Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 90 ท่านเจ้าสํานัก อย่าลังเล!
บทที่ 90 ท่านเจ้าสํานัก อย่าลังเล!
เยี่ยฉวนกลับถึงกระโจมที่พํานักตอนรุ่งสางด้วยความเหนื่อยล้าเพราะใช้พลังงานไปมากในการถ่ายทอดเคล็ดวิชา ทว่าดวงจิตของเขากลับปลอดโปร่งยิ่ง!
เขามีปีศาจเพลิงเป็นบริวารคอยรับใช้ในสํานัก นอกสํานักเขายังมีผู้ช่วยที่มีพลังยุทธ์ทัดเทียมหรืออาจแข็งแกร่งกว่าอีกด้วย! ปีศาจเพลิงอี้เหยียนจื่อเปรียบเสมือนลูกไฟที่พร้อมแผดเผาศัตรูทุกคนเพื่อปกป้องสํานักหมอกเมฆา ส่วนปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือเปรียบเสมือนมีดแล่เนื้อคมกริบที่พร้อมเชือดเฉือนศัตรูภายนอก!
อดีตมหาปราชญ์เช่นเขาชํานาญด้านการลับใบมีดให้คมอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามีดแล่เนื้อเล่มนี้จะยิ่งคมกริบขึ้นด้วยฝีมือการลับของตน!
หลังพักผ่อนได้สักระยะเยี่ยฉวนจึงเดินนำบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาไปยังสนามประลองตั้งแต่เช้าตรู่ และพบว่าฝูงชนจากสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์รออ ยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประลองครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสามสํานักศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาจะสามารถนําพาสํานักของตนไปถึงอันดับหนึ่งในการประลองได้ หรือไม่?!
เยี่ยฉวนจะส่งศิษย์ผู้ใดลงสนามประลองในสองรอบสุดท้าย? หรือยังคงเลือกยอดฝีมือในรอบพันปีเช่นหนานเทียนโตวเป็นไม้ตายเช่นเดิม?!
ผู้คนต่างคาดหวังและรอคอยด้วยใจจดจ่อ ยิ่งการประลองใกล้ถึงจุดสิ้นสุดทุกคนยิ่งรู้สึกประหม่า
ทว่ายังไม่ทันได้ทําการจับสลาก ผู้ตัดสินที่เป็นตัวแทนจากสํานักทั้งสามกับมีปากเสียงรุนแรงเพราะถกเถียงกันเกี่ยวกับการประลองในวันนี้
ผู้ตัดสินจากสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ เสนอกฎเกณฑ์ใหม่ไปในทิศทางเดียวกัน โดยยกความยุติธรรมมาเป็นข้ออ้างไม่อนุญาตให้ศิษย์ที่เป็นตัวแทนจากสํา นักปรากฏตัวบนสังเวียนแห่งความเป็นตายเกินสามครั้ง!
สิ้นคําประกาศบรรดาศิษย์ของสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์พลันปรบมือและโห่ร้องเสียงดังสนั่น เพื่อสนับสนุนกฎเกณฑ์ใหม่นี้ ส่วนสํานักหมอกเมฆาเกิดความโกลาหลด้วยความไม่พอใจยิ่ง!
กฏใหม่ที่อีกฝ่ายอ้างว่ายุติธรรมเอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้องและดักทางสํานักหมอกเมฆาโดยตรง! เห็นชัดเจนว่าพวกเขาไม่ต้องการให้หนานเทียนโตวลงสนามประลองอีกเป็นครั้งที่สี่ เพราะรู้ตัวดีว่าในสํานักของตนไม่มีผู้ใดที่สามารถเอาชนะเขาได้!
“น่ารังเกียจ! ไร้ยางอายสิ้นดี! ทั้งสํานักทั้งเจ้าสํานักช่างหน้าไม่อาย!”
จูซือเจียโกรธจัดจนอารมณ์เดือดพล่าน ที่ผ่านมาสองสํานักนั้นกระทําสิ่งชั่วช้าไร้คุณธรรมมาโดยตลอด โดยเฉพาะสํานักเครื่องนิลที่ต้องการโค่นอํานาจสํานักหมอกเมฆาอย่างออกนอกหน้า ถึงกระนั้นก็ทําได้เพียงอดทนเท่านั้น ทว่าการรวมหัวกันกลั่นแกล้งนี้เลวร้ายเกินรับได้…ทําเช่นนี้ เท่ากับไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย!
ก่อนหน้านี้พวกเขาวางอุบายโดยตั้งกฏไว้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ ของแต่ละสํานักจะต้องเป็นผู้นําศิษย์เข้าร่วมการประลองครั้งใหญ่ด้วยตนเองเท่านั้น โดยหวังให้สํานักหมอกเมฆาอับอายขายหน้าที่เยี่ยฉวนบรรลุขั้นการฝึกตนเพียงระดับปานกลาง ครั้งนี้ในระหว่างการแข่งขันพวกเขาก็หาเรื่องถ่วงเวลา เพื่อคิดแผนการกําจัดหนานเทียนโตวออกไป จึงใช้วิธีเปลี่ยนกติกาการประลองเสียใหม่!
“พวกมันจงใจรังแกเราถึงเพียงนี้…พอกันที! ศิษย์พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่การประลองระหว่างสามสํานัก เป็นเพียงการกลั่นแกล้งกันชัดๆ!” จ้าวต้าจื่อตะโกนลั่นด้วยความโกรธแค้นจนใบหน้าคล้ำเข้ม เสียงปาวร้องเพียงครั้งเดียว ทําให้บรรดาศิษย์ร่วมสํานักต่างลุกฮือขึ้นประท้วงทันที
“พวกเจ้าลําพองว่าตนเองปราดเปรื่องจนสามารถกดขี่ข่มเหงสํานักของข้าอย่างไรก็ได้เช่นนั้นหรือ!?”
“ฝันไปเถิด! ข้าไม่ยอมตกอยู่เบื้องล่างของพวกเจ้าเด็ดขาด!
การประลองดําเนินมาเกินครึ่งทาง บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาต่างเห็นพัฒนาการในทางที่ดีของพวกตนอย่างชัดเจน ทุกสิ่งกําลังไปได้สวยทว่ากลับถูกฝ่ายศัตรูกลั่นแกล้งกันซึ่งหน้าเช่นนี้ พวกเขาต่างรู้สึกแค้นเคืองและสิ้นหวัง แม้แต่ผู้พิทักษ์หยางก็เผยสีหน้าแดงก่ําด้วยความโกรธายิ่ง! เสียงของเขาเพียงหนึ่งเสียงไม่สามารถต่อกรกับอีกสองเสียงได้ แต่เยี่ยฉวนยังคงมีท่าที่สงบนิ่งต่อแผนสกปรกของสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจริงดังที่เขาคาดไว้!
โท่วปาเซียงคือใคร?!
ชายผู้นี้เปรียบเสมือนหมีปาดุร้ายที่เข่นฆ่ามนุษย์ได้ในพริบตา! หากเขาต้องการให้สิ่งใดบรรลุเป้าหมายที่ตนต้องการ ไม่ว่าหนทางนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่เขาไม่ใส่ ใจ! ยิ่งเป็นเรื่องการโค่นอํานาจสํานักหมอกเมฆาให้สิ้นซาก แล้วเขาสามารถทําเรื่องเลวร้ายได้ทุกอย่าง เมื่อศัตรูคู่อาฆาตมีอันดับการประลองที่พุ่งสูงขึ้นเขาไม่มีทางนิ่งนอนใจ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาถูกโท่วป่าเซียงใช้แผนการสกปรกตลบหลังเช่นนี้!
เยี่ยฉวนเตรียมแผนการตั้งรับไว้พร้อมแล้ว ดังนั้นเขาเพียงรอจังหวะอยู่เงียบๆ
โท่วปาเซียงก้าวออกไปด้านหน้าอย่างเนิบช้าก่อนกล่าวออก “ไอ้หนู! ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจกติกาใหม่ใช่หรือไม่?! กลัวงั้นรึ?! สํานักหมอกเมฆาของพวกเจ้าคงไม่มียอดฝี มือคนอื่นนอกจากหนานเทียนโตวแล้วสินะ! แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเช่นเจ้ายังไม่กล้าลงสนามประลองด้วยซ้ำ!”
ท่าทีของโท่วปาเชียงทั้งโหดเหี้ยมและคุกคาม เขากล่าวคํายั่วยุเพื่อกดดันให้เยี่ยฉวนตกที่นั่งลําบาก!
“ไม่พอใจกติกาใหม่งั้นรึ?! ทําไมข้าต้องกลัวด้วยเล่า? ก็แค่กฏเกณฑ์ไร้สาระที่เพิ่มขึ้นเพียงข้อเดียว ท่านต่างหากที่ร้อนรนยิ่งกว่าข้าเสียอีก!” เยี่ยฉวนกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มหยัน
ใบหน้าโท่วปาเชียงแปรเปลี่ยนเป็นแดง…เมื่อถูกเยี่ยฉวนตอกหน้า เขาตอบกลับทันที! “ฮ่ม! ไอ้หนู! หมายความว่าเจ้ายอมรับกฎเกณฑ์นี้ใช่หรือไม่?!”
“ศิษย์พี่ใหญ่อย่ายอมรับเด็ดขาด!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่นะ…”
จ้าวต้าจื่อ จูชื่อเจีย และศิษย์ร่วมสํานักคนอื่นๆ ต่างหวั่นวิตกและกระวนกระวาย หากศิษย์พี่ใหญ่ยอมรับกฎเกณฑ์นี้ หนานเทียนโตวผู้เป็นความหวังเดียวจะไม่ได้ขึ้นไปบนสังเวียนแห่งความเป็นตายอีกต่อไป! เช่นนั้นผู้ใดในสํานักจะมีทักษะสูงส่งมากพอในการลงสนามประลองสองครั้งสุดท้าย?!
เยี่ยฉวนโบกมือเป็นเชิงห้ามปรามไม่ให้ศิษย์น้องทั้งหลายตื่นตระหนก เขากวาดสายตามองฝูงชน มองเจ้าสํานักโท่วปาเซียง และเลยไปหยุดที่โท่วปาเซียงเพียวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างบิดา จากนั้นรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์พลันปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาขณะที่ก้าวเดินออกไปด้านหน้าอย่างไร้ความลังเล “ท่านเจ้าสํานัก พวกเรายอมรับกติกาการประลองข้อนี้ แต่ข้ามีข้อเรียกร้องบางประการ…”
“ท่านพ่อ…”
โท่วปาเซียงเพียวคร่ำครวญด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล รอยยิ้มของเยี่ยฉวนทําให้นางไม่สบายใจยิ่ง!
หากเยี่ยฉวนใช้โอกาสนี้ร้องขอให้ท่านพ่อยกตนให้แต่งงานกับเขา…นางควรทําเช่นไรดี?!
หัวใจของนางเต้นเร็วแรงราวกวางที่กําลังกระโดดอย่างโลดโผน!
โท่วปาเซียงก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกันเมื่อได้ยินเยี่ยฉวนเกริ่นนําโดยแฝงความนัย เพราะความคิดของเขาไปในทิศทางเดียวกับบุตรสาว ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่อาจยอมให้สํานักหมอกเมฆาชนะการประลองครั้งใหญ่นี้ และไม่อาจยอมให้โอกาสอันดีอื่นใดตกไปอยู่กับอีกฝ่าย! หากเขายอมให้โท่วปาเซียงเนียวแต่งงานกับเยี่ยฉวนเท่ากับสํานักเครื่องบิลเสียเปรียบครั้งใหญ่!
“ท่านเจ้าสํานัก…ท่านไม่ควรลังเล! อย่าลืมสิ่งที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้เด็ดขาด!” ผู้อาวุโสตูแห่งสํานักเบญจลักษณ์ขยับเข้าไปกระซิบพร้อมราดน้ำมันลงบนเปลวเพลิงให้ไฟยิ่งโหมกระหน่ำ ขณะที่ผู้อื่นมีสีหน้าเคร่งเครียดทว่าชายชราผู้นี้กลับยิ้มแย้มยินดี
เรื่องการกําจัดสํานักหมอกเมฆาให้พ้นทาง ทั้งสองสํานักมีความปรองดองและความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ แต่เบื้องหลังแล้วทั้งคู่ยังคงเป็นศัตรูที่ต้องการแก่งแย่งชิงดีกันเช่นเดิม ดังนั้นชายชราจึงเป็นสุขที่เห็นแผนการของโท่วปาเซียงล้มเหลว ก่อนหน้านี้เขาจงใจสลับตัวบุตรสาวกับนางนกอินทรีอัปลักษณ์เพื่อให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้า ทว่าแผนการกลับล้มเหลว ตอนนี้เห็นที่เจ้าสํานักจอมเอาแต่ใจผู้นี้คงต้องยกบุตรสาวตัวจริงให้กับเยี่ยฉวนเสียแล้ว! การยกบุตรสาวเพียงคนเดียวให้ตบแต่งกับศัตรูยิ่งทําให้สํานักเครื่องนิลเสียศักดิ์ศรียิ่งกว่า!
โท่วปาเชียงเผยสีหน้าคล้ำหม่นขณะจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนด้วยดวงตาแดงกําดุร้ายราวภูตอสุรกายกระหายเนี้อมนุษย์ ไม่คาดคิดว่าการจงใจทําให้อีกฝ่ายตกที่นั่งลําบากจะย้อนกลับเข้าหาตัวอีกครั้ง!
“อย่ารีบร้อนไป ท่านเจ้าสํานัก…ท่านกลับไปไตร่ตรองให้ดีเถิด หรือจะเลื่อนการประลองสองครั้งสุดท้ายออกไปก็ย่อมได้! โปรดประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันด้วยว่าการประลองครั้งสุดท้ายจะจัดขึ้นอีกครั้งเมื่อไร?!” เยี่ยฉวนกล่าวพร้อมแสดงท่าทางราวเข้าอก เข้าใจ ทําให้โท่วปาเซียงยิ่งขบกรามแน่นด้วยโกรธายิ่ง!
ฝูงชนทั้งสามสํานักต่างมองไปยังโท่วปาเซียงเป็นตาเดียวอย่างรอคอยคําตอบว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร? ผู้ตัดสินทั้งสามหยุดการทะเลาะวิวาทกันทันที!
ตอนนี้ผู้กุมอํานาจในการตัดสินใจไม่ใช่เยี่ยฉวน แต่เป็นโท่วปาเซียง!
ใบหน้าโท่วปาเซียงหม่นหมองและคล้ำเข้มราวก้นหม้อที่ถูกถ่านเผาไหม้ เขารู้สึกว่าการวางแผนของตนผิดพลาด หากเขารู้ล่วงหน้าคงไม่อดทนรอให้เยี่ยฉวนถอนหงอกตนเช่นนี้ และคงสังหารอีกฝ่ายด้วยน้ํามือตนเองไปแล้ว!
ข่าวลือที่ว่าศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนแห่งสํานักหมอกเมฆาโง่เขลาและมีทักษะต่ำต้อยไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย! แบบนี้เรียกว่าโง่แล้วอย่างนั้นหรือ?! ไอ้เด็กบ้านี่เป็นจิ้งจอกพันปีจอมเจ้าเล่ห์ที่กัดกินมนุษย์โดยไม่เหลือแม้แต่ซากชัดๆ!
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
โท่วปาเซียงขบเขี้ยวเคี้ยวพันด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาสาบานกับตนเองอย่างมั่นหมาย…หากการประลองครั้งนี้จบลงเมื่อใด เขาจะฉีกกะโหลกของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเครื่องนิลที่มีสมองเพียงน้อยนิดออกด้วยตนเอง!