Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 260 เมียจ๋า ช่วยข้าด้วย!
บทที่ 260 เมียจ๋า ช่วยข้าด้วย!
ชายผู้โหดเหี้ยมคนนี้สติวิปลาสไปเสียแล้ว!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงธาตุแท้ขององค์ชายรัชทายาทแห่งต้าฉันอย่างชัดเจนว่าเขาจมปลักอยู่ในวังวนการแก้แค้นจนสังหารผู้คนรอบกายได้อย่างเลือดเย็น!
รูม่านตาของเยี่ยฉวนหดเล็กลงด้วยความตึงเครียดเมื่อมองไปที่องค์ชายหลีก่วงฮ่านที่แผ่จิตสังหารคุกคามออกมาอย่างไม่ลดละ!
กระบวนดาบของสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซียสง่างามและรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน ทว่าการเคลื่อนไหวขององค์ชายก็ปราศจากความเชื่องช้า เขาต้องการสังหารเยี่ยฉวนให้ตายตกไปด้วยหมัดเดียวให้จงได้ ขณะเดียวกันก็คอยหันหลังและใช้ร่างกายต้านทานคมดาบของหงจอเซียที่ฟาดฟันลงมาอย่างต่อเนื่อง เขาไม่เพียงเลือดเย็นกับชีวิตผู้ อื่นแต่ยังเลือดเย็นแม้กระทั่งต่อชีวิตของตนเอง! ความมุ่งมั่นในการสังหารเยี่ยฉวนแรงกล้าเสียจน เขาไม่คํานึงถึงความปลอดภัยของตนเลยแม้แต่น้อย!
ร่างของเยี่ยฉวนสั่นสะเทือนไปมาและค่อยๆ จางหายไป
แม้หมัดหนักหน่วงขององค์ชายที่ทุบลงบนมวลอากาศจะให้แรงกระแทกมหาศาลราวค้อนยักษ์ที่มีน้ําหนักหนึ่งหมื่นจิน แต่น่าเสียดายที่เขาทุบ ถูกเพียงอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้เยี่ยฉวนไม่กล้าตั้งรับหมัดดังกล่าวด้วยร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิม แต่เลือกใช้เคล็ดวิชาไร้เทียมทานเพื่อซ่อนเร้นกาย และเคลื่อนมาหลบอยู่ด้านหลังหงจื่อเซีย!
สีหน้าขององค์ชายหลีก่วงซ่านแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกราวธารน้ําแข็งอย่างน่าสะพรึงกลัว เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อหลบคมดาบของหงจื่อเซีย ครั้นเห็นเยี่ยฉวนย้ายตําแหน่งไปหลบอยู่ด้านหลังนาง ใบหน้าของเขาก็ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น “ไอ้สารเลว! เป็นบุรุษเพศอย่างไรจึงหลบซ่อนอยู่หลังสตรีเช่นนี้!? หากเจ้ามีความกล้ามากพอก็ออกมาซะแล้วใช้เพียงฝ่ามือเดียวเพื่อต่อสู้! ข้าใคร่รู้นักว่าระหว่างอาวุธของเจ้าและหมัดของข้า สิ่งใดจะเร็วกว่ากัน!”
องค์ชายรัชทายาทผู้สูญเสียนิ้วมือทั้งสามจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นประหนึ่งมีเปลวเพลิงเผาไหม้ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหลบอยู่หลังสตรีเช่นหงจื่อเซีย ความโกรธของเขายิ่งเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าทวี!
ด้วยฐานันดรสูงส่งที่เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉิน ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์เขาจึงเปี่ยมไปด้วยความรุ่งโรจน์ สง่าผ่าเผย และมีความมั่งคั่งในด้านยศถบรรดาศักดิ์และทรัพย์สมบัติมหาศาล อีกทั้งตัวเขายังมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นแต่กําเนิด ทําให้เขาบรรลุขั้นการฝึกตนสูงส่งและมีวรยุทธ์ล้ําเลิศตั้งแต่อายุยังน้อย สิ่งที่เขามีทั้งมวลส่งเสริมให้เป็นใหญ่เหนือบรรดาท่านอ๋องและพระราชนัดดาองค์อื่นๆ แม้แต่ขุนนางระดับสูงและ ท่านอาจารย์ยังแสดงความนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้า ชีวิตนี้เขาสมบูรณ์แบบเสียจนไม่เคยเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน!
