Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 88 นากู้ซื้อ
บทที่ 88 นากู้ซื้อ
หลังเที่ยงคืน สายฝนที่โปรยปรายลงมาเริ่มซาลงอากาศเย็นลงเรื่อยๆ
จูซือเจียเฝ้าดูแลปรนนิบัติศิษย์พี่ใหญ่ตลอดทั้งคืน ทว่าความเคร่งเครียดที่สั่งสมมาตั้งแต่ช่วงกลางวันทําให้นางรู้สึกเหนื่อยล้า ร่างบอบบางเอนกายลงพิงขอบเตียงจนกระทั่งผล็อยหลับไป
ลมหายใจของนางเป็นจังหวะสม่ำเสมอหลังจากหลับใหล ขณะนั้นเองเยี่ยฉวนที่แสร้งหลับมาโดยตลอดกลับลืมตาขึ้นนั่ง ก่อนหยิบเสื้อคลุมตัวหนาคลุมร่างสาวอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงย่องเบาออกจากกระโจมอย่างเงียบเชียบ…
ฐานที่มั่นของสํานักหมอกเมฆาเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดเห็นร่างของศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารอันระทึกขวัญ ดังนั้นบรรดาศิษย์จึงแยกย้าย ไปนอนพักผ่อนและนั่งสมาธิฝึกตนด้วยหมดอารมณ์ที่จะดื่มกินและเฉลิมฉลอง ทุกคนต่างตั้งตารอการประลองครั้งสุดท้ายในวันพรุ่งนี้
เขาใช้กระแสจิตส่งแมลงสาบตัวน้อยให้เข้าไปสํารวจภายในกระโจมของอี้สั่วและพบว่ามันว่างเปล่า! เวลาดึกดื่นเช่นนี้ชายหนุ่มกลับไม่พักผ่อนอยู่ในกระโจมแต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนับว่าผิดปกติยิ่ง!
เยี่ยฉวนยกยิ้มเย้ยหยันก่อนส่งกระแสจิตของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นแมลงสาบตัวเดิมพลันปรากฏอยู่ตรงหน้า มันบินนําเขาไปยังหุบเหวที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขา
สัตว์อสูรทุกตัวที่เยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชาปี ศาจกลืนกินสวรรค์สร้างพันธะโลหิตควบคุม กลายเป็นแขน ขา และหูตาให้กับเขา พวกมันช่วยเหลือเยี่ยฉวนในการสอดแนมเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีผู้ใดสังเกต เห็น
ลมเย็นพัดโชยมาจากลําธารข้างหุบเขาขณะเขาเดินขึ้นไปเพียงครึ่งทาง
เจ้าหอแปรธาตุจินจื่อคุนผู้โพกผ้าสีดําปิดบังใบหน้ายืนอยู่บนหินก้อนหนึ่งบนขอบหน้าผาปากอินทรี ชุดสีดําที่เขาสวมใส่ทําให้ร่างกายกลืนไปกับความมืดมิด มีเพียงดวงตาคมกริบฉายแววเย็นเยือกที่ผืนผ้าไม่ได้ปิดบังไว้
ชายทั้งสองคนยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่กล่าวคําใด สรรพเสียง โดยรอบเงียบเชียบ…มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวเท่านั้นที่พัดผ่านร่างของพวกเขา ครั้นกระแสจิตของเยี่ยฉวนไปถึงดูเหมือนบทสนทนาของทั้งคู่จบลงแล้ว หรือไม่ทั้งคู่อาจไม่ได้พูดคุยกันเลยตั้งแต่ต้น
เยี่ยฉวนหลบซ่อนกายอยู่หลังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงควบคุมกระแสจิตให้แมลงสาบตัวน้อยค่อยๆ คลานไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า
แม้จินจื่อคุนยังไม่บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต่าทว่าการวิทยายุทธของเขาแข็งแกร่งและสูงส่งยิ่งพลังปราณและโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายทรงอํานาจจนผู้คนต่างเกรงกลัว ทันใดนั้นเขาหันขวับอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ใกล้เข้ามา แต่แล้วดวงตาวูบไหวคู่นั้นกลับอ่อนแสงลง เมื่อพบว่ามันเป็นเพียงแมลงสาบธรรมดาเท่านั้น
“ท่านเจ้าหอ..ไม่มีหนทางอื่นแล้วหรือ?” อี้สั่วกล่าวคํา ออกด้วยน้ำเสียงขมขื่นทําลายความเงียบน่าอึดอัดใจนั้น
เขาส่งมือสังหารชั้นเลิศถึงเจ็ดคนไปฆ่าเยี่ยฉวนถึงกระโจมทว่าไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่รอดชีวิต หนําซ้ำเยี่ยฉวนที่เป็นเป้าหมายกลับรอดชีวิต! ตอนนี้ชีวิตของอี้สั่วเปรียบดัง แขวนอยู่บนเส้นด้าย วันพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของการประลองครั้งใหญ่ระหว่างสามสํานัก หากเขาคิดแผนการไม่สําเร็จภายในค่ําคืนนี้เขาก็ไร้โอกาสสังหารอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง ครั้นกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาโดยที่ภารกิจไม่ลุล่วง อาวุโสลําดับสามจะต้องลงโทษเขาอย่างรุนแรงเป็นแน่!
หลังแผนการล่าสุดล้มเหลวไม่เหลือชิ้นดี ท่าทีของอี้สั่วก็ปราศจากความเย่อหยิ่งเหมือนเช่นทุกครั้ง เขาไม่มีความคิดต้องการเป็นผู้โดดเด่นที่สุดในกลุ่มฝูงชนอีกต่อไป ตอนนี้สมองของเขาครุ่นคิดเพียงแผนการที่จะทําให้ภารกิจที่อาวุโสลำดับสามมอบหมายสําเร็จ
หากแผนการดําเนินไปโดยราบรื่น เขาอาจได้รับการสนับสนุนจากท่านอาจารย์ให้ขึ้นดํารงตําแหน่ง เป็นศิษย์พี่ใหญ่คนใหม่แห่งสํานักหมอกเมฆาแทนที่เยี่ยฉวน แต่ถ้าแผนการล้มเหลวอีกครั้งเขาจะต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดด้วยชีวิต! อย่างน้อยเขาอาจถูกขังอยู่ในคุกสี่เหลี่ยมแคบๆ เพื่อสํานึกตนเพียงไม่กี่ปี หรือไม่ จุดจบสุดท้ายของ เขาอาจลงเอยที่ก้นหุบเหวมังกรปีศาจ!
“ไม่มีแล้ว นี่คือหนทางที่ดีที่สุดเพียงหนทางเดียว…”
จินจื่อคุนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา เขาหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวออก “วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า อี้สั่ว…เจ้าเข้าใจหรือไม่?!”
“ตะ-แต่ถ้าถ้าไอ้บัดซบเยี่ยฉวนนั่นไม่ตอบตกลงล่ะขอรับ?” อี้สั่วเอ่ยถามขณะเหงื่อไหลโซมกายจนชุ่มโชก
“นั่นเป็นเรื่องของเจ้า! หากเจ้าหว่านล้อมมันไม่สําเร็จก็คิดข้อแก้ตัวไว้อธิบายให้อาวุโสลําดับสามเสียเถิด! ส่วนข้า… จะรอให้เหตุการณ์มาถึงขั้นเลวร้ายที่สุดจึงจะหาโอกาสกําจัดมันด้วยตนเอง!”
จินจื่อคุนมองอี้สั่วด้วยสายตาเย็นชาก่อนหมุนกาย กลับพร้อมเร้นกายหายไปทันที!
บริเวณปากเหวเหลือเพียงอี้ตั๋วที่ไร้ท่าที่วางอํานาจโดยสิ้นเชิง แขนขาของเขาอ่อนแรงจนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย และโหดเหี้ยมเขาขบกรามแน่นก่อนเดินจากไป
ครั้นอี้สีาวเดินจากไปไกลแล้ว เยี่ยฉวนผู้หลบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ข้างลําธารจึงเดินออกมา
“กังวลว่าข้าจะไม่ตอบตกลงงั้นรึ?! ไอ้สองคนนี้กําลังวางแผนการใดอยู่กันแน่?!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มอย่างฉงน จิตใจของเขาพล้นตระหนักถึงภยันตรายที่กําลังจะเกิดขึ้น เขานึกถึงแมลงสาบอมตะและคิดจะนํามันเก็บไว้ในโคมบงกชสีคราม ขณะที่กําลังจะหมุนตัวกลับเขาสัมผัสถึงบางสิ่งที่อันตรายปรากฏขึ้นจนกล้ามเนื้อเกร็งไปทุกส่วน เขาค่อยๆ หมุนตัวกลับ ทันใดนั้นจึงเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล…ไม่รู้แน่ชัดว่าบุคคลผู้นั้นอยู่ที่นั่นนานเพียงใดแล้ว
คนผู้นั้นมีร่างกายใหญ่โตกํายําและสูงเกือบสามเมตร ทั้งยังสง่างามยิ่งผายราวขุนเขา บนร่างสวมเสื้อคลุมสีดําบนศีรษะสวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่ บริเวณหน้าผากคล้ายป รากฏก้อนเนื้อสองก้อนงอกออกมา แม้ระยะห่างระหว่าง พวกเขาไกลกันมากกว่าสิบเมตรทว่าปราณปีศาจที่แผ่ออกจากร่างของบุคคลปริศนาผู้นี้กลับคุกคามเสียจนน่าหวาดผวา ดูเหมือนเยี่ยฉวนกําลังเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่พร้อมโจมตีเหยื่ออย่างทารุณ
“ปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือสั้นหรือ?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามพลาง โคจรยันต์กลืนกินสวรรค์เพื่อตั้งรับ
เมื่อเห็นลักษณะการแต่งกายของอีกฝ่าย เขานึกถึงคําพูดของจ้าวต้าจื่อที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่พบในตลาดมืด จึงพอคาดเดาได้ทันทีว่าบุคคลตรงหน้าคือผู้ใด?!
