Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 370 โรคระบาดกวาดล้างผู้คน
บทที่ 370 โรคระบาดกวาดล้างผู้คน
“ทหาร! ทหาร!”
หลีก่วงฮานร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก หัวใจเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อคิดคํานึงว่าจะสังหารเยี่ยฉวนโดยวิธีใด แต่เมื่อเยี่ยฉวนยืนอยู่ต่อหน้าเขาเช่นนี้กลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมสติเอาไว้ไม่ได้หลังตะโกนเรียกทหารองครักษ์สองสามครั้งเขาจึงหยุดพยายามและเงยหน้าขึ้นหมายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสํานักมังกรนภา
ทว่าด้านนอกที่มืดมิดยังคงเงียบสงัดไร้เสียงตอบรับใด
ทหารราชองครักษ์ทุกนายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซ้ําร้ายยังไม่มียอดฝีมือชั้นเลิศของสํานักคนใดที่ประจําการอยู่ในบริเวณใกล้เคียง สถานที่แห่งนี้จึงมีแต่เขาและเยี่ยฉวนเท่านั้น
หลีก่วงซ่านขบกรามแน่นพลางเผยสีหน้าซีดเผือด เขาเปิดฉากโจมตีไปทางอีกฝ่ายอย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนไม่ให้สั่นสะท้านได้
เขารู้สึกว่าการเคลื่อนที่รวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองช้าลงอย่างเห็นได้ชัดจึงตระหนักได้ว่าตนเกิดปัญหาใหญ่ที่ยากเกินแก้เข้าเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้นับว่าตกที่นั่งล่าบาก ทั้งยังปราศจากความมั่นใจ
เกิดเหตุใดขึ้นเยี่ยฉวนจึงกล้ามาปรากฏตัวในเขตชั้นในสํานักมังกรนภาโดยเปิดเผยตัวตนเช่นนี้? เขารวบรวมยอดฝีมือจากสํานักหมอกเมฆาเข้ากวาดล้างสํานักแห่งนี้ แล้วหรือ? แล้วบรรดายอดฝีมือไปมุดหัวอยู่แห่งใดกันหมด? สํานักมังกรนภาเกิดเรื่องผิดปกติใดขึ้นกันแน่?
ยิ่งหวนนึกถึงเจ้าสํานักหลงเฟยที่ยังไม่กลับมาหลังจากปฏิบัติภารกิจ หัวใจขององค์ชายยิ่งกระสับกระส่าย
“ฝ่าบาท อย่ามัวร้องตะโกนอยู่เลย ทรงเก็บออมแรงเอาไว้ให้คุ้มค่าคงเป็นการดีกว่า เพราะต่อให้ร้องเรียกอย่างไรก็เปล่าประโยชน์
เยี่ยฉวนหลบหลีกการโจมตีจากองค์ชายก่อนกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงราบเรียบ “คืนนี้เป็นวันตัดสินชี้ชะตาของพระองค์ หลงเฟยตายตกไปแล้ว ในเมื่อรักเคารพกันเป็นอย่างดีเช่นนั้นก็จงติดตามเขาไปลงนรกเสียเถิด!”
ตายตกไปแล้วงั้นหรือ?
เจ้าสํานักหลงเฟยแห่งสํานักมังกรนภาตายตกไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
หัวใจขององค์ชายหลีก่วงซ่านสั่นสะท้านขณะจับจ้องไปที่เยี่ยฉวนอย่างไม่เชื่อสายตา
เยี่ยฉวนไม่กล่าวคาใดเพิ่มเติมอีก เขาปรบมือหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณเรียกบริวารให้เปิดเผยตน
ปีศาจเพลิงก้าวออกจากความมืดมายืนอยู่ด้านหลังองค์ชายด้วยท่าที่เย็นชาบนฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาปรากฏเปลวไฟพวยพุ่งเป็นความสูงเกือบสามฟุต
“ฮิๆๆ” เสียงหัวเราะน่าสยดสยองดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน มันเคลื่อนกายออกจากที่ซ่อนและยืนอยู่บริเวณหน้าต่างทางด้านขวาขององค์ชาย เถาวัลย์พิษจํานวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาจากพื้นดินโดยรอบของลานรับรองแห่งนี้
เสียงฝีเท้าหนักแน่นบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งทรงพลังของยอดฝีมืออีกคนหนึ่งหนานเทียนโตวกวออกมาจากความมืด ในมือกระชับด้ามดาบคมกริบไว้แน่นพร้อมแผ่จิตสังหารเย็นเยียบข่มขวัญศัตรูอาวุธชิ้นนี้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาของเจ้าสํานักหลงเฟยนั้นเอง!
องค์ชายหลีก่วงซ่านไม่คุ้นเคยกับอาวุธชนิดนี้เท่าใดนัก เขาเพียงปล้นออกมาจากคลังศาสตราวุธของวังหลวงและส่งมอบให้กับเจ้าสํานักมังกรนภาเพื่อเป็นเครื่องมือต่อรองชิ้นใหญ่ให้ร่วมมือกับตนในการสังหารเยี่ยฉวน ดังนั้นเมื่อดาบเล่มเดียวกันตกไปอยู่ในมือผู้อื่นเช่นนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าหลงเฟยไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปเจ้าสํานักวัยกลางคนผู้มีความสามารถสูงส่งเกือบบรรลุสู่ขั้นกึ่งปราชญ์ทั้งยังทระนงตนเป็นนิจตายตกไปแล้วอย่างแท้จริง!
“ผู้แซ่เยี่ย! เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?!” หลีก่วงฮานพยายามควบคุมเสียงของตนไม่ให้สั่นขณะเอ่ยถามอย่างแข็งกร้าวแม้สถานการณ์พลิกผันถึงเพียงนี้ทว่าศักดิ์ศรียังคง ค้ําคอจนไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้
แม้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังดารงฐานันดรเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิแห่งต้าฉันคนต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเยี่ยฉวนจะบังอาจเหิมเกริมได้อย่างไรกัน? เขาจะกล้าสังหารบุคคลที่เป็นถึงเชื่อพระวงศ์จริงหรือ?
“เดิมที่จุดประสงค์ของข้าไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด ข้าเพียงต้องการพาพระองค์กลับไปยังสํานักหมอกเมฆาเพื่อลงทัณฑ์ตามสมควรแต่…” เยี่ยฉวนหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนเผยสีหน้าวิตกราวครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง
“ฮ่าๆๆ! แต่อะไร?!”
หลีก่วงซ่านเริ่มพึงใจกับค่าตอบนั้นขึ้นมาบ้าง เขาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกสุดท้ายไอ้สารเลวเยี่ยฉวนผู้นี้ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะสังหารเขาแม้ตัวตนที่แท้จริงจะเย่อหยิ่งล่าพองเพียงใด มันคงตระหนักว่าตนเป็นเพียงศิษย์รุ่นเยาว์ของสํานักไร้ชื่อเท่านั้น ไม่อาจเทียบรัศมีกับเขาที่เป็นถึงองค์ชายได้ ด้วยฐานะอันสูงส่งของเขาจะมีผู้ใดกล้าแตะต้องอย่างนั้นหรือ?
“แต่ต่อมา…ข้าคิดทบทวนการตัดสินใจดังกล่าวอยู่พักใหญ่ สํานักหมอกเมฆาของข้าเป็นเพียงสํานักผู้ฝึกตนขนาดเล็ก ทั้งยังอ่อนแอและมีทรัพยากรจากัด ดังนั้นด้วยเหตุผลทั้งปวงจึงทําให้ข้าไม่สามารถรับคนเกียจคร้านเช่นพระองค์เข้าร่วมชายคาได้เห็นที่สังหารพระองค์ให้ตายตกไปเสียคงเป็นการดีกว่า!” เยี่ยฉวนกล่าวขณะจ้องเขม็งไปยังศัตรูด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนกรีดนิ้วชี้เป็นสัญลักษณ์ตัดคอทันใดนั้นหนานเทีย นโตวที่ยืนรอคําสั่งอยู่บริเวณประตูทางเข้าจึงพุ่งกระโจนเข้าหาองค์ชายด้วยความเร็ว สูงพลางเงื้อดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาขึ้นหมายสับลงกลางกบาลในครั้งเดียว!
“ไม่! คนเช่นเจ้าไม่มีวันสังหารข้าได้ ไม่…”
หลีก่วงซ่านกรีดร้องและขยับหลบไปด้านข้างทันที ใบมีดคมกริบในมือหนานเทียนโตวจึงไม่สับลงกลางกบาลของเขาแต่กรีดหน้าอกจนผ่าออกเป็นแนวยาวอย่างไรความปรานี
ร่างขององค์ชายถูกแรงปะทะส่งให้กระเด็นลอยไปอัดเข้ากับกาแพงด้านหลังโดยแรงก่อนร่วงลงกระแทกกับพื้นอีกครั้ง หลังจากกระเสือกกระสนอยู่พักใหญ่ในที่สุดเขาก็สามารถหยัดยืนขึ้นได้ ทว่าหน้าอกกลับแหวกออกเป็นแผลกว้างและมีเลือดสีแดงคลพุ่งกระฉุดออกมาราวสุกรถูกเชือด
“ฝ่าบาท ทรงยึดอกยินยอมรับความตายแต่โดยดีเสียเถิด ไม่ว่าอย่างไรการมีชีวิตอยู่ต่อก็นับเป็นความอัปยศสูงสุดแล้วนับตั้งแต่ท่านถูกทําให้กลายสภาพเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ และโปรดจดจําไว้ว่าอย่าได้ใช้ชีวิตบนพื้นฐานแห่งความเย่อหยิ่งเช่นนี้ในภพชาติหน้าบนโลกกว้างย่อมมีบุคคลซึ่งถูกโชคชะตากําหนดมาไม่ให้ยอมจํานนเป็นเบี้ยล่างต่อท่านแม้จะเกิดในราชวงศ์สูงส่งก็ไม่สามารถเอาชนะคนผู้นั้นได้” เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นชาขณะก้าวไปด้านหน้า
หลีก่วงซ่านกวาดสายตามองโดยรอบ ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อ หนานเทียนโตว รวมถึงคนอื่นๆ ที่รายล้อมอยู่รอบกายล้วนอยู่ในท่าทีที่พร้อมอย่างยิ่งต่อการต่อสู้นองเลือด และไม่ว่าจะใช้กลวิธีใดก็ไม่อาจเอาตัวรอดจากการถูกปิดล้อมในครั้งนี้
“จะ…เจ้า! เยี่ยฉวน! เจ้าช่างโหดเหี้ยมเกินบรรยาย! เสด็จพ่อของข้าจะมะ…ไม่มีวันปล่อยให้เจ้าลอยนวลเป็นแน่! ท่านบรมครูจะต้องหวนกลับมาชําระแค้นแทนข้า! รอก่อนเถิด ข้าใคร่รู้นักว่าเจ้าจะเอาชีวิตรอดต่อไปได้นานถึงเพียงใดกัน! ฮ่าๆๆ!”
หลีก่วงซ่านคารามกลั้วหัวเราะอย่างสิ้นหวัง เขารู้ดีว่าการขอความเมตตานั้นไร้ประโยชน์เมื่อเรื่องดําเนินมาถึงขั้นนี้ ดังนั้นสิ่งที่เขาทําได้ตอนนี้คือจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนพร้อมเผยแววตาอาฆาตแค้นโดยไม่ปิดบัง หลังสาปแช่งจบจึงกัดฟันแน่นและพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายทันที อาวุธในมือเปื้อขึ้นสูงหมายจ้วงแทงไปยังหัวใจของเยี่ยฉวนต่อ ให้วันนี้เขาต้องตายอย่างน้อยขอลากศัตรผู้นี้ให้ตายตกไปพร้อมกันยังนับว่าคุ้มค่าหากจะพินาศก็ต้องพินาศไปพร้อมกันเสีย!
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ ร่างกายยังคงยืนหยัดนิ่งโดยไม่หวั่นเกรงการโจมตีจากองค์ชายที่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง
ทันใดนั้นแสงใบมีดเย็นเยียบพลันสะท้อนแวววับตัดกับความมืดมิดในยามราตรี
หนานเทียนโตวเคลื่อนไหวพร้อมดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาในมือ คราวนี้คมดาบนั่นคอของหลีก่วงฮานขาดกระเด็นออกจากตัวอย่างน่าสยดสยอง องค์ชายผู้มีนิสัยต่ำช้าเลวทรามซึ่งเข่นฆ่าผู้คนและหลงมัวเมาในอิสตรีมาทั้งชีวิตต้องเผชิญจุดจบอันน่าสมเพชไร้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี เสียงหัวเราะเดือดดาลยังคงดังก้องไปทั่วบริเวณริมฝีปากขยับค้างอยู่อย่างนั้นแม้ศีรษะกระเด็นไปคนละทางกับร่างกาย เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นถูกเสื้อผ้าของเยี่ยฉวนจนเปรอะเปื้อนเป็นแถบ
ทันใดนั้นร่างบอบบางสง่างามของสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งทะยานออกมาจากความมืดมิดและร่อนลงตรงหน้าจุดเกิดเหตุ
คุณหญิงมู่หรงเฟยหูแห่งสํานักมังกรนภาพร้อมด้วยปรมาจารย์นาคาและเหล่าหานผู้เป็นมนุษย์ครึ่งปีศาจเร่งรุดมาที่นี่โดยเร็วทว่ายังสายเกินไป ครั้นเห็นสภาพศพน่าสะพรึงกลัวขององค์ชายรัชทายาทนอนแผ่อยู่บนพื้นจึงเบิกตาโพลงด้วยความตระหนกสุดขีด “คุณชายเยี่ย…นะ…นี่ เจ้ากล้าสังหารองค์ชายหรือ?!”
แม้นางตระหนักแก่ใจถึงความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเป็นอย่างดี อีกทั้งยังทราบว่าเยี่ยฉวนผู้นี้มีอุปนิสัยเด็ดขาดไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูคู่แค้นผู้นี้หนีรอดไปได้ ทว่าการเห็นองค์ชายหลีก่วงฮ่านตายตกไปโดยไร้ทางสู่เช่นนี้กลับทําให้นางประหลาดใจยิ่ง!
การที่องค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉันถูกสังหารโดยศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาเช่นนี้… หากข่าวถูกกระจายจนแพร่สะพัดไปเป็นวงกว้าง เยี่ยฉวนไม่หวั่นเกรงพระราชอาญาจากองค์จักรพรรดิผู้เป็นพระราชบิดาขององค์ชายหลีก่วงซ่านเลยหรืออย่างไร? เรื่องนี้ย่อมทวีความโกรธแค้นให้อีกฝ่ายส่งทหารนับล้านเข้ากวาดล้างสํานักหมอกเมฆาให้ราบเป็นหน้ากลองภายในพริบตาเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถูกแล้ว ข้าสังหารเขา! ในเมื่อเขาไม่ต้องการเห็นข้าอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันทั้งยังคอยสร้างปัญหายุ่งยากรังควานข้าอยู่บ่อยครั้งหากไม่ให้ข้าสังหารเขาแล้วจะให้ข้าเก็บเขาไว้และปล่อยให้มีโอกาสกระทําชั่วช้ต่อไปอย่างนั้นหรือ?!”
