Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 365 ข้ารอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน
บทที่ 365 ข้ารอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน
โฮก!
จอมมารแห่งโรคาค่ารามเกรี้ยวกราดและพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุดันแทนค่าตอบ
กงล้อแห่งห้วงเวลาและอากาศเป็นอาวุธสังหารชี้ชะตาของมันที่จําเป็นต่อการกลับ ไปยังดินแดนเบื้องบนที่สูงส่งกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หากยอมมอบให้อีกฝ่ายง่ายๆ ในวันนี้เพียงเพื่อรักษาชีวิตแล้วจะอดทนถูกจองจ่ามาจนถึงวันนี้เพื่อเหตุใดกัน?
“ฮั่ม ปีศาจก็ยังเป็นปีศาจวันยังค่ํา ดื้อด้านเสียจริง! บัดนี้เจ้าดูหมดสิ้นเรี่ยวแรงไป มิใช่น้อย อยากรู้จริงเชียวว่าผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
สุ่มเสียงของหลงเฟยแหลมสูงราวกับสตรี เขาเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างและพุ่งเข้าใส่จอมมารแห่งโรคาทันใด ร่างของเจ้าสํานักวัยกลางคนพลันพร่าเลือนและกลับกลายเป็นมังกรนภา ดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาอันเปรียบเสมือนคมเขี้ยวและกรงเล็บสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงพึ่งก่อนจะฟาดฟันลงไปจนอากาศแทบฉีกขาด!
“ตาราลับมังกรนภา! ขะ…เขาบรรลุตาราลับมังกรนภาจนแปลงกายเป็นมังกรได้จริง
หรือนี่?!”
คุณหญิงเฟยหยกมือขึ้นปิดปากและไม่กล้าเอ่ยคําใดอีก ความตกตะลึงระคนหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้าซีดเผือดของนาง
ไวเวิร์นท่องนภาถือเป็นเคล็ดวิชาคู่กายของเจ้าสํานักมังกรนภาทุกสมัย ทว่าสํานัก แห่งนี้ยังมีเคล็ดวิชาการฝึกตนที่ทรงพลังยิ่งกว่าซ่อนเร้นเป็นความลับอยู่ นั่นคือตารา ลับมังกรนภาอันน่าพิศวง หากแต่บิดาของนางเคยกล่าวไว้ยามมีชีวิตว่าเคล็ดวิชานี้ เป็นเคล็ดวิชามาร ผู้ศึกษาจะกลายสภาพเป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง อีกทั้งยังค่อยๆ สูญเสียเหตุผลไปที่ละน้อยกระทั่งกลายเป็นคนวิกลจริตที่รู้จักเพียงการฆ่าเท่านั้น หากฝึกฝนจนสําเร็จลุล่วงจะสามารถกลายร่างเป็นมังกรนภาและทวีความแข็งแกร่งขึ้น มหาศาล ทว่าจิตใจของคนผู้นั้นจะผิดเพี้ยนไปกระทั่งมองเห็นคนทั้งโลกเป็นศัตรูคู่อา ฆาต
จุดสีแดงเปล่งประกายขึ้นใต้ฝ่าเท้าของจอมมารแห่งโรคาก่อนจะแผ่กระจายออก ไปเป็นลาวาร้อนฉ่า!
ทว่าเจ้าสํานักหลงเฟยกลับเหยียบย่าลงไปบนลาวาอย่างง่ายดาย เขากระโจนไป อยู่ตรงหน้าจอมมารแห่งโรคาและฟาดฟันดาบลงอย่างเหี้ยมโหด ใบมีดคมกริบโดนเข้าที่ต้นขาของอีกฝ่ายพอดิบพอดี
แต่แล้วขาขวาของจอมมารแห่งโรคากลับไม่ขาดสะบั้นลงอย่างที่คิด… อันที่จริง ไม่มีร่องรอยบาดแผลเสียด้วยซ้ํา! เจ้าสํานักหลงเฟยรู้สึกว่าใบมีดของเขาชนเข้ากับ แผ่นเหล็กแข็ง ไม่กี่นาทีต่อมาแผ่นดินใต้ร่างของจอมมารก็แยกออกพร้อมคลื่นกระแทกทรงพลังสาดซัดไปทั่ว
“เจ้าประเมินความสามารถตนเองสูงเกินไปแล้วกระมัง! เจ้าสํานักของเจ้า… เจ้าสา นักของเจ้าสํานักของเจ้า… แม้แต่พวกเขายังไม่อาจฉกฉวยกงล้อแห่งห้วงเวลาและ อากาศไปจากข้าได้เลย แล้วเจ้าเก่งมาจากไหนกันเชียวไอ้คนแซ่หลง?! ข้าถูกใจดาบ เล่มนี้เข้าแล้ว ให้มันมาอยู่กับข้าเสียดีกว่า ฮ่าๆๆ”
จอมมารแห่งโรคาแผดเสียงหัวเราะลั่น ร่างของมันสั่นระริกและแกว่งไปมาก่อนจะ กลายร่างเป็นคางคกสามตาทันที! คางคกตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าคางคกทั่วไปนับพัน เท่า ท้องของมันเป็นสีขาว หลังเป็นสีเขียวและลื่น ทั้งยังมีตุ่มน้อยใหญ่ตะปุ่มตะป่าทั่ว ตัว บัดนี้จอมมารร้ายแลดูอัปลักษณ์กว่าเดิมหลายเท่านัก ร่างคางคกยักษ์อ้าปากสูด หายใจเข้าลึกจนเจ้าสํานักหลงเฟยแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ ดูเหมือนว่ามันกําลังพยายาม กลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว!
“ร่างที่แท้จริงของเจ้าคือคางคกสามตาสินะ!”
เจ้าสํานักหลงเฟยพ่นลมอย่างเย็นชา ร่างมังกรของเขาหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนฉวย โอกาสกระโจนเข้าใส่จอมมารแห่งโรคาและฟาดฟันดาบในมือลงไปอย่างโหดเหี้ยม หนนี้ใบมีดแล่นลงกลางศีรษะของจอมมารจนอยู่ห่างจากตาทั้งสามเพียงสามนิ้วเท่า นั้น เจ้าสํานักหลงเฟยทุ่มเทพละกําลังทั้งหมดกับการโจมตีในครั้งนี้ ความรุนแรงหา ใดเปรียบทําให้จอมมารแห่งโรคาไม่อาจต้านทานได้ โลหิตหลั่งไหลออกจากศีรษะ ของมันทันใด
โฮก! จอมมารแห่งโรคาร้องคารามก่อนอ้าปากพ่นหมอกพิษออกมากลุ่มใหญ่
สีหน้าของเจ้าสํานักหลงเฟยแปรเปลี่ยนทันที เขาไม่สามารถรุดหน้าโจมตีได้อีก ต่อไปจึงรีบถอยหลบอย่างรวดเร็ว มือข้างขวาที่พลาดสัมผัสหมอกพิษเพียงเล็กน้อยเริ่มเน่าเปื่อยพุพองจนถึงกระดูก!
พิษคางคกสามตา!
จอมมารแห่งโรคาสู้ยิบตาไม่ยอมถอย มันไม่ลังเลที่จะใช้พลังชีวิตโต้กลับอย่างรุนแรง
ในฐานะวิญญาณชั่วร้ายขั้นกึ่งปราชญ์ จอมมารแห่งโรคาครอบครองทักษะอันน่า อัศจรรย์นับไม่ถ้วน ทั้งยังไม่จําเป็นต้องสาธยายถึงความแข็งแกร่งมหาศาล ยิ่งไปกว่า นั้นยังสามารถหลอมละลายพื้นดินให้กลายเป็นลาวาได้และร่างคางคกที่แท้จริงขอ งมันยังสามารถอ้าปากกลืนกินศัตรเข้าไปได้ทั้งตัว หากแต่ทักษะที่ทรงพลังที่สุดคือ หมอกพิษอันเป็นเอกลักษณ์นี้!
