Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 294 ปีศาจเถาวัลย์ก่อความหายนะ
บทที่ 294 ปีศาจเถาวัลย์ก่อความหายนะ
เถาวัลย์เส้นยาวเกี่ยวกระหวัดแกว่งไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกระแสลมโกรกที่โหมกระหน่ํา พวกมันผุดขึ้นจากพื้นดินสู่ผนังตําหนักขึ้นไปจนถึงเพดาน แม้แต่รูระบายน้ําและโถส้วมก็ไม่มีข้อยกเว้น
บรรดาทหารอารักขาค่อยๆ จมหายลงสู่พื้นดินท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายามราตรี
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินผู้มาจากเทือกเขาประหลาดห่างไกลใช้ความสามารถแต่กําเนิด เพื่อสร้างพลังทําลายล้างอันรุนแรง มันดูดกลืนโลหิตแก่นแท้รวมถึงปราณหยางในร่างเหล่าผู้พิทักษ์ทุกคนกระทั่งขั้นการฝึกตนเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ยิ่งสังหารผู้คนไปมากเพียงใดพลังยิ่งแกร่งกล้าเทียบเท่าจอมมาร มันระเบิดเสียงหัวเราะน่าสยดสยองเมื่อสังหารศัตรูจนครบเก้าสิบเก้าราย ทันใดนั้นพลังรุนแรงพลันปะทุออกมาจากร่างปีศาจเฒ่าหลัวเต่อบรรลุสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋า ยามนี้มันมีวรยุทธ์เหนือกว่าปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งนากซื้อเสียอีก! เถาวัลย์พันกรกลายเป็นบริวารผู้ทรงพลังที่สุดของเยี่ยฉวน!
เมื่อสํานักเครื่องนิลไร่โท่วป่าเซียง ภายในจึงหลงเหลือเพียงคนชรา ศิษย์ผู้อ่อนแอและบุคคลทุพพลภาพเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เมื่อปะทะกับพลังทําลายล้างอันทรงพลังมหาศาลพวกเขาจึงไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป
“ข้าศึกบุกโจมตี! จอมมารโจมตีพวกเราแล้ว! หนีเร็ว!”
“อ๊าก…เถาวัลย์พันรอบกายข้า! วิญญาณชั่วร้ายเต็มไปหมด! ผู้ใดก็ได้ช่วยข้าที!”
ปีศาจหลัวเต่อยังคงระเบิดเสียงหัวเราะน่าสะพรึงอย่างต่อเนื่องทั้งยังโจมตีโดยไร้ซึ่งความปรานี ผู้พิทักษ์ที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดวิ่งหนีการโจมตีของมันอย่างตื่นตระหนก ทว่าพวกเขาต้านทานไว้ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ไม่นานทุกคนจึงทรุดตัวลงกองกับพื้นจนถูกเถาวัลย์มรณะ กลืนกินโดยสมบูรณ์
“ฮิๆๆ จะวิ่งหนีไปไหนกัน? หยุดให้ข้ากลืนกินเสียดีๆ ฮิๆๆ”
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้งขณะเถาวัลย์คดเคี้ยวงอกออกมาจากพื้นพิภพเป็นจํานวนมหาศาล สํานักเครื่องนิลซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ถูกรายล้อมด้วยเถาวัลย์เขียวครึม บางแห่งมีเถาวัลย์พันเกี่ยวขึ้นสูงประหนึ่งผืนป่ารกชัฏจนบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ ห้องโถงอันโอ่อ่าวิจิตรถูกไม่เลื่อยนานาพันธุ์แผ่ขยายจนทั่วบริเวณ ท้องฟ้าเหนือสํานักมืดทึบจนมองไม่เห็นดวงดาวพราวระยับอีกต่อไป ยิ่งนานเถาวัลย์น่าสะพรึงกลัวยิ่งแลดูคล้ายคลื่นในท้องมหาสมุทรที่ม้วนตัวขึ้นสูง!
