Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. - ตอนที่ 91
แสงที่ 91 ไอ้นั่นที่ว่า..หรือว่าจะเป็น..!
ในขณะเดียวกัน ณ ทางด้านของแอ่งกระทะ..
ท่ามกลางแอ่งกระทะตรงใจกลางของหุบเขาลาติส ภาพที่ปรากฏให้เห็นคือกองกำลังทหารของไฮสโตเรียที่กำลังยืนโอบล้อมอยู่รอบๆหุบเขา อีกทั้งทหารทุกๆนายยังประจำตำแหน่งและร อฟังคำสั่ง
โดยที่กองร้อยทั้งสองของไฮสโตเรียบัดนี้ได้เคลื่อนพลเข้ามาประชิดอยู่เหนือหุบเขาแล้ว..
“ท่านเอ็กซ์เซ็ทมัวทำอะไรอยู่กันนะ..”เสียงของผบ.ร้อย มาริน่าหรือนักรบขั้น 4 ที่เอ่ยกล่าวออกมา เธอกำลังยืนอยู่เหนือยอดเขาของขอบแอ่งกระทะ โดยที่รอบข้างมีกองกำลังทหารที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่..
“ท่านผู้นำกองร้อยมาริน่าครับ..ตอนนี้ที่ช่องแคบกำแพงหินทางเบื้องล่าง พวกเราตรวจพบกองกำลังของเอลเดียที่กำลังแอบซุ่มรออยู่ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังคิดที่จะเปิดศึกปะทะกับพวกเราครับ..”
“หืม..? ไอ้เจ้าพวกสวะเอลเดีย คิดที่จะล่อให้พวกเราเข้าไปสู้กับพวกมันในช่องแคบสินะ หึ..ช่างโง่เขลา ยังไงด้วยกำลังพลของฝ่ายเราที่เหนือกว่า พวกมันก็ไม่อาจที่จะรับมือได้ ทางเราเองก็มีกองซุ่มยิงระยะไกลอยู่ ขอเพียงแค่กระชับพื้นที่ลงไปยังตีนแอ่ง เมื่อถึงตอนนั้นถ้ามันโผล่หน้าออกมาในรัศมียังไงก็หัวพรุนแน่ๆ..”มารีน่าที่กระตุกรอยยิ้มออกมา
“แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเราคงรอต่อไปไม่ได้ ไม่งั้นมีหวังไอ้เจ้าเสาหลักนั่นต้องหนีไปแน่ๆ..”มาริน่าที่สบถกล่าวออกมา ก่อนหน้านี้เอ็กซ์เซ็ทได้มอบอำนาจให้เธอในการสั่งกองกำลังทหารเข้าจู่โจม ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายยังมาไม่ถึงตามช่วงเวลาที่กำหนด เธอก็สามารถที่จะสั่งบุกจู่โจมได้ในทันที..
“ทหารทุกนายจงฟัง..! พวกเราจะใช้กลยุทธ์บุกทะลวงเข้าไปจู่โจม ให้ทหาร 100 นาย ใช้ยุทธวิธีเข้าจู่โจมระยะประชิด ส่วนพลซุ่มยิงอีก 40 นายที่เหลือให้รั้งอยู่ท้ายขบวน เมื่อลงไปจนถึงใจกลางเนินเมื่อไหร่ หาที่กำบังและทำการซุ่มยิงสนับสนุน และฉันอยากจะขอย้ำเอาไว้ เมื่อพบเจอกับเสาหลักเมื่อไหร่ให้โถมยิงใส่มันในทันที..! และจงเด็ดหัวมันให้ได้..!”
“รับทราบ..!!!!”เสียงตะโกนขานรับของเหล่าบรรดาทหารที่ดังออกมา ก่อนที่เหล่าทหารจะต่างพากันเปิดวงจรเวทชักดาบออกมาถือว่าเอาไว้ ส่วนบางคนที่มีเอมพาสชนิดยุทโธปกรณ์ก็ต่างเอามันออกมาใช้..
“เปิดวงจร โรเซ็นส์..”มาริน่าที่ทำการเปิดวงจร พร้อมกับล้วงมือเข้าไปในช่องว่างหยิบนำแส้หนามออกมาถือเอาไว้ ก่อนที่เธอจะ..
“ลั่นสัญญาณศึกได้..!”มาริน่าที่เห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วก็ตะโกนออกคำสั่งกับทหารนายหนึ่ง ก่อนที่ทหารนายนั้นจะทำการหยิบแตรเขาสัตว์ออกมาเป่า..
แปร..~
เสียงแตรที่ดังกังวาลไปทั้วทั้งหุบเขา มันดังอยู่นานนับ 30 วินาที ก่อนจะค่อยๆสงบลง..
“เฮ..!!!!!!!!”
ทันทีที่เสียงแตรสงบลง จู่ๆที่เนินเขาทางฝั่งซ้ายมือห่างจากจุดที่กองร้อยมาริน่าอยู่ไปประมาณ 100 เมตร ก็มีกองกำลังทหารที่วิ่งกู่ลงจากเนินเขา ซึ่งกองกำลังนั้นก็คือกองร้อยของผบ.ร้อยคาร์นั่นเอง..
“โจมตีได้..!!!!”มาริน่าที่แผดเสียงตะโกนออกคำสั่ง ก่อนที่ต่อจากนั้นเหล่าบรรดาทหารจะพากันวิ่งกู่ผ่านร่างของเธอลงจากเนินเขาไป..
ซึ่งด้วยการที่เนินบนแอ่งนั้นลาดชันเป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถที่จะใช้ม้าควบวิ่งลงไปได้ เพราะอาจจะทำให้ม้าก้าวหวืดจนเสียหลักล้มลง นอกเหนือจากนี้ที่บริเวณเนินลาดชันยังมีโขดหินที่ปรากฏอยู่ตามจุดต่างๆ มันจึงเหมาะสำหรับให้พลซุ่มยิงเข้าไปหลบซ่อนเพื่อหามุมในลอบสังหารศัตรู
“เฮ..!!!!!!”เสียงเฮของเหล่าบรรดาทหารที่ต่างวิ่งกรูสไลด์ตัวลงมาจากเนินเขา ก่อนจะมุ่งตรงไปยังช่องแคบหินที่อยู่ภายในแอ่งทางเบื้องล่าง..
ในขณะเดียวกันภายในแอ่งกะทะตรงบริเวณหน้าช่องแคบและภายในช่องแคบ ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่คือร่างของเหล่าทหารจากเอลเดียที่กำลังกระจายตัวกันเป็นกลุ่มๆ
ซึ่งในตอนนี้เซซิสกับสไปร์สกำลังนั่งหลบอยู่ที่ข้างหลังโขดหินตรงบริเวณหน้าช่องแคบ ส่วนพวกทหารก็ต่างซ่อนตัวและหามุมหลบจากวิถีกระสุน..
“ทหารทุกนายรอฟังคำสั่งจากฉัน..”เซซิสที่กล่าวออกมา ถึงเขาจะไม่ได้เปล่งเสียงตะโกน แต่ทหารที่นั่งหลบอยู่รอบด้านหลังโขดหินก็ต่างได้ยินเสียงของเขา..
ซึ่งภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของโขดหินที่ทหารจากเอลเดียใช้ซ่อนตัวอยู่นั้น นั่นก็คือร่างของกองกำลังนับสองร้อยเกือบสามร้อยนายที่กำลังวิ่งกู่ลงมาจากเนินเขาสู่พื้นผิวของแอ่งกระทะ
ทันทีที่พวกทหารไฮสโตเรียลงมาถึงแอ่ง พวกมันก็ต่างวิ่งตรงไปยังช่องแคบที่อยู่ทางเบื้องหน้า อีกทั้งบางส่วนยังเข้าโอบล้อมจากทางด้านข้าง โดยที่พวกมันไม่รู้ตัวเลยว่าที่หน้าช่องแคบจะมีกองกำลังของเอลเดียบางส่วนที่แอบมาซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว แถมหนึ่งในนั้นก็คือเสาหลักแห่งเอลเดีย..
สีเขียวใหญ่:กองร้อยของมาริน่าและคาร์ สีแดง:ทหารเอลเดีย สีน้ำเงิน:เซซิส
“เปิดวงจร..จงออกมา..ลากันเบล..!”เซซิสที่ทำการเปิดวงจร ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในช่องว่างตรงกลางอก..
ฟุบ..!
และแล้วทันทีที่เซซิสดึงนำฝ่ามือออกมา สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าแขนทั้งสองข้างของเขา นั่นก็คือปลอกแขนเหล็กสีแดง ผสานกับวงแหวนเวทสีทองที่คล้องอยู่บนนั้น..
ฟุบ..!
ร่างของเซซิสที่ดีดตัวออกมาจากโขดหิน ก่อนจะทำการยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปทางด้านหน้า พร้อมกับนำฝ่ามือมาผสานตั้งชนกัน..
“วะ..วงแหวนเวทสีทอง..!”
“นั่นมันเสาหลักเอลเดีย..!”
“ฆ่ามัน..!”
เหล่าทหารจากไฮสโตเรียที่สังเกตเห็นพลันตะโกนออกมา ก่อนที่ทุกๆร่างจะต่างพากันวิ่งตรงเข้าไปหาเซซิส..
“สกิลเวทมนตร์ขั้น 6 ระดับ ☆☆ ดาวแดง ทำลายสิ้น..!”เซซิสที่ทำการปลดปล่อยสกิลเอมพาส ทันใดนั้นวงแหวนเวทสีทองก็แตกกระจายตัวกลายสภาพไปเป็นวงแหวนเวทสีแดงจำนวนสองวงเคลื่อนจากแขนไหลไปอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ซึ่งกำลังตั้งผสาน..
“อึก..วะ..เวทมนตร์ระดับ 6 ทหารทุกนายถอยออกห่างจากรัศมีนั่นซะ..!”มาริน่าที่สัมผัสได้ถึงมวลพลังเวทอันน่าสะพรึงพลันตะโกนบอกกับเหล่าทหาร แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปเสียแล้ว..
วิ๊งๆ ๆ ๆ
วงแหวนเวทสีแดงทั้งสองวงของเซซิสที่ขยายตัวใหญ่ขึ้น ก่อนที่มวลพลังเวทที่ถูกอัดแน่นอยู่ภายในคริสตัลมานาของเขาจะถูกปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือผ่านวงแหวนเวทกลายเป็นคลื่นพลังลำแสงที่พุ่งทะยานออกไปทางด้านหน้า..
ซูม..!!!!!!
ตู้ม..!!!!!!!!!!
“อ้ากกกกกกกก..!!!”เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นลำแสงของเซซิสที่พุ่งทะยานออกไปได้เข้ากลบร่างของทหารจำนวนเกือบยี่สิบนายที่วิ่งตรงเข้ามาแบบไม่ยั้งคิดให้ต้องอันตรธานหายไป ก่อนที่คลื่นพลังนั้นจะไประเบิดลงที่ตรงตีนของแอ่งกระทะ ก่อกำเนิดเป็นแรงระเบิดขนาดย่อมๆที่ถลกผืนหิมะให้ลอยตัวยกสูงขึ้น..
แรงระเบิดของคลื่นลำแสงกลืนกินรัศมีไปกว่า 20 เมตร อีกทั้งแรงระเบิดยังแผ่กระจายออกไปโดยรอบผลักร่างของเหล่าทหารของไฮสโตเรียที่อยู่ในรัศมีให้ต้องปลิวกระเด็นออกไป..
“อะ..อึก นะ..นั่นน่ะเหรอ พะ..พลังของเสาหลัก..”มาริน่าที่หยุดชะงัก ใบหน้าของเธอพลันบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ ทันทีที่เธอได้เห็นร่างของอสูรกายที่กำลังยืนตระหง่านอยู่ที่พื้นหิมะทางเบื้องล่าง..
“เอลเดีย..! โจมตีได้..!!!!”เซซิสที่แผดเสียงตะโกนออกคำสั่ง ทำให้ร่างของสไปร์สและทหารจากเอลเดียที่ซุ่มอยู่หลังโขดหินต่างพากันปรากฏตัวออกมา ก่อนจะยิงกระสุนแรงดันเวทเข้าใส่กองกำลังทหารของไฮสโตเรียที่วิ่งกู่กันเข้ามา..
เฟี้ยวๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ตู้มๆ ๆ ๆ
ร่างของทหารไฮสโตเรียในแนวหน้าที่ถูกกระสุนแรงดันเวทยิงเข้าใส่ จนล่วงลงไปนอนตายกว่า 30 นาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกที่วิ่งตามมาข้างหลังกลับกางบาเรียเวทวิ่งตรงไปข้างหน้า จนจวนจะเข้าไปประชิดกองกำลังทหารของเอลเดีย
จึงทำให้เหล่าของเอลเดียเปลี่ยนรูปแบบมาจู่โจมระยะประชิด ก่อนจะต่างพากันวิ่งกู่ออกไปเข้าปะทะกับกองกำลังทหารของไฮสโตเรีย..
“เฮ..!!!!!!!!!”
เคร้งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงของคมดาบที่เข้าปะทะ กองกำลังทหารของเอลเดียจำนวน 100 นาย ได้เปิดฉากเข้าปะทะกับกองกำลังไฮสโตเรียที่มีจำนวนมากกว่าถึงสองเท่า..
โดยที่ทหารจากทั้งสองฝ่ายได้ใช้เวทเสริมกำลัง ก่อนจะเข้าปะทะกัน..
“สกิลเวทมนตร์ขั้น 5 ระดับ ☆☆☆☆☆ ม่วง สาดคลื่นวายุกระหน่ำ..!!!”สไปร์ทที่ปลดปล่อยสกิลเวทมนตร์ ส่งผลทำให้วงแหวนเวทสีแดงที่คล้องแขนแตกตัวกระจายออกจนกลายเป็นวงแหวนเวทสีม่วงจำนวนห้าวง ก่อนที่เธอจะทำการฟาดฟันคมดาบออกไปในอากาศทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นคลื่นคมดาบวายุที่ทะยานเข้าตัดร่างของทหารไฮสโตเรียให้ต้องตกตายไปกว่าหลายสิบนาย..
ฉับๆ ๆ ๆ
“อ้ากกกกกก..!!”
การปะทะที่เกิดขึ้นสไปร์สและเซซิสพยายามที่จะประหยัดการใช้มานาเอาไว้ เพราะถ้าเกิดมานาหมดระหว่างสู้ นอกจากจะขยับตัวไม่ได้แล้ว มันจะทำให้ระยะเวลาการออกผลของเงื่อนไขเอมพาสมาไวขึ้นอีกด้วย..
โดยเฉพาะเซซิส แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้เอมพาสระดับดาวทอง ถึงสกิลเวทมนตร์ของเขาจะรุนแรงมากแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถใช้มันได้เรื่อยๆ ยิ่งเป็นสกิลเวทมนตร์ระดับสูงๆที่มีอานุภาพรุนแรงแล้ว มันก็จะยิ่งเผาผลาญมานาของไปเป็นจำนวนมาก..
สำหรับผู้ใช้เอมพาสชนิดยุทโธปกรณ์ การจะใช้สกิลในแต่ละครั้งจะต้องคำนวนปริมาณมานาที่มีอยู่ให้ดีๆ
ขอยกตัวอย่างเช่นเซซิสในกรณีที่มีมานาอยู่เต็มพิกัด แต่เขาสามารถใช้สกิลเวทมนตร์ระดับ 7 หรือสกิลเอมพาสระดับ 1 ดาวทองได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น..
ส่วนสกิลเอมพาสระดับดาวแดง เขาสามารถใช้มันได้เพียงแค่ไม่ถึง 5 ครั้งขึ้นอยู่กับระดับของสกิล ไม่เว้นแม้แต่สกิลระดับดาวเล็กๆที่ถึงต่อให้จะใช้ได้หลายครั้ง แต่บางสกิลเมื่อใช้ไปแล้ว มันก็จะมีระยะเวลาคลูดาวอยู่จึงจะสามารถใช้ได้ใหม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสกิลของแต่ละคน เพราะว่าผู้ใช้เอมพาสชนิดยุทโธปกรณ์บางคน การจะฟื้นฟูมานาใช่ว่าจะสามารถทำได้ง่ายๆ..
ฉับๆ ๆ ๆ
ท่ามกลางการปะทะของกองกำลังทหารจากทั้งสองประเทศ ร่างของสไปร์สที่ยืนอยู่ได้ดีดตัวพุ่งตรงเข้าไปไล่ฆ่าทหารจากไฮสโตเรียที่ดาหน้ากันเข้ามา พลางยกฝ่ามือขึ้นมากัดเล็บเพื่อฟื้นฟูมานาตามเงื่อนไข..
อีกทั้งในระหว่างที่เข้าปะทะ สไปร์สจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนที่อยู่ตลอด เพราะถ้าหากเธอตกกลายเป็นเป้านิ่ง เธอก็อาจจะถูกพลซุ่มยิงปลิดชีวิตได้..
ฟุบ..!
เปี๊ยะ..!!!
แต่แล้วทันใดนั้นในขณะที่สไปร์สกำลังเข้าจู่โจมกองกำลังทหารของไฮสโตเรีย จู่ๆก็มีแส้หนามที่ฟาดเข้ามาที่แผ่นหลังของเธอจนเซไปทางด้านหน้า..
“อั่ก..!”สไปร์สที่รีบพลิกตัวหันหลังกลับ การโจมตีเมื่อสักครู่ได้สร้างบาดแผลที่กลางแผ่นหลังให้แก่เธอ..
“อึก..!”
ซึ่งทันทีที่สไปร์สหันหลังกลับ ภาพที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเธอ นั่นก็คือร่างของมาริน่าที่ยืนอยู่ โดยที่บนแขนของอีกฝ่ายนั้นปรากฏให้เห็นเป็นวงแหวนเวทจำนวน 5 วงที่คล้องอยู่..
“ผู้ใช้เอมพาสระดับ 5 ดาวม่วง..”สไปร์สที่สบถออกมา..
“เห๋..คิดไม่ถึงว่านอกจากเสาหลักจะมีพันตรีอยู่ที่นี่ด้วยแฮะ ดูเหมือนว่างานนี้ฉันคงจะได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นนักรบขั้นที่ 5 แหงๆ..”มาริน่าที่กล่าวออกมา พร้อมทั้งแสยะรอยยิ้ม เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ทหารจำนวน 10 นายของไฮสโตเรียจะเข้ามาปิดล้อมเธอกับสไปร์สเอาไว้..
