Supreme Magus - ตอนที่ 88 : โทษเป็น
นิยาย ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 88 : โทษเป็น
บทที่ 88 : โทษเป็น
จินเฉิงหบู่รีบเดินเข้ามาหาผู้เฒ่าเฉินพร้อมกับจับมือ และรีบพูดเตือนสติ “เด็กๆหยอกล้อกันสนุกๆอาวุโสเฉินอย่าได้ถือเป็นเรื่องจริงจังนัก!”
อย่างน้อยๆซูอานก็คือคนที่ช่วยลูกสาวของเขา หากเขาไม่ออกหน้าช่วยซูอานไว้เลยก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก
และในระหว่างที่ทุกคนกําลังคิดว่าซูอานจะต้องย่าแย่ และกําลังรอดูอะไรสนุกๆอยู่ นั้นเสียงของผู้เฒ่าเฉินก็ดังขึ้น เวลานี้ไม่เพียงเสียงของผู้เฒ่าเฉินที่สั่นสะท้านแต่ร่างของเขาทั้งร่างก็สั่นเทิ้มไปด้วย
“ปะ.. เป็นเขาจริงๆด้วย!”
เมื่อซอานเห็นผู้เฒ่าเฉิน เขาก็รีบยื่นฝ่ามืออกไปทันที พร้อมกับถามขึ้นว่า “นี่เจ้าจะน่าเงินมาให้ข้างั้นรึ?”
ทุกคนในห้องต่างพากันตกตะลึง และได้แต่คิดว่าผู้เฒ่าเฉินไปติดหนี้เจ้าลูกเต่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ทุกคนต่างก็คิดว่าซูอานแสร้งทําเป็นสร้างเรื่องให้ทุกคนงนงงแล้วก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย และนั่นทําให้พวกเขายิ่งอยากเห็นซอานโดนผู้เฒ่าเฉินซ้อม..
“อาวุโสเฉิน เด็กนี่อวดดีเกินไปแล้ว จัดการมันเลยครับ!”
“นั่นสิ! อย่าให้เจ้าลูกเต่านี่มาอวดดีในหลินโจว”
แต่ใครบางคนที่สังเกตเห็นร่างกายสั่นสะท้านของผู้เฒ่าเฉิน ก็อดที่จะสงสับไม่ได้ในขณะที่เฉินเชวียนซึ่งอยู่ข้างๆปู่ของตนเองก็ได้พูดขึ้นว่า
“ปู่ครับ หมอนี่ล่ะ! มันรู้วรยุทธด้วย ประมัดระวังหน่อยนะครับ!”
แต่เวลานี้.. ความโกรธของชายชราได้มลายหายไปทันทีที่เห็นหน้าซูอาน และเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกหวาดกลัวแทน
ขาทั้งสองข้างของชายชราสันอย่างรุนแรง และแทบจะยืนประคองร่างไม่อยู่จนต้องยื่นมือไปจับเก้าอี้ใกล้ๆตัวไว้
นั่นเพราะเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ไปมีเรื่องกับซูอานและตอนนี้หลานชายของเขาก็ยังมามีเรื่องกับซูอานอีก!
“ว่าอย่างไร? หรือเจ้าไม่ต้องการที่จะใช้หนี้ข้างั้นรึ?!”
น้ําเสียงของซูอานไม่เพียงดังขึ้น แต่ยังเย็นชามากขึ้นด้วย และนั่นทําให้ผู้เฒ่าเฉนถึงกับหน้าถอดสี เวลานี้เขาหวาดกลัวซอานจนแข้งขาไร้เรี่ยวแรงและทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นทันที!
สีหน้าของผู้คนในงานถึงกับเงอะงะ และทําอะไรไม่ถูก ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปาก หวอราวกับว่ากําลังถูกผีหลอก..
“นั่น.. นั่น.. ผู้เฒ่าเฉินคุกเข่าทําไมกัน?”
“นี่มันอะไรกันนะ?!”
“อาวุโส.. คุกเข่าให้เด็กนั้นได้ยังไง? คุณเป็นถึงนักยุทธระดับปรมาจารย์ของหลินโจวนะครับ!”
ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งรีบเดินตรงเข้ามาหาผู้เฒ่าเฉินเพื่อช่วยพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้นแต่กลับถูกผู้เฒ่าเฉินซัดฝ่ามือใส่จนร่างลอยกระเด็นออกไปทันที..
เฉินเชวียนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาร้องถามปู่ตนเองเสียงดัง “ปู่ครับ..นี่.. นี่มันอะไรกันครับ?”
“เจ้าเฉวียน.. แกหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ผู้เฒ่าเฉินร้องตะโกนดเฉินเชวียนเสียงดังจากนั้นคอที่ตกลงก็เงยขึ้นมองหน้าซอานดวงตาขุ่มมัวคู่นั้นจ้องมองซูอานด้วยความหวาดกลัวลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไปมาสองสามครั้งจากการกลืนน้ําลาย และพยายามที่จะพูดออกมาแต่ก็ไม่มีเสียง..
เวลานี้ผู้เฒ่าเฉินทั้งหวาดกลัว หวาดผวา และตกใจอย่างที่สุด เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะต้องมาพบกับซูอานที่นี่อีก..
และสิ่งที่ทําให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ จากพลังปราณของซูอานที่เขาสัมผัสได้นั้นซอานไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธระดับกลางเหมือนก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนจะเข้าสู่ระดับสูงสุดของผู้ฝึกยุทธแล้ว!
“ท่านซูป่าเซียน.. เอ่อไม่ใช่.. อาวุโส ผมจะนําเงินมาคืนให้อาวุโสซูตามกําหนดอย่างแน่นอนขออาวุโสซ่อย่าได้กังวลใจไป!”
ซอานหันไปพยักหน้าให้ชั้นก ซันกสามารถเข้าใจความหมายได้ทันที และเดินเข้าไปพยุงชายชราให้ลุกขึ้น
“ข้าก็แค่เตือนความจําเจ้าเท่านั้น! ดูสิ.. เจ้าเองก็แก่มากแล้ว แข้งขาก็ไม่ค่อยดีเหตุใดจึงไม่ใช้รถวีลแชร์เล่า?”
ใบหน้าของชายชราบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แต่ก็ฝืนยิ้มและตอบกลับไปว่า “ขอบคุณอาวุโสซูที่เป็นห่วง!”
“อย่าลืมว่าเจ้ามีเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน หากเลยเวลา ข้าจะคิดดอกเบี้ยกับเจ้า”
“อาวุโสซู.. ผมไม่กล้าลืมแน่!”
และเวลานี้ผู้คนในงานก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น เฉินเชวียนทั้งตกใจทั้งอึ้งเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลยแม้แต่คําเดียว และกําลังยืนสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน
การที่ซูอานทําให้ปู่ของเขาสามารถใช้สรรพนามแทนว่าอาวุโสได้นั้น ย่อมเป็นการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าวรยุทธของซอานนั้นย่อมไม่เป็นรองของเขาแน่ และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นปรมาจารย์แห่งเจียงโจวจริงๆ!
สายตาทุกคู่ที่เคยมองซูอานด้วยความรังเกียจเหยียดหยันนั้น เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวในทันที และเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นนักยุทธที่อยู่ในงาน นักธุรกิจหรือแม้แต่ข้าราชการชั้นสูงต่างก็มองซูอานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปและไม่มีใครกล้าหาเรื่องซูอานอีกเลย
แววตาของจินเฉิงหภู่เปลี่ยนสับสนมากยิ่งขึ้นก่อนหน้านี้เขาคิดว่าซูอานน่าจะมีวรยุทธพอตัวแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธแข็งแกร่งจนแม้กระทั่งผู้เฒ่าเฉินยังต้องยอมสิโรราบเช่นนี้
ทุกคนในหลินโจวต่างก็รู้ฐานะของผู้เฒ่าเฉินดี และการที่เขาคุกเข่าต่อหน้าซูอานและเรียกเขาว่าอาวุโสเช่นนี้ ย่อมเป็นการยืนยันฐานะและความแข็งแกร่งของซอาน ได้เป็นอย่างดีแล้ว
จินเฉิงหรูหันไปมองลูกสาวของตนเองด้วยแววตาชื่นชมพอใจ และคิดไม่ถึงว่าจีนจื่อหยาจะมีสายตากว้างไกลเช่นนี้!
จินเฉิงหบู่ถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะลูกสาวของเขานั้นชื่นชมเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ควรจะปล่อยให้คนทั้งคู่ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ไป..
ตําแหน่งปรมาจารย์แห่งเจียงโจวนี้เพียงพอที่จะทําให้จินเฉิงหวี่พึงพอใจในตัวอานได้นั่นเพราะหากเขาได้ลูกเขยที่เก่งเช่นนี้ ในวันข้างหน้าธุรกิจของเขาก็คงจะยิ่งราบรื่นและน่าจะยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก..
ยิ่งคิด.. จินเฉิงหวี่ก็ยิ่งมีความสุข เขาหันไปตบบ่าซูอานพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. ความจริงฉันเองก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของเด็กๆมากนักแต่ถ้าเธอชอบจื่อหยาจริงๆ ก็ดูแลลูกสาวของฉันให้ดีล่ะ!”
จินจือหยาถึงกับจุนงง เพราะคิดไม่ถึงว่าจู่ๆพ่อของเธอจะพูดกับซูอานแบบนั้นใบหน้าของจีนจ่อหยาบึงแดงมากกว่าเดิม และได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย
ซอานเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย มีหรือที่เขาจะไม่สังเกตเห็นท่าที่ที่เปลี่ยนไปของจีนเฉิงหวี่ แต่เขาคร้านที่จะใส่ใจ เพราะในเมื่อเขาเองก็ตั้งใจจะมาเป็นลูกเขยของจินเฉิงหวี่ในวันข้างหน้า หากไม่จําเป็นก็ไม่ต้องการสร้างความบาดหมางให้เกิดขึ้น
“ท่านประธานจิน.. ข้ารับปากจะดูแลจื้อหยาเป็นอย่างดี!”
แต่ในระหว่างนั้น ผู้เฒ่าเฉินที่แอบเห็นสายตาของซูอานที่มองเฉินเชวียนเขาจึงรีบร้องบอกหลานชายทันที
“เจ้าเฉวียน รีบคุกเข่าลงต่อหน้าอาวุโสซูเร็วเข้า!”
แต่เฉินเชวียนกลับไม่เห็นด้วย และร้องตะโกนถามออกมาทันที “ทําไมผมต้องคุกเข่าด้วย?
“แกอยากตายมากหรือยังไง?”
ชายชราร้องตะโกนดุหลานชายของตนเองเสียงดัง และสีหน้าของเฉินเชวียนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
“พวกเธอด้วย.. ทั้งสามคนก็ล่วงเกินอาวุโสซูเหมือนกันไม่ใช่เรอะ? ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก”
ทั้งเก่อหยุนซาน หนึ่งควน หลินเทา และหวี่เหว่ย ต่างก็รีบคุกเข่าก้มหน้าไม่พูดไม่จาเถ้าแก่เม่ยที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าซูอานด้วยเช่นกัน
ซอานเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่พยักหน้าด้วยความพอใจ เขาหันไปมองชายชราพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ใช่ว่าข้าต้องการจะหาเรื่องพวกเขา แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่หาเรื่องข้าก่อน!”
“อาวุโสซู ข้าอบรมหลานชายไม่ดี ข้าสมควรถูกลงโทษ!”
ชายชราร้องบอกซูอานพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าตนเองอย่างแรง จนรอยนิ้วมือทั้งห้าประทับอยู่บนใบหน้าซีดขาวของเขา คนอื่นที่เห็นยังรู้สึกเจ็บแทนและยิ่งทําให้ พวกเขาหวาดกลัวซูอานมากขึ้น
“เจ้าต้องอบรมเขาให้ดีกว่านี้ หากไม่ใช่เพราะอยู่ในงานวันเกิดของจื้อหยาหลานชายของเจ้าคงไม่มีชีวิตอยู่รอดจนกระทั่งเจ้ามาถึงแน่!”
เฉินเชวียนถึงกับสั่นสะท้าน ทางด้านผู้เฒ่าเฉินจึงตอบซูอานกลับไปว่า “อาวุโสหลานชั่วของข้าไม่รู้จักที่ต่ําที่สูง ขออาวุโสซูได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย!”
ซูอานตอบกลับด้วยสีหน้าที่เย็นชา “เห็นแก่เจ้าที่แสดงความจริงใจตั้งแต่แรก ข้าจะเว้นโทษตายให้แต่ต้องให้เขาตัดแขนของตนเองทิ้งข้างหนึ่ง..”
“อะไรนะ?!”
ทุกคนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าซูอานจะไว้ชีวิตเฉินเชวียนแต่ต้องแลกด้วยแขนของเขาหนึ่งข้าง..
ผู้เฒ่าเฉินระล่ระลัง แต่เพื่อรักษาชีวิตของหลานชายตนเอง จึงได้แต่ต้องตอบตกลงและหันไปสั่งเฉินเชวียนทันที
“เจ้าเฉวียน ยังไม่รีบขอบคุณอาวุโสซูอีกเรอะ?”
ดวงตาของเฉินเชวียนเบิกโพลง เขาแทบอยากลุกขึ้นไปสู้กับซูอานแม้จะรู้ว่าไม่มีทางชนะ แต่เมื่อคิดถึงปู่และคนในครอบครัว เฉินเชวียนได้แต่ต้องอดกลั้นไว้..
การตัดแขนของตัวเองทิ้งนั้น ไม่เพียงนําความเจ็บปวดอย่างมากมาให้คนผู้นั้นแต่ยังเป็นการสร้างความอับอายให้กับคนผู้นั้นจนไม่กล้าเหิมเกริมอีก!
เฉินเชวียนตั้งปณิธานมุ่งมั่นว่า นับจากนี้ไปเขาจะตั้งใจฝึกฝนวรยุทธอย่างหนักและสักหวันหนึ่งเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นซูอานแน่!
เฉินเชวียนเป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญไม่น้อย มือข้างหนึ่งของเขาถือมีดไว้ในมือจากนั้นจึงออกแรงฟันเข้าใส่แขนอีกข้างอย่างรวดเร็วและรุนแรงแล้วแขนขวาของเขาก็ร่วงลงกับพื้นทันที..
“เอาล่ะ.. ส่วนคนอื่นๆก็ตบหน้าตนเองคนละห้าสิบครั้ง! จากนั้นเรื่องบาดหมางทั้งหมดเป็นอันสิ้นสุด!”
ไม่ใครกล้าปฏิเสธหรือต่อรองเลยแม้แต่คนเดียว และเวลานี้ทุกคนต่างก็หน้าบวมไม่ต่างจากหัวหมูไหว้เจ้า
หลังจากสะสางปัญหาเรียบร้อยแล้ว ซอานก็หันไปถามจินจื่อหยาว่า “เจ้ากลัวหรือไม่?”
จินจื่อหยาเม้มริมฝีปากแน่นไม่ตอบอะไร ซอานจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าได้กังวลใจไปข้าทําเช่นนี้กับคนชั่วเท่านั้น!”
จินจื่อหยารู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที เมื่อซูอานแสดงความห่วงใย และอ่อนโยนกับเธอมากมายถึงเพียงนี้ และเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“เอาล่ะ อย่าให้เสียบรรยากาศมากไปกว่านี้เลย ไปตัดเค้กวันเกิดกันได้แล้ว!”
แขกเหรื่อภายในงานหลายคนต่างก็ทําท่าจะกลับ แต่เมื่อเห็นสายตาของซูอานทุกคนจึงรีบให้ความร่วมมือ และทําเหมือนกับสนุกเป็นอย่างมากจากนั้นทุกคนก็ร่วม ร้องเพลงวันเกิดให้กับจินจื่อหยาพร้อมกับอวยพรให้เธอ
หลังจากที่อธิษฐานขอพรแล้วจินจื่อหยาก็เป่าเทียนจากนั้นจึงใช้มีดยาวทําการตัดเค้กที่สูงถึงสิบเจ็ดชั้นและทุกคนในงานต่างก็พากันปรบมือเสียงดัง
แล้วทุกคนในงานก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเห็นซูอานมีท่าที่ที่เป็นกันเองและในที่สุดงานเลี้ยงวันเกิดก็จบด้วยเสียงหัวเราะ..