แม้แต่ผิวหนังของจอมยุทธ์ขั้นกึ่งปราชญ์ก็ต้องเน่าเปื่อยลงหากเผลอสูดดมหมอก พิษนี้เข้าไป สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวไปกว่านั้นคือมันสามารถติดต่อได้ อาการนี้จะแพร่กระ จายจากหนึ่งเป็นสิบจากสิบเป็นร้อย และกลายเป็นโรคระบาดอย่างรวดเร็ว ยามที่มา เยือนทวีปอัคคีสวรรค์เป็นครั้งแรก จอมมารแห่งโรคาได้เปลี่ยนพื้นที่หนึ่งพันล้ําให้ก ลายเป็นดินแดนร้างในชั่วข้ามคืน ผู้คนในรัศมีพันลี้ล้วนแต่ติดโรคและตายลงเพราะ ผิวหนังเน่าเหวอะหวะชื่อเสียงร้ายกาจของมันเลื่องลือไปทั่วกระทั่งผู้ก่อตั้งสํานักมัง กรนภาได้ใช้เคล็ดวิชาแกร่งกล้กักขังมันไว้ภายใต้อาณาเขตนี้มาหลายพันปี
“ฮ่ม…ไอ้ปีศาจเฒ่า เจ้าลาพองได้แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ! รอดูเอาเถอะว่าผู้ใดจะได้ หัวเราะทีหลังกันแน่!”
เจ้าสํานักหลงเฟยไม่กล้ารุกคืบไปข้างหน้าอีกครั้ง เขากระโดดออกไปนอกวงและ เริ่มจดแผ่นหินอีกเจ็ดแผ่นที่เหลือให้ส่องสว่างขึ้นทีละแผ่น มือขวาของเขายังคงเน่า เปื่อยต่อไปไม่หยุดยั้ง มิหนําซ้ํายังร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ จนลามมาถึงหัวไหล่ เจ้าสํานัก หลงเฟยจึงไม่กล้าประมาทอีกต่อไป เขาสูดลมหายใจเข้าสองสามครั้งเพื่อสงบสติอา รมณ์ก่อนจะหันหลังเตรียมออกเดินทางกลับสู่สํานักเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ทันใดนั้นกลุ่มคนราวโหลหนึ่งพุ่งเข้าใส่เจ้าสํานักหลงเฟยจากในความมืด!
คุณหญิงมังกรนภาเฟยหูพุ่งไปข้างหน้าด้วยตนเอง นางน่าเหล่าผู้ติดตามเปิดฉาก การจู่โจมอย่างเด็ดขาด ประกายวาววับจากคมกริชและกระบี่สว่างวาบในพริบตา พวกเขาสบโอกาสยามเจ้าสํานักหลงเฟยกําลังเหนื่อยล้าและอ่อนแรงเข้าโจมตีอย่างสุดก่าลัง!
ชิง! ชิง! ชิ้ง!
หลงเฟยกวัดแกว่งดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาในมือเพื่อปัดป้องทุกการโจมตี ไม่กี่วิ นาที่ต่อมาใบมีดเย็นเฉียบของเขาก็วาดผ่านท้องฟ้าพร้อมเสียงกรีดร้องดังก้องตามๆ กัน ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับเจ็ดทั้งห้าคนกลายเป็นกองเลือดสีแดงฉาน ในกระบวนท่าเดียว!
ต่อให้ไม่ทันตั้งตัว เจ้าสํานักหลงเฟยก็สามารถตอบสนองได้ทันที่ตามสัญชาต ญาณ ซ้ําร้ายการโจมตีกลับของเขายังว่องไวและรุนแรงอย่างหาที่เปรียบมิได้
หัวใจของทุกคนรวมถึงเยี่ยฉวนเย็นยะเยือกราวกับน้ําแข็ง…
การเฝ้าดูการต่อสู้ดุเดือดระหว่างหลงเฟยและจอมมารแห่งโรคาไม่อาจเทียบได้กับ การร่วมต่อสู้ด้วยตนเองและได้สัมผัสพลังที่แท้จริงของเจ้าสํานักมังกรนภา ฐานการ ฝึกตนของเขาอาจไม่สูงส่งเกินเอื้อมอย่างบรมครูเจียงเดินเชิง แต่การโจมตีของเขาก ลับรวดเร็วและโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่า!
“จัดกระบวนทัพ ฆ่าเขาซะ!”
คุณหญิงเฟยหูตะโกนลั่นพร้อมกัดฟันพุ่งไปข้างหน้า กลุ่มคนชุดดําที่เหลืออยู่เสี่ยง ชีวิตพุ่งตามไปอย่างไม่ลังเล ปราณกระบี่และแสงจากใบมีดสาดส่องไปทั่วทุกหนแห่ง เจ้าสํานักหลงเฟยสูญเสียพลังชีวิตอย่างต่อเนื่องจนซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม ทว่าผู้ติดตาม ในชุดคลุมสีด่ากลับลงไปนอนจมกองเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ ยอดฝีมือทั้งสิบเอ็ดคนของ คุณหญิงเฟยหูเหลือรอดเพียงสองคนในพริบตาเดียว คนหนึ่งคือเหล่าหานผู้ไร้ชีวิตมา แต่แรก ร่างกายของเขาไม่หลงเหลืออุณหภูมิหรือจังหวะสูบฉีดของหัวใจแม้แต่น้อย ส่วนอีกหนึ่งคือปรมาจารย์นาคา ตรงข้ามกับปีศาจเพลิง หนานเทียนโตว และปีศาจ เฒ่าแห่งเทือกเขาหยินข้างเยี่ยฉวนที่แบกรับแรงกดดันมหาศาลจนหวาดกลัวหัวหด ไม่กล้ขยับเขยื้อน
“คุณหญิง นั่นเจ้างั้นรึ?”
เจ้าสํานักหลงเฟยกวาดสายตามองโดยรอบก่อนหยุดลงที่คุณหญิงมังกรนภาผู้สง่า งาม เขากล่าวออกพร้อมเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ “ศิษย์น้องหญิง เวลาล่วงเลยไปหลาย ปี…ในที่สุดเจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ?”
“ใช่ ข้าเอง” คุณหญิงมังกรนภาถอดหมวกไม่ไผ่ใบใหญ่ออก ดวงตาคู่สวยจ้อง เขม็งไปยังเจ้าสํานักหลงเฟยด้วยจิตสังหารแรงกล้า
“ฮ่าๆๆ ดีนี่… ดี ตลอดชีวิตแต่งงานสิบปีที่ผ่านมา เจ้าต้องทนทุกข์กับความอับอาย ทุกปี ทุกวัน ทุกคืน… ศิษย์น้องหญิงช่างมีความอดทนสูงเสียจริง ฮ่าๆๆ” เจ้าสํานัก หลงเฟยระเบิดหัวเราะลั่น บัดนี้เขาถอดหน้ากากจอมเสแสรั้งที่เคยสวมใส่ออกจนหมดสิ้น
ตลอดสิบปีที่ผ่านมาไม่มีวันใดที่มู่หรงเฟยหูไม่อยากสังหารเจ้าสํานักหลงเฟย นาง เฝ้ารอเวลาลงมือมานานแสนนาน แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลงเฟยเองก็รอเวลานี้อยู่เช่ นกัน เขาทําให้คุณหญิงต้องอับอายครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่านางจะหมดความอดทน หากเขาไม่ยั่วยุให้นางเริ่มลงมือจะกําจัดผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดีของเจ้าสํานัก คนก่อนได้อย่างไร? จะกวาดล้างทั้งคุณหญิงมังกรนภาและบริวารที่นางไว้วางใจให้ สิ้นซากในคราเดียวได้อย่างไรเล่า?
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ…”
เจ้าสํานักมังกรนภาแผดเสียงหัวเราะอีกครั้ง แม้จะถูกดักซุ่มโจมตี แต่ความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนทําให้เขาไม่รู้สึกหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย!