Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 300 เป็นเจ้านั่นเอง!
บทที่ 300 เป็นเจ้านั่นเอง!
“อี้เหยียนจื่อ นากู้ซื้อ เจ้าสองคนไปจับตัวตาเฒ่านั่นเสีย! จับมันมาทั้งเป็น!”
ทันทีที่เยี่ยฉวนออกคําสั่งปีศาจเพลิงและปีศาจเขานากู้ซื้อจึงเร่งรุดไปด้านหน้าเพื่อผนึกกําลัง กันจับตัวโท่วป่าเซียงที่กําลังโกรธจัดทันที!
คนหนึ่งบรรลการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่ห้า ส่วนอีกคนบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่สี่ ครั้นพวกเขารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวและเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง โท่วป่าเซียงผู้แผ่จิตสังหารแรงกล้าจึงไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีอันเหี้ยมโหดจากฝ่ายตรงข้ามได้แม้พยายามเพียงใด
เขาหันไปอีกทางและพบชายชราสวมหน้ากากลอบหาทางหลบหนี…จึงเลือกจุดอ่อนแอที่สุด ในแนวปราการป้องกันของสํานักหมอกเมฆาเพื่อฝ่าออกไปและละทิ้งสาวกของตนอย่างไม่แยแส
“ตาเฒ่า เหตุใดท่านจึงรีบร้อนนัก?!”
เยี่ยฉวนซึ่งตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าปรากฏกายขึ้นจากหลังพุ่มไม้ทึบด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะเรียกใช้เคล็ดวิชาไร้เทียมทานเพื่อขัดขวางการกระทําของชายชราผู้นี้ “วันนี้สภาพอากาศไม่เลวเลย รั้งรอแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับฝนฟ้าอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป…”
ชายชราสวมหน้ากากนิ่งเงียบพลางหมุนกายหนี ทว่าเงาซึ่งเคลื่อนที่เร็วราวลมกรดกลับโฉบ ผ่านกระทั่งเยียฉวนดักขวางอยู่ด้านหน้า
“หากเจ้าไม่ใคร่พูดคุยเรื่องฝนฟ้าอากาศก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนหัวข้อสนทนากันดีกว่า ตาเฒ่า เรากล่าวถึงเรื่องการต่อสู้เมื่อครู่นี้ดีหรือไม่? เจ้าทํานายว่าโท่วป่าเซียงจะสามารถเอาชนะได้ภายในสามกระบวนท่ามิใช่หรือ?” เยี่ยฉวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขณะจ้องมองอีกฝ่าย เมื่อหันกลับไปมองอีกด้านจึงพบว่าโท่วป่าเซียงยิ่งสูญเสียพลังมากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มนั้นยิ่งเจิดจรัสสุกใส ทว่าชายชราที่เห็นกลับรู้สึกหวาดผวาจนตัวสัน
สถานการณ์กลับคืนสู่จุดเดิมแล้ว…สํานักหมอกเมฆาสามารถรวบรวมอํานาจของแนวเทือกเขากว้างใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งยังก้าวขึ้นเป็นประมุขสูงสุดเหนืออีกสองสํานักได้สําเร็จ
ชายชราสลัดความคิดที่จะยึดครองอํานาจเบ็ดเสร็จของเทือกเขาหมอกเมฆาทิ้งจนหมดสิ้น เวลานี้เขาเพียงต้องการมีชีวิตรอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด
ชายชราผู้สวมหน้ากากปาดหยดเหงื่อเย็นเฉียบออกจากหน้าผากของตนก่อนหันไปอีกทางหมายหลบหนี ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเช่นทุกครั้ง เขาเพียงวิ่งออกไปสองสามก้าวเยี่ยฉวนกลับปรากฏกายขวางทางเอาไว้
“ไอ้จิ้งจอกเฒ่า! ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการพูดคุยเรื่องอากาศและไม่คิดสนทนาเรื่องการต่อสู้ก็ช่างเถิด แต่นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว ข้าต้องการทราบตัวตนที่แท้จริงของเจ้า จงบอกเล่าทุกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้สิ้นความ! การที่เข้ารับตําแหน่งเป็นทูตแห่งโลกันตร์คอยชักใยเรื่องทั้งหมดมีจุดประสงค์เป็นอย่างไรแน่? หากคําตอบเป็นที่พึงใจข้าจะสังหารเจ้าให้ตายตกไปเสีย หากไม่…ข้าจะลงทัณฑ์ให้เจ้าทุกข์ทรมานอย่างสาสม!”
