Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 351 เยี่ยปั้นเซียน
บทที่ 351 เยี่ยปั้นเซียน
คนทั่วไปคงไม่อาจเดินทางไกลกว่าแปดพันส์ได้แม้จะใช้เวลาเป็นปี แต่ผู้ฝึกตนกลับใช้เวลาเพียงไม่นาน
เยี่ยฉวนและหลงเอ่อร์น้อยเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางในยามเย็น
แคว้นมังกรนภาอุดมสมบูรณ์ด้วยเนินเขาเขียวขจีและธารน้ําใส ดินในแถบนี้มีสีฟ้าเนื่องจากมีทรายสีฟ้าและกรวดหินปะปนอยู่ในปริมาณมาก ทั้งยังเป็นแหล่งของเส้นแร่ผลึกสีฟ้าแห่งทวีปอัคคีสวรรค์ที่ผลิตก้อนผลึกได้คุณภาพดีที่สุดเคราะห์ร้ายที่การทําเหมืองเป็นเวลาหลายล้านปีทําให้ เส้นแร่หายากเหล่านี้ค่อยๆเดือดแห้งไป แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าพ่อค้าและคนงานเหมืองก็อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนบ้านเมืองที่เจริญรุ่งเรืองถูกสร้างขึ้นจากเส้นแร่ในกาลก่อนจากนั้นสํานัก มังกรนภาได้ยึดเส้นแร่ผลึกสีฟ้าที่เหลืออยู่เพียงเส้นเดียวไป
แคว้นมังกรนภา!
เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยทอดสายตามองแคว้นมังกรนภาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ไกลออกไปจากบนภูเขาสูง จากนั้นหนึ่งมนุษย์หนึ่งมังกรก็ตรงไปยังเมืองมังกรนภาอันเป็นเมืองหลวงทันทีหลงเอ๋อร์น้อยไม่จําเป็นต้องปลอมตัว เขาเพียงแค่แปลงกายให้อยู่ในร่างมนุษย์เพราะคงไม่มีผู้ใดนึกสนใจเด็กชายอายเจ็ดแปดขวบด้านเยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงปรับเปลี่ยนส่วนสูงและเครื่องหน้าให้เป็นชายชรา
แคว้นมังกรนภาเป็นถิ่นของสํานักมังกรนภาที่มีเหล่ายอดฝีมือจํานวนมากจึงเป็นไปได้สูงว่าวายร้ายหลีก่วงซ่านจะอยู่ในเมืองนี้ เยี่ยฉวนจึงต้องระมัดระวังตนเป็นพิเศษหลังจากปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงก็ได้ฝึกฝนเช้าเย็นจนสามารถแปลงกายได้อย่างอิส ระ ขณะที่เยี่ยฉวนไม่ได้ฝึกฝนอย่างลึกซึ้งมากนักจึงปลอมแปลงได้เพียงใบหน้าเท่านั้น
ภายนอกประตูเมืองมีทหารกลุ่มหนึ่งคอยตรวจสอบและคัดกรองผู้คนอย่างเข้มงวด มีผู้ต้องการเข้าเมืองต่อแถวเรียงรายยาวเหยียด
เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยเข้าไปปะปนกับฝูงชนก่อนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ หลงเอ๋อร์น้อยแสร้งทําท่าทีราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่มองไปรอบๆ อย่างตื่นตา ทั้งที่ความจริงแล้วกําลังสังเกตสถานการณ์โดยรอบ ส่วนเยี่ยฉวนหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งพลางก้าวเดินเงอะงะเหมือนชายแก่ เขาถือไม้เท้าที่มีเศษผ้าเขียนว่า “เยี่ยปั้นเซียน ตัวใหญ่ผูกอยู่ตรงปลายเยี่ยฉวนปลอมตัวเป็นนักพยากรณ์นั่นเอง!
ทหารอารักขาทําการตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า ทุกคนถูกดึงเข้าไปใกล้ลูกแก้วผลึกเพื่อทดสอบว่ามีพลังจิตภายในกายหรือไม่ ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนหรือบุคคลธรรมดา พวกเขาไม่ต้องการปล่อยให้ผู้ที่ซุกซ่อนพลังด้วยแผนการชั่วร้ายเข้ามาก่อปัญหาในเมือง มีนักล่าพเนจรบางพวกที่คิดว่าตนเองกล้าแกร่งและสามารถใช้กลอุบายตบตา เข้าไปได้ทว่าพวกเขากลับถูกจับได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นกลุ่มศิษย์สํานักมังกรนภาจะเหาะตรงมาทุบตีพวกเขาปางตายก่อนส่งตัวไปคุมขัง
“พี่ใหญ่เยี่ยฉวน เราจะทําอย่างไรกันดี?”
หลงเอ๋อร์น้อยเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อเห็นผู้คนที่ซ่อนเร้นพลังเอาไว้ถูกพาตัวไปคนแล้วคนเล่า ยิ่งเข้าใกล้ประตูเมืองมากเท่าใดยิ่งร้อนรนมากเท่านั้น
“อย่ากลัวไปเลยเดินต่อไป ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
เยี่ยฉวนวางมือซ้ายลงบนร่างของเด็กน้อยพลางก้าวต่อไปช้าๆ ผู้คนข้างหลังที่ค่อนข้างใจร้อนพากันก่นด่าพวกเขาเสียงต่ำ แต่เยี่ยฉวนไม่ได้โกรธเคืองอันใด เขาเพียงแค่โอนเอนร่างไปมาด้วยท่าที่อ่อนแรง
“คนต่อไป!”
ทหารคนหนึ่งตะโกนสั่ง หลงเอ๋อร์น้อยและเยี่ยฉวนจึงก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าลูกแก้วผลึกเพื่อทําการตรวจสอบ
หลงเอ๋อร์น้อยร้อนใจเป็นเท่าทวี พลังปราณในร่างของพวกเขาไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ขึ้นสัมผัสลูกแก้วผลึกคงเกิดปฏิกิริยาขึ้นทันที เยี่ยฉวนผู้สงบนิ่งดันหลงเอ่อร์น้อยที่กําลังกลัดกลุ้มใจ
นุ่มนวล แม้ดวงตาของชายหนุ่มจะหรี่ลงแต่ใบหูกลับคอยเงียฟังอย่างตื่นตัว
ด้านนอกประตูเมืองมีทหารอารักขากว่าร้อยคน หากแต่ขั้นการฝึกตนของพวกเขาอยู่ราวๆ ขั้นอเจ่อระดับสามเท่านั้น ทหารเหล่านี้ไม่อาจต้านทานเยี่ยฉวนได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
ทว่าห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรมีกลุ่มศิษย์สํานักมังกรนภาอยู่ พวกเขาประจําการอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้ยอดฝีมือแฝงกายลอบเข้าไปได้ สาวกเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าทหารอารักขามาก แต่ผู้ที่ทรงพลังที่สุดก็ยังมีฐานการฝึกตนอยู่ในขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับหนึ่งเท่านั้น หากเยี่ยฉวนต่อกรกับอีกฝ่ายจริงจังย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้
ห่างออกไปหนึ่งพันเมตรยังมีทหารลาดตระเวนที่เดินตรวจตราไปมา และไกลออกไปกว่านั้นมี…
เยี่ยฉวนพลันหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลังหลายตําแหน่งเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่นานเสียงกีบเท้าดังกึกก้องดุจเสียงฟ้าร้องครื้นครั่นก็ดังขึ้น รถม้าที่ล้อมรอบด้วยทหารม้าสิบกว่านายพุ่งตรงมายังประตูเมืองจากด้านนอกในหมู่ทหารม้ามียอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่ง เต่อยู่ด้วย กระแสพลังงานภายในร่างของพวกเขาแข็งแกร่งมาก มีคนหนึ่งแทบอยู่ในระดับเดียวกับปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน
“คุณหญิงกลับมาแล้วหลีกไป หลีกไปเร็วเข้า!”
ทหารม้าคนหนึ่งตะโกนลั่นพลางกวัดแกว่งแสในมือเพื่อขับไล่ผู้คนที่ขวางทาง ทหารที่ทําหน้าที่อารักขาประตูรีบแหวกออกสองข้างเพื่อเปิดทางให้ทันที
หลงเอ๋อร์น้อยดึงเยี่ยฉวนหมายจะหลบไปด้านหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะออกแรงเพียงใดเยี่ยฉวนก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ฝูงม้าศึกยังคงควบไปข้างหน้าต่อโดยไม่ได้ชะลอความเร็วแต่อย่างใด
เสียงสบถของทหารม้าดังประสานกับเสียงกรีดร้องของผู้คน
หลงเอ๋อร์น้อยเผยสีหน้าเคร่งเครียด เขาหันไปหาม้าศึกที่กําลังจะพุ่งชนพวกเขาเพื่อเตรียมรับแรงปะทะ
แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยกลับแว่วดังขึ้นในห้วงจิต “หลงเอ๋อร์น้อย อย่าขยับ ปล่อยให้พวกเขาชนเรา”
เยี่ยฉวนห้ามปรามหลงเอ๋อร์ไว้พลางแสงหันรีหันขวางด้วยท่าทางร้อนรน เขากําลังทําตามแผนการในหัวอย่างลับๆ กองทหารม้าช่างมาได้ถูกเวลาเหลือเกิน!
ม้าศึกที่สูงสง่าและกําย่าพุ่งชนเยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยอย่างรุนแรงจนร่างกระเด็นออกไปพร้อมโลหิตไหลหลั่ง แขนขาของหลงเอ๋อร์น้อยเคลื่อนไหวหมายจะตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ไม่นานเขาก็หันมาทําตามเยี่ยฉวนที่นอนแน่นิ่งแกล้งตายอยู่บนพื้น
“ตายแล้ว… โดนรถม้าชนตาย คนแก่หนึ่งเด็กหนึ่ง สองปุ่หลานโดนรถม้าชนตาย!”
“อนิจจา แก่เฒ่าถึงเพียงนี้แล้วยังต้องเร่ร่อนทํานายโชคลางของผู้อื่นแลกเศษเงินแต่ผลลัพธ์กลับ…”
ผู้คนพากันส่ายศีรษะขณะมองดูร่างของเยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยที่นอนจมกองเลือดด้วย ความเวทนา ชายชราและเด็กน้อยช่างน่าสังเวชยิ่งนัก!
กองทหารม้าที่ควบตะบึงอยู่เมื่อครู่หยุดลง ทหารม้าข้างหน้ายังคงก่นด่าและสาปแช่งด้วยความเกรี้ยวกราด แต่แล้วกลับมีผู้ยกผ้าม่านขึ้นและโผล่หน้าออกมาจากรถม้าดูจากรูปลักษณ์ แล้วเป็นเด็กสาว “เฒ่าคุณหญิงผู้นี้ขอสั่งให้พาพวกเขากลับไปยังสํานักและช่วยชีวิตพวกเขา ทันที”
“ขอรับ”
ชายชราข้างรถม้าโค้งรับคําสั่ง ส่วนทหารม้าข้างหน้าเงียบเสียงลงและไม่กล่าปริปากเอ่ยคําใด อีกมีผู้ตรงเข้ามาอุ้มร่างของหลงเอ๋อร์น้อยและเยี่ยฉวนขึ้นจากพื้นก่อนจะออกเดินทางต่ออย่างรวดเร็ว เมื่อรถม้าจากไปแล้วทหารอารักขาที่รุมล้อมอยู่ตรงประตูเมืองจึงเริ่มออกคําสั่งและคัดกรองผู้คนต่ออีกครั้ง
พายุร้ายลูกเล็กผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีผู้ใดจับสังเกตได้…
เมื่อมองจากภายนอก เยี่ยฉวนและหลงเอ่อร์ที่มีเลือดไหลนองดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ความจริงแล้วพวกเขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กายหยาบของทั้งสองแข็งแกร่งมากเสียจนต่อให้ม้าศึกสิบตัวชนเข้ากระดูกของพวกเขาก็ไม่แม้แต่จะแตกหักประจวบกับทหารอารักขาที่อุ้มพวกเขามามีฐานการฝึกตนเพียงขั้นซิวฉือระดับหกจึงไม่สามารถสัมผัสกระแสพลังงานที่ซุกซ่อนอยู่ได้อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดคิดตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเพราะความเร่งรีบจะมีใครคาดคิดว่าชาย ชราและเด็กน้อยเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนเร้นเล่า?
ความเร็วของรถม้าหลังจากเข้ามาในเมืองไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด มันยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านแนวป้องกันแน่นหนามาจนถึงพระราชวังอันโอ่อ่าได้
เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นมองเล็กน้อยขณะที่พวกเขาเคลื่อนผ่านจัตุรัสขนาดใหญ่จึงเห็นเสาสูงตระหง่านตั้งอยู่ มีถ้อยค่าใหญ่โตเขียนไว้ว่า จัตุรัสมังกรนภา”
จัตุรัสมังกรนภา… สานักมังกรนภางั้นหรือ?
เยี่ยฉวนประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่านอกจากจะผ่านการป้องกันและลอบเข้าเมืองมังกรนภามาได้สําเร็จด้วยเล่ห์กลแล้วยังตรงมาถึงสํานักมังกรนภาในรวดเดียว!
เยี่ยฉวนรู้สึกได้ว่าจะได้พบองค์รัชทายาทหลีก่วงฮานในอีกไม่ช้า บัดนี้ชายหนุ่มทั้งกังวลและตื่นเต้นไปพร้อมกัน!