Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 106
106 – หลอก?
น้ำแข็งไม่สามารถสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเซนทอร์ได้ เพียงแค่ยกโล่ขึ้นและป้องกันการโจมตีเหล่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับการพุ่งเข้ามาของอัศวินเซนทอร์ แม้แต่นักดาบเกราะหนักก็ถูกบังคับให้ถอย
แต่ในขณะที่เขาหมุนตัวถอยกลับไปหลายก้าว โชคชะตาของเขาได้ถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว
นักดาบเกราะหนักยกดาบขึ้นและตั้งใจจะสวนกลับ ทันใดนั้นเงาตะคุ่มปกคลุมเหนือร่างของเขา เมื่อเขามองผ่านไหล่ของเขาออกไป เขาเห็นร่างอันใหญ่โตของอัศวินเซนทอร์ที่สูงกว่าเขาหลายเซนติเมตรอยู่ไม่ห่างไปจาใบหน้าของเขา!
บ้าเอ้ย!!
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาสามารถจำได้ก่อนที่สติของเขาจะหลุดลอยไป อัศวินเซนทอร์ฟาดโล่ไปยังหน้าอกของเขาและส่งเขาลอยไป เมื่อร่วงลงพื้น เขาได้แต่ครางออกมาและเอามือกุมท้องเอาไว้
เขาได้ออกจากการต่อสู้แล้ว
“แอนดอน!”
เรนเจอร์หนุ่มที่เป็นคนโจมตีไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะพลาดท่าในการโจมตีเดียว ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เขาตกใจอย่างมากและปล่อยลูกธนูตรงไปยังอัศวินเซนทอร์พลางถอยหลังออกไป แผนเดิมของเขาคือจะให้นักดาบไปดึงความสนใจของอัศวินเซนทอร์ ในขณะที่พวกเขาทั้งสามหาโอกาสโจมตี แต่ทว่าแผนของเขาต้องเปลี่ยนภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที เรนเจอร์หนุ่มไม่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในแผนนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงถอยหลังและคิดหาทางเลือกอื่นๆ
ในขณะนั้น โจรที่ได้ซ่อนตัวอยู่นั้นเริ่มเคลื่อนไหวออกมา
ถ้าเขารู้ว่าแอนดอนจะพลาดท่า เขาจึงไม่ลังเลและถอยเหมือนกับเรนเจอร์หนุ่มคนนั้น แต่มันสายเกินไปแล้ว ตอนที่เขาโจมตี แอนดอนได้ถูกล้มไปเรียบร้อยแล้ว ในพริบตา ผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเดียวกัน
ถ้าอัศวินเซนทอร์ไม่ออมมือเอาไว้ บางทีซี่โครงของเขาอาจจะแตกไปแล้ว
เมื่อสองคนออกจากการต่อสู้ไป อัศวินเซนทอร์พุ่งความสนใจไปที่แรนดอฟและพุ่งตรงไปหาเขา
“ลาปิส!”
แรนดอฟดึงคันธนูออกมาอย่างรวดเร็วและตะโกนออกมา เขายิงธนูออกไปอีก 1 ดอกที่หน้าอกของเซนทอร์ แต่ถูกเกราะของมันป้องกันไว้ได้ เด็กสาวที่แรนดอฟตะโกนเรียกรู้สึกตัวและคว้าไปที่ขวดอีกใบหนึ่ง ก่อนที่จะปามันลงไปตรงหน้าแรนดอฟ
บนพื้นที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อัศวินเซนทอร์เกือบเข้าถึงตัวแรนดอฟ ร่างอันใหญ่โตของมันหยุดชะงักและเอียงตัวไปด้านข้างอย่างช้าๆ อัศวินเซนทอร์ตกที่นั่งลำบากแล้ว ขาหน้าของมันจมลงไปในพื้นและดูเหมือนว่าจะเป็นโคลน มันเริ่มดูดขาของมันลงไปลึกขึ้นยิ่งมีนเคลื่อนไหว
“นั่นเป็นการผสานธาตุอย่างแท้จริง”
มาร์ลีนพูดออกมาและลูบคางด้วยนิ้วของเธอ เธอมองไปยังเด็กสาวด้วยความสงสัยและดวงตาที่เป็นประกาย
“นั่นแปลกมาก….เนื่องจากเธอได้เรียนเกี่ยวกับการผสานธาตุ ทำไมเธอถึงเลือกใช้เวทย์เริ่มต้นแบบนี้?”
เมื่อโรดส์เห็นว่ามาร์ลีนกำลังพูดกับตัวเอง เขาเลือกที่จะเงียบ เขากำลังให้ความสนใจไปที่เด็กสาวที่ชื่อลาปิส สำหรับสิ่งที่มาร์ลีนคิด โรดส์รู้ความสงสัยของเธอดี
ปกติแล้วเมื่อบางคนสามารถไปถึงระดับผสานธาตุได้แล้ว นั่นหมายถึงความสามารถของคนๆนั้นจะเทียบได้กับอัลเคมิสต์เต็มตัว อัลเคมิสต์สามารถสร้างไอเทมเวทมนตร์และร่ายเวทย์ระดับต่ำผ่านการปรุงยา แต่ลาปิสไม่ได้แสดงอุปกรณ์เวทมนตร์ใดๆออกมาหรือแม้แต่ร่ายเวทย์ระดับต่ำ ทั้งหมดที่เธอทำคือการเลียนแบบเวทย์ระดับฝึกหัด แม้ว่าเวทย์ของเธอจะยอมรับได้ แต่ต้องผ่านการฝึก และมันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เธอเก็บเวทย์เหล่านั้นไว้ในขวด เนื่องจากพวกมันสามารถเรียนรู้ได้ง่าย
เป้าหมายของการเล่นแร่แปรธาตุคือการทำเรื่องยากๆให้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ลาปิสทำมาทั้งหมดนั้นคือการทำให้สิ่งต่างๆยุ่งยากมากขึ้น
สำหรับอัลเคมิสต์ระดับนี้ ไม่เพียงแต่มาร์ลีนจะเมินเฉยใส่ แต่มันยังถูกป้องกันได้โดยบาเรียของไลซ์ แทนที่จะเสียเวลาปรุงเวทย์ไว้ในขวด แสดงสกิลเรนเจอร์ของเธอออกมาไม่ดีกว่าเหรอ?
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนยังพยายามมองหาความตั้งใจของเธอ แต่การต่อสู้ได้ถูกตัดสินไปแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะรับมืออัศวินเซนทอร์ได้อย่างน่าประหลาดใจ แต่แรนดอฟไม่สามารถจัดการได้ เมื่ออัศวินเซนทอร์รู้ว่ามันไม่สามารถออกมาจากกับดักได้ มันจึงปาหอกไปทางแรนดอฟโดยที่เขาไม่ได้เตรียมตัว ในระหว่างที่กำลังยิงธนูออกมา เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาและเป็นคนที่สามที่ออกนอกการทดสอบ
ลาปิสที่กำลังยินอยู่เป็นคนสุดท้าย เมื่อรู้ว่าพี่ชายของเธอออกไแล้ว เธอจึงพยายามโจมตีศัตรูโดยการใช้การเล่นแร่แปรธาตุ แต่ด้วยความสามารถของเธอทำให้โรดส์และมาร์ลีนถอนหายใจออกมาในเวลาเดียวกัน
อัศวินเซนทอร์รับรู้การเคลื่อนไหวของเธอและปาโล่ไปยังเธอ เสียงกรีดร้องดังออกมาเมื่อโล่พุ่งผ่านศีรษะของเธอ ลาปิสในตอนนี้สูญเสียความกล้าและล้มลงเอามือกุมหัวของเธอทันที เห็นได้ชัดว่าเธอลืมสิ่งที่เธอควรทำไปหมดแล้ว
กลุ่มมือใหม่
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีสำหรับอัศวินเซนทอร์ในการเก็บกวาดพวกเขาทั้งหมดให้ลงไปนอนกองที่พื้น โรดส์ส่ายหัวเล็กน้อย บอกตรงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แย่กว่าพวกผู้เล่นมือใหม่เสียอีก
การขอให้พวกเขาออกไปทำภารกิจกับเขาด้วยผลลัพธ์แบบนี้งั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้
โรดส์เรียกวิญญาณอัญเชิญกลับ
จากสีหน้ามืดมนของโรดส์ ทั้งสี่รู้ว่าพวกเขาแสดงความสามารถของออกมาได้อย่างไม่น่าพอใจ
“บอกตรงๆ….ความสามารถของพวกคุณต่ำกว่าที่ผมต้องการไว้มาก”
โรดส์ไม่ได้ใส่คำหวานไว้ในคำพูดของเขา นี่ทำให้สีหน้าของแต่ละคนเริ่มย่ำแย่มากขึ้น แต่พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่โรดส์พูดเป็นความจริง
“ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ ผมจะสอนวิธีการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวคุณเอง ถ้าคุณสามารถพัฒนาได้สำเร็จ คุณอาจจะมีโอกาสได้มาเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของกลุ่มทหารรับจ้างของผม แต่ถ้าล้มเหลว ผมก็ขอโทษด้วย…”
โรดส์แบมือออกมา
“คุณสามารถเป็นคนรับใช้ที่นี่ได้”
ทั้งสี่คนตกใจและเงยหน้ามองไปที่โรดส์ แรนดอฟอ้าปาก แต่ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของเขา พวกเขาไม่สมคารถูกปฏิบัติเช่นนี้ แรนดอฟสามารถบอกได้ว่าความสามารถของพวกเขาอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์จริงๆ
ในอดีต พวกเขาสามารถเมินเฉยต่อระดับสกิลได้เพราะว่าแอนเป็นแกนหลักในกลุ่มของเขา แต่ตอนนี้เธอออกไปแล้ว และพวกเขาพบว่าพวกเขาไม่สามารถจัดการหน้าที่กันได้อย่างเหมาะสมเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
พวกเขาสามารถเป็นทหารรับจ้างได้อยู่ใช่ไหม?
ขณะที่แรนดอฟจมอยู่ในความคิด เสียงของโรดส์ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริง
“คำตอบของคุณล่ะ?”
“ได้ครับ!!”
แรนดอฟยืนขึ้นและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“พวกเรารับประกันว่าพวกเราจะทำตามคำขอของคุณได้อย่างแน่นอนครับ”
“ผมก็หวังไว้เหมือนกัน”
คำตอบของแรนดอฟไม่ได้ทำให้โรดส์มั่นใจแต่อย่างใด
โชคดีที่ชอว์น่าเตือนพวกเขาเกี่ยวกับอารมณ์ของโรดส์ ไม่เช่นนั้นแรนดอฟคงคิดว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย แต่มุมมองของโรดส์ที่ทิ้งไว้ให้ทำให้เขารู้สึกโกรธ บางทีเขาอาจจะไม่กระวนกระวายใจมากนัก ถ้าเขาได้รับรอยยิ้มกลับมาบ้าง
“แต่ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากถามเกี่ยวกับลาปิส”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แรนดอฟตื่นตัวขึ้นมาทันที ลาปิสจับขากางเกงพี่ชายของเธอไว้ทันที และมองไปยังชายหนุ่มที่แก่กว่าเขาไม่กี่ปี แม้ว่าโรดส์จะเห็นว่าพวกเขาทั้งสองกังวล แต่เขาไม่คิดจะหยุดและพูดต่อทันที
“ผมเห็นว่าคุณอยู่ในระดับผสานธาตุ แต่ทำไมคุณถึงไม่ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ล่ะ? มันไม่น่าจะยากที่เธอจะใช้เวทย์ระดับต่ำ ทำไมถึงพยายามสร้างแต่เวทย์เบื้องต้น?”
“เอ่อ-…คือว่า”
สีหน้าของแรนดอฟผ่อนคลายเล็กน้อยหลังจากที่เข้าใจสิ่งที่โรดส์ถามออกมา มันไม่ใช่คำถามที่แปลก ในมาร์คไวท์ก็ถามพวกเขาแบบเดียวกันในการรับสมัคร
“ลาปิสไม่ได้มีพรสวรรค์มาก เธอชอบการเล่นแร่แปรธาตุและสามารถเข้าใจทุกทฤษฎีได้ตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเธอชะงักอยู่ที่คอขวดและไม่สามารถพัฒนาได้มาตั้งแต่นั้น ใช่ครับ เธอมีความสามารถในการผสานธาตุ แต่เธอไม่สามารถสร้างโพชั่นระดับสูงได้…”
“เดี๋ยวก่อน”
สีหน้าของโรดส์แปลกไปทันทีและหยุดก่อนที่โรดส์จะพูดต่อ อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของมาร์ลีนเองก็แปลกประหลาดเช่นกัน
“คุณหมายความว่า….เธอสามารถเข้าใจทุกวิชาในการเล่นแร่แปรธาตุเหรอ? ตั้งแต่ศาสตร์การรังสรรค์ลึกลับ โพชั่นไปจนถึงโครงสร้าง ทั้งหมดนี้เลยเหรอ?”
“ค่-ค่ะ ท่าน”
ในครั้งนี้ ลาปิสตอบออกมาด้วยตัวเองอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ฉัน เมื่อฉันได้เรียนการเล่นแร่แปรธาตุ ฉันคิดว่าวิชาการเล่นแร่แปรธาตุทั้งหมดทุกวิชาจำเป็นต้องเรียนไปพร้อมกัน ดังนั้น…”
“….”
โรดส์และมาร์ลีนมองหน้ากันและไร้คำพูด พวกเขาในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้นได้
เหมือนกับคนที่เรียนภาษาต่างประเทศ พวกเขาจะเรียนภาษาๆหนึ่งในเวลานั้น แต่สำหรับลาปิส เธอเลือกที่จะเรียนทั้งหมดในครั้งเดียว นั่นทำให้ความสามารถและความรู้ของเธอแตกต่างกันเป็นอย่างมาก การผสานธาตุเป็นพื้นฐานที่แท้จริงของการเล่นแร่แปรธาตุ แต่บ่อยครั้งที่ผู้คนมักจะเชี่ยวชาญเพียงวิชาเดียว ถ้าเธอเลือกเรียนในศาสตร์การรังสรรค์ลึกลับ การผสานธาตุของเธอจะสามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ได้ ถ้าเธอเลือกที่จะเรียนเรื่องการสร้างโพชั่น การผสานธาตุของเธอจะถูกใช้ไปในการสร้างโพชั่น และถ้าเธอเลือกเรียนในเรื่องของโครงสร้าง การผสานธาตุของเธอจะถูกใช้เป็นแกนกลางในการเพิ่มพูนโครงสร้างเวทมนตร์
วิชาที่แตกต่างกันจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แต่เด็กสาวผู้โลภมากคนนี้ต้องการกลืนกินทั้งหมดในครั้งเดียว
บางทีนี่อาจจะเรียนคนพวกนี้ได้ว่าเป็นพวกไม่มีความกลัว
แต่สิ่งที่ทำให้มาร์ลีนและโรดส์ไร้คำพูดคือความสามารถของเธอจากการเรียนรู้วิชาทั้งสาม ปกติแล้วคนทั่วไปจะใช้เวลาทั้งชีวิตศึกษาเรียนวิชาเดียวไปทั้งชีวิต แม้ว่าพวกเขาจะโลภมากและต้องการเรียนเพิ่ม พวกเขาก็ไม่มีเวลา
แม้แต่ผู้เล่นยอดมนุษย์ก็ไม่สามารถหลีกหนีข้อจำกัดนี้ไปได้ เมื่อผู้เล่นต้องเลือกวิชา มันจะกินแต้มสกิล 1 แต้ม ถ้าพวกเขาต้องการปลดล็อคอีกวิชาหนึ่ง พวกเขาต้องเสียเพิ่มอีก 5 แต้มสกิล แต้มสกิลเหล่านี้จะถูกใช้ไปกับการเลื่อนระดับไป 6 แต้ม ดังนั้นการใช้แต้มสกิลมหาศาลทำเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ดูไร้สาระ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกๆวิชามีสกิลที่แตกต่างกันและต้องการความรู้ที่แตกต่างกัน แม้ว่าผู้เล่นที่น่าเบื่อที่สุดที่ต้องการจะเป็นราชาแห่งอัลเคมิสต์ยังไม่สามารถทำได้ ถ้าไม่ใช้เวลาไปกับเรื่องนี้นานถึง 5 ปี
อย่างน้อยจากที่โรดส์จำได้ จากช่วงเวลาหลายปีในการเล่น Dragon Soul Continent Online เขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถประสบความสำเร็จในการเรียนวิชาทั้งสามได้ในการเล่นแร่แปรธาตุมาก่อน
แต่ตอนนี้มีบุคคลประหลาดอยู่ตรงหน้าเขาที่ทำได้ ถึงจะเป็นแค่ส่วนของทฤษฎี
เธอเป็นอัจฉริยะใช่ไหม?
ในขณะนั้นโรดส์รู้สึกหมดหนทางอย่างเต็มที่ เขาตบไปที่ไหล่ของเธอและให้คำแนะนำ
“ไอ้หนู….แค่นั้นก็พอแล้ว…ลบตัวละครทิ้งแล้วไปเล่นใหม่ซะ”