Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 283 ตกลงหรือไม่?
บทที่ 283 ตกลงหรือไม่?
แสงสว่างเริ่มสาดส่องไปทั่วแผ่นฟ้า
สถานการณ์บนเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้และเถาวัลย์เที่ยวเฉาจากยอดเขาลงไปกว่าครึ่ง ภูเขาที่เคยเขียวขจี และอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นสีเหลืองไปครึ่งลูก ครึ่งล่างยังคงเขียวชอุ่มขณะที่ครึ่งบนแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา
เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งบนพื้น ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงของภูเขาจะไม่ส่งผลใดกับเขา ตรงข้ามกับหลงเอ๋อร์น้อยที่เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ เขาเข้าใจแผนการของเยี่ยฉวนอย่างถ่องแท้เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงตรงหน้า
ข้อได้เปรียบด้านสภาพอากาศและภูมิประเทศเป็นสิ่งสําคัญ เมื่อต้องประลองกับยอดฝีมือ ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินได้เปรียบเมื่อกลับมายังถิ่นของตน ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งกลับตาลปัตร!
สถานการณ์กลับพลิกผัน… ขั้นการฝึกตนและสติปัญญาเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนต้องมีควบคู่กันอย่างขาดไม่ได้จริงๆ
เยี่ยฉวนผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าได้ไม่นานค่อยๆแสดงไหวพริบออกมาทีละน้อย!
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่เร้นกายอยู่เงียบเสียงลงเช่นกัน มันไม่อาจทําตัวคึกคะนองและยั่วยุอีกฝ่ายได้อีกต่อไป ฤทธิ์เดชของโอสถทลาย หยางรุนแรงกว่าที่คาดไว้มาก เถาวัลย์ที่คดเคี้ยวบนพื้นถูกกัดกร่อนจนเหี่ยวเฉา แม้แต่รากฝอย รากแก้วภายในถ้ําและใต้ผืนดินก็ไม่เว้น
ถึงกระนั้นปีศาจเฒ่าก็ยังไม่ยอมปรากฏกาย สถานการณ์มาถึงทางตันเมื่อต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ รอให้ฝั่งตรงข้ามความเคลื่อนไหว
เยี่ยฉวนฝึกตนบนพื้นอย่างเงียบเชียบ เขาค่อยๆสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลัง บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าขณะรอจังหวะลงมือ เช่นเดียวกับปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน การเฝ้ารอย่อมดีกว่าผลีผลามออกไปโดยประมาทแม้จะมีความหวังเพียงริบหรี่ มันไม่กล้าประจันหน้ากับเยี่ยฉวนโดยตรงอีกต่อไปหลังได้รับความเสียหายอย่างหนักติดต่อกัน มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีแผ่นอักขระอันทรงพลังอยู่หรือไม่ มิหนําซ้ํา เยี่ยฉวนยังมีหลงเอ๋อร์น้อยที่แปลงกายเป็นมังกรปีศาจได้อยู่เคียงข้างมังกรน้อยสามารถหักกระดูกของปีศาจเฒ่าเป็นท่อนๆ ได้ด้วยการชนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินไม่ต้องการสู้ตัวต่อตัวกับอีกฝ่าย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากละทิ้งเทือกเขานี้ไปจึงทําได้เพียงซ่อนตัวอยู่เช่นนี้
ไม่ง่ายเลยกว่ารังที่เฝ้าดูแลมานับแสนปีจะมีสภาพเช่นปัจจุบันนี้ แล้วปีศาจเฒ่าจะละทิ้งที่แห่งนี้ไปได้อย่างไร?
เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงวันอย่างรวดเร็ว…
เที่ยงวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์แผดแสงเจิดจ้ามากที่สุด แสงอาทิตย์ไม่ได้ทําให้โอสถทลายหยางระเหยไปหากแต่ทําให้ฤทธิ์ของมันทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัว ต้นไม้และเถาวัลย์เบื้องล่างเริ่มเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วประหนึ่งคลื่นสีเหลืองกําลังกลืนกินภูเขาทั้งลูกเมื่อมองจากระยะไกล หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะคงไม่หลงเหลือสิ่งมีชีวิตใดก่อนพลบค่ํา ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่มีอายุนับแสนปีคงต้องตายตกไปพร้อมกับสรรพสิ่งบนภูเขานี
สายลมเย็นเยียบพลันพัดผ่านเทือกเขา
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินปรากฏกายออกมาในที่สุด มันจ้องเขม็งมาทางเยี่ยฉวนพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้บัดซบ ช่างชั่วช้าเลวทรามเสียจริง! โหดเหี้ยมอํามหิต! แน่จริงก็เข้ามา… มาสู้กับข้าซะดีๆ !”
วิญญาณร้ายทั้งหวาดกลัวและโกรธจัด ความเคียดแค้นอัดแน่นไปทั้งหัวใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปีศาจเฒ่าไปเยือนหมู่บ้านเผ่ามู่เพื่อดูดกลืนปราณหยาง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นทุกครั้งเมื่อเฒ่ามู่และมูซานไม่อาจกล้ํากรายมันได้ ปีศาจเฒ่าจึงไม่คาดคิดว่าสองพ่อลูกจะเชิญยอดฝีมือทั้งสองมาจัดการมันในครั้งนี้
ขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนต่ําต้อยก็จริง แต่บางสิ่งในตัวของชายหนุ่มช่างน่าเกรงขามนัก!
“หากไม่ชั่วช้าเลวทรามจะกระทําการใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?”
เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นมองปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่กําลังเกรี้ยวกราดพร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนกล่าวออกด้วยท่าทีสบายๆ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยอยากเป็นวีรบุรุษผู้ซื่อสัตย์ ภายหลังจึงพบว่าการเป็นเช่นนั้นมันน่าเบื่อสิ้นดี ข้าจึงตัดสินใจทําตัวชั่วช้าเลวทรามให้ถึงที่สุด เฮ้อ… น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะให้ประพฤติตนเลวทรามชั่วครั้งชั่วคราวก็พอทําได้ แต่จะให้เป็นเช่นนั้นตลอดชีวิตนับว่ายากทีเดียว”
“ถุย!”
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินถ่มน้ําลายและแทบกระอักเลือดอยู่ภายใน
มันต้องการยั่วยุให้เยี่ยฉวนเปิดฉากโจมตีเพื่อล่ออีกฝ่ายเข้าไปในเทือกเขาและฉวยโอกาสจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นชินสังหารเขาโดยไม่คาดคิดว่าแผนลวงจะล้มเหลวเช่นนี้! ชายหนุ่มสวมใส่ชุดคลุมของสํานักอันเที่ยงธรรม แต่กลับลั่นวาจาว่าต้องการเป็นคนชั่วช้าเลวทรามให้ถึงที่สุด มีผู้ใดบนโลกจะเจ้าเล่ห์เพทุบายและไร้ยางอายไปมากกว่านี้ได้อีก?
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินขบกรามแน่นด้วยความเกลียดชังเยี่ยฉวนเข้าไส้ มันรู้สึกว่าตนเอง ซื่อสัตย์และเป็นสุภาพบุรุษกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเสียอีก เยี่ยฉวนต่างหากที่เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่แท้จริง!
“พ่อหนุ่ม เจ้าเป็นใครกันแน่?” ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินกระหายอยากจู่โจมแต่พยายามระงับอารมณ์เอาไว้หลายต่อหลายครั้ง เป็นครั้งแรกที่มันคิดอยากต่อรองกับเยี่ยฉวน
ที่ผ่านมาไม่เคยมีความคิดนี้ในหัวของปีศาจร้าย เฒ่ามู่ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าพยายามสรรหาวิธีเจรจานับครั้งไม่ถ้วนถึงขั้นจะทําสัญญาส่งส่วยทุกปี แต่ข้อเสนอกลับถูกปฏิเสธทั้งหมด ทว่าหนนี้มันไม่มีทางเลือกอีกต่อไป
“ศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนแห่งสํานักหมอกเมฆา” เยี่ยฉวนตอบตามตรง
“เจ้าเป็นยอดฝีมือสํานักหมอกเมฆาจริงๆสินะ” ปีศาจเฒ่าประหลาดใจเล็กน้อยด้วยเคยได้ยินมานานว่าสํานักหมอกเมฆาเสื่อมถอยลงทุกวัน บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ล้วนมีฝีมือธรรมดาไม่โดดเด่น พระเจ้า… ผู้ใดกล้าปล่อยข่าวลือไร้แก่นสารเช่นนั้นกัน?!
ข่าวลือยังคงเป็นเพียงข่าวลือที่ทําร้ายผู้คนได้เจ็บแสบไม่น้อย!
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินสาปแช่งในใจ ทว่าภายนอกกลับแสดงท่าที่เคารพนับถือ “ก่อนหน้านี้ข้าสับสนว่าคุณชายมาจากแห่งหนใด ปรากฏว่าเป็นยอดอัจฉริยะแห่งสํานักหมอกเมฆานี่เอง คุณชายเยี่ย มีเงื่อนไขใดที่พอจะหยุดยั้งท่านได้บ้าง? ไม่ว่าชาวเผ่ามู่ให้ค่าตอบแทนท่านเท่าใด ข้ายินดีจ่ายเป็นสองเท่า!”
