Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 309 กระบบินสะบั้นมังกร
บทที่ 309 กระบบินสะบั้นมังกร
“ศิษย์พี่ใหญ่ ช่วยข้าที่ ศะ-ศิษย์พี่ใหญ่…” เสียงของหนานเทียนโตวดังแว่วขึ้นอีกครั้ง
น้ําเสียงนั้นแผ่วค่อยและขาดห้วง เห็นได้ชัดว่าเขากําลังอ่อนแรงและร่อแร่เต็มทน
ทางเลือกที่ยากลําบากพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเยี่ยฉวน
ในที่สุดเขาก็ค้นพบเบาะแสของหนานเทียนโตวและได้รู้ว่าชายหนุ่มยังไม่ตาย ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดี หากแต่เขาจะช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ได้อย่างไร?
หากผลีผลามเข้าไปคงไม่อาจช่วยหนานเทียนโตวได้ มิหนําซ้ําตัวเขาเองอาจถูกมังกรปีศาจ ตนนี้กลืนกินเข้าไปอีกคน แต่การหันหลังหนีไปจากหนานเทียนโตวที่กําลังประสบหายนะร้ายแรง และปล่อยให้เขาตายตกในร่างของมังกรปีศาจเพิ่งเอ๋ก็ทําไม่ได้เช่นกัน
เยี่ยฉวนตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขามองดูสถานการณ์รอบตัวก่อนพุ่งไปข้างหน้าทันใด!
“โฮก!” มังกรปีศาจเพิ่งเอําคํารามกึกก้องก่อนพุ่งตรงมาพร้อมปากอ้ากว้าง
เยี่ยฉวนเปลี่ยนทิศทางด้วยความเร็วสูง เขาเลี้ยวซ้ายกะทันหันเพื่อหลบหลีกการโจมตีจากมังกรปีศาจ จากนั้นจึงเลี้ยวอีกครั้งเพื่อพุ่งเข้าใส่มันจากด้านข้างหมายจะขึ้นขี่หลัง
มังกรตนนี้ดุดันเกินกว่าจะเข้าหาจากด้านหน้า เขาแทบไม่สามารถแตะต้องมันได้แม้แต่ปลายนิ้ว เยี่ยฉวนจึงคิดใช้ทางอื่นเข้าประชิดตัวและปีนขึ้นไปบนหลังเพื่อหาวิธีช่วยชีวิตหนานเทียนโตว แม่มังกรปีศาจจะทรงพลังแต่แขนขาทั้งสี่ของมันถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ลงยันต์การถูกจองจําด้วยอาณาเขตโบราณเช่นนี้ทําให้ความแข็งแกร่งของมันลดลงอย่างมาก
เสียงคํารามสะเทือนแก้วหูดังขึ้นอีกครั้ง มังกรปีศาจหันมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนด้วยความเร็วเกินคาด เยี่ยฉวนที่พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงจึงตรงเข้าไปในปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม ประหนึ่งกระโดดเข้ารังของมันด้วยตนเอง อีกเพียงนิดเดียวเยี่ยฉวนจะได้ตามไปสมทบหนานเทียนโตวในท้องของมันแล้ว!
ทันใดนั้นแม้ยาวหลายเมตรพลันตวัดฟาดผ่านฟ้าพร้อมเสียงดังทะลุทะลวง!
เยี่ยฉวนหยุดกะทันหันและถอยร่นออกมาพร้อมสะบัดห่วงโซ่มังกรในมือ
“โฮก!” มังกรปีศาจส่งเสียงคํารามอีกครั้งขณะหลบแส์ยาวไปด้านข้าง ดูเหมือนว่ามันจะเกรงกลัวห่วงโซ่มังกรมิใช่น้อย
“อ่า… ดูเหมือนว่าสหายตัวโตของเราจะกลัวแสนสินะ!”
แววตาของเยี่ยฉวนลุกโชนขณะพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งพร้อมกวัดแกว่งห่วงโซ่มังกร เขาไม่ได้มีเจตนาสังหารมังกรปีศาจตนนี้เพียงแต่หวังจะขึ้นไปบนหลังของมันเพื่อหาทางช่วยหนานเทียนโตวให้ได้เท่านั้น แม้มังกรปีศาจจะไม่กล้าปะทะกับห่วงโซ่มังกรโดยตรงและมีควันลอยขึ้นจากร่าง กายทุกครั้งที่ถูกฟาด แต่การเคลื่อนไหวของมันยังคงคล่องแคล่วยิ่ง ไม่ว่าเยี่ยฉวนจะพยายามพุ่งเข้าไปจากทิศทางใดก็ไม่อาจเข้าประชิดตัวได้ นับประสาอะไรกับการกระโดดขึ้นขี่หลัง มังกรปีศาจรุกคืบมาข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยมพร้อมอ้าปากพ่นไฟบรรลัยกัลป์จนหวิดเผาไหม้เยี่ยฉวนเป็นเถ้าถ่านอยู่หลายครา
ผิวหนังของเขาเริ่มปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ชั้นการป้องกันที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้เริ่มถูกหมอกโลหิตกัดกร่อน เวลาของเขามีจํากัดและไม่อาจล่าช้ามากไปกว่านี้ ชายหนุ่มมองมังกรปีศาจเป็นครั้งสุดท้ายอย่างฝืนใจก่อนหันหลังหนีออกจากถ้ําใต้พิภพและเงยหน้าคํารามเรียกหลงเอ๋อร์น้อยที่กําลังต่อสู้กับอสรพิษยักษ์มาหา หนึ่งคนหนึ่งมังกรบินหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ กระทั่งหลุดพ้นจากม่านหมอกโลหิตหนาทึบอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ใหญ่”
“ดูนั่นสิ นั่นศิษย์พี่ใหญ่ของเรา!”
บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่มารวมตัวกัน ณ หุบเขามังกรปีศาจส่งเสียงโห่ร้องยินดี จซื้อเจีย ปีศาจเพลิง และคนอื่นๆตรงเข้ามาหาตามด้วยศิษย์สามัญชั้นนอกจํานวนมาก
หุบเขามังกรปีศาจเป็นสถานที่ต้องห้ามของสานักหมอกเมฆามาโดยตลอด นักโทษผู้ถูกตัดสินว่ากระทําผิดจะถูกเนรเทศมายังที่แห่งนี้ ไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตออกจากหุบเขามังกรปีศาจนับตั้งแต่อดีตกาล เมื่อพวกเขาได้ยินว่าศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนกระโดดลงไปในหุบเขาจึงเร่งรุดมาถึงด้วยความกังวล หากแต่ไม่รู้ว่าควรทําเช่นไรนอกจากเฝ้ารออย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นเยี่ยฉวนกลับออกมาจึงอดไม่ได้ที่จะเฮลั่นด้วยความเปรมปรีดิ์
“คนโง่ เจ้าไม่กลัวตายเลยหรืออย่างไร? กระโดดลงไปในหุบเขามังกรปีศาจเช่นนี้” จซื้อเจียต้อนรับเขาด้วยความเกรี้ยวกราดทว่านัยน์ตาสวยกลับแดงก๋า
หากเมื่อครูปีศาจเพลิงและผู้อื่นไม่รั้งนางไว้ นางคงเสี่ยงชีวิตกระโดดลงไปตามหาเยี่ยฉวนด้วยตนเองแล้ว…
“เจียเจีย ให้ศิษย์ทั้งหมดกลับไปก่อน”
เยี่ยฉวนไม่มีเวลามาเกี้ยวพาราสีจซื้อเจียตอนนี้ เขารีบสั่งการด้วยท่าที่เคร่งเครียดและไม่สบายใจ แม้จะหนีออกมาจากหุบเขามังกรปีศาจได้อย่างปลอดภัยแต่หนานเทียนโตวยังคงอยู่ในท้องของมังกรปีศาจ อีกทั้งอาณาเขตโบราณเบื้องล่างอาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อจากนั้นมังกรปีศาจจะหลุดออกมาและก่อหายนะรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนแก่สํานักหมอกเมฆา ซึ่งน่าสะพรึงกว่าการโจมตีจากจักรวรรดิต้าฉันหรือสํานักอสูรเมฆาเสียอีก
“ตกลง
จซื้อเจียพยักหน้า ยังมีคําถามนับพันที่นางใคร่จะเอ่ยถามอีกฝ่าย แต่สีหน้าของเยี่ยฉวนบ่งบอกว่ามีเรื่องอื่นที่สําคัญกว่า นางจึงหันไปจัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อยทันที ไม่นานศิษย์ทั้งหมดก็กลับไปโดยพร้อมเพรียงกัน ทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมโดยไม่ล่วงรู้ถึงสถานการณ์คับขันในก้นบึงหุบเหวมังกรปีศาจแม้แต่น้อย
“พ่อหนุ่ม มานี่สิ ข้าอยู่ทางนี้” เสียงแหบชราดังขึ้นข้างหูเยี่ยฉวน
เยี่ยฉวนรีบเร่งไปยังที่ไกลออกไปจนพบอาวุโสลําดับเจ็ดในชุดคลุมสีฟ้านั่งขัดสมาธิบนก้อนหินใหญ่ ชายชราแลดูไม่ชอบความวุ่นวายจึงปลีกวิเวกจากบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆา “เป็นอย่างไรบ้างพ่อหนุ่ม เจ้าพบอาณาเขตโบราณที่กันหุบเขามังกรปีศาจหรือไม่?”