“ปราดเปรื่อง! ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆามีสายตาหลักแหลมเสียจริง! ถูกแล้ว! ข้าชื่อนากู๋ซือ!”
ชายร่างใหญ่ยกยิ้มก่อนก้าวเดินไปด้านหน้า ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบพลันปกคลุมไปด้วยแรงกดดันหนักอึ้ง ทุกย่างก้าวของเขาทิ้งรอยเท้าลึกไว้บนพื้น เขากล่าวคําออกอีกครั้ง “ไอ้หนุ่ม! ไหนๆ เจ้าก็รู้แล้วว่าข้าคือใคร เช่นนั้นเจ้าคงรู้ใช่ หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงตามหาเจ้า?!”
ยามราตรีมีดสลัว บนภูเขาที่มีอีกด้านเป็นลําธารกว้างใหญ่ เยี่ยฉวนกลับถูกปีศาจเขาโค้งที่แข็งแกร่งและมีท่าทีโหดร้ายขวางทางไว้ เช่นนี้เขาควรทําอย่างไรดี?!
รูม่านตาของเขาหดเล็กลง ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลําบากเช่นเดียวกับเจ้าอ้วนในตลาดมืดคราวก่อนไม่ผิดเพี้ยน!
ในสถานที่รกร้างเช่นนี้หากเขาถูกสังหารคงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ยิ่งมีลําธารอยู่ข้างหุบเหวเช่นนี้คงเป็นการง่ายหากอีกฝ่ายจะโยนร่างไร้วิญญาณของเขาทิ้งให้จมลงเพื่อทําลายหลักฐาน!
“ยันต์ปีศาจแผ่นนั้นยังไม่เพียงพออีกหรือ?!”
เยี่ยฉวนยังรักษาท่าที่สงบนิ่ง เขาจ้องมองปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือที่กําลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ครั้นสังเกตเห็นว่าปีศาจตนนึงอเข่าเวลาเดินไม่ได้จึงกล่าวตอบ “ได้! ตราบใดที่เจ้ามีเงินมากพอที่จะจ่าย ข้าสามารถขายยันต์ปีศาจให้เจ้าได้อีกหนึ่งใบ!”
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
“ฮ่าๆๆ! ไอ้หนุ่ม! นี่หมายความว่าเจ้าสามารถเขียนยันต์ปีศาจได้อย่างนั้นหรือ?!”
ปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือแผดเสียงหัวเราะดังลั่นก่อนกระโดดมาหยุดตรงหน้าเยี่ยฉวนทันที! ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มจ้าขณะพูดกลั้วหัวเราะด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ฮ่าๆๆ! ไม่นึกเลยจริงๆ! นอกจากข้าจะพบยันต์วิเศษแล้วยังมีวาสนาได้พบปรมาจารย์แห่งยันต์อีกด้วย! ไอ้หนุ่ม…ยันต์ปีศาจเพียงผืนเดียวนั้นไม่เพียงพอหรอก! เจ้าสนใจมาเป็นผู้ช่วยปรับแต่งยันต์ปีศาจที่ทวีปไร้แสงจันทร์ของข้าหรือไม่?!”
ดวงตาของปีศาจเขาโค้งเปล่งประกายเจิดจ้า เขามองไปที่เยี่ยฉวนราวได้พบกับสมบัติล้ำค่า แม้คําพูดที่เขากล่าวจะสุภาพทว่าพลังปราณในร่างกายกลับแผ่จิตสังหารอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าหากการเจรจาในครั้งนี้ไม่สําเร็จ เขาจะใช้กําลังขู่เข็ญเยี่ยฉวนในที่สุด!
สมัยโบราณ ทวีปอัคคีสวรรค์มีสํานักต่างๆ ก่อตั้งขึ้นมากมาย สภาพแวดล้อมในแคว้นอุดมสมบูรณ์น่าอยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง ทว่าทวีปไร้แสงจันทร์กลับแตกต่างออกไป ทั้งแผ่นดินมีภูเขาไฟและทะเลทรายกระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ หากศิษย์ผู้ใดหลงทางเข้าไปในทวีปดังกล่าวต่อให้บรรลุถึงขั้นซิวฉือระดับเจ็ดก็ไม่สามารถดํารงตนให้รอดชี วิตกลับออกไปได้! ยกเว้นยอมตกเป็นทาสของเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจไปตลอดกาล