Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 238 ผลึกศิลามังกร
บทที่ 238 ผลึกศิลามังกร
เมื่อสถานการณ์คับขันจนชีวิตของทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้ฝึกตนทุกคนจึงร่วมผนึกกําลังกันอย่างเต็มที่เพื่อกําราบฝูงมังกรที่โผล่ขึ้นจากใต้ดินและหมอกพิษหนาทึบ ขณะฟาดฟันพวกเขาก็เคลื่อนพลดันศัตรูไปด้านหน้า…ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง
มังกรยักษ์เหล่านั้นโหดเหี้ยมอํามหิตยิ่ง! เพียงพริบตาเดียวพวกมันก็แปลงกายจากรูปปั้นเป็นมังกรที่มีชีวิตและเลือดเนื้อ หนําซ้ํายังมีพลังมหาศาล บางช่วงพวกมันก็มีจํานวนเพิ่มขึ้นจนเหล่าผู้ฝึกตนเพลี่ยงพล้ํา
ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในครรลองมังกรปีศาจไม่ว่าจะเป็นศิษย์จากสํานักต่างๆ หรือผู้ฝึกตนไร้สังกัดล้วนเป็นยอดฝีมือเก่งกาจ…ส่วนใหญ่บรรลุขั้นต่ําสุดคือปรมาจารย์แห่งเตระดับที่หนึ่ง แม้มังกรเหล่านั้นทรงพลังเพียงใดแต่วรยุทธ์อันสูงส่งของพวกเขาก็น่าเกรงขามไม่แพ้กัน
เยี่ยฉวนและหลงเอ่อร์น้อยสังเกตการณ์จากระยะไกลด้วยความระมัดระวัง
มังกรยักษ์ตัวหนึ่งถูกกระแทกเข้าที่หน้าอกโดยแรงจนกระเด็นไปไกลก่อนร่วงลงบนพื้นและส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันไถลลงมาอยู่ด้านหน้าก้อนหินที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ หลังดิ้นทุรนทุรายอยู่พักใหญ่…พลังชีวิตของมังกรมีปีกตัวนี้จึงสลายไป ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื่นจนแข็งกระด้างกลายเป็นรูปปั้นอีกครั้ง ตลอดลําตัวปรากฏรอยแตกเป็นทางยาว กระแสลมแรงทําให้ร่างกระจายออกเป็นหลายร้อยชิ้น เยี่ยฉวนลอบสังเกตครู่หนึ่ง ทันใดนั้นจึงมองเห็นแสงสลัววับแวมออกมาจากภายในส่วนหัวขนาดใหญ่
สมบัติงั้นรึ?
แววตาชายหนุ่มวูบไหวเมื่อนึกถึงภาพก้อนผลึกมนุษย์ตัวน้อยที่เขาพบบ่อยครั้งจากร่างอสูรหินในป่าหมื่นอสูร จึงพลิกหัวของมันกลับด้านอย่างรวดเร็ว ก้อนผลึกสีฟ้าปรากฏต่อสายตาจริงดังคาด เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกที่แผ่ออกจากก้อนผลึกขนาดเท่ากําปั้นชิ้นนี้! เมื่อมองลวดลายบนพื้นผิวจากระยะไกลจะพบว่าคล้ายคลึงกับอักขระโบราณ แต่หากพินิจใกล้ๆ จะเห็นเป็นรูปลักษณ์มังกรตัวจิ๋วซึ่งมีตา กรงเล็บและปีกเฉกเช่นตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน แม้แต่เส้นขนยังคมชัดประหนึ่งมังกรที่เพิ่งเติบโตมาจากตัวอ่อน
นะ…นี่คือผลึกศิลามังกรอย่างนั้นหรือ?!
เยี่ยฉวนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อสัมผัสถึงความแปรปรวนของพลังงานบริสุทธิ์จากก้อนผลึกสีฟ้าชิ้นนี้! ยันต์กลืนกินสวรรค์รูปมังกรปีศาจในจุดตันเถียน หมุนวนด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพลังของสมบัติทั้งสองสะท้อนซึ่งกันและกัน
ก้อนผลึกมนุษย์ที่เขาพบจากอสูรหินเศียรสุนัข และอสูรหินเศียรพยัคฆ์ยังมีมูลค่าสูงเกินคณานับเช่นนั้นก้อนผลึกที่พบในมังกรยักษ์เหล่านี้คงมีมูลค่าสูงกว่านั้นหลายร้อยเท่า และอาจมีความลึกลับซ่อนเร้นอยู่ภายในอย่างมหาศาล!
ดวงตาของเขาฉายแววแผดจ้าราวเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ทว่ายังไม่ทันยึดมันไว้กับตัวร่างกายกลับแข็งทื่อโดยกะทันหัน!
แสงสะท้อนวาววับของดาบคมกริบสะท้อนขึ้นจากด้านหลังพร้อมบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยจิตสังหาร!
