กระบี่จงมา - ตอนที่ 1003.2 ซ ้อนค่ายกล
เฉินผิงอันกล่าว “ไม่ต้องหรอก ท าตามกฎเดิมได้เลย”
ลองประมาณการณ์คร่าวๆ เปิ ดประตูครั้งหนึ่งก็เท่ากับว่าได้ ปราณวิญญาณที่เท่าเทียมกับการสะสมจนเต็มแน่นของขอบเขตบิน ทะยานคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในกระเป๋ า
และปราณวิญญาณฟ้ าดินก็คือเงินเทพเซียน
เพราะถึงอย่างไรการที่เงินเทพเซียนสามชนิดอย่างเงินเกล็ดหิมะ เงินร ้อนน้อยและเงินฝนธัญพืชสามารถกลายมาเป็ นเงินตราที่ใช ้ ร่วมกันบนภูเขาได้ก็เป็ นเพราะพวกมันมีปราณวิญญาณบริสุทธิ์ที่ซุก ซ่อนอยู่ในระดับที่ไม่เท่ากัน
การที่ผู้ฝึกกระบี่นั่งเก้าอี้ผู้นาของสี่ผีใหญ่ตอแยกยากบนภูเขา ได้อย่างมั่นคงก็เพราะตอนที่ผู้ฝึกกระบี่เข่นฆ่ากับคนอื่น จาเป็ นต้อง ใช ้และต้องเผาผลาญปราณวิญญาณน้อยกว่าผู้ฝึกลมปราณทั่วไป มากนัก
อย่างหวงหลวนหนึ่งในสิบสี่ปีศาจใหญ่ที่เป็ นราชาบนบัลลังก็ใน อดีต ได้หล่อหลอมตาหนักพระราชวังพื้นที่ประกอบพิธีกรรม พื้นที่ ลับที่ปริแตกถ้าสวรรค์อันดับรองของยุคบรรพกาล ดังนั้นภายใต้ เงื่อนไขที่ศักยภาพในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ ายเท่าเทียมกัน ก็ง่าย
มากที่ผู้ฝึกตนขอบเขตเดียวกันคนหนึ่งจะถูกหวงหลวนซึ่งมีปราณ วิญญาณให้ใช ้ไม่ขาดสายเผาผลาญจนพลังหมดตาย
อวี๋เสวียนหรี่ตาเอ่ย “ความบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวในความ สมบูรณ์แบบก็คือในพื้นที่พันลี้นี้ ถึงอย่างไรก็เล็กเกินไป ต่อให้พวก เราทั้งหลายต่างก็มีวิธีการที่จะพลิกสลับเขาพระสุเมรให้เป็ นเมล็ดงา แต่ต่อให้เป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมที่ใกล้เคียงกับความเป็ นจริงอย่าง ถึงที่สุดแค่ไหน ถึงอย่างไรก็มีขีดจากัดอยู่ที่ความจริง แล้วนับประสา อะไรกับที่พื้นที่ยังเล็กเกินไป ต่อจากนี้เกรงว่าคงยากที่จะร่ายฝีมือกัน ออกมาอย่างเต็มที่ เพราะเป็ นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็ นการท าพิธีกรรมใน เปลือกหอยแล้ว พวกเรามาจับกลุ่มรวมตัวกัน ทั้งยังไม่ได้ลงสนามรบ เข่นฆ่าศัตรู แต่เผชิญหน้ากับการพุ่งชนของใต้หล้าทั้งแห่ง ถ้าหาก… ภายในเสี้ยววินาที…คงไม่ค่อยดีแล้ว ต่อให้พวกเราจะร่วมมือกันผ่าใต้ หล้าเปลี่ยวร ้างไปได้ลึกแค่ไหนก็คงยากจะขัดขวางสถานการณ์ใหญ่ ที่พุ่งมาได้อยู่ดี”
พวกเขาหลายคนต่อให้จะมีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่อาจ ฟันผ่าใต้หล้าเปลี่ยวร ้างออกเป็ นสองท่อนได้โดยตรงอยู่ดีกระมัง
เว้นเสียจากว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็ นผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่กัน ทั้งหมด?
ดังนั้นเจินเหรินผู้เฒ่าจึงจงใจพูดจาให้คลุมเครือ จะว่าไปแล้วก็ยัง รู ้สึกว่าคาพูดที่เอ่ยค่อนข้างจะเป็ นอัปมงคลจึงไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
หลีกเลี่ยงไม่ให้คาพูดกลายเป็ นจริง นั่นจะไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่หรอก หรือ
เฉินผิงอันกล่าว “เทพเซียนผู้เฒ่าอวี๋ ฟ้ าดินของข้าแห่งนี้ สามารถแบ่งแยกออกจากกันไม่ส่งผลกระทบต่อหนึ่งนั้นของค่ายกล”
อวี๋เสวียนสะอึกอึ้งทันใด
แล้วเจ้าไม่บอกข้าแต่แรกเล่า
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเฉินผิงอันจงใจอมพะนา การรับกระแสน้า ขึ้นปราณวิญญาณสามครั้ง นอกจากจะเป็ นการหาเงินจากภายนอก แล้ว ยิ่งเป็ นวิธีการที่เหมือนกับการตรวจสอบผลลัพธ ์ ยืนยันให้แน่ใจ ถึงระดับการโคจรของมรรคกถาแห่งฟ้ าดิน
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็ นการประมาณการณ์บนหน้ากระดาษเท่านั้น แต่เป็ นการคิดค านวณในใจอย่างจริงจังด้วย เฉินผิงอันจึงอธิบายว่า “เพียงแต่ว่าฟ้ าดินลูกที่ถูกแบ่งออกมาไม่อาจอยู่ห่างกันเกินไปนักได้ ระหว่างกันและกันห่างกันได้ไม่เกินสามพันลี้เท่านั้น ในระยะสามพันลี้ นี้ผลกระทบและความเสียหายที่มีต่อพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแต่ละแห่ง น่าจะไม่เกินหนึ่งส่วน”
อวี๋เสวียนพยักหน้ายิ้มเอ่ย “เพียงพอ เพียงพอมากแล้ว อย่าว่าแต่ ส่วนเดียวเลย ต่อให้เป็ นความเสียหายสองส่วน ด้วยวิชาคาถาและ วัตถุที่พวกเราหล่อหลอมเอาไว้ก็สามารถชดเชยกลับคืนมาได้อย่าง ง่ายดาย”
พื้นที่ประกอบพิธีกรรมของพวกเขาแต่ละคน หากสามารถได้ ครอบครองพื้นที่กันคนละสามพันลี้ เมื่อเทียบกับเบียดอยู่ในพื้นที่พัน ลี้ด้วยกันแล้วก็เป็ นความต่างที่หนึ่งคือฟ้ าหนึ่งคือดินแล้ว
เจิ้งจวีจงพลันเปิดปากถามว่า “หากมอบเงินเหรียญทองแดงแก่น ทองให้เจ้าอีกส่วนหนึ่ง เป็ นการกอดขาพระเมื่อจวนตัว จะสามารถ เพิ่มระดับความลึกและความกว้างของฟ้ าดินแห่งนี้ได้หรือไม่”
เฉินผิงอันตอบอย่างไม่ต้องคิด “ได้สิ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง จ าเป็ นต้องโยนเงินเหรียญทองแดงแก่นทองเข้าไปอย่างน้อยห้าร ้อย เหรียญ หาไม่แล้วจะไม่มีความหมายมากนัก ยากมากที่จะมีการ เปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติ หากเป็ นแค่การเพิ่มเงินเหรียญทองแดง แก่นทองสามร ้อยสี่ร ้อยเหรียญ อย่างมากสุดก็จะเป็ น ‘เทศะ” ใหญ่ “กาลเวลา’ เล็ก กลับกันยังจะส่งอิทธิพลต่อระดับความมั่นคงของ ตลอดทั้งฟ้ าดิน เหมือนกายธรรมของผู้ฝึกตนที่มีมากเกินก็จะเจือจาง เป็ นเพียงเค้าโครงที่ว่างเปล่า ไม่สู้ไม่มียังดีเสียกว่า”
สี่ทิศบนล่างเรียกเทศะ (อีกคาแปลหมายถึงชายคาบ้าน) นับแต่ โบราณมาจนปัจจุบันเรียกกาลเวลา
นี่ก็คือวิชาอภินิหารดั้งเดิมของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่ม อย่างนกในกรงและจันทร ์กลางบ่อของเฉินผิงอัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีการเตรียมการ
หากรู ้แต่แรกว่าจะมีเรื่องอย่างในวันนี้ เงินเหรียญทองแดงแก่น ทองสามร ้อยเหรียญที่เหลืออยู่ในคลังของจวนเฉวียนฝู่ เฉินผิงอัน จะต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลาแน่นอน
เพียงแต่ว่าทองพันชั่งก็ยากที่จะหาซื้อคาว่า “หากรู ้แต่แรก’ มา ได้ การวางแผนมักจะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงเสมอ
เดิมทีเฉินผิงอันวางแผนไว้ว่ารอให้เลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบ คราวหน้าที่เดินทางท่องไปตามทวีปต่างๆ ของไพศาลกับหลิวจิ่งหลง ค่อยพกเงินเหรียญทองแดงแก่นทองสามร ้อย เหรียญนี้ติดตัว
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มของเฉินผิงอันหากคิดอยากจะ เลื่อนระดับขั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตใหม่ เอี่ยมบางอย่าง ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย
การหล่อหลอมนกในกรง อันที่จริงก็คือการเลื่อนระดับขั้น ขอบเขตของเฉินผิงอัน ยิ่งขอบเขตสูงเท่าไร ฟ้ าดินก็ยิ่งกว้างใหญ่ มากเท่านั้น ทางลัดมีแค่เส้นเดียวนั่นก็คือการ “กินหินสังหารมังกร
และจันทร ์ในบ่อเล่มที่สอง การเลื่อนระดับขั้นนั้นสะท้อนให้เห็น โดยตรงมากที่สุด ก็คือจานวนของกระบี่บินนั้นมีมากหรือน้อย ปีนั้น ตอนที่เฉินผิงอันสร ้างโอสถที่หัวกาแพงเมืองจานวนกระบี่บินที่ สามารถจาแลงออกมามีประมาณหนึ่งแสนเล่ม เท่ากับกลายเป็ น ก่อกาเนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบได้สาเร็จ เดินข้ามบันไดขั้นใหญ่จานวนก็เพิ่มจากสองแสนของขอบเขต
ก่อกาเนิดเป็ นสี่แสน แม้ว่าการไปเยือนใต้หล้าเปลี่ยวร ้างมารอบหนึ่ง ตบะจะลดลงเป็ นก่อกาเนิด แต่ระดับขั้นของกระบี่บินกลับไม่ได้ลด ตามไปด้วย
ตอนที่ขอยืมขอบเขตสิบสี่มาจากลู่เฉิน เนื่องจากตอนนั้นเฉินผิง อันยังไม่ได้สร ้างแม่น้าแห่งกาลเวลาขึ้นมา ดังนั้นหากอิงตามการ อนุมานและการประมาณการณ์ในเวลานั้น ถ้าในอนาคตสามารถ เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ได้จริงๆ ระดับขั้นของกระบี่บินจันทร ์กลางบ่อ ถูกยกระดับขั้นเป็ น “จันทร ์ปากบ่อ’ หรือไม่ก็ “จันทร ์บนฟ้ า’ สามารถ จาแลงออกมาเป็ นกระบี่บินได้ล้านเล่ม เรื่องจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ตอนนั้นการประมาณการณ์ของเฉินผิงอันยังต่าเกินไปดูจากการ อนุมานสถานการณ์ใหม่ในตอนนี้ ขอแค่กินเงินเหรียญทองแดงแก่น ทองไปมากพอก็มีความเป็ นไปได้อย่างยิ่งว่าจานวนของกระบี่บินจะ สามารถไต่ทะยานไปถึงสองล้านหรือกระทั่งมากกว่านั้น
มิน่าเล่าถึงได้พูดว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครที่มือเติบเกินผู้ฝึกกระบี่อีก แล้ว
เจิ้งจวีจงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ในมือข้ามีเงินเหรียญทองแดงแก่นทอง อยู่สามร ้อยเหรียญพอดี แลกเปลี่ยนมาเป็ นเงินฝนธัญพืช อิงตาม อัตราหนึ่งต่อสิบก็แล้วกัน สามพันเหรียญเงินฝนธัญพืช ทุกปี ดอกเบี้ยสามส่วน เป็ นอย่างไร?”
เฉินผิงอันพูดเสียงทุ้มหนักด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ตกลง!”
เงินเหรียญทองแดงแก่นทองหนึ่งเหรียญแลกเป็ นเงินฝนธัญพืช สิบเหรียญ หากเป็ นเมื่อสามสิบปีก่อน คาดว่านอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แห่งภูเขาสายน้าที่ต้องซ่อมแซมร่างทองของตัวเองแล้วก็แทบจะไม่มี ผู้ฝึกลมปราณคนใดยินดีแลกเปลี่ยนแล้ว
แต่ประเด็นส าคัญคือทุกวันนี้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองมิอาจ เทียบกับในอดีตได้ถือเป็ นสิ่งที่ขาดแคลนมีแต่ราคาแต่มิอาจหาตลาด ได้ เมื่อปรากฏบนโลกก็มีแต่จะถูกแย่งชิงกันไปจนสิ้นซาก เรียกได้ว่า ได้แต่พบเจอมิอาจได้มาครอง
เฉินผิงอันไม่เชื่อจริงๆ ว่าอาจารย์เจิ้งจะมีเงินเหรียญทองแดงแก่น ทองเก็บไว้แค่สามร ้อยเหรียญเท่านั้น
เจิ้งจวีจงโบกชายแขนเสื้อหนึ่งที วัตถุจื่อชื่อชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ตรงหน้าเฉินผิงอัน คือจานฝนหมึกโบราณชิ้นหนึ่ง น่าเสียดายที่ไม่มี ตัวอักษรแกะสลักเอาไว้
เป็ นจานฝนหมึกที่เป็ นรูปตะวันจันทราซึ่งแกะสลักไว้บนผนังแห่ง เดียวกัน ด้านหลังจานฝนหมึกเจาะเป็ นรูกลม เฉินผิงอันรู ้จักของเป็ น อย่างดี มองปราดเดียวก็มองออกว่าเป็ นรูปแบบการจัดเรียงของ ดวงดาวยี่สิบแปดดวง
เสี่ยวโม่รีบหันไปมองป๋ ายจิ่งที่กาลังง่วนอยู่กับการ “เก็บเงิน” ทันที
ป๋ ายจิ่งที่กลับคืนสู่รูปโฉมเดิมคือโฉมสะคราญคนหนึ่งที่เรือน กายสูงโปร่ง นางหัวเราะร่าเอ่ยว่า “ล้วนเป็ นเงินสินเดิมทั้งนั้นนะ”
เห็นได้ชัดว่าเจิ้งจวีจงกาลัง…โยนอิฐล่อหยก
หลวี่เหยียนเปิดปากยิ้มเอ่ย “เรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ผินเต้า ยากจนข้นแค้นมาโดยตลอด ได้แต่มีใจแต่ไร ้ก าลัง มิอาจช่วยเหลือ เจ้าขุนเขาเฉินได้จริงๆ”
คากล่าวประโยคนี้ของนักพรตฉุนหยางเรียกได้ว่ามีการชี้เป้ าให้ อย่างลับๆ แล้ว
คนบนโลกล้วนรู ้ดีว่าอวี๋เสวียนไม่ขาดแคลนเงินเทพเซียน ชั่ว ชีวิตนี้ไม่เคยขาดมาก่อน ไม่เคยต้องกลัดกลุ้มเรื่องเงินทอง
หลี่ซีเซิ่งยิ้มกล่าวตามไปด้วยว่า “บนร่างของผู้เยาว์ก็ไม่มีเงิน เหรียญทองแดงแก่นทองแม้แต่เหรียญเดียว”
เงินเหรียญทองแดงแก่นทองคือของขาดที่คนต้องการมากแต่มี น้อยเป็ นอันดับหนึ่ง
อวี๋เสวียนจึงได้แต่เอ่ยว่า “เจ้าขุนเขาเฉินบอกว่าอย่างน้อยที่สุด ต้องใช ้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองห้าร ้อยเหรียญ เพื่อความมั่นคงมา ก่อน อาจารย์เจิ้งได้มอบไปให้สามร ้อยเหรียญแล้ว ข้าผู้อาวุโสก็จะ ออกอีกสามร ้อยเหรียญก็แล้วกัน ใช ้กฎเดียวกับอาจารย์เจิง เงินต้น สะสมทุกปี คิดดอกเบี้ยสามส่วน”
อันที่จริงอยู่บนภูเขา หากคิดดอกเบี้ยเป็ นรายปีก็จะตกเป็ นที่ต้อง สงสัยว่าตั้งใจปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงแล้ว
จากนั้นอวี๋เสวียนก็เอ่ยเสริมมาประโยคหนึ่งว่า “ทางที่ดีที่สุดใช ้ สิ่งของแลกเปลี่ยนสิ่งของ เงินต้นและดอกเบี้ยต่างก็เอาเงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองมาคิดเป็ นเงินต้น”
ไม่ใช่ว่าอวี๋เสวียนฉวยโอกาสจริงๆ แต่เป็ นเพราะทุกวันนี้เงิน เหรียญทองแดงแก่นทองหาได้ยากมากเกินไป หากผ่านไปอีกร ้อยปี พันปีก็มีแต่จะมีการหมุนเวียนถ่ายเทลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
ประเด็นสาคัญคือของชิ้นนี้เกี่ยวพันไปถึงการศึกษายันต์ใหญ่ สองแผ่นซึ่งต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับ “แม่น้าแห่งกาลเวลา’ พอดี
ยันต์สองแผ่นนี้เอาไปใช ้กับยันต์แผ่นอื่นๆ ที่เป็ นสมบัติกันกรุก็ คือที่พึ่งที่สาคัญที่สุดหลังจากที่อวี๋เสวียนได้เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่
หากไม่เป็ นเพราะเหตุนี้ ด้วยนิสัยของอวี๋เสวียนแล้วก็อย่าว่าแต่ เงินเหรียญทองแดงแก่นทองสามร ้อยเหรียญเลย ต่อให้เพิ่มไปอีกเป็ น เท่าตัวก็ยังไม่มีปัญหา อย่าว่าแต่ท าการค้า ขอแค่ถูกใจกันจะมอบให้ เปล่าๆ ก็ยังได้
เฉินผิงอันพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
ถึงอย่างไรที่คลังบ้านตนก็มีอยู่สามร ้อยเหรียญ รอให้เรื่องครั้งนี้ ยุติแล้วก็สามารถใช ้คืนให้อวี๋เสวียนได้ทันที
อีกฝ่ ายตอบตกลงอย่างว่องไวเช่นนี้กลับกลายเป็ นว่าทาให้อวี๋เส วียนรู ้สึกกระวนกระวายใจ
ถูกคนหนุ่มคนหนึ่งเรียกขานคาแล้วคาเล่าว่าเทพเซียนผู้เฒ่า อวี๋อย่างให้ความเคารพคนเป็ นผู้อาวุโสดันท าตัวเป็ นร ้านผ้าห่อบุญ เสียได้
อวี๋เสวียนจึงอดไม่ไหวเปลี่ยนคาพูดเสียใหม่ว่า “หากมีเรื่อง ล าบากใจจริงๆ ก็สามารถพูดคุยกันได้ ให้หักดอกเบี้ยเป็ นเงินฝน ธัญพืชก็แล้วกัน”
เฉินผิงอันส่ายหน้ากล่าว “ไม่จาเป็ นต้องทาเช่นนนี้ คิดเป็ นเงิน เหรียญทองแดงแก่นทองก็แล้วกัน”
เจิ้งจวีจงใช ้เสียงในใจบอกตัวเลขกับเฉินผิงอัน หนึ่งพันห้า
แม้ว่าจะเป็ นแค่จานวนตัวเลข แต่ความหมายของเจิ้งจวีจงก็ ชัดเจนมาก คือการข้ามผ่านบันไดขั้นใหญ่ไป เจ้าเฉินผิงอันยังต้อง ใช ้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองจานวนเท่านี้
เฉินผิงอันส่ายหน้าโดยตรง ความหมายก็คือต่อให้จ านวนมาก พอ ตอนนี้มีเงินเหรียญทองแดงแก่นทองเพิ่มมาหนึ่งพันห้าร ้อย เหรียญ เขาเฉินผิงอันก็ยังไม่อาจหล่อหลอมมันได้ส าเร็จในระยะเวลา สั้นๆ นี้ได้
เฉินผิงอันถึงกับละการพยักหน้ารับไปเลยด้วยซ้า ถ้าอย่างนั้น ผู้เยาว์ก็ไม่เปิดปากหาเรื่องน่าเบื่อใส่ตัวแล้ว
แทบจะเวลาเดียวกันนั้นอวี๋เสวียนก็ใช ้เสียงในใจพูดคุยกับเจิ้งจวี จง สอบถามว่าหากทั้งสองฝ่ ายเอาเงินเหรียญทองแดงแก่นทอง ออกมาเพิ่มมากอีกหน่อย ฟ้ าดินแห่งนี้ของเฉินผิงอันจะสามารถ พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้หรือไม่
นี่เห็นได้ชัดว่าอวี๋เสวียนเตรียมใจไว้แล้วว่าเงินเหรียญทองแดง แก่นทองสามร ้อยเหรียญหรือถึงขั้นมากกว่านั้นจะต้องลอยหายไปกับ สายน้า
เมื่อได้รับคาตอบว่าไม่ต้องเพิ่มเงินเหรียญทองแดงแก่นทองแล้ว อวี๋เสวียนก็ถอนหายใจ ท่าทางเสียดายอย่างชัดเจน