Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 20 ข้ายังเยาว์นัก
บทที่ 20 ข้ายังเยาว์นัก
“ศิษย์พี่ใหญ่! ศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ!”
จ้าวต้าจื่อวิ่งไปยังยอดเขาก่อนหยุดอยู่ตรงหน้าฝูงชนและตะโกนอย่างเหนื่อยหอบ “ศิษย์พี่ใหญ่! เร็วเข้าเถิด! อาวุโสสูงสุดเรียกให้ท่านไปที่ห้องโถงใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าอ้วน! มีเหตุใดหรือ?” เยี่ยฉวนถาม
“ทะ…ท่านเจ้าสำนักเครื่องนิล โท่วป่าเซียง ให้เกียรติมาเยือนสำนักของเราในเวลานี้ ทั้งยังต้องการพบท่านเป็นการส่วนตัว ข้าว่าต้องเป็นเรื่องมงคลอย่างแน่นอน! ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่…เร่งตามข้ามาเร็วเถิด!” จ้าวต้าจื่อหอบหายใจไม่หยุดขณะเร่งร้อนมาที่นี่
พวกเขามาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้!
เยี่ยฉวนตระหนักดีถึงเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ดวงตาคมเปล่งประกาย ทว่าจินหัวที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับรู้สึกขมขื่น…
ครั้นได้ยินเรื่องดีงามที่เยี่ยฉวนจะได้แต่งงานกับลูกสาวของเจ้าสำนักเครื่องนิล แม้เขาแอบหยดยาน้ำทลายหยางผสมในสุราโดยอีกฝ่ายดื่มจนหมดแล้วก็ตาม ทว่าจิตใจยังปราศจากความยินดี
ทันใดนั้นเขาพลันนึกขึ้นได้ว่ายามนี้ตนเป็นผู้ครอบครองผลึกเส้นโลหิตมังกร! ในเมื่อสถานการณ์พลิกผันเช่นนี้…เรื่องมงคลควรเกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่เยี่ยฉวน!
“อืม เช่นนั้นไปกัน!”
สีหน้าที่ไม่ยินดีของจินหัวอยู่ในสายตาของเยี่ยฉวนโดยตลอด ทว่าเขาไม่ใคร่ใส่ใจนัก เขาเรียกหาจ้าวต้าจื่อให้นำทางไปยังห้องโถงแห่งสำนักหมอกเมฆา ระหว่างนั้นได้ทำการโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ภายในร่างกายอย่างเงียบเชียบ เพื่อขับเอาพิษของยาน้ำทลายหยางที่ผสมอยู่ในสุราออกผ่านรอยเท้าที่ชุ่มชื้น บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ตกตะลึงอย่างไม่หยุดหย่อนในสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาเร่งเดินตามหลังไปเพราะต้องการรู้ว่าจะเกิดเรื่องมงคลใดขึ้น?!
การเยี่ยมเยือนระหว่างสำนักถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งในประวัติศาสตร์ ดังนั้นเมื่อข่าวเจ้าสำนักเครื่องนิลเดินทางมายังสำนักหมอกเมฆาแพร่สะพัดออกไปทำให้เกิดความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งยุทธภพ ราวหินก้อนยักษ์ที่ร่วงหล่นลงในผืนมหาสมุทรอันเงียบสงบจนเกิดระลอกคลื่น!
เสียงระฆังทุกใบในสำนักหมอกเมฆาลั่นดังกังวานอย่างไพเราะไปทั่วอาณาบริเวณ ต้อนรับการมาเยือนของเจ้าสำนักเครื่องนิลอย่างยิ่งใหญ่!
เยี่ยฉวนเร่งรุดมาถึงห้องโถงใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาแล้ว! เขาสังเกตโดยรอบและพบว่าบรรดาอาวุโสทุกระดับและบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญต่างรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว จูซือเจียยืนอยู่ท่ามกลางศิษย์คนอื่นๆ ด้วยท่าทีมั่นใจยิ่ง นางสวมชุดสีแดงแบบที่สตรีโดยทั่วไปสวมใส่ ทว่ารูปร่างโค้งเว้าได้สัดส่วนกลับทำให้นางโดดเด่นกว่าเหล่าศิษย์ชั้นเลิศเสียอีก! ประดุจบุปผาสีชาดที่เบ่งบานอยู่กลางท้องทุ่ง
จินจื่อคุนบิดาของจินหัวอยู่ที่นี่เช่นกัน เขายืนอยู่เบื้องหน้าบรรดาลูกศิษย์หอแปรธาตุ ครั้นเห็นเยี่ยฉวนมาถึง ดวงตาเย็นชาคู่นั้นพลันเปล่งประกายร้ายกาจ พริบตาเดียวก็ปรับสีหน้าก่อนส่งยิ้มอย่างเสแสร้งออกมา
ชายร่างสูงเกือบสองเมตรเจ้าของดวงตาดุดันประหนึ่งโกรธาตลอดเวลานั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์ข้างท่านอาวุโสสูงสุด สังเกตจากความแปรปรวนของพลังปราณอันมหาศาลที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย และการที่เขาสามารถนั่งอยู่ในระดับเดียวกันกับอาวุโสสูงสุดได้ เยี่ยฉวนสันนิษฐานว่าชายผู้นี้คือเจ้าแห่งสำนักเครื่องนิลไม่ผิดแน่!
“เยี่ยฉวนคำนับบรรดาอาวุโสและท่านเจ้าสำนักโท่วปา!” เยี่ยฉวนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
โท่วป่าเซียงสำรวจผู้มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสนใจ “เจ้าหนุ่มน้อย! เจ้าคือเยี่ยฉวน…ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาใช่หรือไม่?”
“เป็นข้าเองขอรับ!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบ
อาวุโสสูงสุดที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ลอบพยักหน้า ส่วนเจ้าสำนักเครื่องนิลที่นั่งอยู่ถัดมากลับเผยสีหน้าประหลาดใจ ด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมผิดสามัญของโท่วป่าเซียงจึงไม่มีผู้ใดในห้องโถงนี้กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเลยแม้แต่ผู้เดียว เขาสามารถทำให้คนเหล่านั้นตกประหม่าด้วยการกวาดสายตาเพียงหนึ่งครั้ง ทว่าเยี่ยฉวนกลับมีท่าทีเรียบเฉยและกล้าเผชิญหน้า
“บรรลุขั้นอู๋เจ๋อระดับห้างั้นหรือ?! ประเสริฐ! ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาช่างมากด้วยสติปัญญาและความสามารถ ควรค่าแก่ชื่อเสียงอย่างยิ่ง! ฮ่าๆๆ” โท่วป่าเซียงพลันระเบิดหัวเราะลั่นหลังพิจารณาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังหลายต่อหลายครั้ง บรรดาศิษย์มากฝีมือของสำนักเครื่องนิลที่ติดตามมาด้วยต่างเผยรอยยิ้มชื่นชมเช่นกัน ทว่าศิษย์ทางฝั่งสำนักหมอกเมฆากลับรู้สึกอับอาย
สำหรับสำนักอื่นแล้ว การบรรลุถึงขั้นอู๋เจ๋อระดับที่ห้าถือว่าอยู่ในมาตรฐานสามัญไม่สูงและไม่ต่ำ ทว่าสำหรับตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆา การบรรลุเพียงขั้นและระดับนี้นับว่าต่ำเกินควร ยิ่งเมื่อถูกศิษย์ต่างสำนักกล่าวตอกย้ำจึงไม่แปลกที่บรรดาศิษย์ภายในจะรู้สึกเสียหน้า
การกล่าวเช่นนี้ราวตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง!
เสียงหัวเราะของโท่วป่าเซียงดังก้องเสียดแทงโสตประสาทบรรดาศิษย์ในห้องโถง แม้แต่จินจื่อคุนเจ้าแห่งหอแปรธาตุยังเผยสีหน้าไม่สู้ดี ทว่าเยี่ยฉวนผู้ถูกกล่าวถึงโดยตรงกลับนิ่งเฉยราวทองไม่รู้ร้อนต่อคำเยาะเย้ยเหล่านั้น เขากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ลำพังตัวข้าไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก แต่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักแล้ว ข้าได้พยายามทำหน้าที่รับผิดชอบอย่างแข็งขัน!”
โท่วป่าเซียงหยุดหัวเราะฉับพลัน ครั้นเห็นท่าทีการวางตนและไหวพริบที่หลักแหลมของอีกฝ่ายเขายิ่งตกตะลึง บรรดาศิษย์สำนักหมอกเมฆาก็มีสีหน้าทำนองเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าควรยินดีหรือเสียใจต่อสิ่งที่ได้ยิน
การที่เยี่ยฉวนไม่รับรู้ความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้นถือเป็นเรื่องดีเพราะจะได้ไม่ต้องเก็บมาบั่นทอน ทว่าท่านเจ้าสำนักจะพึงใจและยินยอมผูกสัมพันธไมตรีด้วยการแต่งงานได้อย่างไร เมื่อเห็นเขาทำท่าทีขึงขังและหยิ่งลำพองเช่นนั้น!
