แสงที่ 17 ปฏิบัติการสังหารหมู่..
ท่ามกลางร่างของเจมิสที่ยืนกอดอกอยู่ สายตาของเธอกำลังสาดส่องมองหาสตาร์กับซิลเวียที่หายไปได้สักพักใหญ่..
“ร้อยตรีเจมิส..สั่งรวมพลได้เลย..”
ทันใดนั้นร่างของซิลเวียก็ได้เดินออกมาจากภายในพุ่มไม้ข้างหลังของเจมิส ก่อนจะเอ่ยปากบอกกับอีกฝ่าย..
“ท่านผู้บัญชาการ ท่านหายไปไหนมา..”เจมิสที่เอ่ยถามซิลเวีย เธอแค่รู้สึกเป็นกังวลกลัวว่าความจะแตก ซึ่งเรื่องที่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากเรื่องของเธอกับสตาร์..
“ฉันไปคุยเรื่องแผนการกับว่าที่สิบตรีสตาร์มาน่ะ..”ซิลเวียที่ตอบกลับ เธอยังคงทำตัวเหมือนกับปกติ เมื่อเจมิสได้รับคำยืนยัน เธอก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจะเดินไปสั่งเรียกทหารให้มารวมตัวกันอยู่ภายในลานดินเล็กๆที่ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าและต้นไม้..
ซึ่งหลังจากที่ทหารทั้งกองร้อยมารวมพลกันจนครบแล้ว ซิลเวียก็ได้กล่าวปลุกขวัญกำลังใจนิดหน่อย ที่เหลือก็แค่รอสตาร์ที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมา..
“แล้วไอ้เจ้าบ้านั่นมันหายหัวไปไหนอีกล่ะเนี่ย..?”
“มาแล้วครับ..”เสียงของสตาร์ที่กล่าวดังขึ้น เมื่อเจมิสและซิลเวียรวมไปถึงทหารทั้งกองร้อยหันไปมองยังทิศทางของต้นเสียง ทุกๆคนก็ถึงกับต้องเบิกดวงตากว้างขึ้น จากการปรากฏตัวของชายในชุดดำที่เดินออกมาจากป่า..
ซึ่งสตาร์ในตอนนี้กำลังอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงขาวยาวสีดำ อีกทั้งเขายังเอาผ้าโผกหน้าปิดปากเอาไว้เหมือนกับพวกผู้ก่อการร้าย โดยที่รอบๆเอวและขาทั้งสองข้างของเขาเหน็บซ่อนมีดสั้นเอาไว้กว่าหลายจุด
[สตาร์]
“นี่แกใส่ชุดบ้าอะไรของแกวะเนี่ย..?”เสียงของเจมิสที่เอ่ยถาม เธอกำลังหันหน้ามาทางผมและหันหลังให้แก่ทหารทั้งกองร้อย..
“ก็ชุดลอบสังหารยังไงล่ะครับ..?”ผมที่ตอบกลับเจมิส อะดรีนาลีนภายในร่างตอนนี้กำลังเดือดจัดๆ หลังจากที่เข้าไปเล่นต้นไม้กินคนกับซิลเวียมา..
“แล้วไอ้ชุดนั่นมันทำอะไรได้ กลับไปใส่เครื่องแบบเอลเดียเดี๋ยวนี้เลยนะ..?”เจมิสที่กล่าวออกมา เธอรู้สึกขัดหูขัดตาเป็นอย่างมาก..
“ชุดนี้ทำอะไรได้น่ะเหรอครับ..?”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหลบอยู่ข้างต้นไม้ที่อยู่ทางด้านหลังของตัวเอง..
ฟุบ..!
ทันทีที่ร่างของผมเดินหลบเข้าไปหลังต้นไม้ ผมก็เริ่มเคลื่อนตัววิ่งอ้อมผ่านเข้าในป่าทางด้านข้าง โดยทำตัวกลบกลืนไปกับความมืด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในทุกย่างก้าวของการเคลื่อนไหวจะต้องไม่มีเสียงฝีเท้าที่ดังให้ได้ยิน..
ฟุบ..!!
ชิ้ง..!!!
