กระบี่จงมา - ตอนที่ 1001.3 ขบวนการสู้รบ
ครั้งนี้เฉินผิงอันพาจ้าวซู่เซี่ยมาแค่คนเดียว อีกทั้งยังบอกเฉิน หลิงจวินว่าไม่ต้องมาเดินเที่ยวเตร็ดเตร่แถวนี้ส่งเดช
เฉินหลิงจวินพูดโน้มน้าวอยู่นาน ใช ้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนกว่าจะ ขอโอกาสอันล้าค่าที่ทุกเดือนจะมาเยี่ยมนายท่านที่โรงเรียนได้ครั้ง หนึ่งมาได้
นี่ยังต้องยกคุณความชอบให้กับพ่อครัวเฒ่าที่ช่วยกันพูด ถึง อย่างไรด้วยรูปโฉมที่เป็ นเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีเขียวของท่าน บรรพบุรุษจิ่งชิงพวกเรานี้ก็ไม่ถือว่าสวมรอยเป็ นเด็กประถมอะไรอยู่ แล้ว เพราะเดิมทีเขาก็เป็ นเด็กอยู่แล้ว แล้วก็ควรอ่านต าราอริยะ ปราชญ์ให้มากๆ ตอนนั้นจูเหลี่ยนยังยิ้มตาหยีถามเฉินหลิงจวินว่า ต้องการกางเกงเปิดกันสักตัวหรือไม่เฉินหลิงจวินคร ้านจะถือสาพ่อ ครัวเฒ่า หากไม่เป็ นเพราะนายท่านไม่ยอมพยักหน้าตอบตกลง อันที่ จริงเฉินหลิงจวินก็ยังอยากจะไปเรียนที่โรงเรียนสักหลายวันด้วยซ้า
เฉินผิงอันกลับไปที่ห้องพัก จุดตะเกียงน้ามันด่วงหนึ่งบนโต๊ะ ฝน หมึกด้วยตัวเอง แล้วเริ่มยกพู่กันเขียนเรื่องเล่าขุนเขาสายน้าเกี่ยวกับ ภูตน้าใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้
แต่เมื่อเทียบกับการเขียนตัวอักษรลงบนหน้าพัดของกาแพงเมือง ปราณกระบี่ในปีนั้นกลับตั้งใจกว่าเยอะมาก
สี่ด้านของสามหมู่บ้านถูกโอบล้อมไว้ด้วยภูเขา มีเพียงลาธาร เส้นเดียวที่ทอดยาวคดเคี้ยวเลียบเส้นทางเล็กออกไป
ห่างจากอ าเภอสู้ยอันไปแปดสิบลี้ มีชาวบ้านในท้องถิ่นจานวน มากที่บางทีชั่วชีวิตนี้อาจจะเคยมาเยือนในตัวอาเภอแค่ครั้งเดียว เท่านั้น
ในภูเขามีดอกตู้เจวียนบานสะพรั่งอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ช่างสมกับคา กล่าวที่ว่าสะท้อนภูเขาทั้งลูกให้เป็ นสีแดงเพลิงอย่างแท้จริง
สกุณาฤดูใบไม้ผลิส่งเสียงร ้องขับขาน ดอกท้อสีแดงอ่อนดอกซิ่ง สีขาว ใบอวี๋ (ต้นเอล์ม) เขียวเป็ นพุ่มเต็มต้น ต้นหยางต้นหลิวริมล า คลองแตกกิ่งก้านใบ สีสันเปล่งประกายอร่ามตา
หลังจากเลิกเรียนในวันนี้ก็มีแขกคนหนึ่งมาเยือนที่โรงเรียน เขา เดินเท้าเลียบเส้นทางดินเหลือง ทะลุผ่านหมู่บ้านอู๋ซี เดินเท้ามาตลอด ทางกระทั่งมาถึงหมู่บ้านหยวนโถว
แต่งกายเหมือนปัญญาชนที่มีหัวคร่าครึ ก็คือเกาเนี่ยงเทพวารี คนใหม่แห่งล าคลองซี่เหมย เขามากราบไหว้ภูเขาด้วยความรู ้สึก ระมัดระวังกล้าๆ กลัวๆ ช่วยไม่ได้ ขุนนางใหญ่กว่าหนึ่งขั้นก็กดทับ คนให้ตายได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่เผชิญหน้ากับเจ้าขุนเขาเฉินที่ ได้ครอบครองส านักถึงสองแห่ง
ควันแห่งการปรุงอาหารลอยโชยกรุ่น เกาเนี่ยงมองเห็นว่าในบ้าน หลังหนึ่งมีสตรีชนบทที่ด้านหลังสะพายลูกพลางปิ้งแผ่นแป้ งย่างไป
ด้วย พอลูกขับถ่าย สตรีก็เอื้อมมือเอาผ้าไปเช็ดข้างหลังแล้วหันมา ย่างแป้ งต่ออีกครั้ง
เห็นขี้ไก่ที่อยู่บนโต๊ะแปดเซียนของบางบ้าน หลังจากเลิกเรียน แล้วพวกเด็กๆ ก็มาเล่นว่าว นั่งยองอยู่ริมคันนาเล่นดึงหญ้ากัน คนแก่ และเด็กอยู่ด้วยกันอย่างปรองดองกลมเกลียว
หลังจากเกาเนี่ยงเดินผ่านหมู่บ้านอู๋ซี หันหน้าไปก็มองเห็นสระ น้าขนาดเล็กที่หมู่บ้านแห่งนั้น ถือเป็ นน้าที่มารวมตัวกัน ผิวน้าของ ลาธารตรงนี้กว้าง แต่พอไหลออกไปข้างนอกกลับแคบ เป็ นเหตุให้ เป็ นเส้นทางน้าที่สามารถรั้งโชคลาภเอาไว้ได้ ในอดีตที่หมู่บ้านย้าย มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าเข้าใจเรื่องฮวงจุ้ยดีมาก
การสั่งสอนกล่อมเกลาในยุคสมัยโบราณ โรงเรียนในหนึ่งบ้าน เรียกสู โรงเรียนในห้าร ้อยบ้านเรียกเสียง โรงเรียนในหนึ่งหมื่นสอง พันห้าร ้อยบ้านเรียกชวี่ โรงเรียนในระดับแคว้นเรียกเซวี๋ย
เกาเนี่ยงใช ้มือหนึ่งตบหน้าอกเบาๆ พลันรู ้สึกสบายใจขึ้นได้ หลายส่วน เพราะต้องไปพบอิ่นกวานหนุ่มที่เป็ นลูกศิษย์คนสุดท้าย ของเหวินเซิ่ง ดังนั้นในอ้อมอกของนายท่านเทพลาคลองผู้นี้จึงพก เอาตาราหายากตาราที่มีเล่มเดียวซึ่งมีมูลค่าควรเมืองมาด้วยหลาย เล่มมาเยือนถึงบ้าน ถึงอย่างไรก็ไม่ควรมามือเปล่า
เกาเนี่ยงลูบหนวดยิ้ม ตาราโบราณทุกเล่มที่เก็บรักษามาได้ จนถึงวันนี้เหมือนมีเทพและผีคอยให้การปกป้ อง บัณฑิตอย่างพวก
เราหวังแค่ให้เข้าใจคร่าวๆ ไม่หวังเข้าใจลึกซึ้งเหมือนกินอิ่มแต่ไม่ทา ให้อ้วน ได้อ่านต ารามาบ้างก็ยังดีกว่าไม่เคยได้อ่าน
เพราะอาณาเขตของลาคลองซี่เหมยมีซากปรักวังมังกรบนบกใน ยุคบรรพกาลอยู่แห่งหนึ่งที่กาลังจะเปิดประตู ดังนั้นที่อาเภอสู้ยอันจึง มีผู้ฝึ กตนของต้าหลีกลุ่มหนึ่งมาปักหลักอยู่อย่างลับๆ แต่ต่างก็ใช ้ สถานะของพ่อค้า ไม่ได้รบกวนที่ว่าการระดับต่างๆ ของจังหวัดเห ยียนโจว ทว่านายท่านฝู่ จวินย่อมต้องรู ้เรื่องนี้ แต่เงื่อนไขก็คือได้รับ คาสั่งลับจากทางราชสานักแล้วจึงไม่กระโตกกระตาก ในฐานะสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าที่มารับหน้าที่ใหม่ เกาเนี่ยงไม่มีคุณสมบัติ จะได้เข้าไปในวังมังกรแห่งนั้น หลังจากที่เกาเนี่ยงไป “ขานชื่อ” สอง ครั้งก็ไม่ไปอีกเลย จะได้ไม่ต้องเอาหน้าร ้อนๆ ไปแนบกันเย็นๆ ของ
ผู้อื่น หาเรื่องน่าเบื่อใส่ตัว
พอเห็นเกาเนี่ยง เฉินผิงอันก็หิ้วเก้าอี้ไม้ไผ่ออกมาสองตัว ยื่นส่ง ให้เกาเนี่ยงหนึ่งตัวหนึ่งเจ้าบ้านหนึ่งแขกต่างก็นั่งกันอยู่ใต้ชายคา ของกระท่อม
เกาเนี่ยงนั่งนิ่งเอวตั้งตรงอย่างสารวม เมื่อครู่นี้ตอนที่วางเก้าอี้ไม้ ไผ่ไว้เบาๆ ก็ใช ้แรง “เบาๆ” โน้มกายไปทางใต้เท้าอิ่นกวานเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เจ้าขุนเขาเฉินมาเพื่อวังมังกรแห่งนั้นหรือ?”
เกาเนี่ยงเดาว่าเพื่อป้ องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ราชสานักต้า หลีจึงเชื้อเชิญให้อิ่นกวานหนุ่มมานั่งพิทักษ์ที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง
เฉินผิงอันส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “เรื่องที่ราชสานักขุดเจอวังมังกร ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า ทางฝั่งของต้าหลีก็ไม่รู ้เหมือนกันว่าข้ามา เปิดโรงเรียนอยู่ที่นี่”
เกาเนี่ยงพยักหน้ารับเบาๆ ในใจเข้าใจดี ตนไม่อาจมีการกระทา และคาพูดใดๆ ที่เป็ นการวาดงูเติมขาได้เด็ดขาด เมื่อชาติก่อนตอน ยังมีชีวิตก็เคยฝึกตนมาหลายสิบปี ภายหลังก็หาเลี้ยงชีพอยู่ที่จวนจื่ อหยาง คุณความชอบวางไว้ให้เห็นอยู่ตรงนั้น
เกาเนี่ยงหยิบตาราหลายเล่มนั้นออกมา ใช ้สองมือยื่นส่งให้เฉิน ผิงอัน เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ของขวัญเบาบาง ไม่อาจแสดง ถึงความจริงใจได้มากพอ”
“มีตาราก็ร่ารวยสูงศักดิ์อย่างแท้จริง ไม่มีตาแหน่งหน้าที่ก็ตัวเบา นี่ก็คือจุดเดียวที่พี่ใหญ่เกาสู้ข้าไม่ได้แล้ว”
เฉินผิงอันรับตารามาอย่างไม่เกรงใจ เอ่ยขอบคุณเกาเนี่ยงหนึ่ง คา ตบตารายิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วจึงเก็บใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ย ว่า “พี่ใหญ่เกาไม่ใช่คนนอก วันหน้าหากมีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่นี่ บ่อยๆ ได้”
นี่ออกจะรับมือไม่ทันอยู่บ้าง เกาเนี่ยงทั้งตกใจที่ได้รับความ เมตตาอย่างไม่คาดฝันทั้งรู้สึกล าบากใจ เพราะถึงอย่างไรหากคิดจะ หาตาราหายากที่ระดับชั้นไม่ต่างจากตาราหลายเล่มเมื่อครู่นี้ก็ไม่ใช่ เรื่องง่าย เพียงแต่ว่าต่อให้จะไม่ง่ายแค่ไหนก็ยังดีกว่าเข้าร่วมงานเลี้ยง
ท่องราตรีของเว่ยซานจวินแห่งภูเขาพีอวิ๋น อีกอย่างมิตรภาพส่วนตัว ประเภทนี้ สามารถนั่งลงหันหน้าคุยเล่นกับอิ่นกวานหนุ่มเพียงล าพัง ได้ก็เป็ นสิ่งที่ได้แต่พบเห็นมิอาจไขว่คว้ามาครอง มีหรือที่งานเลี้ยง ท่องราตรีซึ่งแขกสองสามร ้อยคนนั่งรวมกันคุยกันเสียงดังจะสามารถ ทัดเทียมได้? อย่าว่าแต่แค่ตาราไม่กี่เล่มเลย ต่อให้สามสิบเล่ม เกา เนี่ยงก็ยินดีหาคนมายืมเงิน เชื่อเงินเพื่อไปซื้อหามาไว้ก่อน
เกาเนี่ยงกวาดตามองรอบด้าน เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “เจ้า ขุนเขาเฉินเลือกมาสร ้างกระท่อมฝึ กตนอยู่ที่นี่ช่างเหนือจากการ คาดการณ์จริงๆ ยอดฝีมือที่เร ้นกายจากโลกภายนอกทั่วไป ค าว่า หลังวัยกลางคนมีใจที่มุ่งมั่นต่อมรรคาก็หนีไม่พ้นการเป็ นสหายอยู่กับ สายลมต้นสน กับภูเขาและดวงจันทร ์ เจ้าขุนเขาเฉินกลับไม่ เหมือนกัน กลับใช ้วิธีที่ตรงข้ามกันเลย เทพในร่างมนุษย์ ช่างเป็ น เทพในร่างมนุษย์ ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์อย่างถึงที่สุดจริงๆ”
การประจบสอพลอเล็กน้อยแค่นี้เฉินผิงอันชินมานานแล้ว เขา เพียงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ถือว่าเป็ นการฝึ กตนตามความหมายที่ เข้มงวด ก็แค่สอนหนังสือในโรงเรียนเท่านั้น ใช่แล้ว ทุกวันนี้ข้าใช ้ นามแฝงว่าเฉินจี้ พี่ใหญ่เกาเรียกชื่อข้าตรงๆ ก็ได้แล้ว หาไม่แล้ว จ านวนครั้งมากเข้า เวลานานวันเข้าก็ง่ายที่จะเปิดเผยร่องรอย”
เกาเนี่ยงครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็ตบเข่าหนักๆ หนึ่งที ท่าทางเหมือน คนที่ตบโต๊ะด้วยความชอบใจ เอ่ยเสียงทุ้มหนักว่า “ดี นามแฝงนี้ดี ซูจื่อเคยกล่าวไว้ว่า ชีวิตคนเหมือนโรงเตี้ยม พวกเราก็คือนักเดินทาง
เจ้าขุนเขาเฉินเอาคาว่า “จี้” ออกมาคาเดียว มีอักษรโจ่วที่แปลว่าเดิน ประกอบอยู่ด้านข้างกับอักษรอี้ เจ้าขุนเขาเฉินเป็ นคนต่างถิ่น สอดคล้องกับประโยคที่ว่าพวกเราก็คือนักเดินทางพอดี ยอดเยี่ยม นัก!”
จ้าวซู่เซี่ยที่ง่วนอยู่ในห้องครัวฟังด้วยความตกตะลึง เกือบจะ เข้าใจผิดคิดว่าเทพลาคลองเกาถูกนักพรตผู้เฒ่าเจี่ยแห่งร ้านฉ่าว โถวเข้าสิงร่างเสียแล้ว
เฉินผิงอันเรียกจ้าวซู่เซี่ย บอกให้ลูกศิษย์ผู้นี้ไปเอามันเทศตาก แห้งมารับรองแขก จากนั้นช่วยแนะนาตัวตนของจ้าวซู่เซี่ยที่เป็ นลูก ศิษย์ผู้สืบทอดให้อีกฝ่ายได้รู ้จัก
เกาเนี่ยงลุกขึ้นยืน รับมันเทศตากแห้งมาจากมือของจ้าวซู่เซี่ย เอ่ยประโยคตามมารยาททานองว่าอาจารย์มีชื่อเสียงมีลูกศิษย์ที่โดด เด่น จ้าวซู่เซี่ยจึงรู ้สึกอีกว่าดูเหมือนเทพล าคลองจะด้อยกว่าเทพ เซียนผู้เฒ่าเจี่ยอยู่เล็กน้อย
เฉินผิงอันถามชวนคุยว่า “ผู้ฝึกตนของต้าหลีที่ดูแลประตูใหญ่ ของวังมังกรทุกวันนี้ มีใครเป็ นผู้น า?”
เกาเนี่ยงตอบ “ภายนอกคนที่เป็ นผู้นาคอยควบคุมเรื่องต่างๆ ดู เหมือนจะเป็ นผู้ฝึกตนหญิงบนทาเนียบคนหนึ่งของศาลลมหิมะ ชื่อ ว่าอวี๋ฮุยถิง นางมีสถานะเป็ นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของต้าหลี ส่วน ในทางลับราชสานักจะจัดการอย่างไร ตอนนี้ข้ายังไม่รู ้แน่ชัด”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ตามล าดับอาวุโสในท าเนียบของส านัก เว่ยจิ้นคืออาจารย์อาที่อยู่กันคนละสายกับนาง”
เคยได้ยินเซียนกระบี่ใหญ่หมี่เล่าให้ฟังว่า ปีนั้นที่เขาปกป้ องผู้ฝึก ตนหญิงของต าหนักฉางชุนไปหาประสบการณ์ ระหว่างทางได้เจอกับ สตรีคนหนึ่งที่ค่อนข้างไม่ธรรมดา ตรงเอวบอบบางของนางห้อยดาบ รบเล่มใหญ่ของกองทัพชายแดนม้าเหล็กต้าหลี สวมชุดผ้าฝ้ าย แขน แคบกับกระโปรงผ้าโปร่งสีหมึก จุดที่ประหลาดที่สุดก็คือรองเท้าปัก บนเท้าของนางคู่นั้น ปลายรองเท้ามีไข่มุก “ดวงตามังกร” อยู่ด้วย สองเม็ด…อันที่จริงหมื่อวี้พูดละเอียดกว่านี้ทว่าใต้เท้าอิ่นกวานกลับแค่ ฟังผ่านๆ หู
เกาเนี่ยงเอ่ยอย่างกระจ่างแจ้ง “ที่แท้ก็เป็ นอย่างนี้นี่เอง”
ไม่เสียแรงที่เป็ นใต้เท้าอิ่นกวานซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งใต้หล้า พูดถึงเซียนกระบี่ใหญ่เว่ยแห่งหอเทพเซียนของศาลลมหิมะ ผู้น าแห่ง วิถีกระบี่ในหนึ่งทวีปในนามก็สามารถพูดได้ตามแต่ใจเช่นนี้
ในขณะที่เกาเนี่ยงรู ้สึกสะทกสะท้อนใจอยู่นั้นเอง เฉินผิงอันพลัน ลุกพรวดขึ้นยืน สีหน้าเคร่งเครียด “เกาเนี่ยง โปรดอภัยที่ข้าอยู่ รับรองไม่ได้ ข้ามีธุระต้องไปท า เจ้าเองก็ต้องรีบร่ายวิชาอภินิหาร กลับไปที่จวนวารีทันที รีบไป!”
เกาเนี่ยงไม่เข้าใจ แต่กลับไม่กล้าลังเล รีบร่ายวิชาอภินิหารเลียบ ล าธารอู่ซีกลับไปยังจวนวารีลาคลองซี่เหมย พุ่งกลับเข้าไปในเทวรู ปร่างทองในคราวเดียว
เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ในที่สุดก็มาแล้ว ด่าเจ้า โจวมี่ชาติสุนัขไปคาหนึ่ง
พริบตานั้นเฉินผิงอันก็เหมือนถูกบังคับกระชากเข้าไปในดินแดน ไท่ซวีของฟ้ านอกฟ้ า
สิ่งที่เห็นอย่างแรกก็คือกายธรรมใหญ่โตมโหฬารดุจดวงดาว ของหลี่เซิ่ง
จากนั้นก็เป็ นเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว ฝูลู่อวี๋เสวียน หลวี่ เหยียนฉุนหยาง ถึงขั้นที่ว่ายังมีหลี่ซีเซิ่ง เสี่ยวโม่ เซี่ยโก่วหรือควร เรียกว่าป๋ ายจิ่งอยู่ด้วย!
และยังมีผู้ฝึกตนหนุ่มคนหนึ่งที่เฉินผิงอันไม่รู ้จัก แต่เขากลับยืน อยู่ด้านหลังหลี่เซิ่ง อยู่เบื้องหน้าทุกคน
จริงดังคาด ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างพยายามจะพุ่งชนทะลุเข้ามาในใต้ หล้าไพศาล!
ประหนึ่งเรือบินที่ว่างเปล่าสองลากาลังจะพุ่งปะทะชนกัน!
หมายจะสะบั้นเส้นทางการเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบห้าของหลี่เซิ่งให้ ได้อย่างสิ้นเชิง
เสี่ยวโม่ได้เผยร่างจริงแล้ว ชุดขาวล่องลอย ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “คุณชาย จากการอนุมานของเจ้านครเจิ้ง ทางเข้าที่ใต้หล้าเปลี่ยว ร ้างเลือก อันดับแรกเป็ นฝูเหยาทวีป อันดับรองลงมาจึงเป็ นอวี๋โจว ของต้าหลีพวกเรา ตอนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนมาเป็ นรังเก่าใต้ทะเลขอ งอวี่จิ่นแล้ว”
ป๋ ายจิ่งยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “โชคดีที่ข้าทาอะไรหนักแน่น ไม่ได้เปิด กล่องใบนั้นออกง่ายๆ”
เจิ้งจวีจงกล่าว “รบกวนเจ้าขุนเขาเฉินเก็บดวงจิตทั้งหมด กลับคืนแล้วเรียกกระบี่บินสองเล่มออกมา”
เฉินผิงอันพยักหน้า
หลี่ซีเซิ่งยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าจะคอยช่วยเจ้าขุนเขาเฉินก็แล้ว กัน”