Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 43 การเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิด
บทที่ 43 การเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิด
ภูเขาแต่ละลูกในสำนักหมอกเมฆามีสมุนไพรมากมายหลายชนิดปลูกเอาไว้ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสายพันธ์ุหายากและแปลกประหลาด ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการขัดเกลาเม็ดยาชั้นเยี่ยม ส่วนยอดเขาเมฆาอินทนิลที่เจ้าสำนักเคยอาศัยก็เช่นกัน แต่ที่นั่นไม่มีสมุนไพรใดสร้างความตื่นเต้นให้กับเยี่ยฉวนได้
ณ ตลาดมืด เขาได้คาดเดาโดยคร่าวเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ลึกลับสีครามเหล่านี้ เพียงแต่ไม่มั่นใจจึงยังไม่ปักใจเชื่อ
เมื่อหลายล้านปีก่อนในยามที่เขายังเป็นนักปราชญ์ผู้สันโดษที่เชี่ยวชาญด้านการซ่อนเร้นสวรรค์นั้น ผลชิ่งหยางถือว่าเป็นสมบัติโลกอันล้ำค่าที่ปรมาจารย์นับไม่ถ้วนต่างปรารถนา สมบัติชิ้นนี้ถือกำเนิดขึ้นจากปราณแห่งจิตวิญญาณโลก มีสรรพคุณชำระกล้ามเนื้อ ขัดเกลาไขกระดูก และเร่งการฝึกตน เป็นยาชูกำลังจิตวิญญาณชั้นเลิศ เหล่าจอมยุทธ์ผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาอัศจรรย์ทั้งหลายต่างกระหายที่จะครอบครองแม้กระทั่งในความฝัน
เยี่ยฉวนเอื้อมมือออกปรากฏโคมบงกชสีครามขึ้นบนฝ่ามือ เพียงคิดคำนึงราชันจักจั่นทองคำก็บินออกมาและร่อนฉวัดเฉวียนเหนือศีรษะ
ต้นชิ่งหยางแต่ละต้นสามารถออกผลชิ่งหยางได้เพียงหนึ่งผลเท่านั้น หลังจากเก็บเกี่ยวผลแล้วต้นไม้นั้นจะเหี่ยวเฉาและตายไปเพราะปราณหยางที่แผ่ซ่านโดยรอบอย่างไร้ขอบเขตทำให้ต้นไม้เจริญงอกงามเร็วเกินไป เหล่าอสุรกายได้ทำลายป่าหินจนหมดสิ้นแล้วและมีต้นชิ่งหยางเพียงห้าต้นจากทั้งหมดสิบสามต้นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ เขาไม่รู้ว่าผลชิ่งหยางอื่นๆ หล่นลงไปในหุบเขามังกรปีศาจหรือถูกเหล่าอสุรกายกลืนกิน แต่เยี่ยฉวนหมายมั่นที่จะคว้าเอาผลชิ่งหยางห้าผลสุดท้ายมาให้จงได้!
เยี่ยฉวนแอบโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ในกาย แต่ยังคงสงบนิ่งไม่ผลีผลามโจมตีและเฝ้ารอโอกาสเหมาะ
แม้การสร้างค่ายกลป่าหินโบราณจะเป็นไปอย่างทุลักทุเลและเร่งรีบ แต่มันก็แข็งแรงพอที่จะต้านการบุกรุกจากปรมาจารย์ขั้นซิวฉือได้ แต่ตอนนี้ป่าหินได้ถูกทำลายและเต็มไปด้วยซากศพของเหล่าอสุรกายแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนของลูกหมูป่าและอสรพิษเก้าหัว ลูกหมูป่าเพิ่งเกิดได้ไม่นานแต่ความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั้นชั้นยอด ส่วนอสรพิษเก้าหัวนั้นมีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี
ยิ่งเหล่าอสุรกายมีอายุมากเท่าใด ความสามารถในการต่อสู้และความดุร้ายยิ่งทวีคูณมากเท่านั้น เยี่ยฉวนจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่นาทีเดียว
ครู่หนึ่งผ่านไป อสุรกายทั้งสองร้องคำรามเสียงก้องและเริ่มปะทะกันอย่างดุเดือด
อสรพิษเก้าหัวนั้นเชี่ยวชาญด้านการป้องกัน หากหัวหนึ่งโดนโจมตีอีกแปดหัวที่เหลือจะโต้กลับทันที ส่วนลูกหมูป่านั้นมีพละกำลังเหนือชั้นสามารถจู่โจมอย่างรุนแรงได้ ทุกการโจมตีทิ้งบาดแผลลึกไว้บนลำตัวของอสรพิษเก้าหัว เมื่ออาการบาดเจ็บของอสรพิษสาหัสขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ทันระวังตัว เปิดโอกาสให้ลูกหมูป่ากัดเข้าจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ลึกเจ็ดนิ้ว
อสรพิษเก้าหัวดิ้นรนไขว่คว้าอิสระอย่างสิ้นหวัง ลำตัวยาวรัดลูกหมูป่าเอาไว้ขณะที่หัวทั้งเก้าพยายามโต้กลับอย่างสุดกำลัง แต่ลูกหมูป่ากลับไม่ยอมพ่ายแพ้และโจมตีต่อเนื่องอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีเวลาพักหายใจ หลังจากตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดพักใหญ่ร่างของอสรพิษเก้าหัวก็ค่อยๆ อ่อนปวกเปียกลงและตายตกในที่สุด
โฮก…
ลูกหมูป่าคำรามก้องประกาศชัยชนะก่อนจะเหวี่ยงซากอสรพิษทิ้งไป มันพุ่งเข้าหาผลชิ่งหยางทันที วินาทีที่อ้าปากหมายจะงับผลไม้นั้นพลันเกิดแสงสีทองสว่างวาบเข้าตา มันกระโดดถอยหลังฉับพลัน ความเจ็บปวดแล่นปราดที่คอก่อนร่องรอยเลือดจะปรากฏให้เห็น
พลังของอสูรกลายพันธุ์แห่งแดนอรัญญิกเป็นดังคาด แม้เพิ่งผ่านการต่อสู้เฉียดตายกับอสรพิษเก้าหัวมาแต่ลูกหมูป่าก็ยังหลบการซุ่มโจมตีของราชันจักจั่นทองคำได้ทัน!
ทันใดนั้นโคมน้ำมันก็เหินขึ้นและลอยอยู่เหนือหัวของลูกหมูป่า
แม้แสงจากโคมจะสลัวแต่ความอบอุ่นนั้นทำให้ลูกหมูป่าตกอยู่ในภวังค์ ความสงบสุขก่อตัวขึ้นในจิตใจทำให้มันไม่คิดสู้อีกต่อไป
สรรพสิ่งทั้งหมดกลับมีเมตตาเมื่ออยู่ภายใต้โคมบงกชสีคราม!
ในยามนี้ เยี่ยฉวนครุ่นคิดถึงความพิศวงของโคมบงกชสีคราม หากระดับขั้นการฝึกตนของศัตรูไม่สูงไปกว่าเขามากนัก พวกมันคงไม่อาจรอดจากการจองจำและผลกระทบของโคมบงกชสีครามไปได้หากอยู่ในสภาพไร้การป้องกัน
ผ่านไปชั่วอึดใจ ลูกหมูป่าฟื้นคืนสติ มันระเบิดพลังทำลายล้างมหาศาลออกมาพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง
แต่เวลาเพียงน้อยนิดนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเยี่ยฉวน
เยี่ยฉวนผู้เร้นกายอยู่ในความมืดกระโดดออกมาและโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทันใด เขาฟาดฝ่ามือไปทางลูกหมูป่าด้วยพลังหนึ่งหมื่นแปดพันจิน อสุรกายกลายพันธุ์ลอยขึ้นไปเหนือพื้นดินกว่าสิบเมตร
เยี่ยฉวนไล่ตามติดราวกับเงา เขายกมือขวาขึ้นหมายจะฆ่าเจ้าสัตว์ร้ายแต่บังเอิญเหลือบไปเห็นซากอสรพิษเก้าหัวอยู่ไม่ไกลนักจึงเกิดความคิดขึ้น เขาร่ายเคล็ดวิชาการฝึกตนอย่างเงียบเชียบพร้อมทั้งกรีดเลือดลงหว่างคิ้วของลูกหมูป่าหนึ่งหยด ทันใดนั้นทั้งร่างของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์กระตุกและแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวลอยเข้าไปในโคมบงกชสีคราม
อสูรกลายพันธุ์แห่งแดนอรัญญิกทุกตนมีความสามารถพิเศษยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับราชันจักจั่นทองคำ เยี่ยฉวนคิดฝันว่าจะใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์กล่อมให้ลูกหมูป่าดุร้ายนี้เชื่องลง
เขาต้องเริ่มฝึกตนใหม่ทั้งหมดอีกครั้งหลังการฟื้นคืนชีพ หากเขาหวังจะบรรลุขั้นการฝึกตนที่เขาเคยมี ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะผ่านพายุร้ายและอุปสรรคทั้งหมดไปได้อย่างไร ลูกหมูป่าและราชันจักจั่นทองคำจะช่วยให้เขาฝ่าฟันความยากลำบากในภายหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผลชิ่งหยางทั้งห้าต้องเป็นของข้า!”
เยี่ยฉวนเก็บโคมบงกชสีครามและพุ่งตัวเข้าไปในป่าหิน เขาเก็บผลชิ่งหยางทั้งห้าผลที่เหลืออยู่และรีบเร่งจากไปโดยไม่สนใจเก็บกวาดซากสมรภูมิเบื้องหลัง คล้อยหลังไม่นานร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในอากาศและร่อนลงบนพื้น ร่างนั้นเดินตรงมาอย่างมั่นคงทว่าว่องไวยิ่งกว่ากระบี่บิน สันจมูกงุ้ม ใบหน้าดำคล้ำ ร่างสูงสง่า เลือดและปราณทั้งกายร้อนรุ่มไปด้วยจิตสังหาร ทั้งหมดนี้จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากจินจื่อคุน เจ้าแห่งหอแปรธาตุ!
ต้นชิ่งหยางออกผลส่งกลิ่นหอมจางไปทั่วอีกทั้งพลังงานแปรปรวนจากการต่อสู้ของอสุรกายจำนวนมากเตือนให้เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักหมอกเมฆารับรู้อย่างรวดเร็ว
แม้ที่ตั้งของหอแปรธาตุจะไกลออกไป แต่จินจื่อคุนกลับมาถึงหุบเขาเป็นคนแรก
แม้เขาจะรวดเร็วดังลมกรดแต่กลับเคราะห์ร้ายมาถึงช้าไปเพียงก้าวเดียว ต้นชิ่งหยางบริเวณหุบเขามังกรปีศาจได้เหี่ยวเฉาไปจนหมดสิ้น เขาไม่พบแม้แต่ร่องรอยของผู้มาเยือนก่อนหน้าท่ามกลางซากปรักหักพัง
จินจื่อคุนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเหลือบเห็นซากอสรพิษเก้าหัว เขายื่นมือไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าเพื่อลองสัมผัสปฏิกิริยา สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นดำมืด “เอ๊ะ นี่มัน…”
จินจื่อคุนขมวดคิ้ว จิตสังหารของเยี่ยฉวนที่สัมผัสได้ในอากาศทำให้เขารู้สึกหดหู่เมื่อนึกถึงโศกนาฏกรรมของจินหัวที่ตายในเงื้อมมือของเยี่ยฉวน จิตสังหารของเขาแผ่ซ่านด้วยความกระหายใคร่จะไปปลิดชีพเยี่ยฉวนที่ยอดเขาเมฆาอินทนิล แต่คำเตือนของอาวุโสลำดับสามทำให้เขาต้องอดทนอดกลั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
รุ่งสางมาเยือนแล้ว ปรมาจารย์ทุกผู้ในสำนักหมอกเมฆามาถึงด้วยกระบี่บิน ทุกคนต่างสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ณ หุบเขามังกรปีศาจในระหว่างที่กำลังฝึกตน ถึงกระนั้นก็สายไปเสียแล้ว แม้แต่จินจื่อคุนยังไม่ได้สิ่งใด พวกเขาเองก็คงต้องกลับไปมือเปล่า
การมาเยือนของผู้คนจำนวนมากทำให้หมอกโลหิตจากหุบเขามังกรปีศาจหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ การยืนอยู่ข้างหุบเหวแม้เพียงครู่ทำให้เหล่าศิษย์สำนักหมอกเมฆารู้สึกกระสับกระส่ายและทยอยจากไป ร่องรอยความหวาดกลัวและร้อนรนฉายชัดขึ้นในแววตาของจินจื่อคุนยามมองหมอกโลหิตจากหุบเขามังกรปีศาจก่อนจะบินจากไป