ภายในชั่วพริบตา ร่างของผมที่วิ่งอ้อมก็ได้กระโดดออกมาจากอีกจุด ก่อนจะลอบเข้าไปข้างหลังของเจมิส พร้อมทั้งล็อคเอามีดจี้คอของเธอ
“ถ้าท่านร้อยตรีเป็นไอ้พวกทหารเมลันเทีย ตอนนี้ท่านคงตายไปแล้ว..”ผมที่กล่าวออกมา ทางด้านของเจมิสในตอนนี้กำลังยืนช็อคจนพูดอะไรไม่ออก คมมีดในมือของผมกำลังจ่อจี้อยู่ที่ตรงบริเวณลำคอของเธอ ท่ามกลางความตกตะลึงของซิลเวียและเหล่าทหารทั้งกองร้อย..
ฟุบ..!
“ขออภัยด้วยครับ..”ผมที่ตอบกลับเจมิส ก่อนจะปล่อยร่างของเจมิสให้เป็นอิสระ ซึ่งเธอก็รีบถอยหลังทิ้งระยะห่างออกจากผมในทันที..
โดยที่สีหน้าของเจมิสในตอนนี้ มันช่างดูแตกต่างไปจากเดิม แววตาของเธอดูเหมือนกำลังหวาดกลัวอยู่นิดๆ แต่นั่นก็คงจะไม่แปลก เพราะการจู่โจมแบบลอบสังหาร มันแตกต่างจากการต่อสู้กันอย่างซึ่งๆหน้า..
“ในเมื่อทุกๆคนพร้อมกันแล้ว..”
ฟุบ..!
ผมที่กล่าวออกมา พร้อมกับโน้มตัวลงไปโกยเศษดินขึ้นมา ก่อนจะนำมันมาปาดที่ใบหน้าเป็นรอยพราง โดยที่ดินในโลกนี้บางจุดมันมีลักษณะเป็นสีดำที่ดูคล้ายกับถ่าน
“อึก..!!!”เสียงกลืนน้ำลายของเจมิสและซิลเวีย รวมไปถึงทหารทั้งกองร้อยที่ดังขึ้นมาด้วยความสะพรึง..
“ก็ไปล่าพวกมันกันเถอะ..”
30 นาทีต่อมา..
หลังจากที่ผมพากองร้อยเคลื่อนตัวลงมายังเนินที่ราบสูง ผมก็ได้บอกให้เจมิสสั่งการกองกำลังทหารให้รออยู่ที่ตรงนี้ จนกว่าจะได้เห็นสัญญาณเข้าจู่โจมจากผม..
ฟุบ..!
ท่ามกลางผืนป่าที่มืดมิด ตรงบริเวณระแวกนี้มีต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดยรอบเป็นจุดๆ ร่างของผมกำลังเร่งฝีเท้าเคลื่อนตัวไปภายในเงามืด แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่พอจะมีคือแสงจากดวงจันทร์กลมโตของโลกใบนี้..
“หน้าต่างสเตตัส..”
ติ๊ง..!
《ข้อมูลเบื้องต้น》
《ชื่อผู้ใช้:สตาร์ลิน》《ชื่อเอมพาส:โปรดระบุ》
《ชนิด/ประเภท:ยุทโธปกรณ์พิเศษ》
《ระดับคริสตัลมานา:☆☆(ขาว)》
《พลังงานแบตเตอรี่:120/120 หน่วย》
《EXP:140/200》
《ดูเพิ่มเติม..》
หลังจากครั้งล่าสุดที่ระบบปรากฏออกมา นี่คือครั้งที่สองที่ผมลองเปิดมันดู และก็ได้พบเข้ากับบางสิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิม..
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดระดับของคริสตัลมานาในครั้งก่อนมันยังอยู่ในระดับ 1 ดาวขาว แต่ทว่าตอนนี้กลับเลื่อนไปเป็นสองดาว นอกเหนือจากนี้เกจลิมิตของพลังงานแบตเตอรี่ยังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 60 เป็น 120
“เอาจริงดิ..”ผมที่กล่าวออกมาอย่างอึ้งๆ ในตอนนี้ผมได้รับรู้แล้วว่าทุกๆแต้มของการชาร์จพลัง นอกจากที่มันจะชาร์จแบตเตอรี่ของดาบแสงแล้ว มันยังไปเพิ่มในช่อง EXP อีกด้วย
ซึ่งถ้าแต้ม EXP ครบตามที่กำหนด ระดับของคริสตัลมานาก็น่าที่จะเลื่อนไปเป็นระดับต่อไป ชักจะมันส์แล้วล่ะสิ..
‘ฉันรักระบบนี้..!~’เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา อันที่จริงผมก็อยากจะลองศึกษามันให้มากกว่านี้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันคงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่..
ฟุบ..!
ผมที่หยุดการเคลื่อนไหว พร้อมกับเข้าไปหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง จากร่างของทหารเมลันเทียที่กำลังเดินลาดตระเวณอยู่ข้างหน้าสองนาย..
ซึ่งการที่พวกมันสองคนมาลาดตระเวณอยู่แถวนี้แสดงว่าห่างจากจุดนี้ไปอีกไม่ไกล จะต้องมีทหารลาดตระเวณอยู่ในโซนอื่นๆอีกเป็นแน่..
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะยังไม่ฆ่าทหารทั้งสองนายนี้ พร้อมกับเคลื่อนตัววิ่งอ้อมออกไป เพื่อตรวจสอบจำนวนของศัตรูให้แน่ใจเสียก่อน..
โดยที่หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้แอบลอบเข้าไปตรวจสอบตามจุดต่างๆ ผลปรากฏว่าในรัศมี 100 เมตรนับจากป้อมปราการ มีทหารลาดตระเวณอยู่ทั้งหมด 8 นาย แต่ละนายจะกระจายกำลังเดินตรวจตราอยู่ตามจุดต่างๆ แต่จะเน้นการลาดตระเวณไปยังทิศของศูนย์บัญชาการเพียงเท่านั้น..
ซึ่งเมื่อผมรู้จำนวนของทหารลาดตระเวณทั้งหมดแล้ว ผมจึงเริ่มปฏิบัติภารกิจในทันที..
ฟุบ..!!!!
หมับ..!
“อุ๊บ..”
ปึด..!!!!
ผมที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้พลันรอจังหวะ เมื่อร่างของหนึ่งในทหารลาดตระเวณเดินผ่านมา ผมก็พุ่งออกไปล็อคคอเอามือปิดปากของมัน ก่อนจะจัดการเอามือสั้นปาดเข้าไปยังคอหอยจนเลือดกระฉูด..
“หืม..? อะ..อะไ..ร..?”
ฟ้าว..!!!
ฉึก..!!!!
ทันทีที่ผมสังหารทหารลาดตระเวณนายแรกได้จนสำเร็จ ทหารอีกนายที่อยู่ไม่ไกลก็สังเกตเห็นผม แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ทำอะไร ผมก็คว้ามีดพกออกมา ก่อนจะปาออกไปปักเข้าที่กลางหน้าผากของมัน..
ตุบ..!
“เสร็จไปสอง..เหลืออีกหก..”ผมที่กล่าวออกมา แต่ก่อนจะไปจัดการกับพวกที่เหลือ ผมก็ได้อำพรางศพของทหารลาดตระเวณทั้งสองเอาไปซ่อนเอาไว้ที่หลังต้นไม้..
ฟุบ..!
ฟ้าว..!!
ฉึก..!!
“อ่อก..!?”
ฟุบๆ ๆ
ฟ้าว ๆ
ฉึกๆ
ผมที่จัดการในคราวเดียว ร่างของผมที่เคลื่อนตัวอยู่ภายในเงามืดได้วิ่งเข้าไปยังจุดที่ทหารลาดตระเวณแต่ละนายนั้นเดินตรวจตราอยู่ ก่อนจะจัดการสังหารพวกมันด้วยวิธีการต่างๆ แต่ส่วนใหญ่จะตายเพราะทักษะการขว้างมีดของผม..
“เรียบร้อย..เสียเวลาไปตั้ง 20 นาที ต้องเร่งมือหน่อยแล้ว..”ผมที่บอกกับตัวเอง ความรู้สึกของผมมันบอกว่าฝีมือในตอนนี้เทียบกับผมอีกคนที่เคยเป็นทหารไม่ได้เลยสักนิด..
ซึ่งหลังจากที่จัดการทุกอย่างจนเสร็จสรรพ ผมก็ได้มุ่งหน้าตรงไปยังแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ห่างไกลออกไป ซึ่งนั่นก็คือป้อมปราการที่กองร้อยของเมลันเทียตั้งแคมป์อยู่..
ณ ป้อมปราการ..
ฟุบ..!
หลังจากที่ผมมุ่งหน้ามาจนถึงป้อมปราการ ผมก็เริ่มที่จะทำการสอดแนม โดยที่ตัวของผมในตอนนี้กำลังหลบซ่อนตัวเองอยู่ภายในป่าหลังพุ่มไม้
ข้างหน้าของผมในตอนนี้มีเต็นท์และกระโจมจำนวนกว่าหลายสิบหลังที่ตั้งอยู่ เท่าที่เห็นจะมีกระโจมของทหารเอลเดียที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ ดูเหมือนว่าพวกทหารของเมลันเทียจะขนเอากระโจมของตัวเองมาด้วย ส่วนม้าของพวกมันก็ได้ถูกผูกติดเอาไว้กับต้นไม้ทางทิศตะวันออก..
ตลอดช่วงบ่ายที่ทหารจากเมลันเทียเดินทางมาถึง พวกมันก็คงจะยุ่งอยู่กับการสร้างฐานที่มั่น พอตกดึกจึงอาจทำให้ทหารส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนเร็วกว่าปกติ
โดยที่ตามจุดต่างๆของเต็นท์และกระโจม จะมีกองไฟที่ถูกก่อเอาไว้กว่าหลายจุด ทุกๆกองไฟจะมีทหารหนึ่งนายที่เป็นยามนั่งเฝ้า นอกเหนือจากนี้ยังมีทหารยามที่คอยเดินตรวจตราอยู่รอบๆอาณาเขตของป้อมปราการกว่าหลายนาย..
แต่เท่าที่ผมสังเกตเห็น ไอ้พวกทหารที่นั่งอยู่หน้ากองไฟจะเมาจนหลับไปแล้ว ส่วนไอ้พวกที่เดินตรวจตราอยู่รอบๆก็ดูเหมือนจะอ่อนเพลียจากการเดินทาง นั่นจึงทำให้แผนการของผมต่อจากนี้ดูเหมือนว่าจะง่ายขึ้นไปอีก..
ซึ่งหลังจากที่ผมทำการตรวจสอบและยืนยันจำนวนของศัตรจนแน่ใจ ผมก็เพียงแค่ต้องรอจังหวะ..
ฟุบ..!!!
ทันทีที่ร่างของหนึ่งในทหารยามเดินผ่านทางมา ผมที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ก็ได้โผล่พรวดออกไปกระชากร่างของมัน ก่อนจะจัดการดึงกลับเข้ามาฆ่าปาดคอ..
ปึด..!
“อ่อก..!!~”ทหารยามของเมลันเทียที่ตาถล่น เลือดสีแดงกำลังพุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอของมัน..
ก่อนที่หลังจากนั้นผมจะจัดการถอดเสื้อผ้าของมันออกและทำการเปลี่ยนเอามาใส่ แผนการต่อจากนี้ผมจะทำการปลอมตัว เพื่อเข้าไปลอบสังหาร ไม่ใช่เพียงแค่ทหารยาม แต่เป็นทั้งกองร้อย ลากยาวไปจนถึงผู้บัญชาการของพวกมัน
ฟุบ..!
ทันทีที่ผมแต่งตัวจนเสร็จ ผมก็เดินอ้อมพุ่มหญ้าไปยังจุดที่ทหารยามนายอื่นเดินตรวจตราอยู่ ก่อนจะจัดการฆ่าปิดปากพวกมันทีละคน ซึ่งก็แน่นอนว่าในทุกๆการลอบสังหารของผม ผมจะต้องคอยระวังสายตาของทหารสองนายที่อยู่บนหอคอยของป้อมปราการ..
ผมเลือกที่จะจัดการกับทหารยามรอบนอกก่อน เพื่อที่จะหามุมเข้าไปฆ่าทหารสองนายที่ยืนอยู่บนหอคอย ผมจัดการทุกอย่างๆรวดเร็ว จนพวกมันทั้งสองแทบจะไม่ทันได้สังเกตหรือเอะใจ
ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทหารยามก็ค่อยๆหายไปทีละคน จนกระทั่งตอนนี้ผมก็ได้จัดการสังหารทหารยามคนสุดท้ายจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..
“ฮ่าๆ คอยดูเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะต้องยึดครองศูนย์บัญชาการของพวกได้แน่ๆ..”เสียงของทหารยามบนหอคอยที่หัวเราะออกมา มันกำลังพูดคุยกับเพื่อนทหารอีกคน..
“นั่นสินะ..แต่จะว่าไป ฉันก็ทำใจเชื่อไม่ลงเลยจริงๆว่ากองร้อยของท่านซาเมลจะพ่ายแพ้ให้กับไอ้พวกเอลเดีย..”
“หึ..ท่านผู้บัญชาการจีฟอร์ดก็บอกมาแล้วว่าท่านซาเมลทำได้ดีมาก สำหรับกองร้อยที่บุกโจมตีชายแดนจนแตกพ่าย จนสามารถทะลวงเข้ามายึดป้อมปราการแห่งนี้ มันก็อาจจะทำให้ท่านซาเมลและทหารทั้งกองร้อยต้องอ่อนแรงลง ถ้าเกิดได้ปะทะกันในสภาพที่พร้อมกันทั้งสองฝ่าย ยังไงเขาก็ไม่มีทางพ่ายแพ้แน่..”
“แต่ฉันว่าไม่นะ การที่ท่านซาเมลสามารถบุกทะลวงมาได้จนถึงตอนนี้ เป็นเพราะว่ากลยุทธ์ของท่านผู้บัญชาการจีฟอร์ด..”
“เออว่ะ..เถียงไม่ออกจริงๆ..”
เสียงการสนทนาโต้ตอบระหว่างทหารทั้งสองนายที่อยู่บนหอคอย ทันใดนั้นจู่ๆหนึ่งในสองก็เริ่มที่จะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ..
“เฮ้ย..ไอ้พวกเวรนั่น ทั้งๆที่ก็บอกไปแล้วว่าดื่มให้มันน้อยๆ เล่นหลับกันหมดเลยเหรอะ..?”นายทหารที่กล่าวออกมา สิ่งผิดปกติที่เขาสังเกตเห็นนั่นก็คือร่างของทหารยามที่กำลังนั่งเฝ้าอยู่หน้ากระโจมตามจุดต่างๆ ในตอนนี้ต่างพากันนอนหลับไปกันหมด..
“ปล่อยพวกมันพักไปเถอะน่า สภาพของพวกเราเองก็แทบจะไม่ไหวแล้ว แต่ละคนต่างเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ฉันล่ะรู้สึกเห็นใจพวกทหารที่อาสาไปลาดตระเวณจริงๆ พวกนั้นคงไม่มีโอกาสได้พักผ่อนแบบพวกเรา หะ..หืม มีอะไรงั้นเหรอ..?”
ในขณะที่นายทหารอีกนายกำลังกล่าว จู่ๆเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากเพื่อนทหารที่กำลังยืนเบิกดวงตากว้างโต โดยที่สีหน้าของอีกฝ่ายในเวลานี้เหมือนจะกำลังอึ้งกับอะไรบางอย่าง..
“ทหารยามหายไปไหนหม..ด..?”
ฟ้าว..!!!!!
ฉึก..!!!!!
ยังไม่ทันที่นายทหารของเมลันเทียจะได้กล่าวอะไรออกมาจนจบ จู่ๆก็มีมีดสั้นที่พุ่งขึ้นมาจากทางด้านล่างเสียบทะลุเข้าสู่คอหอยของเขาอย่างแม่นยำ
“อ่อก..!”
“เฮ้ย..ข้าศึก บุ..ก..”
ฟ้าว..!!!
ฉึก..!!!!!
ในจังหวะที่ทหารอีกนายพบว่าเพื่อนทหารของเขาได้ถูกลอบโจมตี เขาก็เตรียมที่จะตะโกนออกมาว่ามีข้าศึกบุก แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป มันก็ต้องพบเจอเข้ากับชะตากรรมเดียวกันกับเพื่อนของมัน
“จุดที่อันตรายที่สุดเคลียร์เรียบร้อยแล้วที่เหลือก็..”ผมที่พูดออกมา โดยจุดที่ผมยืนอยู่ในตอนนี้คือตรงบริเวณด้านล่างของหอคอย ทันทีที่เป้าหมายทั้งสองถูกกำจัด ผมก็เตรียมที่จะดำเนินการตามแผนการขั้นต่อไป..
“เรียบร้อย..โรงเรียนจีน ได้เวลาเผากระโจมเพื่อส่งสัญญาณ ภารกิจลอบสังหารเสร็จสิ้น..”เสียงของไอ้จ้อนที่คิดว่าผมเสร็จภารกิจแล้วกล่าวออกมา..
‘พูดอะไรของแก พวกเรายังไม่ได้กวาดล้างกองร้อยเลย..’
“ห้ะ..? นี่แกจะบ้าเหรอ..? อย่าบอกนะแกจะบุกเข้าไปฆ่าพวกทหารที่นอนอยู่ในกระโจม มันเสี่ยงเกินไป ถึงแกจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนก็เถอะ แต่ถ้าพลาดขึ้นมาไอ้คนที่จะโดนปิดกล่องมันคือพวกเรานะโว้ย..”
‘ไอ้จ้อน..นี่แกไม่รู้จริงๆน่ะเหรอว่าภารกิจในครั้งนี้ ฉันไม่ได้คิดที่จะให้กองร้อยของพวกเรามามีเอี่ยวด้วยอยู่แล้ว พูดง่ายๆคือฉันตั้งใจจะฉายเดี่ยวตั้งแต่ทีแรกนั่นแหละ..’ผมที่บอกกับไอ้จ้อน อะไรวะ..ตอนมายังโลกนี้ใหม่ๆก็ดูเหมือนว่าจะฉลาดกว่าใคร ไหงจู่ๆถึงไม่เข้าใจแผนการของผมกันนะ
“แกจะบุกเดี่ยวจริงๆนะเหรอ..? แกอยากจะโชว์เทพขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าอยากจะเลื่อนยศไวๆ..?”
‘เปล่า..แกยังจำที่ฉันบอกกับยัยเจมิสได้ไหมว่าให้มาภายในสิบนาทีทันทีที่เห็นสัญญาณน่ะ..?’
“จำได้ดิ..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่แกจะบุกเดี่ยวเข้าไปตายโง่ๆ..?”
‘แกคิดว่าระยะทางจากที่นี่ไปจนถึงตีนเนินที่ราบสูง เธอจะมาทันเวลาจริงๆน่ะเหรอ..?’
“ก็ไม่ทันไง แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ ฉันไม่เข้าใจ แกอธิบายมาตรงๆเลยเถอะ..?!”
‘ไอ้ควายเอ้ย..ฉันจะใช้เรื่องที่เธอมาช่วยไม่ทันเวลาเป็นข้ออ้างในการเอาเอมพาสออกมาสู้ในตอนที่จนมุม พอเธอมาถึงแล้วเห็นว่าฉันยังรอดปลอดภัยดี แต่ดันกลับเอาเอมพาสออกมาใช้ แกลองคิดถึงผลลัพธ์ดูสิ..ว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นมันจะเป็นยังไงต่อไป..?’
“เจมิสก็จะรู้สึกผิด ไอ้ที่แกบอกว่าแกจะตาย ไม่ได้หมายถึงถูกทหารฆ่าตาย แต่แกจะตายเพราะเงื่อนไขปลอมๆของเอมพาสที่แกเอาออกมาใช้ แล้วมันทำไ..ม..สตาร์เพื่อนรัก แกช่างเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ภารกิจเสียสละตัวเองเพื่อกองร้อย แต่กลับโยนความรับผิดชอบให้เจมิส ถ้าเกิดแกตายคนที่จะรู้สึกผิดที่สุดก็คือหล่อน วั๊ว ฮ่าๆ บุกทะลวงเข้าไปเลยเพื่อน..!!”ไอ้จ้อนที่คาดเดาถึงผลลัพธ์ ก่อนที่จู่ๆมันจะกลับลำระเบิดเสียงหัวเราะสุดชั่วออกมา แหม่เปลี่ยนสีไวเป็นจิ้งจกเลยนะไอ้เวร
ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็คือแผนการที่จะใช้สนองตัณหาภายในตัวของผมตั้งแต่ทีแรก ภารกิจเสี่ยงตายสุดอันตราย คิดว่าผมยอมเสี่ยงทำมันเพื่ออะไรกัน ชื่อเสียงงั้นเหรอ..? เกียรติยศงั้นเหรอ..? เปล่าเลย..ถ้าเพื่อไอ้นั่นแล้วต่อให้ต้องบุกทะลวงทั้งกองพลผมก็ไม่หวั่น..
ฟุบ..!!!
ปึด..!!!!
ผมที่ก้าวเดินตรงเข้าไปหักคอของทหารที่นั่งอยู่หน้ากองไฟตามจุดต่างๆ ก่อนจะจัดทรงให้เหมือนกับว่าพวกมันทุกๆคนกำลังนั่งหลับอยู่ เหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ใช่มีดปาดคอ นั่นก็เพราะไม่อยากจะให้เลือดของพวกมันไหลออกมา
ซึ่งในกรณีถ้าเกิดมีทหารภายในกระโจมเดินออกมาทำธุระส่วนตัวก็อาจจะทำให้มันสังเกตเห็นได้ ผมจึงเลือกที่จะใช้วิธีนี้..
และทันทีที่ผมเคลียร์ทหารยามที่นั่งเฝ้าอยู่หน้ากองไฟหรือกระโจมต่างๆจนเสร็จ มันก็คงได้เวลาสำคัญ นั่นก็คือการกวาดล้างหรือการลอบสังหารหมู่..
ฟุบ..!
ผมที่เดินเข้าไปเปิดม่านของกระโจมๆหนึ่ง ทันทีที่เดินเข้ามาก็พบเข้ากับร่างของทหารจากเมลันเทียจำนวน 20 นายที่กำลังนอนหลับเรียงแถวยาวกันเป็นตับอยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง..
“หึ.. เปิดวงจร..”ผมที่กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะทำการเปิดวงจร พร้อมกับนำดาบแสงออกมา..
แกร๊ก..
ผมที่เดินไปดับไฟจากตะเกียงที่ให้แสงสว่างภายในกระโจม ก่อนที่ต่อจากนั้น..
หวิ่ง..!!!
ทันทีที่ผมกดเปิดสวิตซ์ เลเซอร์สีแดงฉานก็พวยพุ่งออกมาจนกลายเป็นดาบ ก่อนที่ผมจะทำการดีดตัววิ่งผ่านร่างของเหล่าทหารที่นอนอยู่ พร้อมกับนำเลเซอร์พลังงานสูงวิ่งปาดเข้าไปยังคอของพวกมันในคราวเดียว..
ฉ่า..!!!!!!!!
เสียงของเลเซอร์พลังงานสูงที่เคลื่อนผ่านเข้าตัดลำคอของเหล่าทหารจากเมลันเทียที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ทางฝั่งข้างขวามือของกระโจม พวกมันตายก่อนที่จะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของการตัดหรือเสียงเฉพาะของดาบแสง มันก็ทำให้ทหารบางคนที่นอนอยู่อีกฟากหนึ่งตื่นขึ้นมา..
“เฮ้ย..!”เสียงร้องของนายทหารที่อุทานดังขึ้นทำให้ร่างนับสิบที่อยู่อีกฟากสะดุ้งตื่นจากการหลับไหล..
ฟุบ..!
หวิ่งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ฉ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมที่ดีดตัวกระโดดเข้าสู่กลางวงล้อมของเหล่าทหารที่ลุกขึ้นมา ก่อนจะจัดการสังหารพวกมันทุกๆคน..
ไม่กี่นาทีต่อมา..
“อ่า..~ ไปกระโจมต่อไปกันเลยดีกว่า..~”ร่างของผมที่เดินออกมาจากภายในกระโจม ก่อนจะตัดสินใจไปสู่กระโจมหลังต่อไป..
โดยที่ทางเบื้องหลังของผมนั้น ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในกระโจม ณ ตอนนี้ก็คือร่างของเหล่าทหารจากเมลันเทียนับยี่สิบร่าง ซึ่งกำลังนอนกระจัดกระจายตายกันอยู่ทั่วบริเวณ บางร่างถูกตัดหัวจนขาด บางร่างถูกตัดผ่ากลางลำตัวจนแยกขาดออกเป็นสองซีก โดยทุกๆศพที่กล่าวมาไร้ซึ่งคราบเลือด มีเพียงบาดแผลจากลอยตัดที่ปรากฏให้เห็นเป็นรอยไหม้ที่ปิดสนิท..
ไรท์:คอมเม้น..!!!! คอทเม้น..!!!!
MANGA DISCUSSION