Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 332 ระเบิดตนเอง
บทที่ 332 ระเบิดตนเอง
“ข้าต้องการสิ่งใดงั้นรึ?”
เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปากก่อนกล่าวต่อ “ง่ายยิ่ง! ข้าต้องการสังหารฝ่าบาทอย่างไรล่ะ?! สิ่งที่พระองค์ประสงค์จะทํากับข้า ข้าเองก็ใคร่ทําเช่นเดียวกัน! คิดอย่างไรจึงเสนอให้ข้าเชิญเจ้าไปเป็นแขกของสํานักหมอกเมฆา?! ดูสารรูปของพระองค์ในยามนี้ซิ… แทบไม่ต่างอันใดไปจากมนุษย์ครึ่งปีศาจ แม้แต่ลูกแมวลูกสุนัขที่มองหน้าท่านยังหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อเหตุใดจึงทรงมั่นใจถึงเพียงนั้น?! หากองค์ชายไม่ได้รับอนุญาตองค์หญิงจะถูกปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกัน!”
เยี่ยฉวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อมให้มากความ
หากเป็นผู้อื่นอาจคํานึงถึงปัญหาที่ร้ายแรงในภายหลัง และอาจแก้ไขสถานการณ์โดยการจับกุมองค์ชายรัชทายาทไว้เป็นตัวประกันและนําไปเป็นข้อต่อรองกับองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าฉินทว่าเมื่อเป็นเยี่ยฉวนแล้วสถานการณ์จึงต่างออกไปเขาเลือกที่จะสังหารอีกฝ่ายก่อนค่อยทําการเจรจาภายหลัง
“นี่! เจ้า..”
องค์ชายหลีก่วงฮ่านตรึกตรองขณะที่ร่างกายสันสะท้าน ไม่มีคําใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเขา
ในฐานะที่เขาดํารงตําแหน่งเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทย่อมมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีพอตัวทว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านั่นจะเป็นอุปนิสัยของเยี่ยฉวนด้วยเช่นกัน หนําซ้ํายังทระนงกว่าเขาหลายต่อหลายเท่าเดิมที่เขาต้องการหยิบยกฐานันดรอันสูงส่งเพื่อข่มขู่ น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นข้อควรหวาดกลัวแต่อย่างใด
“ปิดล้อมพวกมันไว้ อย่าให้หลบหนีเล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“ฆ่าปีศาจหลีก่วงซ่านผู้ชั่วร้ายนี้ซะฆ่ามัน!”
พลหน้าไม่นับร้อยชีวิตพุ่งเข้ามาปิดล้อมองค์ชาย พรตเต๋าสังหาร รวมถึงบริวารผู้ติดตามคนอื่นๆ ไว้ อิทธิฤทธิ์ของหน้าไม้เศียรมังกรที่อยู่ในมือทําให้พวกเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าการขึ้นเหยียบกระบบินหลายเท่าตัว หัวมังกรซึ่งยื่นออกมาจากคานทั้งสองด้านยิ่งเสริมพลังให้ดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก
องค์ชายหลีก่วงซ่านและพรตสังหารสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นอานุภาพทําลายล้างของพวกมันอย่างเต็มตาเช่นนี้ แม้แต่เยี่ยฉวนยังไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมื่อพวกมันอยู่รวมกันนับร้อยอันจะก่อเกิดความแข็งแกร่งและดุดันอย่างมหาศาลราวกับหลังจากราชินีอสูรเนตรสีครามสาบสูญไปแล้วจึงเกิดยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่งท้าทายสวรรค์อีกคนขึ้นมาแทนที่ในหน้าประวัติศาสตร์ของสํานักอสูรเมฆา เขาคงรับช่วงต่อและขัดเกลาหน้าไม่โบยบินเหล่านี้เป็นการส่วนตัวน่าเสียดายที่เวลาผันผ่านนับล้านปีพวกมันกลับถูกเก็บเข้ากรุในหอศาสตราวุธเสียจนฝุ่นเกาะกรังบรรดาศิษย์ที่มีขั้นการฝึกตนต่ําต้อยได้ไหวพริบบรรดาศิษย์ที่มีขั้นการฝึกตนเป็นเลิศก็ดูถูกอาวุธสังหารดังกล่าว กระสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียตัดสินใจลอบนําพวกมันมามอบให้แก่เขา
“ฝ่าบาท! ลุกขึ้นสู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
พรตเต๋าสังหารรวบรวมพลังปราณเหาะทะยานไปทางเยี่ยฉวน องค์ชายหลีก่วงซ่านได้สติจึงรับเหาะทะยานขึ้นตามติดฐานการฝึกตนของทั้งคู่วิเศษเหนือคนธรรมดาพวกเขาตัดสินใจเลือกที่จะจับตัวเยี่ยฉวนไว้เป็นตัวประกัน
เยี่ยฉวนเห็นเช่นนั้นจึงเบี่ยงกายหลบก่อนเร้นกายหายวับไปโดยใช้เคล็ดวิชาไร้เทียมทานเข้าช่วยทําให้ทั้งสองที่พุ่งตรงมาคว้าถูกเพียงภาพติดตาเท่านั้น แม้แต่พรตเต๋าาสังหารยังไม่อาจจัดการอีกฝ่ายได้เขาตระหนักทันทีว่าเวลานี้การดักจับเยี่ยฉวนเช่นเดียวกับกลยุทธ์ที่ใช้ในค่ายทหารไม่สามารถกระทําได้โดยง่ายอีกแล้ว!
“โจมตี!” จูซือเจียตะโกนออกค่าสังพร้อมปล่อยลูกศรพุ่งตรงออกจากหน้าไม่ในมือทันที
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! เสียงอาวุธมีคนแหวกผ่านมวลอากาศดังกึกก้องไปทั่วบริเวณอย่างไม่ขาดสาย
พรตเต๋าสังหารและองค์ชายของเขาพยายามกัดฟันข่มกลั้นความเจ็บปวดและทําทุกวิถีทางเพื่อให้พวกตนรอดพ้นออกไปจากวงล้อมมรณะนี้ ขณะที่ลูกศรถูกฝ่ายตรงข้ามกระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดหย่อนพวกเขาก็ยังคงวิ่งไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง นักพรตวัยกลางคนคว้าแส้หางม้าในมือ ฟาดฟันศิษย์สํานักหมอกเมฆาบางคนเพื่อฝ่าวงล้อมออกไปโดยมีองค์ชายหลีก่วงซ่านติดตามอย่างใกล้ชิด ครั้นใกล้ถึงทางออกเขาจึงก้มหยิบหน้าไม้เศียรมังกรซึ่งร่วงอยู่กับพื้นขึ้นหมายใช้มันเพื่อย้อนกลับไปทําร้ายอีกฝ่ายบ้าง ทว่าการตัดสินใจเช่นนั้นนับเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ทันใดนั้นเอง เถาวัลย์จํานวนมากพลันโผล่พรวดออกมาจากพื้นดินและเกี่ยวรัดมือซ้ายขององค์ชายหลีก่วงซ่านไว้อย่างแน่นหนาประหนึ่งอสรพิษ จากนั้นจํานวนของมันจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนโอบรัดไปทั่วสรรพางค์กาย พร้อมกับเสียงหัวเราะน่าสยดสยองที่ดังขึ้นข้างใบหู
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินไม่ปล่อยให้โอกาสอันดีเช่นนี้ผ่านไปโดยง่าย ในที่สุดมันจึงลงมือในสนามรบด้วยตนเอง
“ฝ่าบาท…”
พรตเต๋าสังหารหันกลับไปหาอีกฝ่ายพลางร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกยิ่ง! แม้ตนต้องการเข้าปกป้ององค์ชายเพียงใดทว่าทุกอย่างกลับสายเกินแก่ไปเสียแล้ว เขาจึงทําได้เพียงขบกรามแน่นและยิงลูกศรออกจากหน้าไม้เศียรมังกรหมายตัดแขนซ้ายขององค์ชายออกจากบ่าเพื่อให้เขาพ้นจากการถูกเถาวัลย์เกี่ยวรัด
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เยี่ยฉวนเดินออกมาจากความมืดมิด ครั้นเห็นโอกาสอันดีเช่นนั้นจึงไม่รอช้าที่จะใช้พลังฝ่ามือเพื่อจัดการกับพรตเตสังหาร เขารอเวลานี้มานานแล้ว!
ชายหนุ่มทําการโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งเจ็ดใบภายในจุดตันเถียน กําลังภายในกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันจนปะทุขึ้นจนกลายเป็นแรงระเบิดมหาศาล!
“อ๊าก…”
พรตเต๋าสังหารแผดเสียงร้องโหยหวนลั่นอีกครั้งก่อนกระอักเลือดออกจากปากกองใหญ่บริเวณหน้าอกเกิดรอยประทับของฝ่ามือที่ฟาดเขามาโดยแรงอวัยวะภายในถูกทําลายจนไม่เหลือชิ้นดีเพราะการโจมตีจากเยี่ยฉวนเพียงหนึ่งครั้ง!
หากเป็นยอดฝีมือรายอื่นผู้บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ ต่อให้พวกเขาไม่สิ้นลมหายใจคาที่อย่างน้อยก็ต้องกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้นด้วยสภาพครึ่งเป็นครั้งตาย ทว่านักพรตเต๋าวัยกลางคนกลับมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เขาฝืนทนคว้าร่างขององค์ชายหลีก่วงซ่านให้ทะยานขึ้นสู่เบื้องบนเพื่อหลบหนีต่อให้ร่างกายโชกเลือดเพียงใดแต่ความจงรักภักดีของเขายังเต็มเปี่ยม ทั้งยังเพียรพยายามอย่างยิ่งยวดให้พวกตนหลุดออกจากวงล้อมทั้งหมดนี้
“ตามล่าพวกมัน!”
เยี่ยฉวนแค่นเสียงสั่งการอย่างเย็นชา ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อเป็นรายแรกที่รับคําสั่ง มันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างพึงใจก่อนไล่ล่าทั้งสองอย่างไม่ลดละ เถาวัลย์จํานวนนับไม่ถ้วนก่อรวมขึ้นสูง และเคลื่อนที่ไปด้านหน้าราวคลื่นในมหาสมุทรที่โหมกระหน่าบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆา เห็นเช่นนั้นจึงเร่งติดตามศัตรูตัวฉกาจทั้งสองไปอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ส่วนเยี่ยฉวนเดินตามหลังทุกคนด้วยท่าทางผ่อนคลายไม่รีบเร่ง
พรตเต๋าสังหารถูกกระหน่ํายิงด้วยลูกศรจากหน้าไม้เศียรพยัคฆ์จนร่างกายเต็มไปด้วยรูพรุนเป็นแผลฉกรรจ์ซ้ําร้ายครู่นี้ยังถูกเยี่ยฉวนโจมตีด้วยฝ่ามืออย่างหนักหน่วง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องทนพิษบาดแผลไม่ไหวและตายตกไปเสียภายในค่ําคืนนี้ ส่วนองค์ชายหลีก่วงฮานนอกจากต้องเสียแขนไปหนึ่งข้างยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างสุดจะทานทน ยิ่งพวกมันพยายามวิ่งหนีไปไกลเพียงใดยิ่งสูญเสียเลือดมากเพียงนั้นเป็นการเร่งความตายให้เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว!
ศิษย์ยอดฝีมือชั้นเลิศของสํานักหมอกเมฆารวบรวมพละกําลังอันแข็งแกร่งเพื่อไล่ล่าเชลยศึกทั้งสองอย่างสุดความสามารถ
บริเวณเชิงเขาการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายยังคงดําเนินต่อไปไม่รู้จบสิ้น ทหารแห่งจักรวรรดิต้านส่วนใหญ่ยังคิดต่อต้านสํานักหมอกเมฆาและรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายต่อสู้อย่างสิ้นหวังถึงกระนั้นสถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพรวมมีเพียงราชันจักจั่นทองคําหกปีกปีศาจวัวนัยน์ตาอสูร และกองทัพอสุรกายประจัญบานอีกนานาชนิดก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับคนเหล่านั้น
ลูกศรจํานวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาจากหน้าไม้ราวห่าฝน เถาวัลย์เส้นหนาโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินและคอยขัดขวางไพร่พลฝ่ายศัตรูอย่างแข็งขัน เวลานี้พรตเต๋าสังหารบาดเจ็บหนักจนไม่อาจไปต่อได้ เขาเพียงปัดป้องการโจมตีพลางถอยกลับอย่างไร้หนทางสู้ร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดจนอาการบาดเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีความเร็วในการเคลื่อนที่ค่อยๆ ช้าลงและช้าลง ขณะนั้นเปลวไฟซึ่งพวยพุ่งขึ้นสูงพลันปรากฏขึ้นจากระยะไกลพร้อมกับเสียงโห่ร้องอย่างฮึกเหิมของเหล่าทหารกองทัพเสริมเคลื่อนพลมาถึงแล้ว ถึงกระนั้นทุกอย่างยังคงสายเกินไปพวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปไกลกว่านี้ได้อีกแล้ว
“ฝ่าบาท นักพรตเต๋าต่าต้อยผู้นี้กําลังจะตาย วอนพระองค์โปรดส่งคําพูดสุดท้ายของกระหม่อมไปถึงปรมาจารย์แห่งแคว้นและองค์จักรพรรดิด้วยเถิด… ได้โปรดล้างแค้นแทนข้าสํานักหมอกเมฆาต้องเจ๋งนองไปด้วยเลือด!”
พรตเต๋าสังหารฝืนยกยิ้มพลางเผยสีหน้าโศกเศร้า โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างช้าลงทุกขณะ เขาตัดสินใจหยุดชะงักฝีเท้าไม่วิ่งหนีจากชะตากรรมอันโหดร้ายอีกต่อไปเขารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายผลักร่างขององค์ชายให้ถอยออกห่างจากนั้นจึงหันกลับไปทางบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาซึ่งวิ่งไล่ตามมา พลังปราณรุนแรงเริ่มเดือดพล่านขึ้นในร่างกายที่ใกล้จะแตกดับวินาทีสุดท้ายของชีวิตเขาเลือกที่จะระเบิดตนเองให้กลายเป็นจุณไปเสีย!
พลังมหาศาลจากแรงระเบิดพลีชีพนั้นฉีกเถาวัลย์มรณะออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บรรดาศิษย์สำนักหมอกเมฆาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงถูกส่งร่างให้กระเด็นถอยไปไกลหลายลี้!
พรตเต๋าสังหารซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือชั้นเลิศผู้มีวรยุทธ์สูงส่งที่สุดในราชสํานักถูกฝ่ายศัตรูบีบบังคับกระทั่งวาระสุดท้ายต้องระเบิดตนเองออกเป็นเสี่ยงโดยไร้ทางเลือก
“ไม่นะ! ไม่…”
องค์ชายหลีก่วงซ่านแผดเสียงร้องโหยหวนราวสัตว์ป่าบ้าคลั่งด้วยความสะเทือนใจแสนสาหัส เขาทําได้เพียงกัดฟันข่มความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจเพื่อหลบหนีไปยังพื้นที่ห่างไกลโดยเร็วเป้าหมายคือกองกําลังเสริมที่เพิ่งมาถึงซึ่งจุดคบเพลิงจนสว่างไสวตัดกับท้องฟ้ายามราตรีความเร็วของเขาพลันเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อศักยภาพของพลังที่แท้จริงในร่างกายตื่นฟื้นขึ้น!
เมื่อเห็นพรตเต๋าสังหารผู้ที่เขายกย่องเสมือนอาจารย์ยอมสละชีพโดยการระเบิดร่างกายออกเป็นเสี่ยงต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขารู้สึกรวดร้าวประหนึ่งถูกมีดกรีดแทงก็ไม่ปานไม่ใช่เพราะเขามีความเคารพรักลึกซึ้งต่ออีกฝ่าย แต่เป็นเพราะเขาเคียดแค้นที่เยี่ยฉวนเป็นสาเหตุที่ทําให้อีกฝ่ายต้องจบชีวิตลงเช่นนี้! นี้นับเป็นความอัปยศครั้งใหญ่หลวงอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขาไม่เคยโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้มาก่อน! องค์ชายผู้สูงศักดิ์สาบานกับตนเองอย่างหนักแน่นว่าหากจนแล้วจนรอดเขาไม่สามารถสังหารเยี่ยฉวนได้ เขาอาจต่ำต้อยกว่าสุนัขหรือสุกรเสียอีก! ยามนี้ไม่ว่าบัลลังก์ องค์จักรพรรดิหรืออำนาจอันหอมหวานใดก็ไม่มีความหมาย เพราะความเกลียดชังที่มีต่อเยี่ยฉวนนั้นทรงพลังยิ่งกว่าแรงจูงใจเหล่านั้นเป็นไหนๆ!
ชั่วชีวิตนี้ของข้าที่หลงเหลืออยู่…หากไม่สามารถสังหารไอ้เยี่ยฉวนได้ จะไม่ขอเป็นมนุษย์อีกต่อไป!
องค์ชายหลีก่วงฮานรวบรวมพละกําลังทั้งหมดเพื่อมุ่งตรงไปด้านหน้า ความคิดเดียวที่ปรากฏขึ้นในหัวคือสังหารเยี่ยฉวนให้ตายคามือให้จงได้!
เบื้องหลัง ครั้นคลื่นกระแทกมหาศาลจากพลังระเบิดเมื่อครู่สงบลง ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อพร้อมด้วยบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่ถูกผลักกระเด็นจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน เมื่อพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะไล่ล่าองค์ชายอีกครั้งเยี่ยฉวนกลับส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามไว้เสียก่อนเนื่องจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพรตเต๋าสังหารนั้นทําให้ผู้คนเสียศูนย์ไม่น้อยอีกทั้งองค์ชายหลีก่วงซ่านหนีไปไกลลิบพร้อมกับกองทัพเสริมของทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉันที่เพิ่งมาถึง ซึ่งตอนนี้เขายังไม่อาจประมาณการได้ว่าจํานวนคนในครั้งนี้มีมากน้อยเพียงใด แม้ทําการไล่ล่าต่อไปอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่ากําไรที่พึ่งได้รับ