Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 343 ราชินีเผ่าอสูรเสด็จแล้ว
บทที่ 343 ราชินีเผ่าอสูรเสด็จแล้ว
“ฮ่าๆๆ เยี่ยฉวน เจ้าจบเห่แล้ว ฮ่าๆๆ”
หลีก่วงซ่านแผดเสียงหัวเราะลั่นขณะมองดูร่างไร้สติของเยี่ยฉวนบนพื้น เขาลิงโลดเสียยิ่งกว่าบรมครูเจียงเดินเชิงราวกับเป็นผู้ล้มเยี่ยฉวนด้วยมือตนเอง
หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานานทั้งยังต้องผิดหวังซ้ําแล้วซ้ําเล่า ในที่สุดเขาก็ได้เห็นภาพนี้ตรงหน้าเสียที!
หลีก่วงฮ่านตื่นเต้นยินดีกว่าวันที่เขาเข้ารับตําแหน่งองค์ชายรัชทายาทเสียอีกยิ่งชิงชังมากเพียงใดยิ่งเบิกบานใจมากเท่านั้น
บรมครูเจียงเฉินเชิงเหยียดแขนและกางนิ้วมือทั้งห้าออกก่อนที่ร่างของเยี่ยฉวนจะลอยเข้าหาทันทีที่ร่างนี้กระทบกับปลายนิ้วเยี่ยฉวนจะตายตกไปพร้อมรูห้ารูบนศีรษะทันที
“ศิษย์พี่ใหญ่…”
“คุณชาย!”
หนานเทียนโตวและปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินร้องลัน พวกเขาต่างกัดฟันกรอดและพุ่งตัวไปข้างหน้า ทว่าสายเกินกว่าจะหยุดยั้งเสียแล้ว…
ทันใดนั้นเกิดแสงกระบี่เย็นเยียบพาดผ่านธงชัยโลหิตกล้า!
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียผู้ยอมสยบต่อธงชัยไม่อาจทําใจล่าถอยเมื่อสัมผัสได้ว่าเยี่ยฉวนตกอยู่ในอันตราย นางจึงจ้วงแทงไปยังหว่างคิ้วของบรมครูเจียงเฉินเชิงในระยะประชิดทันใด!
ซึ่ง! ปลายกระบี่ของนางหยุดลงห่างจากเป้าหมายเพียงครึ่งนิ้ว…
การโจมตีของหงจือเซียว่องไวและใกล้ตัวยิ่ง หากเป็นผู้อื่นคงไม่อาจหลีกหนี้ได้พ้น น่าเสียดายที่บรมครูผู้มีขั้นการฝึกตนสูงส่งเหนือธรรมดาเพียงกระตุกยิ้มเย็นเยียบก่อนใช้สองนิ้วจับใบมีดของหงจือเซียเอาไว้อย่างง่ายดาย!
“ฆ่ามัน!”
หงจือเซียดิ้นรนสุดกําลัง ทว่ากระบี่สยบวิญญาณในมือกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย สองนิ้วของบรมครูเจียงเฉินเชิงมั่นคงไม่มีสั่นคลอนราวกับดื่มเหล็ก
แม้แต่ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต่ระดับสูงสุดยังไม่สามารถต่อกรได้!
ผู้คนพากันตกตะลึงฐานการฝึกตนของบรมครูเจียงเป็นเชิงลึกเกินหยั่งถึงโดยแท้
“ข้าไม่คิดว่าพ่อหนุ่มเยี่ยฉวนจะเจ้าเสน่ห์ถึงเพียงนี้ เจ้าไม่เพียงมีเล่ห์เหลี่ยมสารพัดหากแต่ยัง มีหญิงงามที่พร้อมพลีชีพเพื่อเจ้า ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยให้พวกเจ้าได้สมปรารถนาจงตายตกไปตามกันเสียเถิด” บรมครูเจียงเดินเชิงยิ้มหยันก่อนบิดปลายนิ้วเพียงเล็กน้อยเพื่อหักกระบี่สยบ วิญญาณของหงจือเซียออกเป็นสองท่อน ก่อนจะกระแทกฝ่ามือออกไปหมายจะระเบิดร่างของนางให้แหลกลาญ
ฝ่ามือของบรมครูว่องไวกว่าการจ้วงแทงของหงจือเซียเมื่อครู่ ขั้นการฝึกตนของหงจือเซียท่าให้นางไม่สามารถหลบการโจมตีในระยะประชิดถึงเพียงนี้ได้ทันขณะที่ทุกคนคิดว่าชายชราคงบดขุยนางเป็นเนื้อบดแน่แล้ว บรมครูเจียงเดินเชิงกลับหยุดชะงักกะทันหันเมื่อฝ่ามือห่างจากหน้าผากของนางเพียงครึ่งนิ้ว
สายลมจากฝ่ามืออันทรงพลังพัดผ้าคลุมหน้าของสตรีพรหมจรรย์ให้เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าสะสวยและเครื่องหน้าอันงดงาม แม้ผิวหนังจะดูแก่ชราและเต็มไปด้วยรอยย่นซึ่งขัดกับอายุ แต่กลับไม่อาจบดบังความงามของหญิงสาวได้แม้แต่น้อย มิหนําซ้ําความสันโดษและสูงส่งโดยธรรมชาติยิ่งขับให้นางแลดูทรงเสน่ห์ขึ้นไปอีก
รูปลักษณ์ดังกล่าวมาพร้อมกับเรือนร่างสูงโปร่งและสง่างาม แม้แต่องค์รัชทายาทหลก่วงซ่านผู้ผ่านหญิงงามมานับไม่ถ้วนยังต้องหลงใหล เช่นเดียวกับเหล่าทหารที่พากันตกตะลึงเป็นเถว
ผู้ใดจะเต็มใจอยากทําลายดอกไม้ที่สวยสดงดงามถึงเพียงนี้อย่างโหดเหี้ยมกันเล่า?
