Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 126 การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์!
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 126 การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์!
อาวุโสลําดับสามไป๋เยี่ยนหูกลับมายังห้องโถงบนยอดเขาพยัคฆ์ขาวพร้อมเผยสีหน้าวิตกกังวล…
ค่ำคืนนี้เขาอุตส่าห์ลงมือด้วยตัวเอง ทว่าเขากลับคว้าน้ำเหลวเพราะสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้มากนัก!
หากเยี่ยฉวนมีอาจารย์และผู้สนับสนุนหลักเป็นราชาอีกาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ นานวันเข้าจะยิ่งมีพัฒนาการด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งกว่าปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย! ในอนาคตจะไม่เป็นเพียงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาเท่านั้น แต่จะกลายมาเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ในเวลานั้นไม่ว่าผู้ใดต้องการโค่นล้มอํานาจก็คงกระทําการได้ยากยิ่ง เยี่ยฉวนต้องการกุมอํานาจเบ็ดเสร็จของสํานักหมอกเมฆาอย่างช้าๆ และทําลายเขาให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ?!
ยิ่งคิดใบหน้าของไป๋เยี่ยนหูก็ยิ่งคล้ำหม่นทั้งยังบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง
ก่อนหน้านี้เขาได้แต่เดินวกไปวนมาด้วยความสงสัยว่าเยี่ยฉวนกําลังเตรียมการใดกันแน่? ครั้นบุกเข้าไปยังยอดเขามังกรสวรรค์ด้วยตนเองและพบเจอบางสิ่งเข้า จึงตระหนักถึงสถานการณ์อันยากลําบากที่ตนต้องพบเจอในอนาคตทันที!
การปล่อยให้เยี่ยฉวนออกไปสร้างพื้นที่ของตนเองอย่างแข็งแกร่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่เขาสามารถจัดการได้โดยง่าย แผนการหลายอย่างที่เขาเคยวางไว้หลังจากเหตุการณ์เผาสถานจองจําถือเป็นโมฆะโดยสิ้นเชิง หากในช่วงเวลาอันน้อยนิดเช่นนี้เขายังไม่สามารถยึดอํานาจสํานักหมอกเมฆาได้…ทูตแห่งโลกันตร์ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาลอยนวลอย่างแน่นอน! ในเวลานั้นนอกจากจะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏที่ทรยศต่อสํานักยังอาจถูกลงทัณฑ์จนถึงแก่ชีวิต!
“ไม่ได้! ข้าจะปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอนั่นแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ทําอะไรเลยไม่ได้!”
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
ไป๋เยี่ยนหูผุดลุกขึ้นยืนพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูดุร้ายกว่าเดิมเป็นเท่าทวี แววตาของเขาวูบไหวเป็นลางสังหรณ์ ชายชราครุ่นคิดแผนการอย่างรวดเร็วก่อนปรบมือเรียกทหารอารักขา
“เสี่ยวซี เข้ามาใกล้ๆ ข้าซิ!”
ชายชราโบกมือเรียกทหารอารักขาคนหนึ่งที่ดูสนิทชิดเชื้อให้เดินเข้ามาใกล้ก่อนกระซิบสั่งการ
ทหารอารักขาที่อีกฝ่ายเรียกว่าเสี่ยวชีซึ่งปกติมักเชื่อฟังและปฏิบัติตามคําสั่งโดยไม่อิดออด กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคําสั่งของอีกฝ่าย “ทะ…ท่านอาวุโสลําดับสาม ขะข้า”
“ว่าอย่างไร? ยังไม่ทันลงมือก็ปอดแหกแล้วรึ?!”
ไป๋เยี่ยนหูยกยิ้มเย็นเยือกก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ “เจ้าคงไม่ลืมใช่หรือไม่ว่าข้ามีพระคุณต่อเจ้าเพียงใด…ตอนนี้ข้าต้องการให้ทําเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแต่เจ้ากลับทําไม่ได้ คิดจะผลักไสไปให้ใครล่ะ ฮึ! พี่สามหรือสี่ของเจ้า?!”
“ทะ…ท่านอาวุโสลําดับสาม นะ…นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะขอรับ! หากข้าถูกจับได้ ข้าคง” เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเสียวชีเมื่อเขาคิดปฏิเสธคําสั่งนั้น
“เหตุใดจึงกลัวคนจับได้เล่า?! ให้ข้าคิดสักหน่อยสิบปีที่แล้วศิษย์หญิงนางนั้นชื่อแซ่ว่าอะไรกันนะ? ซิงงั้นรึ? เจ้าจําได้หรือไม่ว่านางตายตกไปได้อย่างไร? ไม่กี่ปีที่ผ่านมาศิษย์นามชิงหงแค่บังเอิญพลัดตกหน้าผาอย่างนั้นหรือ? แล้วไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เยี่ยฉวนและเหล่าผู้พิทักษ์เดินทางไปเก็บสมุนไพรยังสุสานเทพเจ้า ใครกันนะที่ซุ่มโจมตีพวกเขาจนดับดิ้น?!”
ชายชราจ้องเขม็งไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาพร้อมยกเรื่องราวในอดีตมาขู่เข็ญราวเสือโคร่งที่กระหายเหยื่อ เขาหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนวางฝ่ามือลงบนไหล่ของทหารอารักขาที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าพร้อมกล่าวออก “เสี่ยวชี เราสอง คนลงเรือลําเดียวกันแล้ว หากเจ้าเดือดร้อนข้าก็ร้อนรนเช่นกัน อย่ากังวลไปทําตามที่ข้าสั่งซะ ส่วนเรื่องอื่นข้าจะจัดการเอง!”
ร่างกายแกร่งของเสี่ยวชีเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เขาเผยสีหน้าซีดเซียวเมื่อเผชิญหน้ากับอาวุโสลําดับสามที่จ้องมองมาด้วยสายตาคาดคั้นและรอคอยคําตอบ ทหารหนุ่มนิ่งเงียบเป็นเวลานานราวไตร่ตรองบางอย่าง ในที่สุดเขาจึงพยักหน้าอย่างจํายอมก่อนกล่าวตอบเพื่อตอกย้ำการตัดสินใจของตนเอง “ได้ขอรับ…ท่านอาวุโสโปรดวางใจ!”
“ก็เท่านี้แหละ! หากเจ้าทําเรื่องนี้สําเร็จ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างสาสม! ไปได้แล้ว!” ไป๋เยี่ยนหูโบกมือไล่อีกฝ่ายออกไปก่อนทรุดตัวลงนั่งบนบัลลังก์ในห้องโถงพยัคฆ์ขาวก่อนหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ทหารอารักขาเสี่ยวโค้งคํานับหนึ่งครั้งก่อนหมุนตัวออกจากห้องโถงไป ไม่นานนักเขาจึงพาผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีทักษะล้ำเลิศและไว้ใจได้จํานวนหลายคนสวมชุดดําและโพกผ้าอําพรางใบหน้าลงไปจากยอดเขาพยัคฆ์ขาวอย่างเงียบเชียบ…
ช่วงเช้ามืดก่อนแสงตะวันมาเยือนขอบฟ้า พลันเกิดเสียงสนั่นรัวเป็นชุดดังมาจากทิศที่ตั้งของหอแปรธาตุ เสียงกรีดร้องโหยหวนและเสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ห้องหับหลายสิบห้องทั่วอาคารไม้ถูกไฟไหม้ลุกลามเป็นทอดๆ เปลวไฟสว่างจ้าแผดเผาทั่วบริเวณจนมอดไหม้ ทั้งยังโหมขึ้นสูงเรื่อยๆ!
“มือสังหาร! มือสังหารบุกรุก! จับตัวพวกมันไว้!”
“เตาปรุงยาระเบิด! ทุกเตาถูกไฟเผาจนระเบิดหมดแล้ว!”
บรรดาศิษย์ที่ประจําการอยู่ที่หอแปรธาตุร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกขณะวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น!
เหล่าผู้พิทักษ์และบรรดาศิษย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและวิ่งเข้าไปดูเหตุการณ์ได้ยินเช่นนั้นถึงกับหน้าเสีย โชคดีที่ทุกคนช่วยกันดับไฟจนมอดดับลงอย่างรวดเร็ว แม้ครั้งนี้ไม่มีผู้สูญเสีย ทว่าเตาหลอมแร่ธาตุรวมถึงเตาปรุงยากลับชํารุดจนไม่สามารถซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพเดิมได้
เตาปรุงยาทั้งสิบสามเตาที่ทําขึ้นจากดินเผาถูกเปลวไฟเผาทําลายจนระเบิดออกเป็นเสี่ยง ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป!
ข่าวความเสียหายครั้งใหญ่แพร่กระจายไปทั่วสํานักหมอกเมฆาอย่างรวดเร็วทําให้ทุกคนตื่นตระหนกยิ่ง! แม้แต่ศิษย์ที่ปลีกตัวไปฝึกตนอย่างสันโดษยังออกจากฐานที่มั่นของตนและหลังไหลมาดูเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง!
ผู้อาวุโสสั่งให้ทําการตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยเร็วไม่นานทุกอย่างจึงกระจ่างแจ้ง ในกองฟื้นขนาดใหญ่พบศพไหม้เกรียมของผู้ที่แต่งกายด้วยชุดของสํานักเครื่องนิล จึงสันนิษฐานว่าเป็นการลอบวางเพลิงจากฝ่ายศัตรูเพื่อโจมตีสํานักหมอกเมฆาโดยตรง เรื่องนี้รุนแรงเสียจนผู้ฝึกตนทุกคนต่างสะเทือนใจและเคียดแค้นต่อการกระทําอันไร้ศีลธรรมเช่นนี้ยิ่ง!
เตาที่ถูกทําลายไม่ใช่เตาธรรมดาสามัญที่สามารถผลิตขึ้นมาได้โดยง่าย ทว่าเป็นเตาหลอมแร่ธาตุระดับปฐพี่ซึ่งสร้างขึ้นโดยยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ แต่ละเตามีประวัติความเป็นมายาวนานทั้งยังเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อเตาถูกทําลายจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะทําการกลั่นยาเม็ดซึ่งเป็นงานที่ได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉินให้สําเร็จได้อย่างไร?!
อาวุโสสูงสุดวิ่งไปยังที่เกิดเหตุอย่างเร่งร้อนทันทีที่ทราบข่าว หัวใจของเขาพลันหนักอึ้งราวถูกก้อนหินถ่วงไว้
แม้เปลวไฟมอดลงแล้วแต่ควันสีดําทึบยังคงคุกรุ่นลอยพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยความเงียบและตึงเครียดถึงขีดสุด ฝูงชนทยอยมาสมทบกันเรื่อยๆ ทุกคนต่างรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงมหาศาล
สํานักหมอกเมฆาเพิ่งฟื้นคืนสู่ความเป็นหนึ่งในยุทธภพอีกครั้งหลังจากการประลองครั้งใหญ่ระหว่างสามสํานักสิ้นสุดลง ผู้ใดจะคาดคิดว่าชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เมฆหมอกร้ายกลับลอยมาปกคลุมทั้งสํานักจนมืดหม่นอีกครั้ง หนําซ้ำสถานการณ์นับวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทหารอารักขาที่อยู่เวรยามคอยดูแลบริเวณโรงปรุงยาของหอแปรธาตุถูกจับตัวไว้ทั้งหมดและนําไปขังไว้ในคุกใต้ดินเพื่อรอการลงทัณฑ์ ถึงกระนั้นก็ยังไร้ประโยชน์เพราะไม่สามารถเอาสิ่งใดกลับคืนมาได้
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง เหล่าศิษย์ระดับสูงและยอดฝีมือชั้นเลิศของสํานักหมอกเมฆาต่างมารวมตัวกันที่ห้องโถงหมอกเมฆาเพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาและร่วมกันวางมาตรการป้องกันเสียใหม่ ศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนที่กําลังฝึกตนอยู่บนยอดเขามังกรสวรรค์ก็เร่งรุดมาทันทีที่รู้ข่าวเช่นกัน
อาวุโสลําดับสามไป๋เยี่ยนหูก็เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วยสีหน้าของเขาเคร่งเครียดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“ข้าคิดว่าทุกคนในที่นี้คงรู้กันอยู่แล้วว่ามีเหตุร้ายใดเกิดขึ้นในสํานักหมอกเมฆาของเรา เจียเจีย…จงสรุปสถานการณ์ปัจจุบันที่พวกเราควรรู้เพื่อทําการแก้ไขหน่อยเถิด!” อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงหันไปหาหลานสาวก่อนออกคําสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
จูซือเจียลุกขึ้นยืน นับตั้งแต่เจ้าหอแปรธาตุจินจื่อคุนหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากกระทําความผิด นางจึงกลายมาเป็นผู้จัดการเรื่องราวต่างๆ ในหอแปรธาตุแทนเขา “ตอนนี้สํานักของเรามียาเม็ดระดับสวรรค์เพียงเม็ดเดียว ยาเม็ดหยางบริสุทธิ์ชั้นปฐพี่จํานวนแปดสิบเม็ด ยาเม็ดชั้นซวนสองพันเม็ดและชั้นอําพันหกพันเม็ด งานที่สํานักของเราได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิสําเร็จไปเพียงหนึ่งจากสามส่วน ที่สําคัญเราเหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น!”
หญิงสาวก้าวถอยหลังกลับไปยืนตรงจุดเดิมทันทีที่กล่าวจบ ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วห้องโถงอีกครั้ง
ผ่านไปห้าเดือน งานที่พวกเขาได้รับมอบหมายทําสําเร็จไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ นี่เหลือระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น สถานการณ์ปัจจุบันโหดร้ายกับพวกเขาราวฟ้าดินเล่นตลก แม้หอแปรธาตุยังเปิดทําการได้ตามปกติแต่เตาปรุงยาชั้นดีทั้งสิบสามเตากลับถูกทําลายด้วยน้ำมือของศัตรูที่ปองร้ายไม่จบสิ้น เป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาควรทําอย่างไรดี?
บรรดาศิษย์ทุกคนเผยสีหน้าคล้ําหมันและตึงเครียดยิ่ง!
หลังองค์จักรพรรดิฉินอ๋องทรงขึ้นครองบัลลังก็ได้ไม่นาน พระองค์ทรงมีกระแสรับสั่งเกี่ยวกับเรื่องยาเม็ดชั้นเลิศเหล่านี้ด้วยพระทัยตั้งมั่น ทันทีที่นํากองทัพเข้าชิงอํานาจจากดินแดนอนารยชนจากทิศใต้สําเร็จ พระองค์ทรงเหิมเกริมและพยายามใช้อํานาจเข้ามาก้าวก่ายสํานักต่างๆ ในอาณาจักร หลายสํานักที่แข็งข้อจะถูกกองทัพทหารกวาดต้อนจนต้องยอมจํานน ดังนั้นหากสํานักหมอกเมฆาทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่สําเร็จแน่นอนว่าท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องเผชิญชะตากรรมร้ายแรงเช่นเดียวกัน!
บรรยากาศภายในสํานักหมอกเมฆาอึมครึมลงทุกขณะ
ส่วนอาวุโสลําดับสามไป๋เยี่ยนหูก้มศีรษะลงท่าทางราวโศกเศร้าและจนปัญญา ทว่าภายใต้ลักษณะเช่นนั้นกลับมีรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏอยู่บนใบหน้า! สายตาเย็นชาของเขา กลอกขึ้นพร้อมกวาดมองโดยรอบก่อนไปหยุดที่เยี่ยฉวนและพบว่าอีกฝ่ายก็จ้องมองกลับมาเช่นกัน ชายชราจึงแสร้งตีหน้าเศร้าทันที!