ไม้เลื้อยเหล่านี้ทําลายทุกสรรพสิ่งที่ขวางหน้า ทหารอารักขาหลายนายถูกมันเกี่ยวรัดจนสะดุดล้มและโดนกลืนกินจนร่างกายแปรเปลี่ยนสภาพเป็นศพแห้งกรั้งทันที ก้อนผลึกจํานวนมากซึ่งถูกฝังอยู่ใต้พิภพพลิกขึ้นมาจนเป็นที่ประจักษ์อย่างน่าอัศจรรย์ อาวุธสังหารล้ําค่าในมือพวกเขา รวมถึงยาเม็ดที่ซุกซ่อนอยู่ในอกเสื้อถูกกระแสลมกรรโชกโหมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ครั้นสํานักสูญเสียก่อนผลึกซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสําคัญทําให้ค่ายกลและปราการป้องกันขนาดใหญ่เริ่มคลายความแข็งแกร่ง เวลานี้ทั้งสํานักเครื่องนิลเปรียบเสมือนค่ายทหารที่ไร้ความปลอดภัย
สํานักเครื่องนิลที่เคยเรืองอํานาจแปรสภาพเป็นเมืองร้างไร้ความเจริญภายในพริบตา!
จซื้อเจียนศิษย์ชั้นเลิศซึ่งมีวรยุทธ์สูงส่งจํานวนมากเคลื่อนเกวียนเข้ามา ตอนนี้สํานักเครื่องนิลอยู่ในสภาพพ่ายแพ้ราบคาบ ผู้คนที่เหลือรอดชีวิตล้วนไร่กําลังต้านทาน ทว่าบรรดาศิษย์สํานัก หมอกเมฆากลับเปี่ยมไปด้วยพละกําลังฮึกเหิม จซื้อเจียสั่งการให้พวกเขาฆ่าศัตรูที่ต่อต้านโดยละเว้นชีวิตของผู้บริสุทธิ์ซึ่งแตกต่างจากปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่ไร้สามัญสํานึกเยี่ยงมนุษย์ และสังหารคนไม่เลือกหน้า จนกระทั่งเยี่ยฉวนต้องเข้าไปหยุดยั้งความบ้าคลั่งของมัน
“ศิษย์พี่ใหญ่ สาวกสานักเครื่องนิลรวมสามพันห้าร้อยยี่สิบเจ็ดคนถูกควบคุมตัวไว้แล้ว พวกเรากระจายกําลังสํารวจโดยรอบจึงพบก้อนผลึกกว่าหนึ่งพันสองร้อยเกวียน อาวุธและชุดเกราะโลหะจํานวนมหาศาล ทั้งยังมีตําราเคล็ดวิชาและยาเม็ดทุกประเภทจํานวนนับไม่ถ้วน!” จ้าวต้าจ่อเดินเข้ามารายงานผลการสํารวจทั้งหมดให้กับเยี่ยฉวนด้วยน้ําเสียงกระตือรือร้น การพลิกแผ่นดินหาสมบัติจํานวนมากเป็นงานที่เขาเชี่ยวชาญยิ่ง!
“ส่งค่าสั่งไปให้จซื้อเจีย เคลื่อนทัพไปยังสํานักเบญจลักษณ์โดยเร็วที่สุดและกําจัดโท่วป่าเซียง…กวาดล้างคนของสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ทั้งหมดให้สิ้นซาก! ส่วนคนอื่นที่ไม่มีหน้าที่เดินทางกลับไปเฝ้ายามอยู่ที่สํานักหมอกเมฆาภายในคืนนี้!” เยี่ยฉวนออกคําสั่งเสียงทุ่มต่ำ พลางกวาดสายตาสํารวจสํานักเครื่องนิลที่ล่มสลายลงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดภารกิจเขาไม่ได้ลงมือทําลายมันด้วยตนเองแต่อย่างใด แต่กลับยืนเอามือไพล่หลังจ้องมองความย่อยยับของสํานักเครื่องนิลโดยรักษาท่าที่นิ่งสงบ การบุกเข้าจู่โจมครั้งนี้ราบรื่นกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากนัก
“ศิษย์พี่ใหญ่ เช่นนี้ผู้ใดจะคอยเฝ้าเวรยามอยู่ที่นี่เล่า?” จ้าวต้าจ่อเอ่ยถาม
“จุดไฟเผาให้มอดเป็นจุณซะ!” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเย็นเยือก
จาวตาจอตื่นตระหนกต่อคําสั่งของอีกฝ่ายยิ่ง! ถึงกระนั้นเขาก็โค้งคํานับรับคําสั่งก่อนหมุนกายเดินจากไป ศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนของเขาช่างโหดเหี้ยมหาใดเปรียบ หากโท่วป่าเซียงกลับมาจากสนามรบและเห็นสํานักเครื่องนิลวอดวายไม่เหลือซากคงโกรธเกรี้ยวและสาปแช่งไปชั่วกาลนานเป็นแน่!
พริบตาเดียวเปลวเพลิงสูงเสียดฟ้าจึงโหมกระหน่ําแผดเผาทุกสรรพสิ่งในสํานักเครื่องนิลและค่อยๆลามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ยิ่งกระจายเป็นวงกว้างเพียงใดแสงเจิดจรัสจากไฟก็ยิ่งสว่างไปทั่วหล้า ไม่นานทั้งสํานักจึงแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงประหนึ่งไฟบรรลัยกัลป์!
จซื้อเจียเร่งฝีเท้าจากไปพร้อมนําศิษย์ชั้นเลิศจํานวนมากเคลื่อนพลไปยังจุดหมายต่อไปอย่างรวดเร็ว! ส่วนเยี่ยฉวนเร้นกายจากฝูงชนขึ้นขี่หลังมังกรน้อยหลงเอ๋อร์ทะยานล่วงหน้าสู่สํานักเบญจลักษณ์ไปหนึ่งก้าว บริเวณใกล้เคียงพื้นที่สํานักเครื่องนิลเหลือเพียงไส้ศึกไม่กี่คนที่ซุ่มดูความหายนะที่เกิดขึ้นอยู่ในมุมมืด
สถานการณ์ที่เยี่ยฉวนคาดการณ์ไม่ผิดไปจากความจริงแต่อย่างใด บรรดาศิษย์ทั้งสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์พุ่งเข้าโรมรันกันอย่างดุเดือดอยู่บริเวณหน้าทางเข้าของสํานักเครื่องนิลจริง!
สํานักเครื่องนิลฉวยโอกาสลงมือที่เผลอภายใต้การนําทัพของโท่วป่าเซียง! แม้เหล่ายอดฝีมือของสํานักเบญจลักษณ์ไม่ทันตั้งรับ ทว่าภูมิประเทศในการรบกลับเอื้ออํานวยมากกว่าด้วย ขอบเขตป้องกันอันเหนียวแน่นซึ่งยังไม่พลังทลายลงจึงทําให้แต่ละคนร่วมกันปกป้องสุดความสามารถ โลหิตภายในร่างของคนทั้งสองฝ่ายไหลเวียนด้วยพลังสูงส่งราวกระแสน้ําความสูญเสีย ใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นในอาณาจักรสวรรค์แห่งมังกรปีศาจทําให้สํานักทั้งสองดําเนินสู่กลียุคอัน ตกต่ําซึ่งแก้ไขสิ่งใดไม่ได้นอกจากฆ่าฟันกันเอง
โท่วป่าเซียงยืนหยัดอยู่ใกล้เชิงเขาพร้อมหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่น้ําหนักหลายพันจินซึ่งวางอยู่บนไหล่ สายตาแข็งกระด้างกวาดมองสนามรบนองเลือดเบื้องล่างด้วยใบหน้าคล้ําเข้มอย่างเครียดเคร่ง คิ้วทั้งสองข้างขมวดมุ่นเข้าหากัน
การต่อสู้ที่เขาคาดการณ์ไว้ในตอนแรกว่าจะคลี่คลายกระทั่งรู้ผลแพ้ชนะได้ภายในหนึ่งหรือสองชั่วยามกลับกลายเป็นการปะทะและต้านทานกันไปมาเท่านั้น นี่เป็นภาพที่เขาไม่ต้องการเห็นเลยแม้แต่น้อย!
สิ่งที่เขาต้องการเห็นคือภาพสํานักเบญจลักษณ์ที่สูญสิ้นอํานาจเบ็ดเสร็จโดยยังมีทรัพยากรคงอยู่ครบถ้วน เขาต้องการผนวกสองสํานักให้เป็นหนึ่งทดแทนส่วนที่ขาดหายไปในอาณาจักรสวรรค์ ทว่าสถานการณ์ที่ดําเนินไปเช่นนี้ แม้สํานักเบญจลักษณ์พ่ายแพ้แต่คงเหลือเพียงเศษซากอารยธรรมให้เขาปกครองเท่านั้น ความหอมหวานของสมบัติล้ําค่านานาประเภทช่างอยู่ห่างไกลเกินเอื้อม หากเหล่าศิษย์ยอดฝีมือตายตกด้วยน้ํามือศัตรูไปมากกว่าที่เป็นอยู่อาจทําให้ไม่สามารถต้านทานความเรื่องอานาจของสํานักหมอกเมฆาได้ด้วยซ้ํา!
ใบหน้าโท่วป่าเซียงบิดเบี้ยวทั้งยังมืดมนลงทุกขณะ แม้แต่สาวกคนสนิทซึ่งยืนอยู่ด้านหลังก็หวั่นวิตกต่อสถานการณ์ตรงหน้าไม่น้อย ชายชุดดําผู้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้ากลุ่มหนึ่งซึ่งดูลึกลับและไม่อาจระบุตัวตนที่แท้จริงปรากฏตัวอยู่ด้านข้าง…
“ท่านทูตผู้ยิ่งใหญ่… ก่อนหน้านี้ท่านบอกพวกเราว่าการต่อสู้ครานี้สมควรยุติลงภายในสี่ชั่วยามมิใช่รี? ยามนี้เวลาผันผ่านไปเกือบครึ่งแล้ว! กองกําลังของพวกท่านจะมาถึงเมื่อไรกัน?!” โท่วป่าเซียงหันขวับไปเอ่ยถามชายชราในชุดคลุมสีดําอย่างร้อนรนใจ
ชายนิรนามผู้นี้มีรูปร่างเล็กและผอมซูบราวโครงกระดูกเดินได้ แผ่นหลังค่อมลงเล็ก น้อย…บริเวณบั้นเอวงองุมด้วยความชราภาพ ทว่าดวงตาซึ่งหน้ากากไม่ได้ปิดบังกลับฉายแววเปล่งประกายราวคบเพลิงที่ลุกโชน บุรุษชุดดําที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้องมองเขาด้วยความนอบน้อม เห็นได้ชัดว่าชายชรามียศศักดิ์สูงส่งกว่าสาวกหลายคนที่รายล้อมเหล่านั้น
“กองทัพใต้บังคับบัญชาของข้าจะมาถึงที่นี่ในช่วงสถานการณ์ที่เหมาะสม ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น”
ชายชราชุดดําหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวเสริมด้วยน้ําเสียงราบเรียบ “ท่านเจ้าสํานัก…โปรดระมัดระวังน้ําเสียงขณะกล่าววาจากับข้า ก่อนโทษว่าเป็นความผิดของพวกเราจงย้อนดูตนเสียก่อนเถิด สํานักเครื่องนิลของเจ้าต่างหากที่สร้างปัญหา เมื่อเรามาถึงเหตุใดเหล่าผู้พิทักษ์แถวหน้าของสํานักเบญจลักษณ์จึงเตรียมพร้อมรับมืออย่างดีเยี่ยมผิดจากที่คาดการณ์ไว้?! เห็นที่สํานักของเจ้าคงมีไส้ศึกเสียแล้ว คนทรยศนั่นต้องลักลอบส่งข่าวการตราทัพให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้าเป็นแน่!”
“อื้ม! จะมากไปแล้วนะท่านทูต! กล้าดีอย่างไรจึงสันนิษฐานว่ากองกําลังของข้ามไส้ศึกปะปนอยู่? คิดปัดความรับผิดชอบหรืออย่างไรกัน?!” โท่วป่าเซียงกวาดสายตามองบุรุษชุดดําที่ยืนอยู่ด้านหลังชายชราเรียงคนพร้อมแผ่จิตสังหารแรงกล้า
“การคาดเดาของข้าไม่ผิดแน่!” ชายชราตอกย้ําด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เพราะเหตุใดเล่า?!” โท่วป่าเซียงยังคงโต้เถียงเสียงแข็งกร้าวอย่างไม่ลดละ บรรดาชายผู้สวมชุดดํา แม้มีจํานวนไม่มากทว่าพวกเขาต่างเป็นยอดฝีมือระดับสูงทั้งสิ้น โดยเฉพาะชายชราซึ่งเป็นผู้นํากลับบรรลุขั้นการฝึกตนในจุดที่ยากเกินหยั่งถึง แม้แต่ตัวเขายังละความพยายามที่จะล่วงรู้ และปล่อยผ่านเสีย ก่อนหน้านี้โท่วป่าเซียงพยายามหลีกเลี่ยงการยั่วยุอารมณ์ให้อีกฝ่ายไม่พอใจ แต่เมื่อเหลือบเห็นปลายขอบฟ้าปรากฏแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณที่คืบคลานเข้ามาเต็มที่ ซ้ําร้ายบรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลยังไม่อาจเอาชนะฝ่ายศัตรูได้โดยง่าย เจ้าสํานักจอมเอาแต่ใจจึงโกรธายิ่งเมื่อทุกสิ่งกลับตาลปัตร
“พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นทหารมรณะ หากข้าสั่งให้ตาย…พวกเขาไม่มีทางอื่นนอกจากตายตกไปเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคนของข้าจะกลายเป็นไส้ศึกได้อย่างไร?!”
ทันทีที่ชายชราชุดดํากล่าวจบจึงยกมือขึ้นปรบหนึ่งครั้ง บุรุษชุดดําที่ยืนอยู่ด้านขวามือโค้งค่านับก่อนล้มลงกองกับพื้น…ฉับพลันโลหิตสีดําสนิทกลับไหลรินลงจากมุมปาก แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีสารพิษบางอย่างซ่อนอยู่ในโพรงปากพร้อมปลิดชีพตนตลอดเวลา
โท่วป่าเซียงและสาวกคนสนิทที่ยืนรายล้อมเห็นภาพเช่นนั้นถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตระหนก ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ชายชราผู้นี้พิสูจน์ตนเองว่าพรรคพวกของเขาไม่ได้ให้ข้อมูลลับแก่สํานักเครื่องนิลโดยการสั่งให้ผู้ติดตามคนหนึ่งปลิดชีพต่อหน้าต่อตา เขาต้องโหดเหี้ยมและร้ายกาจถึงเพียงใดจึงกระทําเรื่องหยาบช้าเช่นนี้?!
สายตาของทุกคนที่จับจ้องไปยังขายชราวูบไหวด้วยความหวาดหวั่น
โท่วป่าเซียงอ่าปากของเขาราวต้องการเอื้อนเอ่ยบางสิ่ง แต่เมื่อเหลือบเห็นร่างไร้วิญญาณของบุรุษชุดดําที่นอนอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถจึงปริปากเอ่ยคําใดไม่ออกอีกต่อไป เขาเพียงหมุนกายกลับพลางหันไปออกคําสั่งสาวกคนสนิทเป็นการส่วนตัวให้แปรเปลี่ยนแผนการโจมตีทางเข้าสํานักเบญจลักษณ์อย่างออมมือ…