การสูญเสียนิ้วมือทั้งสามไม่เพียงส่งผลต่อทักษะการต่อสู้ที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังทําให้รูปกายอันงามสง่าปราศจากความสมบูรณ์แบบอีกต่อไป สําหรับองค์ชายเจ้าสําอางที่ดูแลรูปโฉมของตนเป็นนิจ การสูญเสียอวัยวะจากการต่อสู้ในครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอย่างสุดซึ้ง!
ตอนอยู่ในครรลองมังกรปีศาจ เมื่อหลิวหงและคุณชายมู่หรงซุ้ยเฟิงอ้อนวอนข้อชีวิตอย่างน่าสมเพช เขายังปราศจากความลังเลที่จะกําจัดคนเหล่านั้นให้พ้นทางโดยไม่ลังเลด้วยไม่ต้องการปะทะกับเยี่ยฉวนให้มากความ ทว่าเวลานี้เขามีเป้าหมายในชีวิตเพียงอย่างเดียวคือสังหารอีกฝ่ายให้ตายตกไปเท่านั้นเพื่อแก้แค้นที่ตนถูกตัดนิ้วมือทั้งสาม หากไร้เยี่ยฉวนสักคนเส้นทางนับจากนี้คงราบรื่นปราศจากคู่แข่งตัวฉกาจ!
ก่อนหน้านี้มียอดฝีมือหลายรายเดินทางเข้ามา ในอาณาจักรสวรรค์แห่งมังกรปีศาจ ทว่าท้ายที่สุดมีเพียงสามคนเท่านั้นที่ฝ่าฟันภยันตรายมาสู่ห้องโถงมังกรปีศาจ ดังนั้นหากกําจัดเยี่ยฉวนทิ้งไปเสียหนึ่งคน ก็จะเหลือเพียงเขาและหงจื่อเซีย ในการเดินทางครั้งนี้!
“เจ้าพูดถูก การหลบซ่อนอยู่หลังสตรีนับว่าได้ความสามารถ แต่การปราศจากที่กําบังในยามที่เจ้าต้องการนั่นน่าสมเพชยิ่งกว่า!”
เยี่ยฉวนหัวเราะเย้ยหยัน เดิมที่เขาคิดเรียกอสรพิษหน้าคน ภูตทะเลและสิ่งอื่นๆ มาช่วยในการสู้รบ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นหงจอเซียที่ถือดาบยาวจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าควรใช้โอกาสนี้ใช้นางเป็นโล่กําบัง “ทุกครั้งที่กระหม่อมตกอยู่ในอันตรายมักมีสตรีงามผู้เก่งกาจคอยช่วยเหลือ การต่อสู้เพียงลําพังไม่นับเป็นความสามารถทว่าเป็นความล้มเห ลวในฐานะมนุษย์อย่างน่าสังเวช! ฝ่าบาท ต่อให้วันข้างหน้าพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์กลายเป็นองค์จักรพรรดิคนใหม่และมีอาณาบริเวณให้ปกครองถึงร้อยล้านลี้ ก็ใช่ว่าทรงประสบความสําเร็จในชีวิต พระองค์ทรงโอบกอดสตรีงามอย่างอิสระไร้ ข้อผูกมัดเช่นกระหม่อมได้หรือไม่? จริงอยู่ที่กระหม่อมเป็นเพียงศิษย์ของสํานักไร้ชื่อเสียง แต่ หากเทียบกับพระองค์แล้วยังนับว่าเหนือกว่า! ฝ่าบาททรงยอมจํานนต่อชะตากรรมของพระองค์เองเถิด!”
