Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 323 ของกํานัลชิ้นที่สอง
บทที่ 323 ของกํานัลชิ้นที่สอง
ทั้งภายในและภายนอกป้อมปราการบนยอดเขามีอาณาเขตราชันทรราชย์ครอบคลุมอยู่
อาณาเขตนี้ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนานและเป็นอาณาเขตพื้นฐานของจักรวรรดิต้าฉิน อํานาจของมันทั้งรุนแรงและทรงพลังหากแต่ต้องใช้ก้อนผลึกจํานวนมากซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหรือสํานักเล็กๆ จะหาได้ แม้อาณาเขตชนิดนี้จะพบได้ทั่วไปแต่ป้องกันการโจมตีเฉียบพลันจากศัตรูได้ผลชะงัดยิ่ง ฉะนั้นจึงมีคุณค่าสําหรับจักรวรรดิต้าฉันเป็นอย่างมากแม้จะผลาญก้อนผลึกจํานวนไม่น้อยก็ตาม
คนธรรมดาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงในการทําลายอาณาเขตรอบป้อมปราการนี้ ต่อให้เป็นปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินผู้เป็นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับสูงสุดก็ไม่เกิดผล ทว่าเยี่ยฉวนกลับแตกต่างออกไป
ในฐานะที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ทําให้เขาคุ้นเคยกับอาณาเขตที่ตกทอดมาอย่างยาวนานนี้เป็นอย่างดี การวิเคราะห์และถอดรหัสเพื่อทําลายอาณาเขตนี้กินเวลานาน แต่เยี่ยฉวนมีทางลัดที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ นั่นคือการโจมตีอย่างรุนแรงเต็มกําลัง ณ จุดเดียวของอาณาเขต ยิ่งพลังโจมตีแข็งแกร่งและจุดที่โจมตีที่มีขนาดเล็กมากเพียงใดยิ่งได้ผลดีเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นปัญหาสําหรับเยี่ยฉวน ความแข็งแกร่งของเขามีมากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันจนหลังก่อรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ใบที่เจ็ดได้สําเร็จ หนําซ้ําปลายกระบบินสะบั้นมังกรก็คมกริบหาใดเปรียบ อาณาเขตราชันทรราชย์ที่เหล่าทหารไว้วางใจถูกเยี่ยฉวนทําลายในชั่วพริบตา ก่อนที่เถาวัลย์นับไม่ถ้วนและบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาจะพากันบุกเข้าไปทันที!
ทหารที่กําลังดื่มเหล้าเมามายอย่างไม่ทันระวังตัวไม่ใช่คู่แข่งที่สมน้ําสมเนื้อแต่อย่างใด พวกเขาถูกฆ่าตายก่อนจะได้ตอบสนองใดๆ เสียอีก!
“ฮิๆๆ ดื่มเข้าไปอีก ดื่มให้จุใจ เพราะนี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของเจ้า! ฮิๆๆ”
ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อหัวเราะสุดเสียง เถาวัลย์จํานวนมหาศาลลดเลี้ยวเข้ามาในป้อมปราการจากทุกทิศทางจนบดบังท้องฟ้า พวกมันไล่ล่าและสังหารเหล่าทหารที่หนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางก่อนดูดกลืนโลหิตแก่นแท้และปราณหยางจนหมดสิ้น ทหารที่เหลือรอดอยู่ยิ่งหวาดผวา เมื่อเห็นพี่น้องของตนกลายสภาพเป็นซากศพแห้งกรัง หัวสมองของพวกเขาว่างเปล่าไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
จูซือเจียและบรรดาสาวกไม่เลวร้ายนักเมื่อเทียบกับเถาวัลย์นับไม่ถ้วนจากปีศาจเฒ่า แม้พวกเขาจะบุกโจมตีอย่างไร้ความปรานี แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทําให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวนประหนึ่งวันสิ้นโลก ศิษย์สํานักหมอกเมฆาเปรียบเสมือนมือสังหารที่กวัดแกว่งกระบี่เข้าจ้วงแทงส่วนสําคัญของเหล่าทหารอย่างแม่นยํา
ศึกในครั้งนี้เริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว…
ในที่สุดทหารก็ถูกจับเป็นทั้งหมดราวสามร้อยนายเนื่องจากเยี่ยฉวนยื่นมือเข้ามาหยุดการสังหารหมู่ด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินคงฆ่าล้างผลาญพวกเขาไม่มีเหลือ
“คุณชาย โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”
“ท่านผู้ประเสริฐไว้ชีวิตพวกเราเถิด เรายังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่เฒ่าและลูกน้อย ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเรา…”
นายทหารตัวสั่นงันงกขณะพากันคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาจากเยี่ยฉวน
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่เทือกเขา ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนแห่งสํานักหมอกเมฆาเป็นปีศาจร้ายที่สามารถปลิดชีพผู้คนได้โดยไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ทว่าในสายตาของพวกเขาตอนนี้ เยี่ยฉวนคือผู้ใจบุญที่ช่วยให้รอดพ้นจากความตาย
“พวกเจ้าทั้งหมดเคยลั่นวาจาว่าจะทําลายล้างสํานักหมอกเมฆาให้ราบเป็นหน้ากลอง มิหนําซ้ํายังนํากองกําลังกว่าสองแสนนายเข้าคุกคามสํานักของข้า หากข้าเป็นคนธรรมดาคงไว้ชีวิตพวกเจ้าได้ แต่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่คงไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับการกระทํานี้เมื่อกลับไปยังสํานักได้ ฉะนั้น…” เยี่ยฉวนสั่นศีรษะราวกับกําลังตัดสินใจอย่างยากลําบากขณะมองดูเหล่าเชลยศึก เขาทําที่ว่าการสังหารเชลยทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาจําเป็นต้องทําในฐานะศิษย์พี่ใหญ่
“ท่านผู้ประเสริฐ ได้โปรดเถอะขอรับ ได้โปรดไว้ชีวิต…”
บรรดาทหารตะโกนวิงวอนดังขึ้น ไม่ว่าสายตาของเยี่ยฉวนจะจับจ้องไปที่ผู้ใด คนผู้นั้นจะหน้าซีดและกระวนกระวายขึ้นมาทันที
หากพวกเขาต้องถูกตัดศีรษะคงไม่เป็นไร แต่การตกไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินและกลายเป็นศพแห้งกรังในชั่วพริบตานั้นช่างเป็นชะตากรรมที่น่าสยดสยองเหลือเกิน!
“เอาเถอะ ในฐานะผู้ฝึกตน ข้าเองก็ไม่อยากให้มือของข้าเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้ ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าโดยมีเงื่อนไขอยู่สองข้อ
เยี่ยฉวนกวาดสายตามองเหล่าเชลยศึกก่อนเอ่ยคําเชื่องช้า “ประการแรก กลับไปบอกพี่น้องของพวกเจ้าในเมืองผิงหยวนว่าสํานักหมอกเมฆาปลีกตัวจากความวุ่นวายทางโลกแล้ว เราไม่มีเจตนาต่อต้านจักรวรรดิต้าฉันหรือคุกคามชีวิตที่สงบสุขของประชาชนชาวตาฉัน ทุกสิ่งล้วนเกิดจากความแค้นส่วนตัวที่แม่ทัพโลหิตกล้าหลีกวงฮานมีต่อข้าจึงยุยงให้เกิดสงครามขึ้น ประการที่สอง ช่วยนําของกํานัลไปถวายแด่องค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านและกราบทูลพระองค์ว่ามาจากเยี่ยฉวน เท่านี้พวกเจ้าทําได้หรือไม่?”
“ได้ขอรับ ไม่มีปัญหา!”
“ขอบคุณคุณชายผู้สูงศักดิ์ พวกเราจะส่งต่อความจริงนี้ไปยังพี่น้องของเราทันทีที่กลับถึงค่ายอย่างแน่นอน ชายชาตรีอย่างพวกเราพร้อมปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนและประเทศชาติ แต่จะไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดของผู้ใดเป็นอันขาด!”
เหล่าทหารตกปากรับคําด้วยความปีติยินดีโดยพร้อมเพรียงกัน เดิมที่พวกเขาคิดว่าเงื่อนไขของเยี่ยฉวนจะต้องยากเย็นแสนเข็ญ ทว่ากลับเป็นเพียงการส่งต่อคําพูดของเขาและถวายของกํานัลเท่านั้น จะง่ายดายเกินไปแล้ว!
“ดี แม่ทัพของพวกเจ้าต้องชอบของกํานัลชิ้นนี้เป็นแน่”
เยี่ยฉวนแสยะยิ้มชั่วร้ายพลางเรียกปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินมากระซิบสั่งการ วิญญาณเฒ่าหัวเราะลั่นก่อนเรียกศิษย์สํานักหมอกเมฆาให้เริ่มลงมือทันที ขั้นแรกพวกเขาใช้เถาวัลย์ที่เหนียวและทนทานมัดร่างเชลยศึกทั้งหมดและห้อยไว้บนคานหลังคาราวกับตากผ้า จากนั้นจึงดึงกางเกงของอีกฝ่ายลงและเขียนคําว่า “ซื้อเจีย ข้ารักเจ้า” ลงบนบั้นท้ายข้างซ้าย ส่วนข้างขวาวาดภาพกบท่าทางเกียจคร้านนอนราบไปกับพื้น
เยี่ยฉวนได้ส่งของกํานัลชิ้นแรกไปให้หลีก่วงซ่านผู้มาจากแดนไกลแล้ว บัดนี้ถึงเวลาส่งของกํานัลชิ้นที่สอง
แม้การต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วแต่ยังมีทหารบางพวกที่จุดไฟส่งสัญญาณได้ทัน กําลังเสริมของจักรวรรดิต้าฉันคงมาถึงในไม่ช้า และเป็นไปได้มากว่าองค์ชายรัชทายาทผู้หุนหันพลันแล่นจะตามมาด้วย เยี่ยฉวนแทบจินตนาการไม่ออกว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยามเห็นของกํานัลชิ้นนี้จะเป็นอย่างไร เขาจะเดือดดาลด้วยโทสะ อับอายเกินกว่าจะสู้หน้า หรือสติแตกเกินควบคุมกันนะ?
เยี่ยฉวนยิ้มเยาะยามทอดมองบั้นท้ายขาวกระจ่างของนายทหารทั้งหลาย
เขาจะสังหารทหารหลายร้อยนายหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสําคัญ เพราะการยั่วโมโหองค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านให้หมดความอดทนคือสิ่งที่สําคัญที่สุด ด้วยลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกรี้ยวกราดจนเสียการควบคุม! เมื่อองค์รัชทายาทไร้ซึ่งเหตุผลและสติแล้ว โอกาสเอาชนะของสํานักหมอกเมฆาย่อมมากขึ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านใจร้ายเกินไปแล้ว!”
จซื้อเจียเหลือบมองบั้นท้ายมากมายเพียงปราดเดียวด้วยทั้งอับอายระคนขบขัน นางกลอกตา ขณะกลั้นหัวเราะเอาไว้ มีเพียงเยี่ยฉวนเท่านั้นที่คิดของกํานัลเยาะเย้ยเช่นนี้ได้
“ศิษย์น้องหญิงเจียเจีย ไปหาที่ลับตาคนกันเถิด จะได้ถกเถียงว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ใจร้ายอย่างไรบ้าง” เยี่ยฉวนส่งยิ้มให้จซื้อเจีย หญิงสาวที่กระฉับกระเฉงอยู่เสมอกลับเขินอายขึ้นมาทันใด
“เชอะ! ใครจะไปกับเจ้ากัน?”
จซื้อเจียแสร้งทําเป็นโกรธ นางจ้องเยี่ยฉวนเขม็งก่อนหันหลังจากไปพร้อมศิษย์สํานักหมอกเมฆากลุ่มใหญ่ด้วยอับอายเกินกว่าจะมองบั้นท้ายแวววาวเรียงรายในป้อมปราการต่อไปได้อีก เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปากก่อนขี่หลังหลงเอ๋อร์น้อยตามหลังไป ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินจากไป เป็นรายสุดท้ายโดยไม่ลืมเปล่งเสียงหัวเราะข่มขวัญเหล่าเชลยอีกครั้ง