Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 66 ยันต์ปีศาจ
บทที่ 66 ยันต์ปีศาจ
เสียงอื้ออึงเงียบลงฉับพลัน…ผู้คนต่างตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวของปีศาจเขาโค้งจนถอยห่างอย่างรวดเร็ว
แม้ฝูงชนจะยังไม่รู้ว่าชายผู้นั้นคือปีศาจเข้าโค้ง เพราะก้อนเนื้อที่งอกออกมาจากศีรษะถูกปิดบังไว้ด้วยหมวกใบใหญ่ ทว่าร่างที่สูงเกือบสามเมตรและจิตสังหารที่แผ่ออกมาโดยรอบทำให้คนเหล่านั้นหวาดผวายิ่ง! มีเพียงจ้าวต้าจื่อเท่านั้นที่มองเห็นเพราะนั่งหมอบอยู่กับพื้น
ฝูงชนที่เดินขวักไขว่อยู่ในตลาดมืดต่างมีไหวพริบเป็นเลิศ ทั้งยังมีสายตาเฉียบแหลม เพียงมองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าบุคคลผู้นี้เป็นถึงยอดฝีมือและมารร้ายที่สามารถสังหารผู้อื่นได้โดยไม่ลังเล!
จบสิ้นแล้ว!
จ้าวต้าจื่อศิษย์แห่งสำนักหมอกเมฆาจบสิ้นกันคราวนี้! แทนที่จะอยู่เฉยกลับก่อความเดือดร้อนเข้าตน…หยิบแผ่นกระดาษที่เขียนอักขระไร้ความหมายมาวางขายในตลาด นอกจากจะไม่ได้เงินยังต้องเอาชีวิตน้อยๆ มาทิ้งที่นี่!
กลุ่มคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างถอนหายใจ ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกไปช่วยเหลือ…
หลักการที่สำคัญยิ่งในการเอาตัวรอดในตลาดมืดแห่งนี้คือรักษาความปลอดภัยของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ควรเอาชีวิตตนไปเสี่ยงช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่จำเป็น เจ้าอ้วนที่นำกระดาษไร้มูลค่ามาวางขายและโก่งราคาเช่นนี้หากจะถูกประณามก็สมควรแล้ว การต้มตุ๋นฉ้อโกงใช่จะเป็นทักษะที่คนทั่วไปสามารถทำได้ ดูอย่างเฒ่าโหวจอมลวงโลกเป็นอย่างไร…ต่อให้เขามีนิสัยขูดรีดลูกค้า ทว่าบรรดาลูกค้าของเขาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใดๆ ให้ในภายหลัง นั่นเป็นเพราะเขารู้ดีกว่าควรโกงผู้ใดและหลอกลวงอย่างไร
“ทะ…ท่าน ขะ-ข้า” จ้าวต้าจื่อมองขึ้นไปยังปีศาจเขาโค้งผู้น่าสะพรึงกลัว…ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่นก่อนยันร่างลุกยืนขึ้น
ยามนี้เงินหรือกระดาษแผ่นนั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เขาเพียงต้องการหนีออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ยิ่งห่างจากปีศาจเขาโค้งมากเท่าไหร่ยิ่งดี! ทว่าขาทั้งสองข้างกลับอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“กระดาษแผ่นนี้ราคาเท่าไร?! ข้าต้องการซื้อ! บอกราคาของมันมา!”
ปีศาจเขาโค้งตะคอกเสียงแหบพร่า หลังคลี่กระดาษแผ่นนั้นออก…ดวงตาแดงสลัวคู่นั้นพลันเปล่งประกายแปลกประหลาด! สีหน้าแปรเป็นปีติยินดีราวหมาป่าหิวโหยที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ในป่าทึบได้พบแหล่งอาหาร!
บรรยากาศโดยรอบเงียบลงอีกครั้ง จ้าวต้าจื่อและฝูงชนต่างอยู่ในสภาวะตกตะลึงยิ่ง!
ชายผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อสังหาร แต่มาเพื่อซื้อสมบัติบางอย่างเท่านั้นหรือ?!
กระดาษแผ่นนี้มีผู้ต้องการซื้อจริงหรือ?!
ฝูงชนแทบไม่อยากเชื่อในเหตุการณ์ตรงหน้า ผู้ฝึกตนบางรายที่เดินเลยไปไกลถึงขั้นย้อนกลับมา ทว่าต่อหน้าปีศาจเขาโค้งพวกเขาต่างประพฤติตนดีขึ้นราวแมวเรียบร้อย ไม่กล้าเผยท่าทีเย่อหยิ่งเช่นครั้งก่อนหน้า
“เอ่อ…ประมาณ…” จ้าวต้าจื่อครุ่นคิดเล็กน้อย ทันใดนั้นภาพบิดาที่กำลังเจ็บหนักผุดขึ้นในห้วงความคิด เขาจึงขบกรามรวบรวมความกล้าก่อนกางนิ้วทั้งห้าออก
“ห้าสิบตำลึง?! กระดาษไร้ประโยชน์แผ่นเดียวตั้งราคาสูงถึงเพียงนี้เชียวรึ?! เจ้าอ้วนนี่ช่างไม่อายปากเสียจริง!”
“นั่นสิ! เขาช่างโลภในเงินตราเสียจริง! น่าแปลก…เหตุใดของพรรค์นั้นจึงมีราคาสูงนัก?!”
ฝูงชนต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอื้ออึง…
ใบหน้าจ้าวต้าจื่อแดงก่ำก่อนแปรเป็นซีดเผือด เขาไม่ลืมคำที่เยี่ยฉวนกำชับไว้ก่อนหน้า…แม้ห้าสิบตำลึงจะเป็นราคาที่สูงมากแล้วแต่ยังไม่เพียงพอ! ทว่าลูกค้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นปีศาจเขาโค้ง! ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่สัญจรผ่านมาโดยบังเอิญ ดังนั้นเขาจะกล้าโก่งราคาได้อย่างไร?!
ปีศาจเขาโค้งยืนนิ่งรอคำตอบโดยไม่ปริปากเอ่ยคำใด บรรยากาศรอบข้างยิ่งตึงเครียดจนเจ้าอ้วนรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดปีศาจเขาโค้งจึงกล่าวคำออกทำลายความเงียบ “แปดพันตำลึง! ว่าอย่างไร?!”
เสียงอื้ออึงเงียบลงอีกครั้ง…
แปดพันตำลึงงั้นหรือ?!
พวกเขาต่างสงสัยว่าหูฝาดไปหรือไม่ที่ได้ยินว่ากระดาษแผ่นเดียวมีมูลค่าถึงแปดพันตำลึง…เป็นราคาที่สูงถึงสวรรค์เลยไม่ใช่หรือ?!
จ้าวต้าจื่อตะลึงลานไปครู่หนึ่ง…ไม่คาดคิดว่าปีศาจเขาโค้งจะใจป้ำถึงเพียงนี้! “นายท่าน! นะ…นี่มัน…”
“ยังน้อยไปอีกงั้นรึ?!”
ปีศาจเขาโค้งปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำเปิดเผยเพียงดวงตาที่ฉายแววเย็นเยือก เขาหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกจากอกเสื้อ “หนึ่งหมื่นสองพันตำลึง! ไม่มีมากกว่านี้แล้ว! หากเงินเหล่านี้ยังไม่เพียงพอละก็…”
“พะ…พอขอรับ! เพียงพอแล้ว!”
จ้าวต้าจื่อสะดุ้งสุดตัวพลางยื่นมือออกไปรับตั๋วเงินปึกหนาจากมือปีศาจเขาโค้ง ร่างกายอ้วนท้วนสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นระคนตื่นเต้น!
หนึ่งหมื่นสองพันตำลึงเป็นราคาที่เกินความคาดหมายยิ่ง! เดิมทีเขาไม่เชื่อว่ากระดาษแผ่นดังกล่าวสามารถขายได้ในราคาหลายร้อยตำลึง ทว่าเยี่ยฉวนกล่าวถูกต้องทุกประการ! กระดาษแผ่นนี้ไม่ไร้มูลค่า คนทั่วไปอาจมองไม่เห็นประโยชน์ของมัน…แต่ต้องมีบางคนที่ตาถึง!
เขาซ่อนตั๋วเงินปึกหนาไว้ในอกเสื้อราวมันคือมันฝรั่งที่ถูกเผาจนร้อน จากนั้นจึงเร่งเดินออกจากที่นี่โดยเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจุกจิกที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกปีศาจเขาโค้งผู้เดิมปรากฏตัวเข้าขวางทางเสียก่อน!
“ช้าก่อน! ไอ้หนู…เจ้ามียันต์แบบนี้อีกหรือไม่?!” ปีศาจเขาโค้งจ้องเขม็งไปที่เจ้าอ้วนด้วยสายตาเข้มจ้า
ภาพอักขระที่เยี่ยฉวนเขียนขึ้นอย่างลวกๆ อาจไร้ประโยชน์ในสายตาคนทั่วไป ผู้ปราดเปรื่องเท่านั้นจะรู้ว่ามันคือยันต์ที่ทรงพลังยิ่งเพียงกวาดตามองครั้งเดียว! ยันต์ดังกล่าวมีคุณสมบัติหลายอย่างแตกต่างกันไปสำหรับผู้ที่ใช้งาน ทั้งยังสามารถใช้ในการโจมตีได้อีกด้วย!
“ไม่มีแล้ว…มีเพียงแผ่นเดียว!” จ้าวต้าจื่อส่ายหน้าก่อนหมุนกายกลับไปอีกทาง ถึงกระนั้นปีศาจเขาโค้งก็ยังอ้อมมาดักขวางทางอีกครั้ง
แม้ปีศาจเขาโค้งมีรูปร่างใหญ่โตเทอะทะราวภูเขาลูกใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง! ในกลุ่มฝูงชนมียอดฝีมืออยู่มากมาย…มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตทัน ดังนั้นฝูงชนต่างตื่นตะลึงยิ่ง!
“เจ้าได้ยันต์นี้มาจากที่ใด?” ปีศาจเขาโค้งยังตั้งคำถามต่อ จ้าวต้าจื่อรู้สึกประหม่าและกระสับกระส่ายมากขึ้นราวถูกวิญญาณร้ายวนเวียนอยู่โดยรอบ
“บังเอิญพบ….ข้าบังเอิญพบมันร่วงอยู่ในป่าลึก!”
หัวใจจ้าวต้าจื่อเต้นรัวแรงไม่เป็นจังหวะ เขาหมุนกายกลับไปอีกทางก่อนวิ่งออกไปอย่างเร่งร้อนราวหนีเอาชีวิตรอด!
เจ้าอ้วนวิ่งอย่างสุดกำลังหายลับเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน คราวนี้ปีศาจเขาโค้งไม่ขวางทาง…ทว่าเร้นร่างกายให้หายวับกลืนไปกับความมืดตรงกำแพงต่อหน้าต่อตาฝูงชน ทักษะนั้นดูคล้ายกับปฐพีวิถีของสำนักเบญจลักษณ์แต่ล้ำเลิศกว่า ทั้งยังไม่ทิ้งร่องรอยพลังปราณไว้แม้แต่น้อย
“ทรงพลังนัก! ชายชุดดำผู้นั้นเป็นใครกัน?!”
“แปลกจริง! กระดาษแผ่นนั้นของเจ้าเด็กนั่นคือยันต์งั้นรึ?! เหตุใดข้าจึงไม่ทันสังเกตล่ะ!?”
ฝูงชนในตลาดมืดต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างตื่นเต้น!
บรรยากาศกลับมาครึกครื้นอีกครั้งทันทีที่ปีศาจเขาโค้งผู้แผ่จิตสังหารคุกคามอยู่ตลอดเวลาเร้นกายจากไป…
ส่วนเฒ่าโหวจอมลวงโลกผู้อวดว่าตนมีดวงตาเฉียบคม…ไม่มีสิ่งใดที่หลุดรอดสายตาไปได้ กลับยืนนิ่งอย่างงุนงงอยู่ผู้เดียวในมุมมืดพลางพึมพำ “ยันต์ปีศาจรึ? หรือมันจะเป็นยันต์ปีศาจใบเดียวกับที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน…”
ชายชราจมอยู่ในห้วงความคิดเช่นนั้นตลอดทั้งวัน พ่อค้าจอมลวงโลกผู้เอาแต่ชักสีหน้าถมึงทึงราวบรรดาลูกค้าติดหนี้เขาสามร้อยตำลึง กลับมีท่าทางเหม่อลอยและไม่สนใจแผงลอยตรงหน้าแม้แต่น้อย!
ห่างไปประมาณสิบเมตร ผู้ฝึกตนวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สัญจรผ่านมากำลังตีอกชกตนพร้อมกระทืบเท้าด้วยความเสียดายยิ่ง!
เขาเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นกระดาษแผ่นนั้นของเจ้าอ้วน…พบมันก่อนปีศาจเขาโค้งผู้นั้นเสียอีก! เขาพลาดโอกาสครั้งใหญ่ที่มองเห็นมันแล้วแต่กลับไม่รู้คุณค่าและปล่อยให้มันหลุดมือไป! ก่อนหน้านี้หากเขาเจรจาเรื่องราคากับเจ้าอ้วนสักหน่อย เขาอาจครอบครองมันในราคาไม่กี่ร้อยตำลึง ถ้านำมาขายอีกครั้งอาจโก่งราคาให้สูงขึ้นและทำกำไรได้กว่าหนึ่งหมื่นตำลึงเลยทีเดียว!
นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างที่สุด เขาเพียรฝึกตนมาทั้งชีวิตแต่กลับไม่มีสมบัติล้ำค่าใดๆ ในครอบครองแม้แต่ชิ้นเดียว!
เรื่องที่แย่ยิ่งกว่า…คือการที่มีสมบัติล้ำค่าวางเด่นอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับปล่อยให้มันหลุดมือไปเพราะไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของมัน!
ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดมืดต่างพูดถึงเรื่องนี้จากปากต่อปากจนแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ส่วนจ้าวต้าจื่อกำลังวิ่งกลับไปยังสำนักหมอกเมฆาอย่างไม่คิดชีวิต เขาเหลียวไปมองด้านหลังแต่ก็ไม่พบผู้ใดติดตามมา ทว่ากลับมีความรู้สึกราวถูกบุคคลที่มองไม่เห็นจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แม้วิ่งหนีอย่างไรก็สลัดไม่หลุดเสียที
‘ต้องเป็นปีศาจเขาโค้งแน่ๆ!’
‘มันลอบตามข้ามา!’
แผ่นหลังอ้วนท้วนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ…ความรู้สึกหวาดกลัวก่อเกิดขึ้นในจิตใจของเขายิ่งกว่าครั้งไหนๆ!