Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 308 ตรวนล่ามมังกร
บทที่ 308 ตรวนล่ามมังกร
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วยจํานวนสองต่อหนึ่ง ทั้งเยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์เรียกใช้เคล็ดวิชาลับทุกประเภทเพื่อต่อกรกับศัตรู ทว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็ดูไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อกับอสรพิษยักษ์น่าสะพรึงกลัวตนนี้!
เสื้อคลุมของเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยรูพรุนเพราะถูกพิษของงูยักษ์กัดกร่อน ซ้ําร้ายร่างกายของเขา บางส่วนยังได้รับบาดเจ็บหนัก พิษของอสรพิษยักษ์ตัวนี้มีอานุภาพทําลายล้างรุนแรงยิ่งกว่า หมอกพิษสองฟากฝั่งของครรลองมังกรปีศาจในอาณาจักรสวรรค์มากนัก แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยอาจได้รับบาดเจ็บจนแขนเกือบขาด
ส่วนมังกรน้อยหลงเอ๋อร์ยังคงได้เปรียบมากกว่าเยี่ยฉวนในเชิงกายภาพ ไม่นานชายหนุ่มจึงล่าถอยปล่อยให้หลงเอ๋อร์รับมือกับอสรพิษยังเพียงลําพังอย่างแข็งแกร่ง ทักษะการจู่โจมอย่างดุ เดือดเลือดพล่านของเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจค่อยๆ สําแดงอิทธิฤทธิ์ แม้ตอนที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์หลงเอ่อร์ยังเป็นเพียงเด็กชายผู้ไม่รู้ประสา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากอสรพิษยักษ์ตนนี้ ทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยสัญชาตญาณ ท้ายที่สุดเยี่ยฉวนเพียงหลบเลี่ยงออกห่าง และเฝ้ามองการต่อสู้นั้นจากระยะไกล
หมอกโลหิตสีแดงฉานซึ่งแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณม้วนตัวขึ้นลงราวกระแสน้ําไหล ทว่าจู่ๆพวกมันกลับเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนหนาแน่น กระทั่งบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นเสียหมดสิ้น ออร่าคุกคามมหาศาลประหนึ่งแรงกดทับใหญ่หลวงซึ่งไม่อาจมองเห็น เยี่ยฉวนรู้สึกเจ็บแปลบตามผิวหนังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวมีปลายเข็มแหลมคมนับพันเล่มแทงทะลุผิวหนัง ยิ่งไปกว่านั้นบาดแผลเปิดตามร่างกายกลับไม่แห้งกรังและสมานตัวรักษาหากแต่เน่าเปื่อยลงทุกขณะ
หมอกโลหิตบริเวณกันึ่งของหุบเหวมังกรปีศาจทรงพลังกว่าที่เขาคาดการณ์มากมายนัก หากเป็นเช่นนี้เขาอาจต้านทานอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
เยี่ยฉวนจ้องมองไปยังการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างอสุรกายทั้งสองอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงนําเห็ดราวิญญาณโลหิตออกมาพร้อมด้วยห่วงโซ่มังกรที่อาวุโสลําดับเจ็ดชุดคลุมสีฟ้าเป็นผู้มอบให้และพุ่งตัวไปด้านหน้า ก่อนมุดลงไปยังถ้ําใต้ดินอันเป็นที่ซ่อนตัวของอสรพิษยักษ์ตัวนี้อย่างรวดเร็ว
หลังกวาดสายตาสํารวจโดยรอบ เยี่ยฉวนกลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาณาเขตโบราณ หากมันมีอยู่จริงคงถูกซุกซ่อนไว้สักแห่งในถ้ําใต้ดินนี้เป็นแน่
เมื่อหวนนึกถึงคําชี้แนะจากชายชรา เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าและวิ่งลงไปยังถ้ําใต้ดินอันมืดสนิทนั้นอย่างไม่รอช้า อสรพิษยักษ์ไหวตัวทันจึงหันหลังกลับพร้อมส่งเสียงขู่กรรโชกโดยพลันหมายหยุดยั้งการกระทําของเขา แต่ด้วยร่างของมังกรน้อยหลงเอ๋อร์ที่ปราดเข้ามาขวางทางทําให้มันไม่สามารถโจมตีเยี่ยฉวนได้ทันการณ์ ทําได้เพียงมองอีกฝ่ายหายลับลงไปในตัวโดยไม่อาจยับยั้ง
สายลมพัดโบกเข้าปะทะข้างหูของเยี่ยฉวนทันทีที่เขาล้มลง
ทันทีที่เข้าสู่ถ้ําใต้ดินอันมืดมิดเยี่ยฉวนจึงสดับเสียงประหลาดที่เขาเคยได้ยินแว่วๆ เมื่อครั้งอยู่เหนือก้นเหวแห่งนี้ มันคือเสียงคํารามอย่างเกรี้ยวกราด สลับกับเสียงที่แสดงถึงอารมณ์โศกเศร้าจนคล้ายเสียงโหยหวน ทั้งยังมีเสียงราวโซ่ขนาดใหญ่ที่ลากไปกับพื้นดิน ทุกสรรพเสียงแล่นเข้าสู่โสตประสาทของเขาที่ละเสียงจนครบถ้วน แต่แล้วกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรงกลับโชยเข้าสู่จมูกของเขาจนแทบอาเจียน หากสูดดมเข้าไปมากกว่านี้อีกหน่อยอาจหายใจไม่ออกและคลื่นไส้ ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลอีกส่วนหนึ่งพลันพุ่งตรงมาทางเขา ตอนแรกเยี่ยฉวนคิดอยากกระโดดลงไปให้ลึกกว่านี้ ทว่าพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างกลับฉุดกระชากเขาลงไปโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามใดทั้งสิ้น
ภายในถ้ําใต้ดินปรากฏเขตต้องห้ามจริงดังที่เขาคาดการณ์ไว้!
ใบหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด ช่วงชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาเขาเคยผ่านอาณาจักรลางสังหรณ์โบราณที่เต็มไปด้วยภยันตรายร้ายแรงมานักต่อนัก ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตึงเครียดด้วยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใต้พิภพใดๆ ทั้งสิ้น!
บรรยากาศเบื้องบนยังคงมีหมอกโลหิตลอยคละคลุ้งแผ่ปกคลุมไปทั่ว มังกรน้อยหลงเอ๋อร์ยัง ไม่รู้ถึงความผิดปกติเพราะติดพันกับการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับอสรพิษตัวนั้น ดังนั้นแม้เขาจะเกิดอันตรายใดคงไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ ปีศาจเพลิงและบริวารคนอื่นๆ ที่สัมผัสว่าผู้เป็นนายตกอยู่ในภาวะคับขันเร่งรุดมายังปากหน้าผาแล้ว ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้ เยี่ยฉวนจึงหวังเพียงแค่อาวุโสลําดับเจ็ดจะรับรู้ถึงสถานการณ์ดังกล่าวและช่วยเขาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอาณาเขตโบราณนี้อย่างทันเวลา
หัวใจของเยี่ยฉวนกระตุกแรงครั้งแล้วครั้งเล่า เขาคาดคะเนความสูงจากจุดที่เขาอยู่ถึงเบื้องบนสุดอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่ผ่านระยะทางกว่าหนึ่งพันเมตรฝ่าเท้าทั้งสองจึงกระทบลงบนพื้นดินในที่สุด
ตรงหน้าเยี่ยฉวนปรากฏม่านแสงสีแดงจางๆ บนผนังถ้ํามีเม็ดทับทิมฝังอยู่โดยเว้นระยะห่างจากกันสิบเมตร ทางเดินเบื้องหน้ามีเพียงแสงสว่างสลัวราง ทันทีที่ก้าวออกไปหนึ่งก้าวเสียงผืนดินใต้ฝ่าเท้ากลับดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมา ครั้นก้มหน้าลงมองจึงพบว่าต้นเสียงเกิดจากการเสียดสีระหว่างพื้นใต้รองเท้าของเขาและโครงกระดูกของมนุษย์และสัตว์อสุรกายหลายพันธุ์จํานวนมาก เขาไม่อาจล่วงรู้ว่ามีศพจํานวนกี่ศพที่ตายตกลงในสถานที่แห่งนี้ แม้ตัวเขาผ่านประสบการณ์มากมายมาถึงสองภพชาติ แต่ในจิตใจยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวา บนหน้าผากปรากฏหยดเหงื่อผุดพรายจนเปียกโชก
“โฮก!” เสียงคํารามดังสนั่นจนแก้วหูแทบระเบิดดังขึ้นพร้อมเสียงลากโซ่ เมื่อมาถึงจุดนี้สรรพเสียงประหลาดกลับยิ่งชัดเจนขึ้น
เยี่ยฉวนรวบรวมความกล้าขณะเดินไปด้านหน้าด้วยฝีเท้าอันมั่นคง ครั้นเหยียบกองกระดูกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร ความรู้สึกซาบซ่าราวเป็นเหน็บชาพลันเกิดขึ้นกับหนังศีรษะของเขา!
ส่วนท้ายของถ้ําใต้ดินแห่งนี้เป็นห้องโถงว่างเปล่าขนาดใหญ่ สี่มุมของห้องโถงมีเสาขนาดใหญ่สูงตระหง่านปักอยู่อย่างมั่นคงสี่ต้น แต่ละเสามีห่วงโซ่เหล็กกล้าขนาดมหึมาคล้องไว้อย่างแน่นหนา ปลายโซ่ยักษ์ทั้งสี่เส้นล่ามเอาไว้กับแขนและขาของมังกรซึ่งมีผิวหนังสีแดงเพลิงที่มีขนาดลําตัวใหญ่มโหฬารกว่าสัตว์อสุรกายทุกสายพันธุ์ที่เขาเคยพานพบเสียงคํารามชวนให้หู หนวกดังมาจากลําคอของมังกรยักษ์ตัวนี้!
อสรพิษยักษ์ที่กําลังต่อสู้อยู่กับมังกรน้อยหลงเอ๋อร์นับว่ามีขนาดลําตัวที่ใหญ่มากแล้ว แต่เมื่อยกมาเปรียบกับมังกรเพลิงตัวนี้ มันกลับกลายเป็นเพียงลูกนกตัวน้อยไร้พิษสงโดยสิ้นเชิง!
มังกรปีศาจ!
นี่คือมังกรปีศาจสายพันธุ์โบราณที่ดุร้ายอํามหิตยิ่ง! สาเหตุที่มันถูกล่ามไว้เช่นนี้ก็เพราะมันก่ออาชญากรรมร้ายแรงจนบรรดาผู้ฝึกตนไม่อาจยอมรับได้ ตํานานเก่าแก่ที่ถูกเล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเป็นความจริงทุกประการ!
ฝ่ามือรวมถึงทั่วสรรพางค์กายของเยี่ยฉวนเย็นเฉียบลงราวน้ําแข็ง เขาหยุดชะงักฝีเท้าในทันที ด้วยไม่มีความกล้าหาญพอที่จะก้าวออกไปด้านหน้า
ขั้นการฝึกตนรวมถึงพละกําลังมหาศาลของมันอยู่ในสถานะที่ไม่อาจหยั่งถึง ทว่าแผ่ถึงความทรงพลังอํานาจอย่างหาใดเปรียบ แม้แต่ราชินีอสูรเกศาขาวแห่งสํานักอสูรเมฆาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อแต่อย่างใด บางทีมันอาจมีพลังสูงส่งเทียบเท่าขั้นกึ่งปราชญ์และเทียบเท่าระดับมหาปราชญ์ของโลกมนุษย์ด้วยซ้ํา! ยิ่งการที่มันมีรูปกายเป็นมังกรปีศาจร้าย ต่อให้เวลานี้เขามีขั้นการฝึกตนเป็นนักปราชญ์เช่นเดียวกันกับภพชาติก่อนยังต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะมันด้วยความยากลําบาก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วด้วยการฝึกตนเพียงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่หนึ่งในปัจจุบัน หากประมาทหนึ่งครั้งอาจถูกกรงเล็บทรงพลังนั้นตะปบจนขาดใจตายเป็นแน่
“เจ้ามนุษย์ผู้มีศักดิ์ต่ําต้อย ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาเขตแห่งข้า…เพิ่งเอ๋ จงมอบดวงวิญญาณ และเนื้อหนังมังสาของเจ้าให้กับข้าแต่โดยดี! ฮ่าๆๆ!”
มังกรปีศาจร้ายล่าตัวสีแดงเพลิงพ่นถ้อยคําเป็นภาษามนุษย์ออกมาและพยายามตะเกียกตะกายสุดแรงเพื่อกระโจนไปด้านหน้า ดวงตาแดงก่ําจ้องมองเหยื่อรายใหม่ที่หลงเข้ามาด้วยความกระหายเลือดหมายกลืนกินร่างของเยี่ยฉวนลงไปทั้งตัว! แต่ทุกครั้งที่มันวิ่งไปด้านหน้าตรวนโซ่ที่ล่ามอยู่กลับส่งเสียงดังกึกก้อง เสาสูงตระหง่านซึ่งปักอยู่บนพื้นดินทั้งสี่ต้นสั่นคลอนไปมาอย่างน่าสะพรึงว่ามันจะหลุดออกจากพันธนาการนั้นได้สําเร็จ
แรงกดดันภายในห้องโถงพุ่งพรวดขึ้นอย่างมหาศาลจนหายใจลําบากยิ่ง!
เยี่ยฉวนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อระงับอารมณ์ให้ตัวเองกลับคืนสู่ความสงบ เขากวาดสายตามองห้องโถงโดยรอบจนทั่วเพื่อสังเกตรายละเอียดทั้งหมด พบว่าม่านแสงสีแดงไหลเวียนอยู่โดยรอบของเสาสูงตระหง่านทั้งสี่ บ่งบอกว่ามันถูกก่อรวมขึ้นเพื่อสร้างเป็นอาณาเขตกักขังมังกรปีศาจตนนี้เอาไว้ ทุกครั้งที่มันคิดขยับตัวเพื่อพังทลายโซ่ตรวนให้เป็นอิสระแสงสีแดงดังกล่าว จะจางลงเมื่อเสาโยกคลอนไปมา ไม่ต่างอะไรจากเปลวเพลิงพวยพุ่งที่อ่อนกําลังลงทุกครั้งที่ลมพายุพัดผ่าน ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้จะรุนแรงกว่าที่อาวุโสลําดับเจ็ดคาดการณ์ไว้เสียอีก! ด้วยระยะเวลาที่เนิ่นนานรวมถึงพละกําลังของมังกรร้ายที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งทําให้มันใกล้จะหลุด พ้นจากอาณาเขตดังกล่าวเต็มที่ หากปล่อยไว้นานกว่านี้อีกหน่อยมันอาจได้รับอิสรภาพกลับคืนอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อถึงเวลานั้นสานักหมอกเมฆาจะกลายเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญกับความหายนะ!
เยี่ยฉวนถอยกรูดทันที…ภารกิจสํารวจสถานการณ์ที่เขาได้รับมอบหมายจากอาวุโสลําดับเจ็ด เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว เวลานี้เขาไม่อยากรั้งรออยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้วินาทีเดียว หากล่าช้ากว่านี้ ไม่แน่ว่าอันตรายทั้งมวลอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกระทั่งเขาไม่อาจแก้ไข ผู้ใดบ้างจะล่วงรู้ว่ามังกรปีศาจซึ่งเรียกตนเองว่าเพิ่งเจะหลุดจากโซ่ตรวนนี้ได้เมื่อไร เช่นนั้นเขาต้องรีบเร่งกลับขึ้นไปด้านบนโดยเร็วที่สุด
“ช่วยข้าด้วย! ศิษย์พี่ใหญ่…ได้โปรดช่วยข้าออกไปด้วย… ศิษย์พี่ใหญ่!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนเรียกร้องขอความช่วยเหลือที่อ่อนระโหยโรยแรงเต็มที่กลับดังขึ้น สุ่มเสียงดังกล่าวช่างน่าคุ้นเคยจนเยี่ยฉวนตื่นตระหนก
“หนานเทียนโตว?”
เยี่ยฉวนอุทานลั่น เขาจดจําได้ทันทีว่าเสียงนั้นเป็นของหนานเทียนโตวไม่ผิดแน่! ดังนั้นเขา จึงรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ตาย ทว่าอึดใจต่อมาเส้นผมบนหนังศีรษะของเขากลับลุกชูชันขึ้นอีกครั้ง แขนและขาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบคล้ายน้ําแข็ง เมื่อตระหนักว่าเสียงนั้นดังมาจากร่างของมังกรปีศาจร้ายตนนี้อย่างน่าหวาดผวา!
สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพลวงตาหรืออย่างไร?! นี่เป็นวิธีการของมังกรปีศาจที่ต้องการให้เขาเกิดความสับสน หรือความจริงหนานเทียนโตวอาจยังมีชีวิตอยู่แต่ถูกมังกรร้ายกลืนกินเข้าไปกันแน่?!
เยี่ยฉวนรู้สึกตกใจในข้อสันนิษฐานอย่างหลังจนเหงื่อเย็นเฉียบไหลโซมทั่วร่าง เขาหลับตาลง ก่อนส่งกระแสจิตบริสุทธิ์ออกไปสํารวจอย่างระมัดระวัง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่าง ใด… ศิษย์น้องหนานเทียนโตวผู้มากความสามารถของเขายังไม่ตาย แต่กลับอาศัยอยู่อย่างสิ้นหวังในท้องของมังกรร้ายตัวนี้!