ต่อให้บรมครูเจียงเดินเชิงจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ยังคงเป็นมนุษย์หาใช่เทพเจ้าไม่!
ผู้คนคิดว่าบรมครูเจียงเฉินเชิงกําลังพลาดท่าเฉกเช่นบุรุษทุกคน ไม่ว่าชายใดล้วนลังเลที่จะ ทําลายดอกไม้ดอกนี้ บางคนอาจถึงขั้นคิดร้ายอยากพาหงจือเซียหนีไปกับตนด้วยทว่าใบหน้าของบรมครูกลับไม่มีร่องรอยของเจตนาร้ายแม้แต่น้อย มีเพียงความประหลาดใจสับสน และตื่นเต้น เท่านั้น “แม่หนู เจ้า…เจ้าเป็นใคร? มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร?”
ภาพของสตรีที่สลักลึกในหัวใจพลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของบรมครูเจียงเดินเชิงทันใดใบหน้าแบบเดียวกัน สีหน้าแบบเดียวกัน แม้แต่กิริยาท่าทางและลักษณะนิสัยก็เหมือนกันทุกประการ… สตรีพรหมจรรย์หงจอเซียตรงหน้าแทบจะเหมือนหญิงในใจของเขาทุกกระเบียดนิ้ว
“อยากฆ่าข้าก็เชิญ โจมตีซะสิ!”
หงจือเซียเบือนหน้าหนีและไม่ชายตามองบรมครูเจียงเดินเชิงหรือปริปากสนทนาอีกต่อไป
หญิงสาวยอมรับว่าทักษะของนางด้อยกว่าเขา ต่อให้คนทั้งสี่ร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะได้ความตายไม่ใช่สิ่งน่าสะพรึงกลัวสําหรับนางหากมองอีกมุมนับว่าเป็นเรื่องดีที่นางจะได้จากโลกนี้ไปพร้อมกับเยี่ยฉวน
คู่รักที่ผสานการฝึกตนเปรียบเสมือนนกในตํานานที่มีปีกเพียงข้างเดียวและโบยบินเป็นคู่หากตัวหนึ่งตายชีวิตของอีกตัวก็ไร้ความหมาย
หลังฝึกตนร่วมกับเยี่ยฉวนในอาณาจักรสวรรค์และศึกษาคัมภีร์มังกรปีศาจ สตรีพรหมจรรย์ต้องการอยู่กับเยี่ยฉวนตลอดเวลาจนแทบขาดใจ แม้ยังไม่ได้มอบร่างกายให้เขาอย่างสมบูรณ์ แต่หัวใจของนางเป็นของเขามาตั้งนานแล้ว
“ข้าจะฆ่าเจ้าได้อย่างไร?”
บรมครูเจียงเดินเชิงแค่นยิ้มพลางเผยสีหน้าซับซ้อนขณะทอดมองคนตรงหน้า “แม่หนู บอกข้า มาแซ่ของเจ้าคือหงใช่หรือไม่?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียหันกลับมาอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงค่อยๆรวบรวมสติได้
บรมครูเจียงเดินเชิงเป็นใครน่ะหรือ?
เขาเป็นบรมครูแห่งจักรวรรดิต้าฉันอันเกรียงไกรที่อยู่ภายใต้บุคคลเพียงคนเดียวและอยู่เหนือผู้คนนับล้าน ด้วยอํานาจและความฉลาดหลักแหลมของเขาคงได้เห็นภาพเหมือนของนางตั้งแต่วางแผนยื่นมือเข้ามาในสํานักอสูรเมฆาแล้วจึงไม่น่าแปลกใจหากอีกฝ่ายจะรู้จักตัวตนของนาง
“ดีจริงๆ แซ่หงจริงๆ สินะ ไม่แปลกใจที่เจ้าเหมือนนางเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลย…”
บรมครูเจียงเฉินเชิงถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมละมือออก จิตสังหารของเขาค่อยๆ มลาย หายไปในยามนี้ชายชรากําลังพึมพํากับตนเองด้วยความงุนงงและตกอยู่ในภวังค์ราวกับกําลังหวนนึกถึงบางสิ่ง
ฉับพลันเส้นผมสีเงินแวววาวและโปร่งแสงปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า!
หนึ่ง สอง… มากขึ้นและมากขึ้น ก่อนที่ร่างหนึ่งจะปรากฏกลางอากาศ นางทั้งเยาว์วัยและงดงามไม่น้อยไปกว่าสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียอีกทั้งยังมากล้นด้วยเสน่ห์แพรวพราว หากแต่เส้นผมยาวสลวยของนางกลับเป็นสีขาวโพลน
ราชินีอสูรเกศาขาวจ้าวเทียนปี่เสด็จมาถึงที่นี่ด้วยพระองค์เอง!
“ฆ่าสิ เจียงเฉินเชิง เหตุใดจึงไม่ลงมือเล่า?”
ราชินีอสูรเกศาขาวหัวเราะเมื่อมองดูบรมครูเจียงเฉินเชิงที่กําลังตะลึงงัน นางไม่ยอมปรากฏกายยามสตรีพรหมจรรย์กําลังตกอยู่ในอันตราย แต่กลับโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าหลังบรมครูหยุดโจมตีแล้ว “เจ้าช่างไร้วินัย ธรรมเนียมปฏิบัติศีลธรรม และกฎระเบียบเสียจริงจ่อเซียและ กบฏเยี่ยฉวนบังอาจท้าทายอานาจจักรวรรดิต้าฉัน แล้วเจ้าจะไม่สังหารพวกเขาได้อย่างไรกัน? ในที่สุดเจ้าก็ถอยกลับไม่กล้าโจมตี ฮ่าๆๆ”
“จ่อเซีย… นางมีนามว่าจอเซียนี่เอง เป็นชื่อที่ไพเราะเหลือเกิน”
บรมครูพยักหน้าอย่างสงบก่อนมองไปยังราชินีอสูรเกศาขาวด้วยสายตาเย็นชา “จ้าวเทียนเจ้าเป็นคนเลี้ยงดจ่อเซียหรือ? ในตอนนั้นเจ้าลักลอบพาจอเซียไปซ่อนไว้ที่สํานักอสูรเมฆาใช่หรือไม่?”
“ลักลอบพาไปซ่อนอะไรกัน? ข้ามีศักดิ์เป็นน้าของจ๋อเซีย มารดาของนางคือพี่สาวที่แสนดีของข้า ข้าเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่เป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งและถ่ายทอดเคล็ดวิชาไร้เทียมทานให้เจียงเฉินเชิง เจ้าลองถามจอเซียดูได้ว่าข้าเคยปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ในทาง กลับกันเจ้าเป็นถึงคนใหญ่คนโตแต่กลับไม่เคยออกตามหาจอเซียอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เจ้าคงคิดว่านางตายตกไปนานแล้วหรือไม่ก็เฝ้ารอความตายของนางจะได้ลดปัญหาไปอีกหนึ่ง เป็นเช่น นั้นใช่หรือไม่?! ฮ่าๆๆ”
ราชินีอสูรเกศาขาวจ้องเขม็งไปยังบรมครูเจียงเดินเชิงพร้อมระเบิดหัวเราะลั่นจนใบหน้าบิดเบี้ยว บัดนี้นางแลดูโหดเหี้ยมกว่าหลีก่วงซ่านยามโกรธเกรี้ยวเสียอีก น้ําเสียงของนางบ่งบอกว่านางและบรมครูเจียงเฉินเชิงไม่เพียงรู้จักกัน หากแต่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ผู้อื่นอาจหวาดกลัวเจียงเดินเชิงบรมครูผู้ท้าทายสวรรค์ แต่ราชินีเผ่าอสูรผู้ปกครองสํานักอสูรเมฆากลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวแม้แต่น้อย!