Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 82
82 – เข้าสู่สันเขาแห่งความเงียบ
เมื่อทุกคนเสร็จสิ้นการพัก พวกเขาก็เริ่มเดินทางเข้าไปในป่า
ป่าแห่งนี้เงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีดร้อง
ทั้งกลุ่มเดินผ่านดงไม้ เงาของพวกเขาเริ่มถูกกลืนเข้าไปในความมืด แสงส่วนใหญ่ไม่อาจทะลุผ่านใบไม้ทึบเข้ามาได้
เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้อยู่ระหว่างประเทศแห่งแสงและประเทศแห่งความมืด มันเป็นจุดที่มืดที่สุดสำหรับคนที่มาจากประเทศแห่งแสง
“มีคนอยู่ตรงนั้น!”
หนึ่งในนักบวชตกใจและชี้ไปทิศนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ไกลจากพวกเขา ใบหน้าซีดๆกำลังมองพวกเขาอย่างเงียบงัน
“ปล่อยพวกมัน ไปต่อเถอะ”
โรดส์ไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับไปและสั่งเดินหน้าต่อ อย่างไรก็ตาม ความกลัวได้ส่งผลทำให้นักบวชคนนั้นเริ่มลังเล
“แต่ว่าดวงวิญญาณร้ายพวกนั้น…พวกมัน…”
“ถ้าคุณไม่ไปควรพวกมัน พวกมันก็ไม่มากวนคุณหรอก”
ในขณะนั้นโรดส์รู้สึกว่ากำลังนำกลุ่มมือใหม่อย่างเห็นได้ชัด ทุกครั้งที่คนพวกนี้เห็นบางสิ่งน่ากลัว พวกเขาจะกรีดร้องออกมา โดยเฉพาะเหล่าผู้เล่นหญิงสาว…ในกลุ่มของเขาแต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป บางคนสงบนิ่ง บางคนกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว บางคนตัวแข็งทื่ออย่างหวาดผวา โรดส์เห็นพวกนั้นมาหมดแล้ว ในตอนแรก โรดส์ได้ใจดีให้คำแนะนำกับพวกเขา แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายครั้ง เขาเหนื่อยกับการทำแบบนั้นแล้ว
ถ้าพวกเขายังกลัวกับเรื่องแบบนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในพื้นที่ด้านในของสันเขาแห่งความเงียบ? พวกเขาไม่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นก่อนเหรอ?
“แต่ว่า….”
เมื่อเห็นโรดส์เมินเฉยต่อความกลัวของเธอ นักบวชคนนั้นรู้สึกขัดใจ จากการรับรู้ของของเธอ ดวงวิญญาณร้ายเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เป็นกลุ่ม เนื่องจากโรดส์สนใจพวกมัน ทำไมเขาไม่สั่งโจมตีล่ะ? และตอนนี้พวกเขาเดินลึกเข้ามาในป่า จำนวนของดวงวิญญาณเริ่มเพิ่มมากขึ้น วิญญาณเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ในเงาของต้นไม้และพุ่งผ่านไปยังต้นไม้อีกต้นเพื่อสังเกตการณ์พวกเขาด้วยดวงตาที่ตายด้าน
ขณะที่พวกเขาเดินทางลึกเข้ามาในป่า จำนวนของดวงวิญญาณร้ายยังคงเพิ่มมากขึ้น แม้แต่มาร์ลีน ไลซ์และตาแก่วอร์คเกอร์เริ่มรู้สึกกังวลออกมา พวกเขาสัมผัสได้ว่าพวกเขาถูกจ้องมองโดยวิญญาณรอบๆและรู้สึกราวกับดวงวิญญาณพวกนี้จะพุ่มเข้ามาและกัดกินพวกเขา นักบวชทั้งสี่เริ่มไม่สามารถเดินได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโรดส์เดินเร็วมากและพวกเธอไม่อยากรั้งท้าย พวกเธออาจจะหยุดเดินไปเพราะความกลัวไปแล้ว
มีเพียงโรดส์และเซเร็คที่ยังคงสงบนิ่ง โรดส์มั่งใจว่าดวงวิญญาณพวกนี้จะไม่โจมตีพวกเขา แม้ว่าจำนวนของพวกมันจะเพิ่มขึ้นมาอย่างน่ากลัว แต่นั่นเป็นเพียงหน้ากากซ่อนความหวาดกลัวเท่านั้น ถ้าไม่มีใครไปยั่วยุพวกมัน พวกมันจะไม่โจมตี ไม่ว่ายังไง พวกมันยังคงดุร้ายและส่งแรงกดดันไปยังเหยื่อตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามโรดส์ได้มอบหมายให้เซเร็คอยู่ด้านหลังตามแผน ถ้านักบวชคนใดตัดสินใจหลบหนีออกไปด้วยความหวาดกลัว อย่างน้อยก็ยังมีเซเร็คที่คอยช่วยเหลือพวกเธอจากการออกไปฆ่าตัวตาย
แต่ว่าท้ายที่สุด ไม่มีใครในกลุ่มกล้าทำอย่างที่โรดส์คิด ใช่ พวกเธอหวาดกลัว แต่ตลอดการเดินทางมาถึงที่นี่ ไม่มีใครเลือกที่จะหนีออกไป โรดส์อดไม่ได้ ที่จะชื่นชนพวกเธอเล็กน้อย บางทีอาจะเป็นเพราะคลาสของพวกเธอทำให้จิตใจของพวกเธอแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นทั่วไปและอีกอย่างพวกเธอเคยเห็นศพจริงๆมาก่อน สำหรับเหล่าผู้เล่นแล้ว พวกเขาอาจจะมั่นใจและพูดออกมาได้อย่างกล้าหาญ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศพจริงๆตรงหน้าแล้ว? พวกเขาแต่ละคนก็มีสภาพไม่ต่างกัน
ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่มีปัญหานี้แล้ว
โรดส์เหวี่ยงฝักดาบเพื่อจัดการกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา เผยให้เห็นฉากเวทมนตร์ตรงหน้าทุกคน
ป่าหนาทึบเป็นเพียงม่านสีทึบที่ขวางกั้นสู่อีกด้านหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ม่านนั้นถูกเผยออกมาแล้ว ทุกสิ่งถูกเผยออกมาให้ทุกคนเห็น
ทุ่งหน้ากว้างไร้ที่สิ้นสุดถูกพบ อาวุธที่แตกหักและอุปกรณ์ที่เหม็นเน่าวางอยู่กลาดเกลื่อนและถูกพบอยู่บนหญ้าสูง
นานมาแล้ว สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสนามรบที่น่าเศร้า ประเทศแห่งแสงและความมืดเข้าห้ำหั่นกันและต่อสู้กันบนทุ่งหญ้าแห่งนี้เป็นเวลากว่า 200 ปี ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกฆ่าตาย เลือดเนื้อกลายมาเป็นผืนแผ่นดินของทุ่งหญ้าแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะตายไปแล้ว แต่การคงอยู่ของพวกเขายังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ แม้แต่พวกชนชั้นสูงของประเทศแห่งแสงและความมืดก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ในทุ่งหญ้าเปิดกว้างนี้ ดวงวิญญาณคนตายจะถูกอัญเชิญออกมาอีกครั้ง พวกเขาจะเดินเตร็ดเตร่และต่อสู้กันอีกครั้งไปตลอดกาล
และนั่นเป็นสถานการณ์ปัจจุบันที่โรดส์กำลังเห็นอยู่ตอนนี้
บนพื้นหญ้า มันเหมือนกับทุ่งหญ้าว่างเปล่า แต่ห่างไกลออกไป สีแสงสว่างกระพริบเป็นบางช่วงท่ามกลางความมืด มันเหมือนกับห้องมืดปิดไฟ เมื่อใดก็ตามที่มีแสงสว่างขึ้น จะเผยให้เห็นเงาของผู้คนกำลังต่อสู้และตะโกนใส่กัน
ตรงหน้าโรดส์เป็นเงาของนักรบที่ทั้งร่างถูกธนูปักอยู่ มันพุ่งตรงมาที่โรดส์ เผยให้เห็นใบหน้ากระโหลดที่มีเศษเนื้อติดอยู่ ดูจากสีหน้าแล้วมันโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับถ้าทุกสิ่งเป็นการแสดง นั่นคงเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาและท้าทายมากในส่วนของสันเขาแห่งความเงียบ อันเดดจะปรากฎตัวออกมาแบบสุ่ม ในตำแหน่งและเวลาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และถ้าอันเดดยังไม่หายไป แสดงว่าพวกเขาสามารถสัมผัสร่างของพวกมันได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีแสงสว่างถูกส่องออกมาจากใจกลางกลุ่ม?
พวกมันจะวิ่งเข้ามา
ในสถานที่แห่งนี้ เวทมนตร์ม่านพลังความมืดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ ความมืดที่นี่ไม่ใช่ความืดทั่วไป แม้ว่ามันจะแตกต่างไปจากความมืดที่มาจากประเทศแห่งความมืด แต่ความมืดที่นี่ถูกผสานรวมกับแสงสว่างและกลายเป็นธาตุใหม่อย่างสมบูรณ์ มันอาจจะดูแปลกประหลาดไปบ้าง
ต่อจากนี้ไปพวกเขาควรทำอะไรต่อ? สำหรับผู้เล่นจำนวนมาก มันไม่ใช่สิ่งซับซ้อน
หนทางที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีคือการบุกโจมตีก่อน
“ไลซ์ แสงศักดิ์สิทธิ์”
โรดส์ส่งสัญลักษณ์มือไปยังไลซ์
บอลแสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฎออกมาบนฝ่ามือขแงเธอละส่องสว่างไปรอบๆ
นักรบก่อนหน้านี้ที่พยายามโจมตีโรดส์ได้ปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเหวี่ยงดาบสกัดดาบของนักรบและใช้สันดาบฟาดไปที่ลำตัวโครงกระดูกของมัน ส่งผลให้มันลงไปกองกับพื้นและแตกกลายเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้น ชิ้นส่วนพวกนั้นถูกเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นและสลายหายไปกับสายลม
“ทั้งหมดที่พวกคุณควรทำคือระวังอันตรายรอบๆ”
โรดส์หันกลับมาและบอกตำแหน่งของคนทั้งหมดด้านหลังเขา ไลซ์และทหารรับจ้างคนอื่นๆเริ่มจริงจัง พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาเข้าใจว่าโรดส์ตั้งใจแสดงให้พวกเขาเห็นถึงอันตรายของสันเขาแห่งความเงียบ พวกเขาคิด แม้ว่าจะเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีอาวุธครบเครื่อง พวกเขาก็อาจจะคิดแล้วคิดอีก ก่อนที่จะเข้ามาที่นี่
“เอาล่ะ ผมมีข่าวดี พวกคุณทุกคนไม่ต้องกังวลว่าพวกมันจะสุ่มปรากฎตัวอีกต่อไป เพราะผมมั่นใจได้ว่าจากนี้ไป ศัตรูจะปรากฎตัวออกมาจากทุกที่!”
โรดส์ไม่ได้หันกลับไป ดาบของเขาตวัดไปอย่างรวดเร็ว ประกายแสงสีเงินสว่างขึ้นท่ามกลางความมืดและตัดผ่านร่างของอันเดดขาดเป็นสองท่อน
“ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากให้พวกคุณตั้งใจ ตาแก่วอร์คเกอร์ คุณต้องระวังหลัง มาร์ลีน ไลซ์ ผมอยากให้พวกคุณทั้งคู่รับผิดชอบด้านซ้ายและขวา แอน หน้าที่ของคุณคือปกป้องพวกเธอ จำเอาไว้ อย่าหยุดเคลื่อนที่! ที่แห่งนี้มีอันเดดนับไม่ถ้วนและตราบเท่าที่พงกเราสามารถผ่านทุ่งหญ้านี้ไปได้ พวกเราจะชนะ ทุกคนเข้าใจไหม?”
“ค่ะ หัวหน้า!!”
แอนตอบกลับมาอย่างผ่อนคลาย เธอยิ้มและโบกมืออย่างสนุกสนานเมื่อเธอตอบคำถามของโรดส์ การกระทำของเธอทำให้คนอื่นคิดว่าเด็กสาวคนนี้ไม่เข้าใจบรรยากาษตรงหน้าเอาเสียเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักบวช ตอนแรกพวกเธอคิดว่าพวกเธอจะได้รับการปกป้องจากนักรบโล่ แต่หลังจากที่เห็นท่าทางของเธอ พวกเธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าแอนดูไว้ใจไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเซเร็ค บางทีพวกเธออาจจะหนีไปแล้ว
“ตามผมมา”
โรดส์ก้าวไปด้านหน้า
วินาทีถัดมา สิ่งน่ากลัวเริ่มปรากฎขึ้น
แสงสว่างส่องทะลุผ่านความมืด อันเดดหลายร้อยตัวปรากฎตัวขึ้นและวิ่งตรงเข้ามา หลังจากที่เห็นการคงอยู่ของแสงสว่าง พวกมันวิ่งตรงเข้ามาอย่างที่พวกเขาคิด อันเดดทั้งหมดกรีดร้องและพุ่งตรงมายังกลุ่มของโรดส์ในเวลาเดียวกัน!!
นี่สินะ
สีหน้าของเซเร็คบิดเบี้ยวทันทีเมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้า ก่อนหน้านี้เขาเคยลองมาที่นี่ สิ่งที่เขาตกใจมากที่สุดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นคือเหล่าอันเดดนับไม่ถ้วนที่ปรากฎตัวออกมาจากความมืดอย่างไม่มีสิ้นสุด
เมื่อมองไปยังกองทัพตรงหน้า มันดูเหมือนกับไร้ความหวัง อย่างน้อยพวกเขาก็ควรใช้ดวงตาของพวกเขานับจำนวนของพวกมันทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีใครสามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของจำนวนกองทัพอันเดดได้และทำได้เพียงต่อสู้จนพวกเขาเหนื่อยล้า มันเป็นสิ่งที่หลายๆคนที่นี่ไม่สามารถทนได้
ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าความรู้สึกสิ้นหวังอีกแล้ว
จากนี้ไปโรดส์จะจัดการอย่างไร?
เซเร็คมัวแต่มองต่อไปไม่ได้ เขาต้องป้องกันด้านหลังและสนใจการต่อสู้ตรงหน้า เขาอยากจะเห็นว่าโรดส์จะลด ’แรงกดดันนี้’ได้อย่างไร
เมื่อดวงตาของเซเร็คมองไปยังโรดส์ เขาแปลกใจมาก โรดส์ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย!!!
“ไลซ์ ร่ายลำแสงศักดิ์สิทธิ์ไปด้านหน้า”
โรดส์ชี้ออกไปในทิศทางนั้นอย่างใจเย็น
“ค่ะ คุณโรดส์!”
ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ถูกควบคุมอยู่บนมือซ้ายของเธอ ไลซ์ยืดแขนขวาออกมา จากนั้นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งลงมาจากสวรรค์และปัดเป่าอันเดดที่อยู่ด้านใน
“พวกคุณทั้งหมดก็ทำแบบเดียวกัน ร่ายลำแสงศักดิ์สิทธิ์ไปยังที่เดียวกัน”
นักบวชทั้งสี่ผงะเล็กน้อย เมื่อโรดส์สั่งพวกเธอ แต่พวกเธอก็ยังคงทำตามคำสั่งและยกแขนออกมาเพื่อร่ายลำแสงศักดิ์สิทธิ์
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งไปยังเหล่าอันเดด แต่ละครั้งเมื่อเหล่านักบวชร่ายลำแสงศักดิ์สิทธิ์ การเคลื่อนไหวของอันเดดจะช้าลงไปเหมือนกับยายแก่ ราวกับว่าพวกมันตกลงไปในหลุมโคลน
“มาร์ลีน โซ่สายฟ้า”
เสียงประกายสายฟ้าดังออกมาจากปลายนิ้วของเธอ ในพริบตามันพุ่งตรงไปยังฝูงอันเดด
ตอนแรกมันเป็นสายฟ้าเส้นเดียวที่ดูอ่อนแรง แต่เมื่อมันสัมผัสกับเหยื่อตัวแรก ประกายสายฟ้าสาดกระจายไปหาอันเดดที่อยู่รอบๆด้วย สายฟ้าช็อตต่อเนื่องกระจายไปยังอันเดดตัวแล้วตัวเล่า ไม่นานทั้งสนามรบถูกช็อตไปด้วยสายฟ้าจำนวนมาก หลังจากนั้นพวกมันระเบิดออก อันเดดหลายร้อยตัวล้มลงไปกับพื้นและหยุดการเคลื่อนไหว
“อะไรกัน….?”
มาร์ลีนตกใจอย่างมาก เมื่อมองเห็นความรุนแรงของเวทมนตร์ของเธอ เธอมองไปยังนิ้วมือของเธออย่างอดไม่ได้ จากนั้นเธอพยักหน้าอย่างเหลือเชื่อ โซ่สายฟ้าเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ระดับต่ำที่สุด สายฟ้าแต่ละเส้นไม่ได้มีพลังมากมายและหลังจากที่ช็อตไปยังเป้าหมายต่อไปความเสียหายเวทมนตร์ของมันจะลดลงเล็กน้อย ตอนแรกมาร์ลีนคิดว่าโรดส์จะขอให้เธอใช้เวทย์ที่ทรงพลังมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า….เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเธอกำลังต่อสู้กับกองทัพอันเดดหรือฝูงหุ่นไล่กากันแน่?
แบบนี้มีโอกาสเป็นไปได้งั้นรึ?
เซเร็คที่รั้งท้ายก็รู้สึกประหลาดใจ เขารู้มาว่านักบวชระดับสูงและอัศวินวิญญาณสามารถใช้เวทย์ทำลายอันเดดได้ แต่นักบวชระดับต่ำแบบนี้ก็ทำเรื่องแบบนี้ได้?
หืมมมม….มันไม่ถูกต้อง…..
ค้อนแห่งความยุติธรรมของนักบวชระดับสูงหรือแสงแห่งการลงทัณฑ์ของอัศวินวิญญาณจะสามารถทำลายอันเดดได้ในเวลาไม่กี่วินาที แต่นักบวชระดับต่ำทั้งหมดสามารถทำให้การเคลื่อนไหวของพวกมันช้าลงได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
เซเร็คอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังโรดส์
เด็กหนุ่มนั่นคิดวิธีนี้ออกมาได้ยังไงกัน?
ไม่ใช่แค่เซเร็คเท่านั้นที่ตกใจ ความเป็นจริงแล้วนักบวชทั้งสี่คนเองก็ตกใจอย่างมาก! พวกเธอตอบสนองแบบเดียวกับในตอนที่ไลซ์พบว่าพลังของเธอส่งผลต่อพวกอันเดด บางคนในกลุ่มพวกเธอมองไปยังมือของตัวเองด้วยความสงสัย
น่าเสียดายที่โรดส์ไม่ให้โอกาสพวกเธอได้ตบหน้าตัวเองเพื่อเช็คว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือความฝัน
“ตอนนี้พวกคุณรู้สิ่งที่พวกคุณสามารถทำได้แล้วนะ เริ่มเดินหน้าต่อได้”
การเผชิญหน้ากับกองทัพอันเดดนับไม่ถ้วนที่ปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้งภายใต้แสงไฟ โรดส์ยกดาบขึ้นมาและชี้ตรงไปด้านหน้า