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินทั้งมั่งคั่งและอวดดี มันได้ปล้นสมบัติมามากมายตลอดหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา เมื่อเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ําและไม่อาจเอาชนะเยี่ยฉวนได้จึงจําต้องจ่ายจํานวนมหาศาลเพื่อแลกกับอิสรภาพ
“เยี่ยม ท่านปีศาจเฒ่าพูดจาตรงไปตรงมาเสียจริง! ข้าถูกใจนิสัยของท่านนักเมื่อเทียบกับพวกปีศาจตัวเล็กตัวน้อยที่เพิ่งเริ่มฝึกตน ข้าขอชื่นชม”
เยี่ยฉวนปรบมือ แววตาของปีศาจเฒ่าลุกโชนอย่างมีความหวังโดยไม่คาดคิดว่าน้ําเสียงของเยี่ยฉวนจะแปรเปลี่ยนไปในวินาทีถัดมา “แต่เงื่อนไขของข้านั้นไม่ง่าย ท่านปีศาจเฒ่าจะยอมรับได้หรือ?”
“ยอมรับได้! ข้ายอมรับได้ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใด เชิญคุณชายว่ามาเถิด!” แม้สถานการณ์จะไม่น่าไว้วางใจ แต่ปีศาจเฒ่าจําต้องแข็งใจตอบตกลงไปอย่างเลวร้ายที่สุดคงต้องแบ่งทรัพย์สมบัติบางส่วนให้ แต่มันจะหาโอกาสเอาคืนจากเยี่ยฉวนเป็นเท่าตัวในภายหลังอย่างแน่นอน!
“ก่อนอื่นข้าต้องการสตรีที่ไม่งดงามหรืออัปลักษณ์จนเกินไปและไม่แก่เฒ่าหรือเยาว์วัยจนเกินไป เด็กหญิงผมเปียจากหมู่บ้านเผ่าผู้นั้นช่างเหมาะเจาะนัก ข้าต้องการหมั้นหมายนางกับน้องชายของข้า” เยี่ยฉวนเสนอเงื่อนไขแรกอย่างไม่อ้อมค้อม เขายกยิ้มยียวนมุมปากพลางกล่าวต่อ
“ท่านปีศาจเฒ่า เงื่อนไขนี้คงไม่เป็นปัญหาสําหรับท่านใช่หรือไม่?”
“นี่มัน…” หน้าผากของปีศาจเฒ่าชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ว่าจะพยักหน้าหรือส่ายหน้าก็แลดูไม่เข้า ที่ไปเสียหมด
มันคงไม่ปล่อยเด็กหญิงคนนั้นไปแต่แรกหากล่วงรู้มาก่อนว่าเยี่ยฉวนจะมีเงื่อนไขเช่นนี้ คราวนี้จะตอบตกลงกับเยี่ยฉวนได้อย่างไร? ต้องกลับไปจับเด็กหญิงคนนั้นมาจากหมู่บ้านเผ่ามู่อย่างนั้นหรือ?
“ประการที่สองก็ยังคงเป็นสตรี นางต้องไม่งดงามหรืออัปลักษณ์จนเกินไป ขั้นการฝึกตนของนางต้องไม่ต่ํากว่าขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับเจ็ด ยิ่งเป็นระดับสูงสุดได้ยิ่งดี หากเป็นยอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดก็ไม่ปฏิเสธ ภรรยาข้ากําลังมองหาสาวใช้อยู่พอดี นางคงไม่พอใจนักหากข้าพาหญิงงามกลับไป นางแข็งแกร่งกว่าข้ายิ่ง หากทําให้นางอุ่นเคืองอาจเกิดปัญหาได้” เยี่ยฉวนระบุเงื่อนไขประการที่สอง
ปีศาจเฒ่าเหงื่อไหลโซมกาย
“ประการที่สามก็ยังคงเป็นสตรี ข้าไม่เคยต้องการชายใด ครั้งนี้ข้าต้องการสตรีทิ้ง ดงามหมดจดและมีขั้นการฝึกตนเท่าใดก็ได้ ข้าต้องการซุกซ่อนนางไว้ในถ้ําที่ไม่มีผู้ใดรู้จักด้วย เหตุอันใดท่านคงรู้ดี ข้าไม่ต้องการให้ภรรยาข้าล่วงรู้เรื่องนี้ ท่านปีศาจเฒ่า คําขอพวกนี้คงไม่ยากเกินไปใช่หรือไม่?” เยี่ยฉวนไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย
ครั้งนี้ไม่เพียงปีศาจเฒ่าที่เหงื่อตก เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากของหลงเอ๋อร์เช่นกัน เด็กน้อยได้แต่สงสัยว่าหากสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซียหรือจซื้อเจียได้ยินคําพูดเหล่านี้จะกลายร่างเป็นพยัคฆ์ร้ายเกรี้ยวกราดหรือไม่?!