หงจื่อเซียพ่นลมหายใจแรงอย่างไม่เห็นด้วยทว่ายังคงยืนบังเยี่ยฉวนไว้โดยไม่ขยับเขยื้อน ใบหน้าขององค์ชายหลีก่วงซ่านแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีที่เห็นภาพเช่นนั้น
แม้เขามีสถานะเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉิน แต่หงจื่อเซียกลับไม่เลือกยืนเคียงข้างเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว นางเคลื่อนไหวหลายต่อหลายครั้งเพื่อปกป้องเยี่ยฉวนซึ่งเป็นเพียงศิษย์ชั้นสามัญอย่างเต็มที่คําสบประมาทของอีกฝ่ายที่ตอกย้ําว่าเขาเป็นคนล้มเหลวกําลังเป็นจริงอย่างนั้นหรือ? เช่นนี้จะให้เขานิ่งดูดายต่อไปได้ อย่างไร?!
เมื่อพินิจใบหน้างดงามหาใดเปรียบของสตรี พรหมจรรย์หงจื่อเซีย หัวใจขององค์ชายพลันเต้นรัวขึ้นด้วยความปรารถนาและยิ่งตระหนักชัดว่าเยี่ยฉวนเป็นส่วนเกินที่ต้องกําจัดทิ้งโดยเร็ว! เขาสูดลมหายใจเข้าล็กพร้อมพุ่งตัวไปด้านหน้าโดยเบี่ยงหลบร่างของหงจื่อเซียที่ยืนขวางก่อนโถมตัวใส่เยี่ยฉวนโดยตรงและระดมหมัดชกต่อยอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล ครู่นี้เขาเพียงต้องการเหยียบเยี่ยฉวนให้จมดินและตัดนิ้วออกทีละนิ้วเพื่อระบายความโกรธเท่านั้น แต่ตอนนี้ความโกรธของเขาพุ่งทะยานถึงขีดสุดจนไม่สามารถข่มกลั้นโทสะได้อีกต่อไป! ไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้จะต้องแหลกเหลวกลายเป็นเนื้อบดคามือเขา!
“ท่าไม่ดีแล้ว…เมียจ๋า! ช่วยข้าด้วย!”
เยี่ยฉวนรีบกระโดดหลบไปอยู่หลังหงจื่อเซีย โดยใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามอีกครั้ง
หงจื่อเซียเม้มริมฝีปากสนิท อาวุธสังหารในมือส่งเสียงกระหึมพร้อมจิตสังหารแรงกล้า สาเหตุ ไม่ใช่เพราะองค์ชายหลีก่วงฮ่านที่พุ่งเข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน แต่คําว่า “เมียจ๋า” ที่ออกมาจากปากของเยี่ยฉวนทําให้นางโกรธเกรี้ยวจนแทบหายใจไม่ออกเสียยิ่งกว่า!
องค์ชายหยุดชะงักฝีเท้าโดยพลัน ฟันบนและ ล่างขบเข้าหากันแน่น สีหน้าแปรเปลี่ยนหลากอารมณ์ทันที
โทสะที่สุมอยู่เต็มอกของหงจือเซียปะทุขึ้น จนจิตสังหารรุนแรงเป็นเท่าทวี! ตอนนี้นางมีแรงกระตุ้นสูงส่งที่จะสับร่างของเยี่ยฉวนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่องค์ชายยังสัมผัสได้ว่าจิตสังหารของสตรีผู้นี้แรงกล้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ แรงคุกคามจากอีกฝ่ายทําให้เขาตื่นตระหนกพิศวง และโกรธแค้น เขานิ่งทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยฉวนและหงจื่อเซียอีกครั้ง!
เมียงั้นหรือ?!
ไอ้เด็กเหลือขอเยี่ยฉวนนี่คบหากับนางตั้งแต่เมื่อไรกัน?! แล้วสานสัมพันธ์โดยวิธีการใด? พวกเขารู้จักกันมานานแล้วกระนั้นหรือ…
ใบหน้าองค์ชายหลีก่วงฮานบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด บรรดาสตรีผู้งดงามในเมืองหลวงไม่ว่าเป็นบุตรีขุนนางสูงศักดิ์หรือฐานะต่ําต้อย แม้แต่โสเภณีในหอนางโลมองค์ชายเช่นเขาล้วนเชยชมพวกนางจนเบื่อหน่าย ครั้นออกเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลในที่สุดเขาก็ได้พบพานสตรีผู้มีท่วงท่าสง่างามและสูงส่งต้องตาต้องใจยิ่ง ไม่คาดคิดว่า เยี่ยฉวนกลับได้นางไปครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อหยิบยกความรู้สึกดังกล่าวเทียบกับการสูญเสียนิ้วมือทั้งสาม ความอึดอัดคับข้องนี้กลับทําให้เขาหดหูยิ่งกว่าที่พ่ายแพ้ให้กับศัตรูแม้แต่เรื่องสตรี!
ตราบใดที่เขาหมั่นเพียรฝึกตนจนบรรลุสู่ขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัด ไม่นานนิ้วมือที่ถูกตัดยังมีวันงอกขึ้นมาใหม่ ทว่าการที่หงจือเซียและเยี่ยฉวน ตกลงปลงใจกันมาแล้วเป็นระยะเวลาหลายปี เช่นนั้นสตรีพรหมจรรย์จะยังคงสถานะพรหมจรรย์ได้อย่างไร?!
ดวงตาขององค์ชายรัชทายาทแดงก่ําเป็นสีโลหิตราวสัตว์อสุรกายบ้าคลั่ง จิตใจเขายามนี้มีโทสะแรงกล้าพร้อมทําลายล้างทุกสิ่ง เขาต้องการสังหารเยี่ยฉวนเสียเดี๋ยวนี้และชิงตัวนางให้ไปกับตน แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน…เหตุและผลกลับมีชัยเหนือโทสะทั้งมวลที่ก่อเกิด หากเขาดึงดันสังหารเยี่ยฉวนต่อไปอีกฝ่ายย่อมผนึกกําลังกับหงจื่อเซีย เขาอาจพลาดท่าเสียทีจนได้รับบาดเจ็บหนักทั้งยังได้โอกาสครอบครองมรดกล้ําค่า ของอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ ความประสงค์แรกเริ่มเดิมที่อาจล้มเหลวจนเสียการ
“ไอ้บัดซบ! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะซ่อนกายอยู่หลังนางได้นานเพียงใด?!”
องค์ชายหลีก่วงซ่านแค่นเสียงแหบแห้งขณะจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตาอํามหิต จากนั้นจึงผละจากคนทั้งคู่และพุ่งตัวหายเข้าไปในประตูทางเข้าของห้องโถงมังกรปีาจ!
ช่างเป็นการหลบลี้ปัญหาที่ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี!
ในที่สุดเทพสังหารก็ยอมรามือ!
เยี่ยฉวนปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาขณะมองตามแผ่นหลังขององค์ชายรัชทายาทที่หายลับเข้าไปภายในก่อนผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
ขอบเขตป้องกันของอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ทรงพลังยิ่ง! แม้เขามีพละกําลังมากเพียงใดแต่การลอยตัวอยู่กลางอากาศเหนือหมอกพิษเป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตรก็ทําให้สูญเสียพลังยุทธ์ไปไม่น้อย เมื่อถูกโจมตีจากองค์ชายหลีก่วงฮานเขาคิดว่าตนคงต้านทานไม่ไหวและร่วงหล่นลงไปในหมอกพิษเสียแล้ว กว่าจะร่อนลงสู่ปากทางเข้าห้องโถงมังกรปีศาจตัวเขาคงไม่ต่าง อันใดไปจากตะเกียงน้ํามันที่มีแสงสว่างเพียงริบหรี่
ขณะเดียวกัน…จู่ๆ คมดาบเย็นเยียบก็ถูกพาดวางไว้บริเวณลําคอของเยี่ยฉวน!
ชายหนุ่มที่เพิ่งผ่อนคลายได้ไม่นานกลับตึงเ รียดขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่หันไปมองจึงพบใบหน้างามผุดผาดของสตรีพรหมจรรย์ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา จิตสังหารที่แผ่ออกพลุ่งพล่านรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน!