Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 105
105 – อีกหนึ่งเรื่องประหลาดใจ
โรดส์มองไปยังทหารรับจ้างทั้งสี่ที่กำลังยืนอย่างกังวลตรงหน้าเขา แม้ว่าชายชราวอร์คเกอร์จะเตือนเขาแล้วว่าพวกเขาเป็นมือใหม่ เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะกังวลมากขนาดนี้
“สวัส-สวัสดีครับ คุณ…โรดส์”
เรนเจอร์หนุ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชอว์น่าถึงเตือนเขาว่าโรดส์เป็นผู้ชาย จริงๆถ้าชอว์น่าไม่เตือนเขาก่อนหน้านี้ มันคงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะไม่เรียกโรดส์ว่า ‘คุณผู้หญิง’
ถ้าเขาทำแบบนั้น อนาคตของเขาจะจบลงทันที
“ยินดีต้อนรับ แอนบอกผมแล้วเรื่องพวกคุณทั้งสี่คน”
โรดส์พยักหน้าและกล่าวทักทายพวกเขา
เรนเจอร์เดินออกมาและเริ่มแนะนำตัวพวกเขา
“ครับ คุณโรดส์ พวกเราเป็นผู้ติดตามของแอนครับ ผมชื่อแรนดอฟ และนี่คือน้องสาวของผมชื่อลาปิส พวกเราสองคนเป็นเรนเจอร์ อีกคนที่สวมชุดเกราะหนักคือแอนดอน และข้างๆเขาคือโจอี้ แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือน….จริงๆแล้วเขาเป็นโจรครับ”
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
โรดส์พูดขึ้นหลังจากที่แรนดอฟแนะนำแต่ละคนออกมา
“แอนได้ประเมินความสามารถของพวกคุณไว้ค่อนข้างสูง แต่ผมยังอยากเห็นความสามารถของแต่ละคนอีกครั้ง ผมกำลังจะทดสอบพวกคุณทั้งสี่คน ตราบเท่าที่พวกคุณผ่าน ผมจะอนุญาตให้พวกคุณร่วมต่อสู้กับพวกเราในแนวหน้าได้ แต่ว่าถ้าคุณไม่ผ่าน ผมจะมอบหมายให้พวกคุณทำหน้าที่อื่น เข้าจนะ พวกคุณสามารถเตรียมตัวได้เท่าที่ต้องการ”
“ครับคุณโรดส์”
แรนดอฟรู้สึกโล่งอก โรดส์เป็นคนไร้อารมณ์อย่างที่ชอว์น่าพูด แต่อย่างน้อยน้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้เย็นชา
“คุณโรดส์ คุณแอนอยู่ที่นี่เหรอครับ? นานมากแล้วที่พวกเราไม่ได้พบเธอ…”
แรนดอฟถามออกมาด้วยความสงสัย
“แอน?”
โรดส์เงียบไปครู่หนึ่งและพยักหน้าออกมา
“ผมสามารถให้พวกคุณพบเธอได้ แต่คุณต้องเข้าใจก่อนว่าเธออยู่ระหว่างการลงโทษ เธอไม่สามารถออกมาข้างนอกได้”
การลงโทษ?
พวกเขามองหน้ากันและกันด้วยความกังวล
การลงโทษประเภทไหนกันที่แอนได้รับ?
ทำไมเธอถึงถูกลงโทษกัน?
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการว่าทำไมเธอถูกลงโทษ ย้อนกลับไปที่มาร์คไวท์ แอนถูกลงโทษอยู่บ่อยๆเพราะการแสดงความคิดและกระทำออกมาตรงเกินไป ดังนั้นเธอมักสร้างปัญหาในกลุ่มอยู่บ่อยๆ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เนื่องจากหัวหน้าคนเก่าเป็นคนปกป้องเธอ อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวหน้าคนเก่าตาย ปัญหาที่เธอสร้างเริ่มรุนแรงและถูกลงโทษเพราะมันบ่อยขึ้น
แรนดอฟคิดว่าบางทีแอนจะปฏิบัติตัวได้ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมใหม่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น….
แอนไปทำอะไรให้คุณโรดส์โกรธกัน?
เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
ในขณะนั้น ความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัวของพวกเขา
พวกเขาทั้งหมดกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เกี่ยวกับแอน พวกเขาจินตนาการว่าเธอถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินที่หนาวเย็นและมืดสนิท ถ้าเธอถูกปฏิบัติเช่นนั้น พวกเขาจะอยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างนี้อย่างสงบสุขได้อย่างไร?
แต่พวกเขากลับโง่งมทันทีเมื่อโรดส์เปิดประตู
มือทั้งสองของเธอถูกซุกอยู่ราวกับเธอกำลังนั่งบนขอบเตียงด้วยความน่าเบื่อ เมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตูและเห็นโรดส์ เด็กสาวกระโจนออกมาและวิ่งตรงไปหาโรดส์ทันที
“น่าาา หัวหน้าา ในที่สุดคุณก็มา! ถึงเวลาที่ข้าจะออกไปข้างนอกได้แล้วใช่ไหม?????”
แรนดอฟและคนอื่นๆมองไปยังเด็กสาวด้วยอาการอ้าปากค้าง ถ้าเด็กสาวมีหางในตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะแกว่งไปมาเร็วมากแค่ไหน
แต่ดูเหมือนว่าโรดส์จะไม่ได้หลงคารมณ์ของเธอ เขาชี้ไปที่เวลาและพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
“ไม่ เที่ยงคืน”
อ่า นั่นคือ….การลงโทษ?
“ยังไงก็เถอะ เพื่อนของคุณมาเพื่อพบเธอน่ะ”
โรดส์ลูบหัวของแอนและชี้ไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขา แอนเงยหน้าขึ้นและมองไปยังทหารรับจ้างทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังโรดส์และกำลังมองมาที่เธอ
“อ่า แรนดอฟ ลาปิส ในที่สุดพวกนายก็มา!”
“พี่แอน!”
ลาปิสที่กำลังซ่อนอยู่ด้านหลังพี่ชายของเธอวิ่งออกไปและกอดแอน แอนลูบหัวของเธอและยิ้มออกมาเหมือนกับที่โรดส์ทำก่อนหน้านี้
“ลาปิส เธอยังเป็นลูกแมวขี้กลัวอยู่แบบนี้ — เธอเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เข้าใจไหม? เธอเป็นทหารรับจ้างแล้ว! ถ้าเธอไม่มีความกล้าพอ เธอจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอานะ!”
“ฉันไม่ได้กลัวค่ะ! ฉันแค่กังวล!”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นและพยายามตอบ แต่ใบหน้าของเธอแดงกล่ำ
“คุณแอน ผมดีใจมากเลยครับที่ได้พบคุณอีกครั้ง”
แรนดอฟและคนอื่นๆอีก 2 คนเดินตรงไปยังแอนและทักทายเธอ
สำหรับโรดส์ เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว เขาจึงปล่อยให้พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน
“แรนดอฟ แอนดอน โจอี้ พวกนายก็ยังอยู่ดี”
เมื่อมองไปยังทั้งสาม แอนหัวเราะและพูดออกมา แต่น้ำเสียงของเธอต่อมาเปลี่ยนไปเป็นจริงจังทันที
“แต่ว่าในสตาร์ไลท์ อย่าเรียกฉันว่าคุณแอนอีก ฉันเป็นเพียงทหารรับจ้างทั่วไปที่นี่ ดังนั้นต่อไปเรียกแค่ชื่อของฉันก็พอ พวกนายต้องจำไว้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างนี้เป็นของคุณโรดส์ อย่าทำเรื่องนี้ผิดพลาดอีก เข้าใจไหม? ไม่เช่นนั้น ฉันจะคลั่ง!!”
ทั้งสี่แปลกใจทันทีเมื่อแอนเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
“แน่นอน..คุณ…ไม่สิ แอน”
“อ่า พี่แอน พี่ไปทำอะไรมาเหรอถึงได้รับการลงโทษ? แล้วมีใครแกล้งพี่ไหม?”
ลาปิสยกศีรษะขึ้นและถามอย่างสงสัย
“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่….”
สีหน้าของแอนเริ่มอึดอัดเมื่อเธอได้ยินคำถามของลาปิส ทั้งสี่คนได้แต่มองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ พวกเขาติดตามแอนมาเป็นเวลา 1 ปี ดังนั้นอาจจะบอกได้ว่าพวกเขารู้นิสัยของเธอดี แม้แต่กับหัวหน้าคนเก่า เมื่อแอนทำผิด เธอจะไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้เธอกำลังลังเล!
“มันก็แค่เรื่อง….ฉันไม่ได้ทำตามคำสั่งของหัวหน้าในภารกิจก่อนหน้านี้ นั่นทำให้หัวหน้าโกรธมากและบอกฉันถึงผลกระทบจากความผิดพลาดของฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาบอกให้ฉันทำ หึ!! หัวหน้าก็เข้มงวดเกินไป!”
เมื่อมองไปที่เด็กสาวที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงที่พูดออกมาอย่างไม่พอใจ ทั้งสี่ได้แต่มองหน้ากันและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น พวกเขาไม่เคยรู้ว่าแอนนั้นเข้าข้างตัวเอง เธอไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลย อะไรทำให้โรดส์สามารถทำให้แอนว่านอนสอนง่ายขึ้นมา?
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหาคำตอบของคำถามนี้ได้ พวกเขาจึงไปที่สนามฝึกหลังบ้าน เป็นไลซ์ที่นำพวกเขาไป แน่นอนว่าในตอนแรก พวกเขามองเห็นโรดส์เป็นคนโหดเหี้ยมและทรงพลัง แต่ตอนนี้พวกเขามองเขาเป็นคนที่เป็นมิตรและลึกลับ พวกเขารู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่าโรดส์ค่อนข้างใส่ใจในตัวของลูกน้องของเขา
เมื่อพวกเขามาถึงลานฝึก พวกเขามองเห็นโรดส์และมาร์ลีนกำลังยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา
“4 คนนี้เหรอ?”
มาร์ลีนขมวดคิ้วและแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“บอกตรงๆ พวกเขาดูไม่เหมือนว่าพวกเขาต่อสู้ได้”
“ไม่เป็นไรเหรอก พวกเขาอาจจะมีความสามารถก็ได้”
โรดส์ส่ายหัว
“ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะจ้างคนที่ทรงพลัง เนื่องจากพวกเรากำลังขาดกำลังคน พวกเขาจะต้องพอใจในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไร้พลังซะทีเดียว ด้วยการฝึก ผมคิดว่าคนพวกนี้ต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน”
หลังจากที่โรดส์พูดจบและเดินตรงไปยังพวกเขาทั้งสี่ ในสายตาของพวกเขา โรดส์มองมาด้วยความลังเล ความไม่เชื่อใจและความคาดหวัง นั่นทำให้โรดส์นึกย้อนกลับไปในเกม เมื่อเขาได้นำพวกมือใหม่ไปทำภารกิจ หลังจากที่ก่อตั้งสตาร์ไลท์ ในขณะนั้น ทหารรับจ้างสี่คนนี้เป็นเหมือนกับผู้เล่นเหล่านั้น
เอาล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาควรจะทำสอบคนพวกนี้ด้วยการใช้วิธีเดียวกัน
“การทดสอบนั้นง่ายมาก ตราบเท่าที่คุณสามารถสร้างบาดแผลให้กับวิญญาณอัญเชิญของผมได้ นั่นหมายความว่าพวกคุณชนะ พวกคุณสามารถใช้อะไรก็ตามต้องการ ผมเพียงต้องการอยากเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกคุณ”
โรดส์พูดและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นการ์ดสีดำปรากฎขึ้นในมือของเขา
โดยไม่รอให้พวกเขาตอบรับ อัศวินเซนทอร์ตัวใหญ่ได้ปรากฎขึ้นจากหมอก มันก้มหัวลงและมองไปยังทุกคนด้วยสายตาสีแดงเลือด ก่อนจะคำรามออกมา
นั่นมันอะไรกัน? มันมาจากไหน?
พวกเขาตกใจอย่างมากกับการปรากฎตัวของมอนสเตอร์ แต่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้พูดอะไร โรดส์ได้ดีดนิ้วและพูดขึ้น
“การทดสอบเริ่มได้”
“—-!!!!”
อัศวินเซนทอร์คำรามออกมา มันยกหอกในมือของมันขึ้นและฟาดลงมาเป็นแนวตรง
“ไม่ดีแล้ว!”
แรนดอฟกลิ้งตัวหลบลงกับพื้นเพื่อหลบการโจมตีในแนวตรงของเซนทอร์ จากนั้นเขาหยิบธนูออกมาจากด้านหลังและเตรียมยิงและเล็งไที่อัศวินเซนทอร์ทันที
“ทุกคน เตรียมรูปแบบการต่อสู้ได้ ลาปิส!”
“ค่ะ พี่!!”
ลาปิสที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังยืดมือออกและหยิบของบางอย่างออกมาและขว้างไปหามันทันที
“เอ๊ะ?”
ทั้งโรดส์และมาร์ลีนยกคิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกเขามองเห็นเธอขว้างขวดแก้วที่มีของเหลวโปร่งแสงบางอย่างออกมา เมื่อพวกแก้วพวกนั้นกระทบพื้น มันแตกเป็นเศษและของเหลวด้านในผสมกัน จากนั้นพริบตาเดียว ของเหลวที่ดูเหมือนไม่อันตรายถูกเปลี่ยนเป็นคมดาบที่สร้างมาจากน้ำแข็งและยิงออกไปทันที
ในขณะนั้น มาร์ลีนที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“โพชั่นน้ำแข็ง?”
“การผสานธาตุ….นั่นเป็นอัลเคมิสต์(นักเล่นแร่แปรธาตุ)”
โรดส์พูดออกมา
เขามองไปยังเด็กสาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
เขาควรจะเก็บสมบัติชิ้นนี้ไว้อีกดีไหม?