Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 101
101 – เพิ่มความแข็งแกร่ง
“โอ้?”
โรดส์ยกคิ้วขึ้น
จากนั้นเขาเอนตัวลงไปที่เก้าอี้ กอดอกและนั่งรอวอร์คเกอร์เพื่อพูดคุย
“นี่เป็นเรื่องการสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุุ่มทหารรับจ้างเจดเทียร์ ข้าพบมาว่าพวกเขากำลังพยายามอย่างรวดเร็วและหัวหน้าคนใหม่พยายามรับสมัครสมาชิกมาจากกลุ่มทหารรับจ้างอื่น ข้าว่าข้อเสนอของพวกนั้นค่อนข้างน่าสนใจอย่างมาก และประกอบกับเร็วๆนี้ กลุ่มทหารรับจ้างมากมายเพิ่งถูกกวาดล้างมา กลุ่มพวกนั้นวางแผนจะสลายกลุ่มและไปเข้าร่วมกับเจดเทียร์”
“ความแข็งแกร่งของกลุ่มในปัจจุบันล่ะ?” โรดส์ถาม
ชายชราวอร์คเกอร์ขมวดคิ้วและครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ตอนนี้ กลุ่มเจดเทียร์มีสมาชิกราว 30 คน จากจำนวนเท่านี้ พวกเขาสามารถกลายเป็นกลุ่มทหารรับจ้างขนาดใหญ่ได้”
“เรื่องคลาสในกลุ่มเป็นยังไง?”
“เกือบจะคล้ายกับกลุ่มทหารรับจ้างอื่นๆ พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นนักดาบทั่วไป โจร เรนเจอร์ เป็นคลาสที่พบได้ในกลุ่มทหารรับจ้างทั่วไป อ่า ใช่ และยังมีนักรบโล่ด้วย เนื่องจากมีสมาชิกจำนวนมากรอดมาได้จากภารกิจอันเดดก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งหมดจึงค่อนข้างน่าเกรงขาม บางทีถ้าพวกเขายังเติบโตด้วยความเร็วเท่านี้ ไม่นานพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก”
“ผมเห็นด้วย…แล้ว…อืมมมม…”
โรดส์เปลี่ยนท่านั่ง นิ้วของเขาดันไปที่คางและนั่งคิดเงียบๆ หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“แล้วอีกเรื่องที่ผมขอให้คุณทำล่ะ?”
“นั่น….มันค่อนข้างยากเลยนะ ไอ้หนุ่ม”
เมื่อโรดส์พูดถึงเรื่องนี้ ชายชราวอร์คเกอร์ขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาน่าเกลียดไปทันที
“เอาจริงๆ บางกลุ่มสนใจคำขอของเจ้านะ แต่พวกเขาบางส่วนก็ไม่สนใจในเวลาเดียวกัน คนที่ไม่สนใจเพราะพวกเขาอยากยืนด้วยสองเท้าของตัวเอง พวกเขาไม่เตะข้าออกไปจากประตูก็ปาฏิหาริย์มาแล้ว ข้าบอกเจ้าแล้ว ไอ้หนุ่ม เป็นเรื่องปกติที่คนพวกนั้นจะไม่สนใจคำขอของเจ้า เจ้ายังหากำลังคนได้ไม่พอ แล้วเจ้ายังคิดจะไปกลืนกินกลุ่มที่ใหญ่กว่าเจ้าเนี่ยนะ?”
“เฮ้อออ…และพวกคนที่อยากจะเข้าร่วมกับเจ้านั้น….ข้าเชื่อว่าพวกเขามีแรงจูงใจซ่อนเร้นอยู่ เป็นที่รู้กันดีว่ากลุ่มทหารรับจ้างเจดเทียร์เสนอเงินจำนวนหนึ่งให้กับคนที่ยินดีเข้าร่วมกับพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเชื่อว่ากลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นเลือกที่จะเข้าร่วมกับเจดเทียร์เพราะถุงเงินของเขาหนากว่า”
แม้ว่าวอร์คเกอร์จะพยายามแนะนำโรดส์ แต่การตัดสินใจของเขานั้นไม่มีมูลความจริง
ใช่ เงินที่โรดส์เสนอไปไม่สามารถเทียบได้กับเจดเทียร์ แต่ในมุมอื่น สตาร์ไลท์มีแววไปได้ไกลกว่าเจดเทียร์ ไม่เพียงแต่พวกเขามีจอมเวทย์อัจฉริยะ พวกเขายังมีนักบวช ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของโรดส์ที่ไม่สามารถประเมินได้
ภารกิจล่าสุดที่สันเขาแห่งความเงียบได้เปิดเผยความแข็งแกร่งของโรดส์ออกมา ตอนแรกผู้คนคิดว่าโรดส์พึ่งพาเซเร็คในการจัดการภารกิจนี้ แต่หลังจากที่วิคตอเรียส ไวน์ยืนยันว่าโรดส์เป็นหัวหน้าปฏิบัติการนี้และเป็นหัวหอกในการเอาชนะอัศวินแห่งความตาย ทำให้ความสงสัยของพวกเขาลดน้อยลง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวลือที่มาโรดส์มีทูตสวรรค์ในครอบครอง…
ชนชั้นสูงถือเป็นทูตสวรรค์แล้ว ผู้คนยังเคยเห็นเคยสัมผัสบ้างเป็นครั้งคราว แต่พวกเขาไม่เคยเห็นชนชั้นสูงคนไหนอย่างทูตสวรรค์มาเป็นผู้ติดตามคนอื่น….
เมื่อคิดดังนี้ สตาร์ไลท์มีหัวหน้าที่แข็งแกร่งและมีสถานะเป็นชนชั้นสูง พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากที่มีจอมเวทย์และนักบวชคอยรักษาในเวลาที่จำเป็น คลาสเหล่านี้ทำให้ภารกิจทำได้ง่ายขึ้นกว่ากลุ่มที่มีแต่คลาสระยะประชิดที่ต้องคลำทางไปในดันเจี้ยนที่มืดมิด ยิ่งไปกว่านั้นโรดส์สนิทกับสมาคมทหารรับจ้าง — แม้แต่เซเร็คยังชื่นชมเขา
และตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้กำลังรับสมัครคน?
พวกเขาจะเลือกกลุ่มแบบไหน? เงิน หรือ เส้นสาย
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขารับรู้ได้
“คุณไม่ต้องบอกเรื่องพวกนี้กับผมหรอก ผมรู้”
โรดส์ส่ายศีรษะ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว มันดูเหมือนทุกอย่างไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น….
“ไม่มีใครอยากคุยกับพวกเราเลยเหรอ?”
“มี แต่ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่สนใจ”
ในครั้งนั้นวอร์คเกอร์ตอบออกมาอย่างมั่นใจ
“โอ้?”
สีหน้าของโรดส์เปลี่ยนไป
“บอกผมมาหน่อย”
ชายชราไม่ได้ตอบในทันที กลับกันเขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด
“กลุ่มนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกลุ่มที่เจ้าเคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้…” ชายชราพูด
“เรดฮอว์ค เป็นกลุ่มทหารรับจ้างเรดฮอว์คที่ขึ้นตรงต่อชอว์น่า ข้าคิดว่าเจ้าควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ครั้งก่อนที่สุสานพาเวล คนจำนวนมากตาย บางคนออกไปและตอนนี้เรดฮอว์คเหลือสมาชิกเพียง 4 คนเท่านั้นรวมชอว์น่าแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่มีแต้มและเธอคิดจะยุบกลุ่ม นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่าเธอขอเข้ามาคุย เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจจะเจรจากับคุณ”
“ไม่มีปัญหา”
โรดส์พยักหน้า
“พวกเราสามารถนัดเวลาได้เลยถ้าเธออยากเจรจา มีใครอีกไหม?”
“อืม กลุ่มทหารรับจ้างอื่นๆไม่ได้พูดอะไรมาก แต่มีบางคนจากมาร์คไวท์มาหาข้าและหวังให้ข้าช่วยพวกเขา ดูเหมือนว่าหลังจากที่แอนออกไป มาร์คไวท์จะเลือกหัวหน้าคนใหม่ได้และเริ่มกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม ข้าคิดว่าคนพวกนั้นมาหาข้าเพราะพวกเขาตามแอนมา ข้าเชื่อใจคนพวกนี้ แต่พวกเขาอาจจะเป็นขยะ”
“มีกี่คนล่ะ?”
“ผมเข้าใจแล้ว ข้าจะถามแอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมหวังว่าคุณจะสามารถหาข้อมูลเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้มาให้ผมด้วย ในขณะเดียวกันผมอยากให้คุณหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่กลุ่มทหารรับจ้างมาร์คไวท์”
“ไม่มีปัญหา ไอ้หนุ่ม”
วอร์คเกอร์เห็นด้วยอย่างยินดี แต่ไม่นานเขาแตะหนวดและมองไปที่โรดส์อย่างสงสัย
“แต่ไอ้หนุ่ม ทำไมเจ้าถึงอยากรับสมาชิกเพิ่มตอนนี้ล่ะ? มันเป็นเพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้เหรอ? แล้วเจ้ายังอยากให้ข้าจับตาดูกลุ่มทหารรับจ้างเจดเทียร์อีก? หัวหน้าของพวกนั้นทำอะไรเจ้ารึ?”
โรดส์ไม่ได้ตอบในทันที
เขาหันไปด้านข้างและมองไปยังหน้าต่าง ก่อนจะพูดออกมา
“คุณวอร์คเกอร์”
“หึ? ว่าไง?”
“เมื่อคุณเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าวัยเยาว์ คุณจะฆ่ามันไหม? หรือว่าคุณจะรอให้มันเติบโตมาก่อนแล้วกินผู้คน จากนั้นถึงฆ่ามัน?”
“เอ่-อออออ….”
ชายชราลังเล ก่อนจะตอบออกมา
“แน่นอน ข้าจะจัดการก่อนที่มันจะมีโอกาสโตขึ้นมา มิเช่นนั้น มันอาจจะสายเกินไปถ้ามันได้กินคนไปแล้ว?”
“ใช่แล้ว”
โรดส์ยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง
“มันจะสายเกินไปที่จะฆ่าหลังจากที่มันได้ฆ่าคนไปแล้ว สิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือมันจะดีกว่าถ้าเราเลือกใช้มาตราการป้องกัน”
“แต่..ไอ้หนุ่ม เจ้าจะรู้ได้อย่างไรรึว่าสัตว์พวกนั้นมันฆ่าคน?”
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของโรดส์ ชายชราเกาหัวและคิดว่าเหตุผลที่เด็กหนุ่มตรงหน้ามันแปลกประหลาดเกินไป
“บางทีมันอาจจะ……แต่มีการป้องกันไว้ก็ดีกว่า”
โรดส์หันกลับมาและมองไปยังวอร์คเกอร์
“คุณวอร์คเกอร์ ผมจำเป็นต้องให้คุณช่วยบางอย่าง”
“อีกแล้วเหรอ?”
วอร์คเกอร์กรอกตาไปมาทันที
“ข้าจะบอกให้นะ ไอ้หนุ่ม ข้าเป็นทหารรับจ้าง ไม่ใช่คนดูแล ทำไมข้าต้องเป็นคนทำทุกอย่างตลอดเลย!! ข้าต้องช่วยเจ้าเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนต่อไปด้วยไหม? ที่ข้ากำลังจะบอกคือ ข้าเป็นทหารรับจ้าง ไม่ใช่ขี้ข้า ถ้าเจ้าปัญหาอะไร ออกไปขอร้องไลซ์ เด็กสาวคนนั้นเต็มใจช่วยเหลือเจ้า แม้ว่าเจ้าจะขอให้เธออุ่นที่นอนให้ เธอก็ไม่ปฏิเสธ”
“ช่วยผมมองหาคนที่ฉลาด รอบรู้และเรียบร้อยมาให้หน่อย ผมคิดว่ามันไม่ควรเป็นเรื่องยากสำหรับคุณและเส้นสายของคุณในเมืองดีพสโตน”
“ผมจะให้เงินคุณไป ใช้มันตามที่คุณเห็นสมควร แล้วให้คนๆนั้นคอยจับตาดูกลุ่มเจดเทียร์ ผมอยากรู้ว่าพวกเขาทำอะไรและตั้งใจจะทำอะไรต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลของหัวหน้าของพวกเขา เขาคนนั้นต้องเรียงข้อมูลมาอย่างเป็นระเบียบและส่งมาให้ผมอย่างระมัดระวัง ผมคงไม่ต้องบอกคุณหรอกนะว่าผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”
“เฮ้! ไอ้หนุ่ม! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง?! ข้าบอกว่าข้าไม่ใช่พี่เลี้ยงเจ้า ไปขอคนอื่น!”
“นี่เงิน 500 เหรียญทอง”
โรดส์พูดและหยิบถุงเงินโยนไปบนโต๊ะ
“ใช้เงินนั่นตามใจได้เลย ผมจะไม่หักมันจากเงินเดือนของคุณ”
“เจ้า….”
วอร์คเกอร์มองไปยังโรดส์ ขณะนั้น เขาถอนหายใจและเก็บถุงเงินเข้ากระเป๋า
“ได้ๆ ข้าไม่รู้ข้าไปโดนคำสาปแบบไหนถึงได้มีหัวหน้าเป็นคนแบบเจ้ากัน ข้าจะช่วยเจ้าหาคนๆนั้น แต่ถ้าเงินนี่ไม่พอ ข้าจะมาขอเจ้าเพิ่ม”
“ถ้าเงินพวกนั้น ‘ไม่พอ’ น่ะนะ”
วอร์คเกอร์ไม่ตั้งใจจะกวนเขาต่อ เขายืนขึ้นและมองไปยังโรดส์ ก่อนจะเดินออกไป แต่เมื่อชายชราเดินมาถึงหน้าประตู เขานึกบางสิ่งได้และรีบหันไปพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
“อ่า ข้าเกือบลืม เมื่อตอนที่ข้าไปสมาคมทหารรับจ้าง ข้าได้รับข่าวมา ในอีก 3 วันข้างหน้า ทางสมาคมทหารรับจ้างจะมีประชุมด่วน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างทุกกลุ่มต้องเข้าร่วม ข้าได้ส่งข้อความให้เจ้าแล้ว อย่ามาว่าข้านะถ้าเจ้าลืม”
หลังจากพูดจบ ชายชราวอร์คเกอร์ดึงประตูออกและเดินออกไป
โรดส์นั่งลงที่เก้าอี้เงียบๆและมองไปยังร่างของวอร์คเกอร์ที่ค่อยๆเดินหายไปจากทางเดิน
“อย่างน้อยก็น่าจะรู้วิธีปิดประตูหน่อยนะ คุณวอร์คเกอร์”