เยี่ยฉวนมองชายชราสวมหน้ากากผู้จนตรอกด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นอสรพิษครึ่งคนสิบสองตัวจึงเลื้อยออกมาจากป่ารกชัฏพร้อมเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้ง พวกมันชูคอขึ้นล้อมรอบศัตรูและแผ่จิตสังหารโหดเหี้ยม!
“ทูตแห่งโลกันตร์อะไร?! ข้าไม่เห็นเข้าใจ! คุณชายเยี่ย…ท่านจําผิดคนแล้ว!” สายตาของชายชราเปล่งประกายวาววับ ขณะกวาดมองบริเวณโดยรอบเพื่อค้นหาหนทางที่จะหลุดพ้นจากวงล้อม
“เช่นนั้นเจ้าคงเลือกความตายสินะ! หมดโอกาสแล้วล่ะ! หลัวเต่อ…”
สิ้นคําสั่งของเยี่ยฉวนเถาวัลย์หลายเส้นจึงโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวดินก่อนก่อตัวเป็นร่างมนุษย์วัยกลางคนหน้าตาอัปลักษณ์ มันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอย่างน่าสยดสยองขณะกล่าวออก “คุณชาย…ท่านเรียกใช้ข้ากระนั้นหรือ?!”
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยกล่าวว่ามีพลังบางอย่างที่สามารถแปรเปลี่ยนซากศพแห้งกรังซึ่งถูกดูดกลืนโลหิตและปราณหยางจนหมดให้กลายเป็นหุ่นเชิดเพื่อสิ่งสู่…เจ้าทําเช่นนั้นได้จริงหรือ?” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม
“แน่นอน ข้าทําได้! นั่นไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเลยสักนิด ข้าสามารถเปลี่ยนศพให้กลายเป็นมัมมี่มีชีวิต ยิ่งบุคคลเช่นชายผู้นี้มีปราณหยางมหาศาลยิ่งง่ายต่อการทําเช่นนั้น ตราบใดที่คุณชายออกคําสั่งข้ายินดีฝังกลบมันไว้ใต้ผืนดินกระทั่งกลายเป็นมนุษย์ครึ่งปีศาจ ร่างกายท่อนบนยังคงเดิมทุกประการ ทว่าท่อนล่างจะกลายเป็นเถาวัลย์รกรุงรัง ฮิๆๆ!”
ปีศาจหลัวเต่อระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอีกครั้ง หลังดูดกลืนโลหิตแก่นแท้และปราณหยางของบรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลจํานวนหลายศพ นอกจากขั้นการฝึกตนของมันจะเกิดความก้าวหน้าแล้ว รูปลักษณ์ยังแปรเปลี่ยนจนผิดไปจากเดิมมากนัก ตอนนี้มันดูอ่อนเยาว์กว่าครั้งแรกที่พบพาน ร่างกายที่เคยซูบผอมกลับอวบอิ่มขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากําลังจะกลับคืนสู่ร่างที่สมบูรณ์อีกครั้ง นิมิตหมายอันดีนี้ทําให้วิญญาณร้ายรู้สึกเปรมปรีดิ์อย่างมหาศาล!
ครั้งแรกที่มันตัดสินใจยอมสวามิภักดิ์ต่อเยี่ยฉวนจิตใจยังเกิดความลังเลอยู่บ้าง ทว่าเมื่อดําเนินมาจนถึงตอนนี้…ต่อให้เยี่ยฉวนปลดปล่อยเป็นอิสระมันก็ไม่คิดจะจากไป
ตลอดระยะเวลาสองสามวันที่มันรับใช้เยี่ยฉวนขั้นการฝึกตนมีการพัฒนาขึ้นมากอย่างก้าวกระโดด เป้าหมายต่อไปของมันคือการกําราบวิญญาณชั่วร้ายที่อาศัยอยู่ภายในถ้ําพุทธดรรชนี้ให้จงได้
ทั้งชีวิตมันเอาแต่หลบหนีให้ห่างไกลจากถ้ําพุทธดรรชนี เมื่ออยู่ด้านนอกมันสามารถแสดงทักษะพิเศษที่มีมาแต่กําเนิดให้เป็นที่ประจักษ์อย่างเต็มที่ ทว่าสมัยที่มันอาศัยอยู่ภายในถ้ํากลับมีสถานะเป็นเพียงอสูรน้อยที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง หากวันนั้นมันตัดสินใจผิดพลาดอาจตายตกไปแล้วก็เป็นได้ แต่เวลานี้การหลบหนีไม่ใช่หนทางที่พึงประสงค์สําหรับมันอีกต่อไป มันต้องการหวนคืนสู่ถิ่นกําเนิดเดิมอีกครั้งและบดขยี้วิญญาณชั่วร้ายที่มีพลังสูงส่งเสียให้สิ้นซาก!
ครั้นโยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะและทําการฝึกตนอย่างสันโดษอย่างต่อเนื่อง มันกลับไม่พบความหวังแม้เพียงรําไรที่ตนจะบรรลุความตั้งใจอันแรงกล้าเช่นนั้น ทําได้เพียงดูดกลืนเหล่าสัตว์อสุรกายนานาพันธุ์เพื่อดับกระหายไปวันๆ ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เยี่ยฉวนปรากฏตัวขึ้นความคิดคํานึงที่จะกลับไปสู่ถ้ําพุทธดรรชนีจะใกล้เป็นความจริงเต็มที่!
ดวงตาของชายชราที่ลอดผ่านหน้ากากออกมาเพียงเสี้ยวฉายแววขยาดกลัวอย่างชัดเจน
คําสนทนาโต้ตอบระหว่างปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินและเยี่ยฉวนชวนให้ผู้ฟังรู้สึกขนพองสยองเกล้า หากถูกดูดกลืนเลือดเนื้อจนร่างกายแปรสภาพเป็นศพแห้งกรังโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใดอีกต่อไป อาจเป็นหนทางที่ทรมานน้อยกว่า แต่หากถูกปีศาจร้ายใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเปลี่ยนแปลงให้ตนกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเถาวัลย์ชายชราต้องกลายเป็นคนสติวิปลาสเป็นแน่!
“ตาเฒ่า ไตร่ตรองหนทางที่ข้าเสนอแต่โดยดีเสียเถิด หากมีสิ่งใดต้องการกล่าวจงเอื้อนเอ่ยออกมาเดี๋ยวนี้! ข้าต้องเร่งกลับสํานักหมอกเมฆาเพื่อรดน้ําพรวนดินพืชสมุนไพร ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบวินาที หากยังไม่พูดสิ่งใดออกมาก็ลงไปนอนอยู่ใต้ผืนดินเสียเถอะ! สิบ…เก้า…แปด…”
เยี่ยฉวนจ้องมองไปยังชายชราผู้สวมหน้ากากอย่างไม่แยแสพลางนับเลขถอยหลัง ท่าทางของเขาประหนึ่งเด็กหนุ่มเจ้าสําราญผู้ไม่คิดจริงจังกับสรรพสิ่งบนโลก ทว่าสิ่งที่เขากล่าวเป็นจริง อยู่หนึ่งเรื่องคือความรู้เกี่ยวกับการรดน้ําดูแลต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ หากอ้างอิงจากการคํานวณแล้ว…ต้นพืชชนิดนั้นคงเจริญเติบโตจากครั้งก่อนมากมายนัก!
หัวใจของชายชรากระเด้งกระดอนขึ้นลงอยู่ในอกเมื่อรับรู้ว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอัปยศมากที่สุดในช่วงชีวิตที่ผันผ่าน เดิมทีเขาเพียงต้องการเจรจากับเยี่ยฉวนโดยหวังว่าจะพอมีทางรอดออกไปจากวงล้อมนี้ ทว่าทุกอย่างกลับพลิกผันเมื่อตระหนักว่าเยี่ยฉวนไม่เสนอโอกาสในการต่อรองใดๆอีก
บนหน้าผากของชายชราปรากฏหยดเหงื่อซึ่งผุดออกจนชุ่มโชก แม้เขาจะมีทักษะการวางกลยุทธ์อันชั่วร้ายและแยบยลมากมาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยฉวนแล้วกลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เขาไม่เหลือเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก…
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าจะต่อสู้กับเจ้าให้ตายตกกันไปข้าง!”
ชายชราสวมหน้ากากหมุนแหวนแห่งโลกันตร์ที่สวมใส่อยู่บนนิ้วขณะหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ทันใดนั้นหมอกพิษสีดําจํานวนมหาศาลพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและก่อตัวกลายเป็นปีศาจร้ายหลายตน ชายชราฉวยโอกาสช่วงที่พวกมันพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนเพื่อเปลี่ยนทิศทางหลบหนีอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายที่มีผลต่อความเป็นตายเขาก็ยังคิดใช้กลอุบายแบบเดิมๆ เพื่อฝ่าวงล้อมนี้
ขณะนั้นเอง…เถาวัลย์จํานวนนับไม่ถ้วนพลันผุดขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อดูดกลืนปีศาจร้ายเหล่านั้นจนหมดสิ้น!
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเปิดฉากโจมตีศัตรูอย่างไม่รอช้า อสรพิษครึ่งคนทั้งสิบสองตนเลื้อยพุ่งไปด้านหน้าปิดล้อมชายชราที่กําลังจะหลบหนี พร้อมทําการจู่โจมอย่างรุนแรง ภายในเวลาไม่นานเขาจึงถูกท่อนหางซึ่งเป็นเกล็ดหนาทุบตีไม่ยั้งจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ และโลหิตแดงฉานที่เปรอะจนทั่ว เคล็ดวิชาโจมตีอันทรงพลังถูกกําราบโดยปีศาจเฒ่าจนไม่อาจ ผงาดขึ้น รอบกายรายล้อมไปด้วยอสรพิษดุร้ายหนึ่งฝูง อีกฟากฝั่งหนึ่งปรากฏร่างของเยี่ยฉวน หลงเอ๋อร์ ภูตทะเลไหลลี่และยอดฝีมือคนอื่นๆที่จับจ้องมาด้วยสายตาแข็งกระด้างราวพยัคฆ์ร้าย รอตะปบเหยื่อ ต่อให้มีปีกวิเศษคู่หนึ่งร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์คงเป็นการยากที่จะเอาชีวิตรอดใน สภาวะเช่นนี้ ไม่นานชายชราจึงสิ้นเรี่ยวแรงล้มลงกองกับพื้นพร้อมหยดเลือดอีกกองหนึ่ง เยี่ยฉวนก้าวเข้ามาใกล้ก่อนเอื้อมมือไปดึงหน้ากากของอีกฝ่ายออก ทันใดนั้นบุคคลที่คุ้นเคยจึงปรากฏอยู่ตรงหน้า
ใบหน้านั้นซูบผอมเป็นโครงรูปสามเหลี่ยม บริเวณอกซ้ายมีรอยสักด้วยน้ําหมึกสีดําอยู่บนผิวหนัง เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากพ่อค้าสมบัติวิเศษในตลาดมืดที่เยี่ยฉวนเคยพานพบสองถึงสามครั้ง…เฒ่าโหวจอมลวงโลก!
* เฒ่าโหวจอมลวงโลกปรากฏตัวในเนื้อเรื่องเป็นครั้งแรกในตอนที่ 40
“หืม…เป็นเจ้าเองหรอกหรือ?!”
การปรากฏตัวของเฒ่าโหวเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของเยี่ยฉวนยิ่ง! ตอนที่เยี่ยฉวนเห็นอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกเขาสันนิษฐานว่าตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นคนนอกรีต ไม่สุงสิงกับผู้คนและไม่แยแส สรรพสิ่งรอบข้าง ทว่าตัวตนอื่นของอีกฝ่ายที่ปรากฏทําให้เขาประหลาดใจไม่น้อย เฒ่าโหวเป็นศิษย์ชั้นนอกของสํานักเบญจลักษณ์ซึ่งปกปิดฐานะแท้จริงและนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ในตลาดมืด ไม่แปลกใจเลยที่ชายชราจะปรากฏตัวขึ้นและเร้นกายหายไปอย่างลึกลับราวภูตผี
“ฮ่าๆๆ! ไอ้สารเลว! ต่อให้เจ้าสังหารข้าแล้วอย่างไร? เจ้าไม่มีวันได้รับสิ่งที่ต้องการเสียหรอก! ท่านจอมมารแห่งโลกันตร์จะต้องตามชําระแค้นแทนข้า! ฮ่าๆๆ!”
เฒ่าโหวจอมลวงโลกแค่นเสียงคํารามกลั้วหัวเราะ ทันทีที่เสียงนั้นหยุดลงศีรษะของเขาจึงเอียงไปด้านหนึ่งพร้อมโลหิตสีดําสนิทที่ไหลรินลงจากมุมปาก ชายชราล้มลงร่างกระแทกพื้น พร้อมกับลมหายใจสุดท้ายที่ปลิดปลิว เพราะไม่อาจฝ่าวงล้อมอันแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนออกไปได้ เขาจึงเลือกจบชีวิตตนเองโดยใช้วิธีการเดียวกับสาวกผู้ติดตามทั้งหลาย ต่อให้ตัวตายก็ไม่อาจแพร่งพรายความลับของบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง…