กระบี่จงมา - ตอนที่ 825.2 เทพอยู่บนฟ้า แสงกระบี่ร่วงหล่นลงมา
ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาห้าขอบเขตบนที่บนร่างแบกรับโชคชะตาเอาไว้ผู้นี้ แม้จะเป็นผู้ฝึกตนอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าแต่ไหนแต่ไรมากลับเป็นฝีมือหมัดเท้าของอีกฝ่ายที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งแจกันสมบัติทวีป
สีหน้าของวานรเฒ่าชุดขาวมืดทะมึน “เจ้าลูกหมา จะไม่ตอบโต้จริงๆ รึ?!”
คนชุดเขียวที่เวลานี้ไม่สะพายกระบี่แล้วยังคงเงียบงันดังเดิม
หยวนเจินเย่หลุดหัวเราะพรืด ก่อนตั้งท่าหมัดโบราณเรียบง่ายท่าหนึ่ง สองเข่างอลงเล็กน้อย ก้มหน้าลงนิดๆ ท่านั้นประหนึ่งแบกขุนเขาไว้บนหลัง เมื่อท่าหมัดนี้ถูกตั้งก็มีภาพบรรยากาศของปลาวาฬสูบกินปราณวิญญาณฟ้าดิน ปราณวิญญาณและลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ซึ่งเดิมทีควรต้องปะทะกันตามธรรมชาติถึงกับผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน ล้วนกลายมาเป็นปณิธานหมัดหนาข้นทั้งหมด ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากท่าหมัดถูกตั้งขึ้นมา ปณิธานหมัดด้านหลังก็เหมือนกายธรรมที่บรรลุมรรคาของผู้ฝึกตนในภูเขา ก่อตัวกลายเป็นภูเขาสูงลูกแล้วลูกเล่า พายุลมกรดใต้ฝ่าเท้าก็ยิ่งเหมือนแม่น้ำไหลซัดเชี่ยวกราก คล้ายคลึงกับท่าเดินดาราของเจินเหรินลัทธิเต๋า ปูแผ่ภาพตระกูลเซียนที่เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายเต๋า สุดท้ายวานรเฒ่าชุดขาวก็เหยียบอยู่บนภาพห้าขุนเขาที่แท้จริงใหม่เอี่ยมของแจกันสมบัติทวีป ก่อนจะปล่อยหมัด วานรเฒ่าชุดขาวเป็นราวกับเซียนเหรินบรรพกาลที่ยกภูเขายักษ์ เหยียบย่ำอยู่บนสายน้ำ
วิชาอภินิหารของการย้ายภูเขา หล่อหลอมปณิธานหมัดเป็นเตาหลอมแห่งขุนเขาสายน้ำ
เฉินผิงอันเหลือบมองภาพห้าขุนเขาที่แท้จริงครึ่งๆ กลางๆ ภาพนั้น ดูท่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาคนนี้ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย จึงถูกมันใคร่ครวญค้นหาจนได้ลูกเล่นใหม่ๆ ออกมา
แขกคนหนึ่งบนยอดเขาชิงอู้เอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก “วิชาหมัดเช่นนี้เรียกได้ว่าเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดแล้ว ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกยุทธทุกคนมีกำลังแล้วจะทำได้”
เผยเฉียนเหลือบตามองคนผู้นั้น เกือบจะอดไม่ไหวจัดการอีกฝ่ายเหมือนที่จัดการกับผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตรอกฉีหลงโดยจับหัวสุนัขของอีกฝ่ายกดเอาไว้ ให้อีกฝ่ายเบิกตาสุนัขให้กว้างมองให้ดี รอให้อาจารย์พ่อของนางออกหมัดก่อนเถอะ เจ้าถึงจะรู้ว่าอะไรคือวิชาหมัดที่แท้จริง
ทุกคนเห็นเพียงว่าวานรเฒ่าเรือนกายกำยำมีภาพบรรพยากาศของการบุกเบิกฟ้าดิน ปล่อยหมัดต่อยแสกหน้าเซียนกระบี่หนุ่ม
เพียงชั่วพริบตาวานรเฒ่าชุดขาวก็มายืนอยู่ตำแหน่งเดิมของคนชุดเขียว
ส่วนเจ้าขุนเขาหนุ่มก็ยังคงไม่ตอบโต้อยู่เหมือนเดิม ปล่อยให้หมัดนั้นต่อยลงมาตรงหน้าผาก
เมื่อหมัดนี้ของวานรเฒ่าปรากฏขึ้นมาก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะหลบเลี่ยงไม่พ้นใช่หรือไม่?
จาก ‘เหนือทะเลสาบ’ ของยอดเขาอีเซี่ยนไปจนถึงยอดเขาหม่านเยว่ที่ทั่วทั้งภูเขาปกคลุมไปด้วยพืชพรรณเขียวขจี พริบตานั้นก็มีเส้นยาวสีเขียวเส้นหนึ่งถูกลากออกมา
สายตาของคนเกือบทุกคนล้วนมองไปยังยอดเขาหม่านเยว่ตามจิตใต้สำนึก คนชุดเขียวยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทว่าตีนเขาของยอดเขาหม่านเยว่ด้านหลังคนผู้นี้กลับมีพายุพัดกระโชกหอบม้วนไปถึงยอดเขา ต้นไม้ใหญ่ตระกูลเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนหักโค่น จวนตระกูลเซียนบางแห่งที่ติดร่างแหไปด้วยคล้ายกระดาษเปียกที่ถูกปณิธานหมัดส่วนนั้นฉีกทึ้งจนแหลกเละ
พูดถึงแค่เส้นทางที่เซียนกระบี่ชุดเขียวถอยกรูดออกไปก็กรีดผ่าให้พื้นดินระหว่างสองยอดเขาเกิดเป็นร่องลึกหลายจั้งแล้ว
วานรเฒ่าชุดขาวตามติดราวกับเงา ปล่อยหมัดอีกครั้ง พายุหมัดสาดประกายพร่างพราว แสงสีขาวจ้าบาดตาขนาดใหญ่เท่าปากบ่อพลันพุ่งเข้ากระแทกชน
หนึ่งหมัดต่อยให้คนชุดเขียวที่เดิมทีหลังพิงภูเขาเขียว ร่างทะลุทะลวงยอดเขาหม่านเยว่ไปทั้งลูก!
หยวนเจินเย่ไล่ตาม ‘เส้นทางประตูภูเขา’ ที่ถูกคนผู้นั้นเจาะทะลวงเอาไว้ไป ขยายปณิธานหมัดเผด็จการที่หนาข้นท่วมท้นออกเล็กน้อย ก้อนหินบนเส้นทางก็แตกกระจายนับไม่ถ้วน สุดท้ายยังยกเท้าเหยียบลงบนหน้าผา เป็นเหตุให้ตัวอักษรใหญ่ที่แกะสลักไว้บนหน้าผาด้านหลังของยอดเขาหม่านเยว่พังยับไปเป็นแถบใหญ่ เรือนกายกำยำกลายร่างเป็นสายรุ้ง ควงแขนเหวี่ยงหมัด ต่อยให้เจ้าลูกผสมที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ตอบโต้เขาปลิวกระเด็นดุจสายฟ้าแลบ ไปกระแทกลงในทะเลสาบคลายร้อนที่ตั้งอยู่กึ่งกลางภูเขาของภูเขาชิวลิ่ง
คนชุดเขียวที่โดนหมัดหนักหน่วงนี้ถอยกรูดออกไปอย่างว่องไว เพียงแต่ว่าตอนที่ขยับเข้าใกล้ผิวน้ำ เรือนกายกลับหยุดลอยนิ่งกะทันหัน ปลายเท้าแตะผิวน้ำของทะเลสาบเบาๆ เกิดเป็นริ้วคลื่นที่กระเพื่อมสาดออกไปเป็นชั้นๆ
ชุดเขียวพลิ้วไสว เซียนเหรินยืนเหนือน้ำ
ทว่าทะเลสาบทั้งผืนใต้ฝ่าเท้าของเขากลับระเบิดแตก น้ำเดือดพล่านซัดเชี่ยว โถมตัวขึ้นเป็นลูกคลื่นขนาดมหึมา ไอน้ำลอยอวล ผู้ฝึกตนหลายคนที่ชมศึกอยู่ไกลๆ ใกล้กับศาลาริมน้ำพลันกลายเป็นไก่ตกน้ำเปียกกันเป็นแถบๆ
ภาพเหตุการณ์ที่ชวนอกสั่นขวัญแขวนนี้ทำให้เซี่ยหย่วนชุ่ยที่มองดูอยู่หนังตากระตุกริกๆ เจ้าชาติสุนัขทั้งสอง ตีกันก็ตีไปสิ แต่ทำไมไม่รู้จักเปลี่ยนที่ตี อย่ามาเหยียบย่ำพื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลของภูเขาบ้านข้าสิ!
วานรเฒ่าชุดขาวปล่อยหนึ่งหมัดต่อยแสกหน้า
ได้ยินว่าเจ้าหนูเจ้าชอบกราบไหว้ขอพรพระมาตั้งแต่เด็ก ถ้าอย่างนั้นก็จงสละกายผูกบุญกับน้ำไปซะเถอะ!
เฉินผิงอันเพียงแค่ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาสกัดขวางหมัดนั้น
เซียนกระบี่ชุดเขียวกับวานรเฒ่าชุดขาว ระหว่างที่เรือนกายของทั้งสองฝ่ายร่วงลงเบื้องล่าง น้ำของทะเลสาบคลายร้อนก็กระเพื่อมหายเกลี้ยง โถมตัวออกไปยังริมตลิ่งสี่ด้านแปดทิศแล้วไหลเลียบเส้นทางลงภูเขาของยอดเขาหม่านเยว่ไป
เส้นทางเทพเดินขึ้นเขาของยอดเขาหม่านเยว่จึงคล้ายมีลำธารเส้นหนึ่งที่มีขั้นบันไดเป็นท้องน้ำ สายน้ำไหลซู่ๆ เทสาดไปยังตีนภูเขา
ผู้สืบทอดของยอดเขาและผู้ฝึกตนที่ร่วมงานพิธีซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบคลายร้อนมือไม้วุ่นวายอุตลุด ได้แต่อาศัยวิธีการของตัวเองมาสกัดกั้นคลื่นยักษ์ที่ซัดกระเพื่อมจากชายฝั่งแล้วโถมตัวแผ่ลามเต็มฟ้า จุดที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือปณิธานหมัดที่ซ่อนอยู่ภายในก็แผ่มืดฟ้ามัวดินไปพร้อมกับน้ำของทะเลสาบด้วย มิอาจสกัดขวางได้เลย เป็นเหตุให้เวทคาถาของผู้ฝึกตนหลายคนถูกซัดจนแหลกสลาย วัตถุแห่งชะตาชีวิตก็ถูกกระแทกให้โยกคลอนเหมือนจอกแหนที่ลอยอยู่ในน้ำ จิตแห่งมรรคาไม่มั่นคง เพิ่งจะเรียกสมบัติวิเศษออกมาก็ต้องรีบเก็บกลับไปทันที
เทพเซียนตีกัน ชาวบ้านเดือดร้อน ด้านล่างยอดเขา ผู้ฝึกลมปราณทุกคนที่ไม่ใช่เซียนดินต่างจากมนุษย์ธรรมดาในตลาดล่างภูเขาตรงไหน?
ทุกคนร้องอุทานอย่างตกตะลึง บรรพจารย์ย้ายภูเขาคนนั้น ลำพังเพียงแค่ช่วงเวลาที่รับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยงก็ต้องมีพันปีแล้ว ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลาที่ฝึกตนอยู่ในภูเขาก็มีแต่จะนานยิ่งกว่า มีปณิธานหมัดที่เป็นเช่นนี้ หากบอกว่ายังพอมีเหตุผลให้อธิบายได้อยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้นเซียนกระบี่หนุ่มแห่งภูเขาลั่วพั่วที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวบนโลกคนนั้นล่ะ อย่างมากสุดอายุของเขาก็น่าจะพอๆ กับหลิวเสี้ยนหยาง ไปเอารากฐานตบะเช่นนี้มาจากที่ใด?
คนรุ่นเยาว์และตัวสำรองสิบคนที่แจกันสมบัติทวีปประเมินออกมา ฐานกระดูกและพรสวรรค์ในการฝึกตนของหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ การสืบทอดจากอาจารย์ของเจียงอวิ้นและหลิวป้าเฉียว ชาติกำเนิดและโชควาสนาของเซี่ยหลิง ไม่ว่าจะลุกผงาดขึ้นมาเช่นไรก็ล้วนมีเส้นสายให้สืบเสาะ
น้ำในทะเลสาบคลายร้อนไม่เพียงแต่หายเกลี้ยง แม้แต่ดินโคลนใต้ทะเลสาบก็ยังกระจายตัวออกจากกัน ด้านล่างสายน้ำจึงเปิดเปลือยให้เห็นหินเขียวที่เป็นรากภูเขาของยอดเขาหม่านเยว่
น้ำลดหินผุดก็เป็นเช่นนี้เอง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้เพียงแค่เพราะวานรขาวปล่อยหมัด คนชุดเขียวรับหมัด เพียงหมัดเดียวเท่านั้น
เฉินผิงอันยืนอยู่บนหินเขียวที่ยังพอจะมีความชุ่มชื้นของไอน้ำหลงเหลืออยู่บางส่วน หินเขียวใต้ฝ่าเท้าส่งเสียงปริแตกดังขึ้นต่อเนื่อง ใต้น้ำของทะเลสาบคลายร้อนเหมือนมีใยแมงมุมขยายลามออกไป เฉินผิงอันจึงยกมือขึ้นร่ายเวทน้ำ วักน้ำกลับเข้ามาในทะเลสาบอีกครั้ง
วานรเฒ่าชุดขาวยืนอยู่ริมฝั่ง สีหน้าเป็นปกติ
หลังจากปล่อยหมัดออกไปหลายครั้ง ลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกหนึ่ง ลมปราณที่ทะลวงไปตามขุนเขาสายน้ำ ยังคงเอาออกมาใช้ไม่หมด
เซี่ยหย่วนชุ่ยใช้เสียงในใจเอ่ยกับพวกศิษย์หลานหลายคนที่อยู่ข้างกาย “ศิษย์หลานเถา ยอดเขาหม่านเยว่ของข้าก็แค่หินแตกไปบ้างเล็กน้อย แต่กลับเป็นทะเลสาบคลายร้อนภูเขาชิวลิ่งของเจ้าที่อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอภัยพิบัติเช่นนี้ คิดจะซ่อมแซมก็ไม่ง่ายเลยนะ”
เยี่ยนฉู่กล่าว “แยนโป ครึ่งก้านธูปผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังตัดสินใจไม่ได้อีกหรือ? อันที่จริงหากจะให้ข้าพูด ถึงอย่างไรสถานการณ์ใหญ่ก็มั่นคงแล้ว ไม่ว่าภูเขาชิวลิ่งจะส่ายหน้าหรือพยักหน้าก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”
ความนัยในคำพูดของบรรพจารย์ผู้คุมกฎท่านนี้ แน่นอนว่าต้องการเตือนเทพเจ้าแห่งโชคลาภเถาที่เป็นคนรุ่นเดียวกันด้วยความหวังดีว่า จะดีจะชั่วก็ช่วยรักษาความองอาจสักส่วนหนึ่งไว้ให้ภูเขาชิวลิ่ง หากแพร่ออกไปจะได้น่าฟังหน่อย ข้ามแม่น้ำรื้อสะพานคือความต้องการของจู๋หวงและยอดเขาอีเซี่ยน ทว่าภูเขาชิวลิ่งกลับไม่เหมือนกัน ความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเปี่ยมล้น ในเมื่อมีโอกาสแล้วก็ควรให้คนนอกที่ชมพิธีอยู่ตามยอดเขาต่างๆ ทุกคนได้มองพวกเจ้าเสียใหม่
สำหรับคำพูดของเยี่ยนฉู่ ทางที่ดีที่สุดภูเขาชิวลิ่งของเถาแยนโปควรตบหน้าตัวเองสวมรอยเป็นคนอ้วนให้ถึงที่สุด เป็นผู้ดูแลการหมุนเวียนทรัพย์สินทั้งหมดของภูเขาตะวันเที่ยง เทียบกับบรรพจารย์ผู้คุมกฎที่มีชาติกำเนิดจากยอดเขาสุ่ยหลงเช่นเขาแล้ว อันที่จริงกลับมีอำนาจมากยิ่งกว่า หากยอดเขาสุ่ยหลงกับภูเขาชิวลิ่งสามารถสลับตำแหน่งกันได้นับจากวันนี้ไปเล่า?
จู๋หวงพูดเสียงทุ้มหนักด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เรื่องมาถึงขั้นนี้ ทุกคนก็เลิกดีดลูกคิดของตัวเองกันได้แล้ว”
ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าหนึ่งก้านธูปผ่านไปจะถามกระบี่
เป็นคำพูดเหลวไหลที่เฉินผิงอันพูดอย่างส่งเดช แต่นั่นก็เป็นขีดจำกัดคร่าวๆ ที่เซียนเหรินบนยอดกระบี่ข้างกายจู๋หวงสามารถประคับประคองขอบเขตในปัจจุบันเอาไว้ได้
หรือว่าไอ้หมอนี่เป็นพยาธิในท้องของภูเขาตะวันเที่ยง ทำไมถึงได้รู้ทุกเรื่องชัดเจนขนาดนี้?
เป็นเหตุให้สิ่งที่ในใจส่วนลึกของจู๋หวงหวาดเกรงอย่างแท้จริง ไม่ใช่เซียนกระบี่ ไม่ใช่เจ้าขุนเขาอะไร แต่เป็นความคิดที่เป็นดั่งสำลีซ่อนเข็มในทุกเรื่องราวของเฉินผิงอันนี่ต่างหาก
ในทะเลสาบคลายร้อน หลังจากถูกเฉินผิงอันร่ายเวทวักน้ำเข้ามาในทะเลสาบ ระดับน้ำตื้นต่ำ ใสกระจ่างจนมองเห็นก้นบึ้ง
ในที่สุดเฉินผิงอันก็เปิดปากพูดด้วยการยิ้มถามว่า “ปีนั้นอยู่ในเมืองเล็กถูกพันธนาการ มีเหตุผลให้พอเข้าใจได้ เหตุใดอยู่ในถิ่นของตัวเองแล้วยังอิดออดเป็นสตรีเช่นนี้? กลัวว่าจะฆ่าข้าตายหรือ?”
เพราะถึงอย่างไรหยวนเจินเย่ก็ยังเป็นผู้ฝึกลมปราณ ดังนั้นในอดีตตอนที่อยู่ถ้ำสวรรค์หลีจู ยิ่งขอบเขตสูงเท่าไร แรงกดดันก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ถูกมหามรรคาสยบกำราบในทุกหนทุกแห่ง แม้กระทั่งการหายใจเข้าออกในแต่ละครั้งยังไปกระตุ้นการไหลรินของลมปราณในถ้ำสวรรค์เล็ก หากไม่ระวังแม้เพียงนิด ตบะของหยวนเจินเย่ก็จะถูกผลาญไปเยอะมาก สุดท้ายจะถ่วงรั้งการฝ่าทะลุขอบเขต ด้วยสถานะและตำแหน่งของหยวนเจินเย่ แน่นอนว่าต้องรู้จักเจียวเฒ่าหมื่นปีที่มีอายุอยู่มายาวนานในอาณาเขตแคว้นหวงถิงตัวนั้น ต่อให้จะเป็นเผ่าพันธ์น้ำเชื้อสายมังกรที่ตั้งใจฝึกตนอยู่ในถ้ำเฟิงสุ่ยแม่น้ำเฉียนถังในแถบทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็ยังมีโอกาสได้กลายเป็นภูตแห่งป่าเขาที่กลายเป็นขอบเขตหยกดิบคนแรกของแจกันสมบัติทวีป
คาดว่าตอนนั้นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาคนนี้คงเห็นห้าขอบเขตบนเป็นของในกระเป๋าตัวเองนานแล้ว ทั้งยังตัดสินใจแล้วว่าจะต้องช่วงชิง ‘อันดับหนึ่ง’ มาครอง เพื่อที่จะสะดวกในการรวบรวมโชควาสนาบนมหามรรคามาไว้บนร่าง ดังนั้นอย่างมากสุดตอนที่เจอกับซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าเมืองที่สวมชุดปลามังกรขาวที่ที่ว่าการผู้ตรวจการงานเตาเผา ด้วยความคันไม้คันมือถึงได้อดไม่ไหวแลกหมัดกับอีกฝ่าย หมายจะใช้หมัดเท้ามาช่วยขัดเกลามรรคกถาบนร่างตัวเอง จะได้พัฒนารุดหน้าไปอีกขั้น
หยวนเจินเย่ยิ้มเหี้ยม “เคยเห็นคนรนหาที่ตายมาก่อน แต่ยังไม่เคยเห็นใครเรียกร้องขอความตายอย่างเจ้า วันนี้ท่านปู่หยวนจะทำให้เจ้าสมหวังเอง!”
ใบหน้าผู้เฒ่าของวานรเฒ่าชุดขาวเผยโฉมหน้าจริงของวานรออกมาหลายส่วน หน้าผากและใบหน้าพลันมีขนเหมือนเส้นด้ายสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปลิวไสวผุดขึ้นมา
เรือนกายของวานรเฒ่าพุ่งทะยานออกไป ยกเท้าเตะกวาดเข้าที่ชายโครงของคนชุดเขียว เตะจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไปจากภูเขาชิวลิ่ง ลอยไปในแนวขวางพุ่งเข้าหายอดเขาฉงจือที่อยู่ใกล้เคียง
ภายใต้ฝ่าเท้านี้ ลมปราณวุ่นวายอุตลุดเหมือนอสนีบาตสายใหญ่ที่แตกกระจายแล้วกระเด้งกระดอนไปบนพื้น ซัดผ่านภูเขาชิวลิ่งทั้งลูกออกไปเป็นระลอก ประหนึ่งกองทัพม้าเหล็กหลายต่อหลายกองควบผ่านพื้นที่ ทุกที่ที่ผ่าน หินภูเขาแตกกระจุยกระจาย ต้นไม้ใบหญ้าแหลกเป็นผุยผง หอเรือนระเบิดปลิว แม้แต่ก้อนเมฆนอกภูเขาชิวลิ่งก็ยังเอียงลาดลงมา ราวกับว่าถูกกระชากให้เอนเข้าหายอดเขาฉงจือ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เซียนกระบี่ชุดเขียวที่รักษาสัญญาไม่ตอบโต้เอาคืนแม้แต่น้อยเพียงกระโดดเหมือนกบกระโดดแตะผิวน้ำ ปลายเท้าเหยียบไปตามหลังคาของจวนเซียน กิ่งไม้ของต้นไม้โบราณและยอดของต้นไผ่เขียว จากนั้นจึงหยุดเท้า
หมี่อันดับรองแห่งภูเขาลั่วพั่วที่รับผิดชอบเฝ้าดูยอดเขาฉงจือรีบเก็บปราณกระบี่เรืองรองที่แผ่ลามไปทั่วผืนฟ้ากลับมาอย่างว่องไว
วานรเฒ่าชุดขาวพุ่งเข้ามาในป่าไผ่ เป็นเหตุให้ยอดเขาฉงจือมีสีเขียวมรกตจำนวนนับไม่ถ้วนผลิบานออกมาในเสี้ยววินาที ต้นไผ่นับล้านต้นถูกขุดแหวกพ้นพื้นดินแล้วปลิวคว้างกระจัดกระจายอย่างไร้ระเบียบ
เพียงแต่ว่าคราวนี้หยวนเจินเย่ออกหมัดไวมาก คนที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมีเพียงหยิบมือเท่านั้น เพิ่งจะอ้อมผ่านยอดเขาโปอวิ๋นมา ระหว่างนั้นได้ผ่านภูเขาเล็กใต้อาณัติลูกหนึ่ง วานรเฒ่าชุดขาวหดย่อพื้นที่แล้วพลันเผยกายธรรมร่างจริง ฝ่ามือใหญ่โตมโหฬารกวาดออกไปในแนวขวาง ยอดส่วนหนึ่งของภูเขาเขียวหักออกโดยตรง ยอดเขาเหมือนกระบี่บินที่กระแทกเข้าชนคนชุดเขียว ฝ่ายหลังโบกชายแขนเสื้อง่ายๆ ยอดเขาก็แตกกระจายอยู่กลางอากาศ ก้อนหินที่แตกกระจายปลิวคว้างวุ่นวายเหมือนฝนสาดเทลงมา คนชุดเขียวอาศัยโอกาสนี้ใช้เรือนกายที่เคลื่อนที่ได้เร็วยิ่งกว่าพุ่งตัวไปยังยอดเขาอวี่เจี่ยวที่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ กายธรรมของวานรเฒ่าก้าวตามไปติดๆ ไหล่ข้างหนึ่งกระแทกยอดเขาเขียวของยอดเขาอวี่เจียว เป็นเหตุให้ส่วนของยอดเขาปริแตกออกมาแล้วสาดยิงเข้าหาเฉินผิงอันอีกครั้ง
——