“ข้าพบแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก” เยี่ยฉวนรีบตรงเข้าประเด็นและบอกเล่าทุกสิ่งที่เขาพบเจอรวมถึงเรื่องหนานเทียนโตว เขาอยากรู้ว่าอาวุโสล่าดับเจ็ดพอจะมีหนทางช่วยอีกฝ่ายหรือไม่
หากเยี่ยฉวนมีความแข็งแกร่งเฉกเช่นในภพชาติก่อนคงมีสารพัดวิธีที่จะช่วยหนานเทียนโตวได้ แต่บัดนี้ด้วยขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับหนึ่งเขากลับไร้ซึ่งหนทางอย่างแท้จริง เขาไม่สามารถเอาชนะมังกรปีศาจหรือแม้แต่จะเข้าใกล้มัน ซ้ําร้ายจซื้อเจีย ปีศาจเพลิง และคนอื่นๆ ก็ไม่อาจช่วยได้ ความหวังสุดท้ายของเขาจึงอยู่ที่อาวุโสลําดับเจ็ดผู้มีขั้นการฝึกตนลึกลับเกินหยั่งถึง
“สัตว์ร้ายนั่น… ผ่านไปแล้วหลายปีก็ยังไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ”
โทสะและจิตสังหารรุนแรงพลันปะทุออกจากอาวุโสลําดับเจ็ดแต่แล้วก็มลายหายไปในวินาที ถัดมา เขาถอนหายใจยาวด้วยความหดหูจนแลดูแก่ลงนับสิบปีในชั่วพริบตา ท่าทางของชายชรา ราวกับกําลังนึกถึงเรื่องที่ทําให้หัวใจสลาย
“อาวุโสล่าดับเจ็ด เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือ? ศิษย์น้องเทียนโตวของข้า…” เยี่ยฉวนสับสนและ กระวนกระวายด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดอารมณ์ของชายชราจึงแปรเปลี่ยนกะทันหันเช่นนี้
อาวุโสลําดับเจ็ดนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ก่อนอ้าปากคายกระบี่บินสีแดงเลือดออกมา มันยาวเพียงสามนิ้วและบางเฉียบยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ ชายชราเป่าพลังชีวิตลงไปเกิดเป็นอักขระโบราณปรากฎบนตัวดาบ เขามองดูอักขระที่ทอประกายระยิบระยับและทอดถอนใจอีกครั้งก่อนกล่าวออกแผ่;เบา “พ่อหนุ่ม นี่คือกระบบินสะบั้นมังกรที่ติดตัวข้ามาหลายล้านปีและค่อยๆ เพิ่มพูนจิตวิญญาณขึ้นทุกวัน จงใช้มันสังหารมังกรปีศาจนั่นเสีย”
เขาใส่เคล็ดวิชาของตนลงในกระบี่บินและมอบมันให้เยี่ยฉวนก่อนจะเหาะจากไป ทิ้งไว้เพียงเสียงทอดถอนใจแผ่วเบา…