เยี่ยฉวนเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนมองด้วยหางตา ชายวัยกลางคนซึ่งสวมชุดดําลักษณะคล้ายโจรป่าเหยียบกระบบินตรงมาทางเขา ในมือของชายผู้นั้นมีหอกแหลมคม ทั้งร่างเปรอะไปด้วยเลือดและบาดแผล จิตสังหารที่แผ่ออกคุกคามฝ่าย ตรงข้ามจนหลงเอ๋อร์น้อยเผยใบหน้าซีดเผือด เขากอดต้นขาของเยี่ยฉวนไว้แน่นด้วยร่างสั่นสะท้าน สายตามองชายแปลกหน้าแวบหนึ่งจากนั้นจึงหลุบตาลงต่ําเพราะเกรงกลัวยอดฝีมือผู้โหดเหี้ยมตรงหน้า
“หลงเอ่อร์…อย่าหวาดกลัวไป” เยี่ยฉวนยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อยจนสงบลง
“บังอาจนัก! เจ้าเป็นใครกันจึงกล้าขโมยสมบัติที่ริบมาได้โดยตระกูลหลงแห่งเมืองหลวง! เมื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร?!”
ชายชุดดําผู้ถือหอกตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ขณะใช้ฝ่ามือใหญ่จับอากาศที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นก้อนผลึกสีฟ้าจึงลอยไปอยู่ในมือของเขา ผู้ฝึกตนกลุ่มนี้สวมเครื่องแต่งกายที่แตกต่างแต่ผูกแผ่นคาดเอวแบบเดียวกัน ทําให้แยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนไร้สังกัดทั้งยังไม่ใช่ศิษย์ของสํานักใดทว่ามาจากตระกูลเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนมาสมทบกันอย่างรวดเร็วเช่นนี้
เยี่ยฉวนยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายยึดก้อนผลึกสีฟ้าไปโดยไม่ต่อต้าน…
ผลึกศิลามังกรเป็นสมบัติที่พบได้ยากยิ่ง! ภายในอาจมีตําราเคล็ดวิชาการฝึกตนขั้นเทวาลัยอันทรงพลังหรืออาจมีพลังงานบริสุทธิ์ไร้เทียมทานซึ่งเป็นประโยชน์มหาศาลเมื่อทําการขัดเกลา แต่ชายชุดดําตรงหน้าโหดเหี้ยมนักทั้งยังมีมิตรสหายทรงอํานาจอีกสิบคนซึ่งทุกคนล้วนมีสีหน้าปราศจากความเป็นมิตร เยี่ยฉวนจึงไม่ต้องการปะทะกับคนเหล่านี้ให้มากความ
“ฮึ่ม! เพิ่งบรรลุขั้นซิวฉือระดับเจ็ดมาได้ไม่นาน แต่ยังอาจหาญเข้ามาในครรลองมังกรปีศาจ! เห็นที่คงเหนื่อยที่จะใช้ชีวิตเต็มทน…เจ้าชื่อแซ่ใด? มาจากที่ไหน?” ชายชุดดํากล่าวด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน แม้ยึดก้อนผลึกสีฟ้าไว้กับตัวสําเร็จเขากลับไม่เร่งร้อนเดินจากไปในทันที แววตาเย็นชาปรากฏร่องรอยแห่งความไม่ชอบมาพากล
ตอนนี้เสื้อผ้าของเยี่ยฉวนขาดรุ่งริ่งทั้งยังเปรอะไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นโคลนจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ทําให้ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเครื่องแต่งกายของสํานักหมอกเมฆา ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดดําจึงปฏิบัติต่อเขาราวเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัดเช่นเดียวกับตนและคาดเดาว่าอีกฝ่ายคงมาที่นี่เพียงผู้เดียว
ในดินแดนรกร้างแห่งนี้มีการทําสงครามและ การต่อสู้ระหว่างศิษย์ต่างสํานักเป็นเรื่องปกติ แต่การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนไร้สังกัดนั้นตรงไปตรงมา และมุ่งเอาชีวิตมากกว่า หลายคนถูกลอบโจมตีโดยพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ทําให้ผู้ฝึกตนไร้สังกัดจํานวนมากถูกสังหารในมุมมืดโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น
“ข้า…เยี่ยฉวน อาศัยอยู่ใกล้กับเทือกเขาหมอกเมฆา”
เยี่ยฉวนตอบโดยรักษาท่าที่นิ่งสงบ ทว่าภายในกลับตื่นตัวตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเล่นสกปรกจากอีกฝ่าย เมื่อใช้สายตาสํารวจชายวัยกลางคน ผู้นี้อย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าจึงรู้สึกคุ้นเคยกับบุคคลผู้นี้เป็นพิเศษ ราวกับว่า…
ร่างที่เคลื่อนไหวไปมาราวกับเงาปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเยี่ยฉวน…รูปกายดํามืดของทูตแห่งโลกันตร์ผู้ชักใยอาวุโสลําดับสามไป่เยี่ยนหูจากเบื้องหลัง!
ถึงกระนั้นเมื่อเทียบกับทูตแห่งโลกันตร์แล้ว การฝึกตนของชายผู้นี้ยังด้อยกว่ามาก เขาเป็นยอดฝีมือที่บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่หนึ่ง สวมเสื้อคลุมสีดําสนิท น้ําเสียงที่เอื้อนเอ่ย เต็มไปด้วยความน่าครั่นคร้ามโดยเฉพาะออร่าเย็นชาและมืดมนที่แผ่ออกจากร่างยิ่งส่งเสริมให้เขามีลักษณะคล้ายคลึงกับทูตแห่งโลกันตร์แทบทุกประการ ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นศิษย์สายตรงของคนผู้นั้นหรืออาจเป็นเพียงสาวกรับใช้
ตระกูลหลงแห่งเมืองหลวง…เยี่ยฉวนลอบจดจําชื่อนี้ไว้ให้ขึ้นใจ
หลังจากไป่เยี่ยนหูตายตกไป…เขาคิดว่าเบาะแสทั้งมวลคงสืบสาวได้แต่เพียงเท่านี้ และคงไร้โอกาสพบกับทูตแห่งโลกันตร์ที่ซ่อนเร้นกายอยู่เป็นนิจอีกครั้ง ไม่คาดคิดว่าวันนี้เขาจะได้พบเบาะแสบางอย่างโดยบังเอิญที่นี่!
“เยี่ยฉวน…อืม…ชื่อไม่เลว ประหนึ่งชื่อคนตาย! ฮ่าๆๆ! ไอ้หนู ต่อให้เจ้าบรรลุขั้นซิวฉือระดับที่เจ็ด แม้เจ้าเข้าไปลึกกว่านี้ไม่ช้าก็เร็วอาจถูกสังหารสิ้นเสียเปล่า ทว่าการเก็บเจ้าไว้ก็จะเป็นการสร้างปัญหาให้พวกเราในอนาคต เอาเถิด…ข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกเอง! ฮ่าๆๆ!”
ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดําระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นก่อนชักอาวุธออกและจ้วงแทงไปที่หน้าอกของเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็วหมายเสียบทะลุร่าง แม้แต่หลงเอ๋อร์น้อยที่หลบอยู่ด้านหลังยังไม่ละเว้น การโจมตีครั้งนี้รุนแรงยิ่ง!
เสียงอาวุธแหวกผ่านช่องว่างบนอากาศอันหนาวเหน็บดังลั่นเสียดโสตประสาท!
หอกซึ่งเป็นอาวุธประจํากายของชายผู้นี้ว่องไว ดุจสายฟ้าทั้งยังโหดเหี้ยมเป็นที่สุด ชีวิตนี้เขาทั้งสองไม่เคยพบพานกันมาก่อนจนเกิดความขุ่นข้องหมองใจใดๆ ต่อกัน ก่อนหน้านี้เยี่ยฉวนยอมปล่อยผลึกศิลามังกรให้อีกฝ่ายยึดไปครองแต่โดยดี ทว่าชายผู้นี้กลับไม่ยอมปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นโดยง่าย ทั้งยังขัดขวางการเดินทางของเขาและท้าประลองหมายเอาชีวิต!
เยี่ยฉวนไม่ปริปากเอ่ยคําใด สองขายืนหยัดอยู่กับพื้นอย่างมั่นคงแต่ร่างกายโน้มเอนไปมาเพื่อหลบการโจมตี
วืด… เสียงแหลมดังสนั่นเมื่อปลายหอกคมกริบ แทรกผ่านใต้วงแขนของเขาและเฉียดผ่านหนังศีรษะของหลงเอ๋อร์น้อยไปอย่างหวุดหวิด!
“อิ่ม! การฝึกฝนไม่สูงส่งทว่าความเร็วของเจ้า ช่างน่าทึ่ง! ไอ้หนู ตราบใดที่ข้าอยู่ตรงนี้ถึงอย่างไรก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าไปได้…”
ชายชุดดําร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ ไม่นานสีหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอีกครั้ง ใบหน้าคล้ําเข้มเมื่อพลังปราณที่แปรปรวนอยู่ในร่างทะยานสูงขึ้นด้วยต้องการโจมตีอีกฝ่ายอย่างสุดกําลัง ทว่าจนแล้วจนรอดเขากลับดึงหอกที่หนีบอยู่ใต้วงแขนเยี่ยฉวนออกมาไม่สําเร็จ แม้ขบฟันแน่นจนสันกรามปูดโปนเพื่อรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด…หอกเล่มนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย!
ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดดําแปรเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน แววตาวาวโรจน์ด้วยความหวั่นเกรง เมื่อตระหนักว่าจนตัดสินชายหนุ่มตรงหน้าผิดพลาดไป ครั้นเงยหน้ามองเยี่ยฉวนที่ยังนิ่งสงบดังเดิมจิตใจกลับกระสับกระส่ายขึ้นเป็นเท่าทวี!