แม้กล่าวเช่นนั้นแต่เยี่ยฉวนก็ตระหนักดีว่าความกังวลของคุณหญิงคือสิ่งใด เขาจึง ระงับโทสะก่อนกล่าวต่อไปด้วยน้ําเสียงปกติ “คุณหญิงโปรดวางใจ ทหารองครักษ์ที่ติดตามเขามาไม่มีทางปริปากแจ้งข่าวนี้กลับไปยังราชสํานักเด็ดขาดนอกจากนี้พวก เขายังปลอมตัวเป็นสามัญชนเพื่อเข้ามาในสํานักมังกรนภาทําให้ไม่มีผู้คนรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง คนในพระราชวังไม่มีทางรู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอยู่แห่งหนใดบ้าง และต่อให้องค์จักรพรรดิล่วงรู้ว่าเป็นข้าที่สังหารราชโอรสของพระองค์ เกรงว่าฝ่ายนั้นก็ไม่มีโอกาสรวบรวมนายทหารจํานวนมากเพื่อล้างแค้นข้าในเร็ววันนี้เป็นแน่ ด้วยขุนนางข้าราชบริพารทั้งหลายที่แตกคอก่อกบฏภายในวังหลวงก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ทําให้พระองค์ทรงกลัดกลุ่มมากพออยู่แล้วเมื่อวันนี้ไม่สามารถทําอะไรสํานักหมอกเมฆาของ ข้าได้…ในอนาคตก็จะไม่มีโอกาสทําเช่นนั้นอีก”
เยี่ยฉวนวางแผนการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าก่อนที่จะตัดสินใจฆ่าองค์ชายเขาได้ทําการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว หาใช่แรงกระตุ้นทางอารมณ์ชั่ววูบแต่อย่างใด จริงอยู่ที่เวลานี้องค์จักรพรรดิไม่มีแม้แต่กาลังจะปกป้อง ความชอบธรรมของตนเอง ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่นฐานอานาจตนมาเสี่ยงในการกวาดล้างสํานักหมอกเมฆาอย่างแน่นอนต่อให้พระองค์สามารถชิงไหวชิงพริบกับ เหล่าขุนนางจนสามารถเอาชนะและเรื่องอานาจได้อีกครั้งถึงเวลานั้นก็เป็นการยาก แล้วที่จะเคลื่อนไหวเพื่อล้างแค้นย้อนหลัง
การควบแน่นของยันต์กลืนกินสวรรค์เพียงใบเดียวทําให้ความแข็งแกร่งของเขาทวีขึ้นถึงหนึ่งหมื่นแปดพันจน นอกจากนี้เขายังสามารถสร้างกองทัพอสุรกายประจัญบานที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกองทัพยอดฝีมือ ไพ่ตายในมือทําให้เยี่ยฉวนมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนจะสามารถพัฒนาฐานการฝึกตนให้แข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่นี้อีกหลายเท่า
“รายงานขอรับคุณหญิง! เกิดข่าวร้าย!”
ศิษย์ยอดฝีมือหน่วยสอดแนมผู้หนึ่งเหยียบกระบบินตรงมาทางคุณหญิงมู่หรงเฟยหูด้วยใบหน้าซีดเผือด “ด้านนอกบริเวณชานเมืองของเขตแคว้นมังกรนภาเกิดภัยโรคระบาดกวาดล้างผู้คนขอรับ! ทหารของเรานับสามพันนายติดเชื้อดังกล่าวกระทั่งตายตกไปพร้อมกันอย่างกะทันหัน!”
“ว่าอย่างไรนะ!?”
คุณหญิงมู่หรงเฟยหูร้องอุทานเสียงสูงด้วยความตระหนกยิ่ง! ใบหน้างดงามของนางแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด แม้แต่เยี่ยฉวนก็ตกอยู่ในสภาวะตะลึงงันไม่ต่างกัน สิ่งที่เกิดขึ้นทําให้ทุกคนหวนนึกถึงวีรกรรมน่าสะพรึงกลัวจากจอมมารแห่งโรคที่หลบหนีออกจากผนึกพันธนาการอย่างรวดเร็ว!