แสงที่ 2 คนกับจู๋ตะลุยต่างโลก..
[ติ๊ง]
[ติดตั้งระบบเสร็จสิ้น]
เสียงปริศนาที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาอยู่ภายในหัวของสตาร์ ร่างของชายหนุ่มในตอนนี้กำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในมิติแห่งหนึ่งที่มืดสนิท..
(สตาร์)
‘นั่นใคร..อะ..ไอ้จ้อนเหรอ..?’ผมที่คิดอยู่ภายในใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เท่าที่จำได้ล่าสุดผมกำลังอยู่กับไอซ์ที่โรงแรม ก่อนจะถูกหลุมดำ เดี๋ยวนะ..หลุมดำงั้นเหรอ..?
“อึก..!”ผมที่พยายามจะเปล่งเสียงพูดออกมา แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ สติของผมในตอนนี้มันเหมือนกับคนที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นคล้ายอาการผีอำ อีกทั้งร่างกายก็ไม่สามารถที่จะขยับตัวได้
[เข้าสู่ขั้นตอนการสร้าง ผู้ใช้โปรดจินตนาการรูปแบบเอมพาสของตัวเอง]
‘นะ..นี่มันอะไรกัน กะ..เกิดอะไรขึ้น..?’ผมที่ครุ่นคิดด้วยความตื่นตระหนก ในตอนนี้ที่ภายในหัวของผมมันมีภาพของดวงแสงที่ปรากฏอยู่ นี่มันความฝันงั้นเหรอ..?
‘เฮ้ยที่ไหนวะเนี่ย..?’เสียงของไอ้จ้อนที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาอยู่ภายในหัวของผม..
‘ไอ้จ้อน..นี่มันเกิดอะไรขึ้น..?’
‘ฉันจะรู้ไหม ล่าสุดเท่าที่จำได้คือถูกหลุมดำดูดเข้าม..า..อะ..อะไรวะเนี่..ย’
‘ไอ้จ้อ..น..’
ในขณะที่สตาร์กำลังพูดคุยกับไอ้จ้อน จู่ๆสติของชายหนุ่มก็ค่อยๆที่จะเลือนลางลง โดยเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินนั้น นั่นก็คือเสียงปริศนาคล้ายกับเสียงคอมพิวเตอร์..
[ดำเนินการสร้างเอมพาส ทำการสุ่มเอมพาสตามความทรงจำของผู้ใช้ ทำการผลิต..ทำการสุ่มข้อแลกเปลี่ยนพลัง ผลลัพธ์ที่ได้เงื่อนไขก่อนการใช้ และในระหว่างใช้ สร้างเสร็จสิ้น เอมพาสระดับ…]
และนั่นก็คือเสียงสุดท้ายของคอมพิวเตอร์ที่สตาร์ได้ยิน มันกำลังดำเนินการตามขั้นตอนอะไรบางอย่าง..
[ถ่ายโอนดวงวิญญาณ ค้นหาภาชนะ]
ณ โลกแห่งอาเคเดีย..
ภายในป่าแห่งหนึ่งห่างจากเขตชานเมืองออกไปไม่ไกล ภาพที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้คือร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังผูกคอตายห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้ ดวงตาของเขาเหลือกถล่นผสานกับลิ้นที่จุกปาก ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูน่าเวชทนาเป็นอย่างมาก..
ซูม..!!!!!!
กึก ๆ ๆ ๆ ๆ..!!!!
แต่แล้วจู่ๆสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อร่างที่กำลังห้อยต่องแต่งอยู่จู่ๆก็กลับมามีชีวิต หัวใจของร่างๆนี้พลันกระตุกวูบอย่างแรง ก่อนที่ดวงตาจะกลับมาฉายแวว พร้อมกับร่างที่ตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอดตามสัญชาติญาณ..
“อ่อก..! อะ..อะไออะเอี่ย (อะไรวะเนี่ย)..?!”ร่างที่ได้สติพลันพยายามตะเกียดตะกายดิ้นเพื่อหาทางเอาชีวิตรอด ฝ่ามือที่ห้อยตกพลันยกขึ้นมาพยายามแกะเชือกที่คอ ก่อนที่สุดท้าย..
ปึด..!!!
ตุบ..!!!
เสียงของเชือกที่ขาดออก ร่างของชายหนุ่มพลันตกลง แผ่นหลังที่กระแทกเข้ากับพื้นทำให้เขาถึงกับจุกจนพูดอะไรไม่ออก..
[สตาร์]
“อะ..อึก..”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมที่ได้สติพลันเอ่ยถามกับตัวเอง เมื่อหันไปมองรอบๆก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ภายในป่า อีกทั้งที่คอเองยังมีเชือกที่คล้องเอาไว้อยู่..
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ในตอนนี้สิ่งที่ผมสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณคอ ผมลองพยายามเปล่งเสียงออกมาแต่ก็ไม่เป็นผล..
“อั่ก..!”
แต่แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา ความปวดมันค่อยๆทวีคูณความรุนแรงขึ้นราวกับหัวกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ มันปวดแบบไม่สามารถบรรยายได้ จนผมต้องลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น..
“อ้ากกกกก..”
ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานอาการปวดหัวจะบรรเทาลง สิ่งที่เกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีที่แล้ว มันทำให้ผมถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกจากภาพความทรงจำของใครบางคนที่ไหลทะลักเข้ามา..
อาการแบบนี้..? ความทรงจำ..? ป่า..? อย่าบอกนะว่าตอนนี้ผมจะ..
ฟุบ..
ผมที่ค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะก้าวเดินออกไปยังแสงสว่างที่อยู่สุดปลายของป่า..
ซึ่งหลังจากที่ผมเดินออกมาจากป่า ภาพแรกที่ปรากฏให้เห็นนั่นก็คือลำธาร ผมนั้นไม่รอช้ารีบก้าวขาเดินไปยังลำธารนั้นพร้อมกับก้มหน้าลงไปมอง ก่อนที่จะพบเข้ากับเงาสะท้อนใบหน้าที่ไม่ใช่ของตัวเอง
“อะ..อึก มะ..ไม่จริงใช่ไหม..?”ผมที่ถึงกับสะอึก ดูเหมือนว่าเสียงจะกลับมาแล้ว ซึ่งภาพใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระแสน้ำ ณ ตอนนี้ มันไม่ใช่หน้าของผม แต่กลับเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้..
โดยที่ชายคนนี้เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี เจ้านี่มีเส้นผมเป็นสีเงิน มีดวงตาเป็นสีแดง สวมใส่ชุดโทรมๆสีน้ำตาลคล้ายกับชุดของพวกแรงงาน อีกทั้งสภาพของร้องเท้าบูทที่ใส่ยังแทบจะดูไม่ได้..
เพี๊ยะ..!!!!!!!
ผมที่ตบหน้าของตัวเองอย่างแรง อันดับแรกต้องพิสูจน์ก่อนว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้แก้มของผมทั้งชาทั้งแดงจากแรงตบเมื่อสักครู่..
“นะ..นี่เรา ถะ..ถูก ถะ..ถูกส่งมาต่างโลก เชี้ยเอ้ย มันต้องแบบนี้ดิ..!!!!!!”ผมที่ตะโกนออกมาจนสุดเสียงพร้อมกับกระโดดชูแขนขึ้นด้วยความดีใจ
หลังจากนั้นผมก็กระโดดโลดเต้นอยู่นาน ทันทีที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ผมจึงทำการตรวจสอบความทรงจำของร่างๆนี้..
“อืม..? เดี๋ยวนะ สตาร์งั้นเหรอ..?”ผมที่ชะงักไปชั่วขณะ โดยที่เจ้าของร่างๆนี้ก็มีชื่อว่าสตาร์เหมือนกัน แม่งโครตจะเป็นอะไรที่บังเอิญจัดๆ แต่จะว่าไปแล้วหน้าของเจ้านี่ก็ดูคล้ายๆกับผมในโลกก่อนอยู่เหมือนกัน
“ถ้าเราถูกส่งมาต่างโลกจริงๆ นั่นก็เท่ากับว่าอาการทางจิตทั้งหมดในโลกเดิมก็ต้องหายไปน่ะสิ..”ผมที่เอามือชายคางพลางวิเคราะห์กับตัวเอง ก่อนที่สุดท้ายผมจะฉีกกระชากรอยยิ้มออกมา..
“ย้าหู้ว..!~ ลาก่อนนะไอ้จ้อน ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันสนุกมากที่ได้แกเป็นเพื่อน..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะเปิดกางเกงคุยกับไอ้จ้อนของตัวเอง..
“เหอะ..แกคิดว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆน่ะเหรอ..?”
แต่แล้วรอยยิ้มของผมก็พลันต้องหุบลงทันที ผสานกับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาจนเต็มหน้า จากเสียงอันแสนคุ้นหูที่ดังขึ้นมาจากอวัยวะทางเบื้องล่าง..
“ต่างโลกสินะ..อืมๆ ทำเอาจู๋อึ้งเลยนะเนี่ย..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา..
“เฮ้ย..เดี๋ยวได้ไง ทำไมแกถึงตามมาหลอกหลอนฉันได้วะ..? หรือว่าอาการทางจิตของฉันจะยังอยู่..?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน และฉันก็เคยบอกไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ใช่อาการทางจิตหรือสิ่งที่แกสร้างขึ้น..”ไอ้จ้อนที่ตอบกลับ
“แล้วแกเป็นตัวอะไรวะ..?”ผมที่เอ่ยถามด้วยความสงสัย..
“ฉันเองก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆก็คือจู๋นั่นแหละ และนี่มันไม่ใช่เวลาที่แกจะมาสนใจเรื่องของฉันหรอกนะ สิ่งแรกที่แกควรจะทำคือลองตรวจสอบความทรงจำของร่างๆนี้ ซึ่งเท่าที่ฉันลองตรวจสอบดูแล้ว ดูเหมือนว่าการมาต่างโลกของแกมันจะไม่สนุกอย่างที่คิดเอาไว้ซะแล้วล่ะ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
“เดี๋ยวๆนี่แกตรวจสอบความทรงจำของร่างนี้ได้ยังไง..? แกควบคุมสมองของฉันได้ด้วยเหรอะ..?”ผมที่เอ่ยถามไอ้จ้อน..
“เรื่องนั้นก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ แต่ที่รู้ๆคือทุกระบบประสาทหรือสมองของแกเชื่อมต่ออยู่กับฉัน ฉันจึงสามารถมองเห็นและได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับที่แกมองเห็นหรือได้ยิน พูดง่ายๆพวกเราคือหนึ่งเดียวกัน..”ไอ้จ้อนที่อธิบาย ซึ่งคำอธิบายนี้ก็ทำให้ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก แม่งโครตจะดูไม่สมเหตุสมผลเลย..
“เอาจริงดิ..นี่แกจะให้ฉันทำใจเชื่อจริงๆน่ะเหรอว่าไอ้จ้อนอย่างแกมีชีวิต..?”
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน..?”ไอ้จ้อนที่ถามผมกลับ..
“ต่างโลกไง..ทำไม..?”
“คิดว่ามันแปลกหรือเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติไหม..?”
“แปลกดิ..ต่างโลกเชียวนะเว้ย..”
“เออ..มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่จู๋อย่างฉันจะพูดได้หรือมีชีวิตนั่นแหละ..”ไอ้จ้อนที่เปรียบเทียบให้เห็น และมันก็ทำให้ผมถึงกับเถียงไม่ออก..
“สรุปแล้ว..ตอนนี้แกลองตรวจสอบดูความทรงจำเจ้าของร่างๆนี้ก่อนเถอะ และฉันรับรองได้เลยว่าแกจะต้องเครียดจนเอาตีนก่ายหน้าผากอย่างแน่นอน..”ไอ้จ้อนที่บอกกับผม เมื่อผมได้ยินอย่างนั้นก็ลองทำตามในทันที..
ซึ่งเจ้าของร่างๆนี้มีชื่อว่าสตาร์ เป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาภายในโบสถ์ของลัทธิศาสนาประจำประเทศนี้ และก็ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ้าเด็กที่ชื่อสตาร์คนนี้จะดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่..
ตั้งแต่เด็กจนโตไอ้เจ้าสตาร์เป็นคนที่อ่อนแอที่สุด แถมมันยังถูกเด็กกำพร้าคนอื่นๆภายในโบสถ์กลั้นแกล้ง จนกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นๆ..
ส่วนอุปนิสัยใจคอ ถึงเจ้านี่จะเป็นคนที่อ่อนแอ แต่กลับเป็นคนเข้มแข็งไม่ยอมก้มให้แก่ใครง่ายๆ พอเวลาถูกใครมากลั้นแกล้งก็มักจะโต้ตอบอยู่เสมอ แม้จะถูกกระทืบจนปางตายกว่าหลายครั้งแต่มันก็ไม่เคยที่จะยอมแพ้ อีกทั้งมันยังเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆที่ถูกกลั้นแกล้งด้วย
แต่สุดท้ายพอโตขึ้นมาเป็นหนุ่ม ชีวิตของมันก็ดูเหมือนจะแย่หนักกว่าเก่า ด้วยการที่ตัวของมันเองอ่อนแอ จึงทำให้มันไม่สามารถที่จะสอบเข้าสถาบันทหารได้..
ซึ่งถ้าจะให้เท้าความ..ความทรงจำที่ผมได้รับนั้น โลกที่ผมอยู่ในตอนนี้มีชื่อว่าอาเคเดียเป็นโลกแฟนตาซีที่มีทั้งดาบและเวทมนตร์ แต่สถานการณ์ของโลกนี้ในปัจจุบันตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนจวบจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าโลกใบนี้กำลังเกิดสงครามโลกครั้งใหญ่อยู่..
อีกทั้งสงครามที่ว่ายังไม่ใช่สงครามธรรมดา มันยืดเยื้อและกินระยะเวลานานมากว่าหลายร้อยปีและก็ดูเหมือนว่าจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ
จะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ณ ที่โลกแห่งนี้มันไม่ได้เข้าสู่ยุคของสงคราม หากแต่เป็นโลกที่สงครามอุบัติขึ้นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่ที่สิ้นสุดราวกับมีใครบางคนที่คอยบงการให้มันเป็นแบบนั้น..
และด้วยเหตุนี้มันเลยทำให้ทหารคือผู้ที่ถือกุมอำนาจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หรือขุนนาง ทุกๆคนต่างเป็นทหาร ความแข็งแกร่งและยุทธศาสตร์จึงเป็นตัวที่เอาไว้ใช้ตัดสินบุคคลากรคนนั้นๆว่าควรจะอยู่ในสถานะหรือชนชั้นไหน..
ปัจจุบันในแต่ละประเทศหรืออาณาจักรทั้งหลายต่างวิจัยและพัฒนาความแข็งแกร่ง โดยอารยธรรมของโลก ดูเหมือนว่าจะอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีไม่ได้เฟื่องฟูสักเท่าไหร่ อันเนื่องมาจากการมีอยู่ของเวทมนตร์..
ซึ่งแหล่งพลังที่ประชากรบนโลกนี้กว่า 90% ถือครองถูกขนานและรู้จักกันในนามว่า [คริสตัลมานา] มันคือผลึกจิตวิญญาณที่ยากเกินจะหยั่งถึง มันจะมีลักษณะคล้ายกับก้อนผลึกฝังอยู่ในหัวใจของทุกสิ่งมีชีวิตเปรียบเสมือนจุดกำเนิดของพลัง อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของพลังที่เรียกว่าเอมพาส..
ซึ่งเอมพาสนั้นคือรูปแบบของพลังที่กำเนิดมาจากคริสตัลมานา เอมพาสมีอยู่ด้วยกันกว่าหลายชนิด..
โดยประชากรปกติส่วนใหญ่ที่พบเห็นได้ทั่วๆไปจะเกิดมาพร้อมกับเอมพาสชนิดกักเก็บ โดยที่เอมพาสในแบบชนิดกักเก็บนั้นจะมีความสามารถในการดูดซับมานาเข้ามากักเก็บเอาไว้ยังคริสตัลมานาที่อยู่ภายในหัวใจ การจะใช้พลังมานานั้นจำเป็นจะต้องแปรสภาพและปลดปล่อยออกไปในรูปแบบของมวลพลัง โดยมีเอมพาสชนิดนี้เป็นจุดศูนย์กลางในการแปรสภาพและปลดปล่อยพลังออกไป หรือที่พวกเราเรียกกันว่าเวทมนต์..
แต่ถึงแม้ทุกๆคนจะมีเอมพาสชนิดกักเก็บเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าทุกๆคนจะแข็งแกร่งเท่ากัน โดยที่เอมพาสของแต่ละคนนั้นจะมีระดับพลังที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระดับของคริสตัลมานา..
โดยระดับของเอมพาสชนิดกักเก็บนั้นถูกจัดให้อยู่ในระดับ 1 ของเอมพาสชนิดอื่นๆคือสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ระดับพลังของเอมพาสระดับ 1 หรือชนิดกักเก็บ จะมีความสามารถเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างหลากหลาย แล้วแต่ความเชี่ยวชาญของแต่คน
ซึ่งเมื่ออายุครบได้ 7 ขวบ คริสตัลมานาจะปลุกเอมพาสชนิดกักเก็บนี้ขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ แต่ในกรณีที่ถ้าอายุครบแล้วยังไม่ถูกปลุก นั่นก็หมายความว่าคนๆนั้นอาจจะครอบครองเอมพาสชนิดอื่นๆที่ต้องได้รับการกระตุ้นหรือผ่านเงื่อนไขพิเศษจึงจะถูกปลุกขึ้นมาได้..
แต่ในกรณีที่อายุครบ 7 ขวบไปแล้ว และยังไม่สามารถปลุกเอมพาสได้ คนๆนั้นจะเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 8 ปี ในการหาทางปลุกเอมพาสขึ้นมา ซึ่งถ้าเกิดอายุครบ 15 ปี เมื่อไหร่และยังปลุกไม่สำเร็จอีกก็จะไม่สามารถปลุกมันได้อีกเลย..
ซึ่งทั้งหมดที่สาธยายมา ผมก็แค่อยากจะสรุปให้เห็นภาพว่าไอ้สตาร์ของโลกนี้มันไม่มีเอมพาส ไม่สิ..มันไม่มีแม้กระทั่งคริสตัลมานาที่เป็นแหล่งกำเนิดของเอมพาสเลยด้วยซ้ำ..
“เป็นไงล่ะครับ ยังดีใจอยู่อีกไหม..? แถมถูกส่งมายังโลกที่เกิดสงครามอีกจะถูกบึ้มตอนไหนก็ไม่รู้..”ไอ้จ้อนที่พยายามแซะผม..
“หึๆ ไอ้จ้อนหนอไอ้จ้อน กระจู๋อย่างแกจะไปรู้อะไร แบบนี้ต่างหากสิดี..”ผมที่ส่งเสียงหัวเราะอยู่ภายในลำคอ..
“ถ้าแกกำลังคิดถึงพล็อตในมังงะที่ตัวเอกมักจะถูกส่งให้มาอยู่ในร่างของขยะปวกเปียกที่ดันมีชีวิตอันแสนอาภัพ ถูกเพื่อนหักหลัง ผู้หญิงที่รักถูก NTR แกควรจะตั้งสติและคุยกับจู๋อย่างฉันใหม่นะ นี่คือชีวิตจริงไม่ใช่ในมังงะ ถ้าเกิดแม่งดันไม่เป็นไปอย่างที่แกคิดล่ะ ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมามันจะตายทั้งจู๋ตายทั้งคนเอานะ..”ไอ้จ้อนที่สาธยายดักออกมาอย่างรู้ทัน เมื่อผมได้ยินก็ถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออก..
“แล้วมันก็ไม่มีอะไรมาการันตีด้วยซ้ำว่าแกจะมีพลังเทพๆซ่อนอยู่ เผลอๆอาจจะเป็นอุบัติเหตุของห้วงเวลาที่ผันผวนก็ได้..”ไอ้จ้อนที่ยังคงวิเคราะห์สถานการณ์แบบเลวร้าย เดี๋ยวนะ..นี่แกคือไอ้จ้อนของฉันจริงปะเนี่ย ไหงแกถึงเข้าใจสถานการณ์ได้ดีกว่าฉัน..
“สุดท้ายเลยนะ..ไอ้เจ้าของร่างๆนี้มันเกิดมาโดยไม่มีคริสตัลมานา เพราะฉะนั้นไม่ต้องฝันถึงเรื่องการปลุกเอมพาสเลย ยังไงพวกเราก็คงซวยแหงแซะ..”สิ้นคำพูดสุดท้ายของไอ้จ้อนที่บั่นทอนจิตใจ ใบหน้าของผมก็พลันต้องซีดเสียไปในทันที
กร็อบๆ ๆ ๆ ๆ
แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังคุยกับไอ้จ้อนอยู่ ห่างออกไปยังทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่อยู่ข้างหน้าประมาณกว่า 100 เมตร จู่ๆก็มีกองกำลังทหารม้าที่ควบตรงเข้ามาใกล้..
ชิ้ง..!!
และทันทีที่ทหารม้ากลุ่มนั้นควบม้าเข้ามาจวนจะถึงตัวของผม ทหารบางส่วนก็หยุดรออยู่ที่อีกฟากหนึ่งของลำธาร ก่อนที่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้นำของทหารม้ากลุ่มนี้จะควบม้าข้ามลำธารมาหาผม..
“คนของโบสถ์มิลเทลงั้นเหรอ..?”ชายวัยกลางคนที่จ้องมองมาที่ผม ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าผมนั้นเป็นใคร..
“อะ..เออคือว่าผ..ม..”
ผลั๊วะ..!
“อั่ก..!!!”
ยังไม่ทันที่สตาร์จะได้เอ่ยปากพูดอะไร จู่ๆร่างของชายบนหลังม้าก็นำหอกในมือฟาดเข้ามาที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง จนหมดสติไป..
MANGA DISCUSSION