Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 357 ปั้นเซียนจริงหรือหลอก?
บทที่ 357 ปั้นเซียนจริงหรือหลอก?
“เฒ่าเยี่ย เฒ่าเยี่ย…”
เสียงของสาวใช้ตัวน้อยจ้าวชูหยาดังขึ้น ก่อนที่นางจะผลุนผลันเข้ามาพร้อมตะกร้าใบเล็กในมือด้วยท่าทางตื่นเต้นราวกับมีบางสิ่งน่ายินดีเกิดขึ้น
ปรากฏว่าเป็นเด็กสาวผู้นี้นี่เอง!
เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยผ่อนคลายลงทันที
“พี่หญิงหยา ท่านปู่ของข้ากําลังพักผ่อนอยู่ ท่านตามหาเขาด้วยเหตุใดหรือ?”
หลงเอ๋อร์น้อยเอ่ยถามอย่างสุภาพ ทว่าเมื่อหวนนึกถึงภาพที่นางเปลื้องผ้าด้วยตนเองเมื่อวาน ใบหน้าของเด็กชายก็ขึ้นสีแดงก่ําทันที เขากระดากอายยิ่งกว่าสาวใช้ตรงหน้าเสียอีก
“เรื่องน่ายินดี… เกิดเรื่องน่ายินดีอย่างใหญ่หลวง! ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณเฒ่าเยี่ย หลงเอ๋อร์น้อย นี่สําหรับเจ้า”
จ้าวชหยายกผ้าขาวเรียบๆ ที่คลุมตะกร้าเอาไว้ขึ้นและหยิบขนมอบหน้าตาน่ารับประทานส่งให้หลงเอ๋อร์ “รีบกินเสียตอนที่ยังร้อนอยู่ นี่คือเค้กไข่หมักงาที่ข้าอบมาให้เฒ่าเยี่ยโดยเฉพาะ รสชาติอร่อยมาก ว่าแต่เขายังไม่ตื่นอีกหรือ?”
สาวใช้ตัวน้อยเอ่ยถามขณะพยายามมองผ่านรอยแตกของประตู แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นร่างของชายชราแม้แต่น้อย นางจึงขยับไปด้านข้างหมายจะผลักประตูเข้าไป
“พี่หญิงหยา ท…ท่านไม่สะดวกตอนนี้ขอรับ”
หลงเอ๋อร์น้อยขยับตามไปขวางทางจ้าวชูหยาไว้ เขาสามารถตอบโต้จอมมารปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างสุขุมเยือกเย็น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงทั้งประหม่าอายและใจเต้นรัวแรงเมื่อต้องเผชิญกับเด็กสาวผู้งดงามตรงหน้าเช่นนี้
“หรือว่า… ท่านปู่ของเจ้าป่วย? อาการบาดเจ็บของเขาทรุดหนักลงงั้นหรือ?”
สาวใช้ตัวน้อยเริ่มเป็นกังวลเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคล็ดวิชาสัมผัสกระดูกของเยี่ยฉวนจะลดอายุขัยของเขาลงหนึ่งปี
เอี้ยด… บานประตูเปิดออกจากด้านใน
เยี่ยฉวนในคราบชายชราเปิดประตูออกมา หลงเอ๋อร์น้อยลอบมองเข้าไปด้านในและพบว่าภายในห้องนั้นสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบไร้ร่องรอยการฝึกตนจึงค่อยโล่งใจอย่างเต็มที่ หากตัวตนของพวกเขาถูกเปิดโปงในตอนนี้คงตกที่นั่งล่าบากเป็นแน่
“เสี่ยวหยา เข้ามาสิ มาเยือนกะทันหันแต่เช้าตรู่เช่นนี้มีเหตุอันใดหรือ?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามขณะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้
“มีเรื่องน่ายินดี… เกิดเรื่องน่ายินดีอย่างใหญ่หลวงขึ้นเจ้าค่ะ! เฒ่าเยี่ย เช้าตรู่วันนี้ข้ามีโอกาสได้พบอดีตข้ารับใช้ที่จงรักภักดีของเรา เขาเผอิญรู้เบาะแสของท่านแม่และพี่ใหญ่ของข้าเจ้าค่ะ!” จ้าวชูหยากล่าวออกอย่างเริงร่า นัยน์ตาของนางแดงก่าจากการร้องไห้หากแต่เป็นน้ําตาแห่งความปลื้มปีติ “เฒ่าเยี่ย ท่านกล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ ท่านแม่และพี่ใหญ่ของข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาอาศัยอยู่ในมณฑลช่วยหนานทางแถบทะเลตะวันออก คนใช้ผู้นี้ออกเดินทางจากมณฑลแห่งนั้นมาถึงที่นี่เพื่อตามหาข้าโดยเฉพาะ เฒ่าเยี่ย ท่านแม่และพี่ใหญ่ของข้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ…”
สาวใช้ตัวน้อยสะอื้นตัวโยน หยาดน้ําตาไหลรินลงมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวานนี้เยี่ยฉวนเพิ่งกล่าวว่ามารดาและพี่สาวของนางยังมีชีวิตอยู่ และแล้วก็มีแขกมาเยือนถึงหน้าประตูในวันต่อมา เมื่อเด็กสาวที่อยู่ตัวคนเดียวมานานหลายปีได้รับรู้เรื่องราวของสมาชิกในครอบครัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ทําให้นางอดหลั่งน้ําตาออกมาอย่างท่วมท้นไม่ได้
“อย่าร้องไห้ไปเลย นี่เป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือ?”
เยี่ยฉวนตะลึงงันและใบหน้าขึ้นสีด้วยความละอายใจ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคําพูดเพียงไม่กี่คําที่กล่าวออกไปแบบขอไปที่จะกลายเป็นจริงขึ้นมา “เสี่ยวหยา แล้วเจ้าวางแผนจะทําอย่างไรต่อไป?”
“ข้าไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ ข้าต้องการพบท่านแม่และพี่ใหญ่อีกครั้ง แต่คุณหญิงอยู่ที่นี่… ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถจากไปไหนได้”
จ้าวชูหยาปาดน้ําตาและยิ้มออกมา “แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณเฒ่าเยี่ยอยู่ดี เป็นเพราะข้าได้พบท่านจึงมีโชคได้พบกับอดีตคนใช้ผู้นั้นโดยบังเอิญ ท่านกล่าวว่าข้าถูกลิขิตมาให้พบกับผู้สูงศักดิ์ แต่ข้าไม่คิดจริงๆ ว่าจะมีผู้หยั่งรู้อนาคตเช่นนี้ในใต้หล้าด้วย เฒ่าเยี่ย ไม่สิ… เยี่ยปั้นเซียน โปรดรับการคารวะของเสี่ยวหยาไว้ด้วยเถิด”
จ้าวปูหยาคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมและโค้งคํานับเยี่ยฉวนด้วยความซาบซึ้งจนหน้าผากสัมผัสพื้น นางถือว่าการได้พบกับอดีตคนใช้โดยบังเอิญเกิดจากอานิสงส์ของเยี่ยฉวนทั้งหมด
“เสี่ยวหยา อย่าทําเช่นนี้เลย อันที่จริงข้าเองก็สับสนไม่ต่างจากเจ้า ข้าคือปั้นเซียนตัวปลอม” เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปาก
“เฒ่าเยี่ย ผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงมักไม่โอ้อวดตน วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้และจะไม่สร้างความยากลําบากให้ท่านแน่นอน ต่อจากนี้เสียวหยาจะอุทิศตนเป็นหลานสาวบุญธรรมของท่านดีหรือไม่เจ้าคะ?” จ้าวชหยาลุกขึ้นยืนและมอบเค้กไข่หมักงาให้แก่เยี่ยฉวนก่อนจะเดินไปด้านหลังเพื่อบีบนวดไหล่ให้เขา
“เอ่อ…”
เยี่ยฉวนแทบสําลักเค้กไข่ตายเมื่อได้ยินคําพูดของนาง ส่วนหลงเอ๋อร์หันไปอีกทางเพื่อแอบหัวเราะ
“ข้ายังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่มีแม้แต่บุตรชายหรือบุตรสาว แต่บัดนี้ข้ากําลังจะมีหลานสาวงัน?! นี่มัน..
เยี่ยฉวนหน้าแดงด้วยความละอายใจอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าซาลาเปานุ่มนิ่มสองลูกที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโตกาลังกดลงบนหลัง ชายหนุ่มรีบยืดหลังให้ตรงก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันที “ว่าแต่เสียวหยา เมื่อคืนข้าเห็นว่ากองทหารด้านนอกต่างเดินเข้าออกกันขวักไขว่ เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“ข้าได้ยินว่ามีมือสังหารลอบเข้ามาในหอมังกรนภาแต่ถูกท่านเจ้าสํานักจับได้จึงหลบหนีไป” จ้าวปูหยาตอบ
“มือสังหาร?? เช่นนั้นแล้วที่นี่จะปลอดภัยหรือไม่? หากตายตกไประหว่างนอนหลับอยู่จะทําอย่างไร?” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม
สาวใช้จ้าวชูหยาหัวเราะคิกคัก “เฒ่าเยี่ย ท่านวางใจได้เจ้าค่ะ ที่แห่งนี้ไม่ไกลจากห้องนอนของคุณหญิงเท่าใดนัก ไม่มีผู้ใดเข้ามากระทําการลอบสังหารได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นคนเราจะลอบสังหารหมอดูเฒ่าไปเพื่อสิ่งใดกันเล่า?”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี การพยากรณ์ก็เป็นเสียอย่างนี้ เราสามารถทํานายดวงชะตาของผู้อื่นได้แต่กลับไม่อาจหยั่งรู้ดวงชะตาของตนเอง”
เยี่ยฉวนพยักหน้าก่อนหันหลังกลับไปนอนลงบนเตียง “เสี่ยวหยา ข้ายังรู้สึกวิงเวียนจากการใช้เคล็ดวิชาสัมผัสกระดูกเมื่อคืน ข้าขอพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย เชิญเจ้าไปทําธุระของเจ้าเถิด”
“เจ้าค่ะเฒ่าเยี่ย เชิญท่านพักผ่อนให้เต็มที่”
สาวใช้ตัวน้อยช่วยห่มผ้าให้เยี่ยฉวนและกําชับให้หลงเอ๋อร์ดูแลเขาให้ดีก่อนหันหลังจากไป
จ้าวชูหยานับว่าไม่ธรรมดา นางมีไหวพริบแต่กําเนิด ฉลาดหลักแหลม รู้จักวิธีเอาใจใส่คนรอบข้างเป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นต้นอ่อนแห่งความงามโดยแท้ น่าเสียดายที่นางยังเยาว์นัก ไม่เช่นนั้น… :
แม้เยี่ยฉวนจะหลับตาลงแล้ว ทว่าสัมผัสจากซาลาเปาคู่นั้นบนแผ่นหลังยังคงวนเวียนอยู่ในหัว จนต้องกรีดร้องในใจด้วยความรู้สึกผิด เขารีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวและสั่งให้หลงเอ่อร์น้อยออกไปรวบรวมข้อมูลระหว่างที่เขาฝึกตนในห้องต่อไป
ภายในสํานักมังกรนภามีผู้คนพลุกพล่านและทหารอารักขาอย่างเข้มงวดตลอดทั้งวันจึงยังไม่เหมาะที่จะเคลื่อนไหวในตอนนี้ เยี่ยฉวนจึงรอคอยให้เวลากลางคืนคืบคลานมาถึงอย่างใจเย็น
ม่านราตรีเข้าปกคลุมเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้
หลงเอ๋อร์น้อยกลับมาแล้ว เขาไม่ได้กลับมาพร้อมข่าวดีหากแต่เป็นสาวใช้จ้าวชูหยา นางลงมือทํามื้ออาหารร้อนๆ เต็มโต๊ะอย่างคล่องแคล่วและเป็นระเบียบพร้อมเหล้าองุ่นชั้นดีที่ตระเตรียมไว้เพื่อเยี่ยฉวนโดยเฉพาะ
“เหล้าองุ่นรสชาติดีเสียจริง มันคงมีอายุอย่างน้อยราวหนึ่งร้อยปีได้ เสี่ยวหยา ว่ามาเถิด เจ้าต้องการสิ่งใด?” เยี่ยฉวนจิบเหล้าองุ่นพลางเอ่ยถาม
ความสํานึกบุญคุณของสาวใช้ตัวน้อยย่อมไม่ใช่การเสแสรั้ง แต่เด็กสาวที่ยังเป็นผู้เยาว์หาเหล้าองุ่นรสเลิศถึงเพียงนี้มาจากที่ใดกัน? เหล้าองุ่นเก่าแก่คงมีราคาไม่ต่ํากว่าหนึ่งร้อยตําลึงเงินเป็นอย่างน้อยซึ่งไม่ใช่ราคาที่นางจะจ่ายได้
“เฒ่าเยี่ยช่างน่าอัศจรรย์นัก ข้าเก็บง่เรื่องใดจากท่านไม่ได้เลยแม้แต่น้อย” จ้าวปูหยาเอ่ยค่าอย่างลังเล “เฒ่าเยี่ย ข้าอยากขอโทษท่าน ขะ…ข้าหลุดปากบอกเรื่องการพยากรณ์กับคุณหญิงไป และนางกล่าวว่า…”
“คุณหญิงว่าอย่างไร?” สีหน้าของเยี่ยฉวนยังคงสงบนิ่งทว่าภายในกลับเคร่งเครียดขึ้นทันใด
คุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภาแตกต่างจากสาวใช้จ้าวปูหยายิ่ง เขาไม่รู้ว่านางเจ้าเล่ห์และทรงอํานาจกว่าเท่าตัว หากนางสังเกตถึงสิ่งผิดปกติอาจเกิดปัญหาใหญ่ได้
“พักหลังมานี้คุณหญิงประสบปัญหานอนไม่หลับและน้ําหนักลดเพราะความวิตกกังวล นางว่า… นางว่านางอยากให้ท่านช่วยสัมผัสนางและทํานายบางสิ่งให้เจ้าค่ะ” เด็กสาวพึมพํา “เฒ่าเยี่ย ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธเคืองที่ข้าปากสว่างเช่นนี้เลย ข้าไม่ได้ปริปากกับผู้อื่นแม้แต่น้อย ทว่ากลับเผลอพลั้งปากไปต่อหน้าคุณหญิงอย่างมิสมควร”
“ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอกเสี่ยวหยา ไม่เลย… แต่ข้าฝากเจ้าส่งต่อคําพูดของข้าให้คุณหญิงว่าข้าไม่อาจช่วยเหลือนางได้ ข้าทั้งเหนื่อยล้าและแก่ชรามากแล้ว หากทําการสัมผัสอีกครั้ง จะเป็นการลดอายุขัยลงอีกหนึ่งปีและข้าอาจตายตกไปจริงๆ พวกเราสองปุ่หลานจะจากไปพรุ่งนี้ ยามรุ่งสาง” เยี่ยฉวนปฏิเสธตามตรง เขาไม่อยากทําให้เรื่องยุ่งยากไปมากกว่านี้ และสัมผัสได้ว่าการรับมือกับคุณหญิงผู้สวมผ้าคลุมหน้าอยู่เสมอคงไม่ง่ายนัก
คืนนี้เขาควรลงมือปลิดชีพหลีก่วงซ่านเสียให้สิ้น!
แววตาของเยี่ยฉวนทอประกายสีซีดจางขณะที่หลงเอ๋อร์น้อยส่งแขกออกไป