“ยัยนี่เป็นของฉัน ห้ามใครสอดมือเข้ามายุ่ง..!”มาริน่าที่เปล่งเสียงตะโกนออกมา
“คลื่นกระแทก..!”
ตู้มๆ ๆ ๆ
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเซซิสนั้นได้ดีดตัวกระโดดเข้าสู่กลางวงล้อมของทหารจากไฮสโตเรีย พร้อมกับปลดปล่อยเจมิไนท์สร้างคลื่นแรงอัดกระแทกซัดเข้าใส่ร่างของทุกๆเป้าหมายที่อยู่ในระยะ..
เฟี้ยวๆ ๆ ๆ
ตุม ๆ ๆ ๆ ๆ
“ชิ..น่ารำคาญชิบหายเลย..!”เซซิสที่สบถออกมา จากการที่เขาได้ถูกกระสุนแรงดันเวทที่ยิงมาจากระยะไกลโจมตีเข้าใส่..
ซึ่งกระสุนแรงดันเวทที่ยิงเข้ามาได้ถูกสกัดเอาไว้โดยโล่บาเรียของเซซิส โดยที่ตอนแรกเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าบาเรียของเขาจะสามารถป้องกันกระสุนแรงดันเวทนี้ได้หรือไม่ จนกระทั่งเขาได้ลองพิสูจน์ดูด้วยตัวเอง..
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าบาเรียจะต้านทานกระสุนได้ทุกนัดๆ มีอยู่หลายครั้งที่มันปรากฏรอยร้าวออกมาให้เห็น จนเซซิสต้องรีบส่งมานาเข้าไปซ่อมแซม ทำให้เขาต้องสูญเสียมานาส่วนใหญ่ไปกับการซ่อมบาเรียป้องกัน..
“ต้องรีบจัดการขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้มีหวังกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญแน่ๆ..”เซซิสที่สบถออกมา พร้อมกับหยิบขวดเหล้าขึ้นมากระดกดื่ม ซึ่งนี่ก็คือเงื่อนไขเอมพาสของเขา..
ตัดกลับมาที่ทางด้านของสตาร์..
ท่ามกลางร่างของผมที่ยืนตระหง่าน ของเหลวสีใสได้ถูกปลดปล่อยออกมาจนเปียกโชกไปทั้งเป้ากางเกง..
“เวรเอ้ย..!”ผมที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย..
“อ้ากกกกกกก..ไอ้สวะ แก..!!!!!! แก..!!!!!!”ไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่ยังคงร้องตะโกนแหกปากออกมา ดูเหมือนว่ามันจะคลั่งจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว..
ซึ่งถ้าถามว่าทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงเป็นแผนของผม ก็ต้องขอย้อนกลับไปตั้งแรกเริ่ม ผมนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทมีเจมิไนท์ แถมยังรู้ลึกถึงขนาดที่ว่าเจมิไนท์ของมันคือไพ่ตายลับที่มันซ่อนเอาไว้..
ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ..? นั่นก็เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ผมนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติ..
ความผิดปกติที่ว่าคือการที่ไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทมันเอ่ยถามถึงชื่อของเซนิน มันเป็นคำถามที่ดูเจาะจงจนดูน่าสงสัย จนทำให้ผมต้องเอ่ยถามมันออกไปว่าจะถามชื่อไปทำไม
ซึ่งทันทีที่มันกำลังให้คำตอบ ผมก็อาศัยจังหวะนั้นใช้ความสามารถใหม่ที่ได้มาในทันที..
โดยความสามารถที่ว่าก็คือความสามารถที่ได้มาจากความทรงจำล่าสุด มันคือความสามารถในการอ่านใจคนจากทางสีหน้า ถึงผมจะไม่สามารถอ่านใจของเอ็กซ์เซ็ทได้อย่างทะลุปรุโปร่งเหมือนกับตัวเองในความทรงจำเมื่อสมัยก่อน
แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเจมิไนท์ของเอ็กซ์เซ็ทมีความสามารถอะไร โดยที่ความสามารถเจมิไนท์ของมัน นั่นก็คือการสะกดตรึงร่างของศัตรูเอาไว้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะต้องรู้ชื่อของผู้ที่ต้องการจะสะกด
และมันก็ทำให้ผมประติดประต่อเรื่องราวได้ในทันที ถึงสาเหตุทำไมมันต้องฆ่าทหารที่เอ่ยชื่อของมันออกมา นั่นก็เพราะว่าชื่อของมันคือเงื่อนไขในการคลายเจมิไนท์..
เมื่อได้รู้แบบนั้นแล้วผมจึงเริ่มทำการวางแผนในทันที โดยแผนของผมนั้น นั่นก็คือการต่อสู้กับไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทตามปกติและรอจนกว่าที่มันจะงัดเอาเจมิไนท์ออกมาใช้..
แต่การที่เอ็กซ์เซ็ทจะใช้เจมิไนท์ แน่นอนว่ามันจะต้องรู้ชื่อของผมก่อน ผมจึงได้สร้างสถานการณ์ให้ไอรินเรียกขานชื่อของผมออกมา จนกระทั่งสุดท้ายแล้ว แผนการทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ผมได้วางเอาไว้..
ทันทีที่เอ็กซ์เซ็ทใช้เจมิไนท์ ผมก็เพียงแค่รอจังหวะ ก่อนจะให้ไอ้จ้อนปลดล็อคการทำงานของสมองเพื่อเร่งประสิทธิภาพของร่างกายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะถ้าเกิดทำแบบนั้นไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทก็คงจะตั้งตัวไม่ทัน..
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ให้ไอ้จ้อนปลดล็อค 20% ตั้งแต่ทีแรก นั่นก็เพราะว่าถึงต่อให้ปลดล็อคไปยังไงผมก็อาจจะเอาชนะไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทไม่ได้อยู่ดี เพราะจากการคำนวนคร่าวๆมันมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เหนือกว่าผม เผลอๆไม่แน่ถ้าปลดล็อค 20% แล้วฆ่ามันไม่ได้ขึ้นมา มันอาจจะระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้..
เพราะมนุษย์ที่โลกนี้ แตกต่างจากมนุษย์โลกก่อนที่เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาไม่ได้มีพลังวิเศษหรือเวทมนตร์อะไร แถมระดับของผมกับไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทยังห่างกันตั้ง 13 ดาว..
นั่นจึงทำให้ผมต้องสร้างแผนนี้ขึ้นมา เพื่อใช้ในการตอบโต้ไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ท สิ่งที่ผมเอามาใช้จนสามารถชนะมันได้ นั่นก็คือการเซอร์ไพรส์มันด้วยการคลายเจมิไนท์จนทำให้มันคาดไม่ถึง ก่อนจะช่วงชิงอาศัยจังหวะนั้นปลดล็อค 20% และจัดการกับมันภายในชั่วพริบตา..
“แกรู้เงื่อนไขการคลายเจมิไนท์ของฉันได้ยังไง..!!!!”ไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่แผดเสียงตวาดถามผม..
“หึ..แกเป็นคนบอกฉันเองจำไม่ได้เหรอ..?”ผมที่บอกกับไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ท
“ฉะ..ฉันบอกแก..? ฉันไปบอกแกตอนไห..น อึก..ระ..หรือว่า..”ไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่พึ่งจะรู้ตัวสบถออกมา ใบหน้าของมันพลันถอดสีไปในทันที..
“ฮ่าๆ ไอ้ควายเอ้ย..!”
“กรอด..!!!! ทหาร..!!!!! ฆ่าไอ้สวะนี่ซะ..!!!!!”เอ็กซ์เซ็ทที่แผดเสียงตะโกนออกมา เขาที่กำลังนอนหันหัวไปทางเหล่าทหารอยู่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทุกๆคนได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว..
“ทหาร..!!!!!!”เอ็กซ์เซ็ทที่แผดเสียงตะโกนซ้ำอีกครั้ง มันทำท่าตะเกียดตะกายจะลุกหันไปออกคำสั่ง
“โอ๊ะๆ มาๆเดี๋ยวช่วยๆ..”ผมที่เข้าไปพยุงร่างของเอ็กซ์เซ็ทให้ลุกขึ้น ก่อนจะจับพลิกหมุนให้หันหน้าไปยังร่างอันไร้ศรีษะนับห้าสิบศพที่กำลังนอนฟุบอยู่บนหลังม้า..
“เฮือก..!”ดวงตาของเอ็กซ์เซ็ทที่เบิกกว้างขึ้น ผสานกับใบหน้าของมันที่พลันต้องบิดเบี้ยวอย่างหนัก มันกำลังจ้องมองไปยังศพของพวกทหารจนตาค้าง..
“ไม่จริงใช่ไหม..? กะ..แก หรือว่าแกจะเป็น..เสาหลักของเอลเดีย..! ตะ..แต่เอมพาสของแกไม่มีวงแหวนหนิ..”ไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่กล่าวออกมา มันที่นั่งเป็นตุ๊กตาหิมะไม่มีแขนไม่มีขาพลันพยายามหันกลับมาถามผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง..
“เสาหลักงั้นเหรอ..? ตลกน่า..อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับพวกกระจอกแบบนั้นสิ ฉันน่ะ..เป็นอะไรที่เหนือกว่านั้นเยอะ ฉันคืออาวุธลับสุดยอดที่จะถล่มไฮสโตเรียของแกในสักวัน..”สิ้นคำพูดของผมที่ลั่นออกไป ไอ้เจ้าเอ็กซ์เซ็ทที่ได้ยินแบบนั้นก็ช็อคจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่ผมจะถีบหลังของมันจนหน้าคะมำไปกับพื้นหิมะ..
“เอาล่ะ..เข้าสู่ช่วงถามตอบ ก่อนหน้านี้แกกับกองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลไปที่ไหน..?”ผมที่เปิดประเด็นเอ่ยถามกับเอ็กซ์เซ็ท..
“หึ..คิดว่าฉันจะยอมบอกแกเหรอวะ..?! นักรบแห่งไฮสโตเรียยอมตายอย่างมีเกียรติซะจะยังดีกว่าต้องบอกข้อมูลกับศัตรู..”
“หืม..? ได้สิ..งั้นฉันขอทำให้แกเสียเกียรติก่อนเลยละกัน ด้วยการเอาดาบของฉันเสียบเข้าไปในตูดของแกอย่างที่บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้..”ผมที่ขู่ไอ้เอ็กซ์เซ็ท พร้อมกับทำการกดสวิตซ์ทำให้ใบดาบเลเซอร์โผล่พรวดออกมา..
หวิ่ง..!!
“เฮือก..ให้ตายฉันก็ไม่บอกแกหรอก ฆ่าฉันซะ..!”ไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่ตะโกนบอกกับผม เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผมจะอ่านปากและสีหน้าของมัน..
“อย่างงี้เองสินะ เคลื่อนพลเข้าปิดล้อมกองกำลังหลักที่อยู่ทาง…”ผมที่กล่าวออกมาและหยุดเว้นวรรคเอาไว้ พร้อมกับหันไปมองยังเนินเขาทางซ้ายมือ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของไอ้เอ็กซ์เซ็ท และก็ได้พบว่ามันกำลังหน้าถอดสีอยู่..
“นั้น..?”ผมที่แสยะรอยยิ้มพูดต่อจากที่หยุดเว้นวรรคเอาไว้..
“กะ..แก แกรู้ได้ยังไง..!?”
“เอ้า..พูดไปมั่วๆถูกซะงั้น..”ผมที่ส่งเสียงออกมา พอไอ้เอ็กซ์เซ็ทได้ยินก็หน้าเสียอย่างหนัก..
ซึ่งความสามารถในการอ่านใจของผมในตอนนี้ มันสามารถใช้อ่านได้แค่คร่าวๆเท่านั้น ใช่ว่าจะอ่านได้แบบละเอียดยิบเหมือนกับตัวเองในสมัยก่อน แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว
“เอาล่ะ..ยังไงก็อย่าพึ่งตายนะ ฉันยังจำเป็นที่จะต้องใช้แกอยู่..”ผมที่บอกกับไอ้เอ็กซ์เซ็ท ก่อนจะนำ X เซเบอร์เสียบเข้าไปในรูทวารของมัน
ฉ่า..!!!!!
“อะเฮื้อ..อ้ากกกกกกกกก..!!!!”
ทันทีที่ปลายของดาบแสงเสียบเข้าไปในรูทวารของเอ็กซ์เซ็ทประมาณ 1 คืบ มันที่กำลังนอนโก่งตูดอยู่ก็ถึงกับตาเหลือกถล่น พร้อมกับร่างที่สะดุ้งเฮือก ผสานกับเสียงร้องตะโกนแหกปากที่ดังลั่นออกมาจนสุดเสียง..
ฉ่า..!
“เฮื้อ..!!!!! เฮื้อ..!!!!!! อ้ากกกก..!!!”ไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่ได้แต่นอนชักดิ้นชักงอ ใบดาบที่เสียบคาอยู่กำลังเผาไหม้รูทวารของมันจนควันนั้นลอยออกมา มันชักแบบนั้นอยู่ประมาณ 5 วิ ก่อนจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวและหมดสติไป..
“เชี้ยยยยย นี่แกทำจริงเหรอะ..?!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา..
“แล้วใครบอกว่าฉันพูดเล่นกันล่ะ..”ผมที่ปิดการทำงานของดาบแสงและเก็บมันเข้าช่องว่างมิติ ก่อนจะเดินกลับไปหาไอริน..
“ฮึก..ไม่เอานะ ไม่เอานะ..”
ทันทีที่ผมเดินมาจนถึงโขดหิน สิ่งที่พบนั่นก็ร่างของไอรินที่กำลังนอนขดตัวร้องไห้อยู่ เธอดูเหมือนจะกำลังช็อคจนไม่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไอริน..ไม่เป็นอะไรนะ..”ผมที่เดินเข้าไปโอบประคองไอรินขึ้นมา ก่อนจะพบว่าเธอกำลังร้องไห้ด้วยใบหน้าที่เบะย่น ใช่..สีหน้าของเธอในตอนนี้กำลังแสดงออกถึงความเสียใจแบบสุดๆ..
“ฮึก..สตาร์..ฮืออออ”ไอรินที่พอได้เห็นผมก็ถึงกับปล่อยโฮออกมา การที่ทำให้ผู้หญิงที่เย็นชาอย่างเธอแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาได้ สิ่งที่ผมทำคงจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของเธอจริงๆ ทำเอาผมรู้สึกผิดเลยแฮะ..
ฟุบ..
“ยัยบ้า..นี่เธอมองไม่ออกจริงๆน่ะเหรอว่าไอ้ที่ฉันตะโกนบอกกับเธอเมื่อกี้ก็แค่แกล้งพูดเท่านั้น ฉันจะบอกให้เธอหนีไปทำไม ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเธอขยับตัวไม่ได้..”ผมที่สวมกอดไอรินเอาไว้ ก่อนจะบอกกับเธอ..
“ฮึก..ฮืออออ ฉันนึกว่านายจะตายไปแล้วซะอีก..”ไอรินที่กล่าวออกมา ผมสัมผัสได้ว่าเธออยากจะยกแขนขึ้นมากอดผมแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้..
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก ไม่เอาน่าอย่าร้องไห้สิ..ไม่สมกับเป็นทหารเลย ไม่สิ..เมียของฉันไม่ร้องไห้ด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะ..”ผมที่คลายอ้อมกอด ก่อนจะจับบ่าของไอริน เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็พยายามอึ๊บเอาไว้ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
“น่ารักกกก..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้อง..
“ขะ..เข้าใจแล้ว..ฉันจะไม่ร้อง..”ไอรินที่พยักหน้า โดยที่ผมก็ใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้เธอ
“เมื่อกี้เธอทำได้ดีมาก ถ้าไม่ได้เธอ..พวกเราคงจะตายไปแล้ว..”
“มะ..มันเกิดอะไรขึ้น..?”ไอรินที่เอ่ยถามผม ดูเหมือนเธอจะตั้งสติได้แล้ว ผมจึงอุ้มพาเธอให้ออกไปดูผลงานที่เธอเองก็มีส่วนร่วม..
“อะ..อึก ปะ..เป็นไปได้ยังไงกัน..?”ไอรินที่ถึงกับชะงัก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง จากภาพร่างอันไร้ศรีษะของทหารไฮสโตเรียนับห้าสิบนายที่กำลังนอนตายคาหลังม้า..
“นะ..นี่นาย ฆ่านักรบขั้น 5 คนนั้นไปแล้วเหรอ..?”ไอรินที่เอ่ยถามกับผม สายตาของเธอกำลังจ้องมองไปยังร่างของไอ้เอ็กซ์เซ็ทที่กำลังนอนโก่งตูดอยู่..
“ยังไม่ได้ฆ่าหรอก ฉันยังจำเป็นที่จะต้องใช้มัน..”ผมที่บอกกับไอริน ก่อนจะปล่อยร่างของเธอให้นอนผิงกับโขดหิน..
“แล้วเธอจะกลับมาขยับตัวได้อีกทีตอนไหน..?”
“อีกสักพักไม่น่าจะเกิน 20 นาที แต่ถึงจะขยับตัวได้ ฉันก็คงจะใช้เจมิไนท์ไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ๆ..”ไอรินที่บอกกับผม..
“อืม..ถ้าอย่างงั้นในระหว่างที่รอ เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมาทำฆ่าเวลา..”ผมที่บอกกับไอริน คงมีแต่ที่จะต้องรอให้เธอขยับตัวได้ เพราะยังไงตอนนี้พวกเราก็คงจะไปไหนไม่ได้ เพราะผมขี่ม้าไม่เป็น..
“แล้วไอ้ที่ว่าจะหาอะไรทำฆ่าเวลา แกจะทำอะไร..?”ไอ้จ้อนที่เอ่ยถามกับผม ซึ่งก็แน่นอนว่าผมมีสิ่งที่อยากจะทำอยู่..
“หึ..ก็ทำไอ้นั่นไง..”ผมที่ตอบกลับไอ้จ้อน ก่อนจะหันไปมองยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่เหลือแต่โคนต้น..
“ระ..หรือว่าจะเป็นไอ้นั่น….?”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาเหมือนว่ามันจะพอเดาออกว่าผมกำลังคิดที่จะทำอะไร..
“หึ..ใช่แล้วล่ะ ฉันจะ..”
“ปี้..? ปี้ใช่ไหม..?!”
“คว…!!!!”
ไรท์:คอมเม้น..!!!
ปล.ใน neko ลง nc ได้บ่หนิ