนกันแล้ว เลิกแถวได้..!”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันไปสั่งเลิกแถว..
“เฮ..!!!!!!!~”เหล่าทหารจากทัพทารอนที่ส่งเสียงเฮกันออกมา ทุกๆคนต่างรู้สึกสะใจที่ได้ตบหน้าของพวกเอทารอส ก่อนที่สุดท้ายแล้วแต่ละคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมสัมภาระ..
“อ่อ..ต้องขอขอบคุณท่านผู้บัญชาการจริงๆ ฉันจึงได้มีโอกาสกลับไปพักผ่อน และที่สำคัญ..”ซิลเวียที่หันหน้ากลับมากล่าวกับเลนัวร์ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปกระซิบบอกกับเขาว่า..
“ขอให้สนุกกับโต๊ะทำงานใหม่นะ ท่านผู้บัญชาการเลนัวร์ แต่ฉันก็อยากจะเตือนด้วยความหวังดี นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานนานๆระวังจะปวดหลังเอานะ ฮ่าๆ..”สิ้นเสียงสุดท้ายของซิลเวีย เธอก็เดินผละออกไป พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ..
“หึ..ไม่พูดดีกว่า”เจมิสที่ไม่พูดอะไรมาก เธอพลันแสยะรอยยิ้มเยาะเย้ยเฟียร์ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป แค่การกระทำเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะตบอีกฝ่ายให้หน้าหงายได้แล้ว..
“ไปเก็บของ..พวกเราจะกลับไปยังศูนย์บัญชาการกัน..”เจมิสที่เดินมาบอกกับผม ก่อนที่เธอจะเดินผ่านไป
แต่ทว่าในวินาทีนั้นผมก็แอบสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ เธอดูเหมือนจะมีความสุขไม่ใช่น้อยที่ได้ตอกหน้าของพวกเอทารอส..
“เร็วๆสิ..”เจมิสที่หันมากล่าวเร่งผม เมื่อผมหันไปมองก็พบว่าเธอยังคงยิ้มออกมาด้วยความอารมณ์ดี มันเป็นรอยยิ้มแบบที่ผมพึ่งจะเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกและมันก็ทำให้เธอดูสวยเอามากๆ จนทำให้ใจของผมเผลอเต้นตึกตัก
“เห๋..~ หวั่นไหวเหรอจ้ะ..?”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวแซว บางครั้งผมก็นึกสงสัยว่านอกจากมันจะเป็นไอ้จู๋ที่พูดได้ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์ตรงไหน วันๆเอาแต่ผลุบๆโผล่ๆมาเจ๊าะแจ๊ะให้ผมรำคาญ แล้วก็หายเงียบไป แต่พอเห็นนมเท่านั่นแหละเด้งมาอย่างไวปานจรวด..
“หุบปากไปเลยไอ้จู๋ไร้ประโยชน์..”ผมที่กล่าวออกมา
“อ้าวเฮ้ย..พูดแบบนี้ก็สวยเซ้ ถ้าแกไม่มีฉันแล้วแกจะเยี่ยวยังไง..? ไหนจะตอนที่แกต้องแสว๊กแก๊กอีก ฮึก..น้อยใจนะโว้ย เดี๋ยวก็ถอดตัวเองทิ้งแม่งเลยหนิ..”
“โอ๋ๆ..~ พูดเล่นๆ..”ผมที่ง้อไอ้จ้อน ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมจะเดินตามเจมิสไป..
“แม่งเอ้ย..!”
หลังจากที่ซิลเวีย เจมิสและทหารทุกๆนายต่างพากันแยกย้ายไปจนหมดแล้ว เลนัวร์ก็พลันสบถออกมากด้วยความหัวร้อน ใบหน้าของเขากำลังแดงก่ำไปด้วยความโกรธ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ถือว่าเป็นความอัปยศของกองทัพเอทารอสที่ถูกกองทัพทารอนตอกหน้าและบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี..
1 ชั่วโมงต่อมา..
หลังจากที่ทหารของกองทัพทารอนเก็บสัมภาระกันจนเสร็จ ทหารทุกๆนายก็ได้มาขึ้นรถม้าที่พ่วงติดด้วยรถลากเตรียมที่จะออกเดินทางกลับศูนย์บัญชาการ
ซึ่งตัวของผมนั้นได้ถูกสั่งให้ต้องมาขึ้นรถคันเดียวกันกับซิลเวียและเจมิส โดยที่รถม้าของพวกเราเป็นรถม้าสี่ล้อแบบปกติ ข้างในมีที่นั่งที่ไม่ได้กว้างมาก แต่กลับมีเบาะที่นั่งได้อย่างนุ่มสบาย อีกทั้งยังมีหน้าต่างให้มองวิวทิวทัศในช่วงเวลาที่ออกเดินทาง..
“สู้ๆนะ เหล่าทหารกล้าของเอทารอส..!~”ซิลเวียที่นั่งอยู่บนรถม้าพลันยื่นหน้าออกไปตะโกนบอกกับเลนัวร์และเหล่าทหารที่กำลังยืนเข้าแถวกันอยู่..
“ฮ่าๆ ๆ..!~”เสียงหัวเราะของทหารจากทัพทารอนที่กำลังนั่งกันอยู่บนรถลาก ทุกๆคนยังคงรู้สึกสะใจ..
ก่อนที่สุดท้ายแล้วขบวนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากศูนย์บัญชาการมุ่งหน้าสู่ศูนย์บัญชาการใหญ่ที่ 4 ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโรเซ่..
ไรท์:คอมเม้น..!!
MANGA DISCUSSION