เหล่าอาวุโสและศิษย์ทั้งหมดส่ายศีรษะ พวกเขารู้สึกสิ้นหวังต่อการผูกสัมพันธไมตรีในครานี้เสียแล้ว
จินหัวที่เพิ่งมาถึงลอบหัวเราะอยู่ภายในใจเมื่อนึกถึงเยี่ยฉวนที่ต้องทุกข์ทรมานในคืนเข้าหอ แม้เขาจะยังหงุดหงิดอยู่บ้างที่เรื่องมงคลเช่นนี้ไม่เกิดขึ้นกับตน
“ฮ่าๆๆ ดี! เช่นนั้นก็ดี! สำนักหมอกเมฆาเป็นฐานค้ำจุนอนาคตแห่งอาณาจักรที่มั่นคงยิ่ง!”
เหนือความคาดหมายของทุกคน…โท่วป่าเซียงระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอีกครั้ง! เขาไม่ถือสาในท่าทีอวดดีนั้นทั้งยังพึงใจในตัวเยี่ยฉวนยิ่ง “ร้อยปีมาแล้วทั้งสำนักเครื่องนิลและสำนักหมอกเมฆาต่างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ผ่านร้อนผ่านฝนร่วมกันหลายยุคสมัย บัดนี้จักรพรรดิองค์ใหม่แห่งต้าฉินเพิ่งขึ้นครองราชย์ ช่วงที่อาณาประชาราษฎร์ตกอยู่ในสภาวะสับสนเช่นนี้ สองสำนักใหญ่ของเราควรกระชับความสัมพันธ์ให้เป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้น ในเมื่อเจ้าสำนักหยุนเฟยหวู่ไม่อยู่ที่นี่ ท่านอาวุโสสูงสุด…หากข้าจะขอผูกสัมพันธไมตรีโดยการยกลูกสาวของข้า โท่วป่าเซียงเนียว ให้แต่งงานกับศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักของท่าน ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?”
“ประเสริฐ! ท่านเจ้าสำนักเอาใจใส่ถึงเพียงนี้นับเป็นเรื่องที่ดียิ่ง!” อาวุโสสูงสุดเห็นดีงามด้วย
ยามนี้สำนักหมอกเมฆาเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง ทว่าสำนักเครื่องนิลยังรุ่งโรจน์เสมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน หากสองนิกายใหญ่บนอาณาจักรยอดเขาเมฆาอินทนิลรวมตัวเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันผ่านการแต่งงานจะยิ่งได้เปรียบในทุกด้าน ศัตรูที่แข็งแกร่งจะลดเหลือเพียงหนึ่ง ทั้งเรื่องอันดีงามราวสวรรค์หล่นทับเช่นนี้ยังส่งผลดีต่อตัวเยี่ยฉวน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะปฏิเสธ
บรรดาศิษย์ที่เพิ่งถอนหายใจอย่างสิ้นหวังไปเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นเต้น! ฝ่ายจินหัวหดหู่จนร่างแทบทรุด…รู้สึกคล้ายกลืนซากแมลงวันลงคออีกครั้ง เยี่ยฉวนแสดงท่าทีอวดดีเช่นนี้ยังได้รับการยอมรับจากโท่วป่าเซียง หนำซ้ำการผูกสัมพันธไมตรีด้วยการแต่งงานยังไม่ถูกยกเลิก โชคชะตาช่างไม่ยุติธรรมต่อเขาเสียเลย! เหตุใดเรื่องราวดีงามเหล่านั้นจึงไม่เกิดขึ้นกับเขาบ้าง?!
“เกรงว่าคงไม่เหมาะสมขอรับ!”
เยี่ยฉวนรีบขัดขึ้นก่อนกล่าวต่อด้วยเสียงดังฟังชัด “ท่านอาวุโสสูงสุด…ข้ายังเยาว์นัก และยังไม่ต้องการแต่งงานในยามนี้ หลังจากเรียนรู้ผ่านประสบการณ์เลวร้ายต่างๆ จึงตระหนักว่าตัวข้าคงไร้วาสนาในการบรรลุสู่ขั้นที่สูงกว่านี้ ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการฝึกตนอีกต่อไป ครู่นี้ข้าได้มอบผลึกเส้นโลหิตมังกรในร่างกายเป็นของกำนัลแก่ศิษย์น้องจินหัว…ผู้เปี่ยมด้วยทักษะและความสามารถ ทั้งยังเป็นศิษย์ชั้นเลิศที่ท่านทั้งหลายต่างรู้จักดี การแต่งงานในครั้งนี้ข้าขอเสียสละให้เขา! เขามักมาหาข้าที่ยอดเขาเมฆาอินทนิลและพร่ำบอกอยู่เป็นนิจว่าหลงใหลในตัวโท่วป่าเซียงเนียวเพียงใด ชั่วชีวิตนี้หากเขาไม่ได้แต่งกับนางก็ไม่มีวันตบแต่งสตรีนางอื่น! เรื่องเป็นเช่นนี้ ท่านเจ้าสำนักโท่วปา…โปรดรับความจริงใจอันเปี่ยมล้นของศิษย์น้องจินหัวไว้พิจารณาและช่วยให้เขาสมปรารถนาด้วยเถิด!”
ในฐานะอดีตนักปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ เยี่ยฉวนเคยพบเจอสตรีมาทุกประเภท…
เขาไม่เคยสนใจเรื่องการผูกสัมพันธไมตรีผ่านการแต่งงานด้วยซ้ำ! เขาพอมองออกว่าอีกฝ่ายเพียงหว่านข้อตกลงกับสำนักอื่นๆ ไปอย่างนั้น หากเขาแสร้งเสียสละให้จินหัวเข้าพิธีแต่งงานกับลูกสาวของโท่วป่าเซียงแทนคงน่าอภิรมย์กว่า!
“ว่าอย่างไรนะ?! เจ้า…เจ้ามอบผลึกเส้นโลหิตมังกรเป็นของกำนัลเช่นนั้นรึ?!”
อาวุโสสูงสุดตื่นตะลึงยิ่ง! เยี่ยฉวนอาจยกตำราปรุงยาให้ใครก็ได้แต่เรื่องการแต่งงานเขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?! ยิ่งไปกว่านั้น…ผลึกเส้นโลหิตมังกรเป็นสมบัติล้ำค่าที่ท่านเจ้าสำนักผนึกไว้ในร่างของเขาด้วยตนเอง ทว่าเขากลับพูดราวเป็นสิ่งของที่จะยกเป็นของกำนัลให้แก่ผู้ใดก็ได้โดยง่าย เหตุใดจึงกล้าอวดดีว่าตนมีพรสวรรค์ถึงเพียงนั้น?!
ทุกคนในห้องโถงล้วนตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่จินจื่อคุนและอาวุโสลำดับสาม! สถานการณ์พลิกผันเร็วเกินตั้งรับ!
“เป็นเช่นนั้นจริงขอรับ! ศิษย์พี่ใหญ่ได้มอบผลึกเส้นโลหิตมังกรให้ข้าแล้ว สมบัติดังกล่าวจะทำให้การบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าไม่ห่างไกลอีกต่อไป ข้าจินหัว…ศิษย์ชั้นเลิศแห่งหอแปรธาตุคำนับท่านเจ้าสำนักโท่วป่าเซียง!” จินหัวก้าวออกไปด้านหน้าพลางโค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อโท่วป่าเซียง
ฝ่ายโท่วป่าเซียงประหลาดใจไม่น้อยเพราะไม่คาดคิดว่าจะพบสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาเช่นนี้ เขาสำรวจจินหัวตั้งแต่หัวจรดเท้า…ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มพราวระยับ จินหัวผู้นี้ฉายแววอัจฉริยะอย่างแท้จริง ทั้งยังสง่างามและโดดเด่นกว่าเยี่ยฉวนหลายเท่า! “น่าชื่นชมยิ่ง! เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างมากความสามารถ! หากเซียงเนียวได้พบเจ้าคงพึงใจไม่น้อย!”
“ไอ้ลูกชาย! ยังไม่รีบคำนับท่านพ่อตาอีก!” จินจื่อคุนลอบขยับริมฝีปากตำหนิบุตรชาย
จินหัวพลันโค้งคำนับอีกครั้งด้วยความรู้สึกลิงโลด “จินหัวคำนับท่านพ่อตาขอรับ!”
ราวฟากฟ้ามอบการแต่งงานกับลูกสาวของเจ้าสำนักเครื่องนิลให้แก่เขา สวรรค์มีตา! ในที่สุดวันของข้าก็มาถึง!
หากได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากสำนักเครื่องนิล เขาจะได้รับโชคถึงสองต่อ คือการกดอำนาจของอาวุโสสูงสุดให้เป็นเพียงหุ่นเชิด และให้พรรคพวกขึ้นกุมบังเหียนภายในสำนักหมอกเมฆาเสียเอง!
เขาปิติยินดีเสียจนลืมไปแล้วว่าเคยไล่ตามจูซือเจียถึงเพียงใด?!
จินจื่อคุนผู้เป็นบิดา และอาวุโสลำดับสามที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังต่างแย้มยิ้มอย่างเปรมปรีดิ์…