Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 264 อธิษฐาน
บทที่ 264 อธิษฐาน
แสงสว่างสีขาวพร้อมตัวอักษร ซึ่งเป็นปัญหาเชาวน์ปรากฏขึ้นบนจอผลึกแก้วอีกครั้ง “ระยะทางบนโลกซึ่งไกลที่สุดนั้นไกลเพียงใด?”
สิ้นสุดคําถามจอผลึกแก้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นเลขจํานวนนับถอยหลัง จากห้าสิบ…สี่สิบเก้า…สี่สิบแปด…
บรรยากาศภายในห้องโถงมังกรปีศาจเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของคนทั้งสามที่เต้นเป็นจังหวะ
คราวนี้องค์ชายรัชทายาทหลีก่วงฮ่านได้รับบทเรียนจากครั้งแรกจึงไม่คิดเฉื่อยชา เขาใช้สมองเพื่อไตร่ตรองอย่างหนัก เช่นเดียวกับสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียและเยี่ยฉวน
น่ายิ่งนัก!
พื้นที่อื่นๆ ก่อนหน้ามีการสร้างขอบเขตป้องกัน เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของผู้กล้า ทว่าพื้นที่นี้สร้างขอบเขตป้องกันโดยการทดสอบไหวพริบ และสติปัญญา ยอดฝีมือผู้มาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง!
ดวงตาของเยี่ยฉวนเปล่งประกายเจิดจรัสราวคบเพลิง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชน!
ภพชาติที่แล้วเขาเดินทางผ่านอาณาจักรที่เต็มไปด้วยภยันตรายมามากมาย ในสถานที่เหล่านั้นล้วนปรากฏสถาปัตยกรรมหลายแห่งซึ่งถูกทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์จากยอดฝีมือในยุคโบราณผู้แข็งแกร่ง ทุกที่ล้วนสร้างขอบเขตป้องกันไว้ทุกประเภท นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบการทดสอบประเภทนี้
ไม่ใส่ใจว่าผู้ฝึกตนจะมีระดับขั้นการฝึกตนสูงส่งเพียงใด…แต่ใส่ใจว่าคนเหล่านั้นจะมีสติปัญญารอบรู้เพียงใด ปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสวรรค์นี้ ช่างมีแนวคิดที่น่าเลื่อมใส! แท้จริงแล้วเขามีอุปนิสัยเช่นนี้เองหรอกหรือ? นิยมการไตร่ตรองเกี่ยวกับสัจธรรมของชีวิตจึงตั้งวิธีเลือกผู้เหมาะสมเพื่อเป็นทายาทเช่นนี้นี่เอง! หรืออาจกล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือปรมาจารย์ผู้นี้คิดว่ามนุษย์ทุกคนในดินแดนรกร้างล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น มีเพียงขั้นการฝึกตนที่จําแนกประเภทคนให้แตกต่าง!
เยี่ยฉวนนึกศรัทธาในแนวคิดของยอดฝีมือนิรนามผู้นี้ไม่น้อย จิตวิญญาณที่ต้องการเอาชนะเพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ ส่วนองค์ชายรัชทายาทกลับเผยสีหน้าซีดเผือดและบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ด้วยต้องการสาปแช่งผู้ที่คิดค้นปัญหาเชาวน์นี้
บททดสอบของห้องโถงมังกรปีศาจเสมือนเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วกลับแฝงไปด้วยอันตรายยิ่งกว่าด่านอื่นที่เขาเคยประสบ หากตอบคําถามถูก ต้องอาจมีสิทธิ์ได้ครอบครองมรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์ หากไม่ตอบความตายก็จะคืบคลานเข้าใกล้ อีกทั้งยังต้องนอนแหงนหน้ามองกงล้อสะบั้นมังกรที่เคลื่อนลงมาบั่นลําคอโดยไม่อาจต่อต้านใดๆได้
องค์ชายรัชทายาทหลีก่วงฮานผู้มีความมั่นใจในวรยุทธ์อันสูงส่งของตนเองทั้งยังวางตนอยู่เหนือมวลชนเป็นนิจเริ่มรู้สึกตระหนักถึงความผิดพลาด หากก่อนหน้านี้เขาล่วงรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะต้องเผชิญกับสิ่งใด ต่อให้เขาจะโดนทุบตีจนสิ้นชีพและไม่ได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ คงเป็นการดีเสียกว่า ด้วยการฝึกตนซึ่งบรรลุขั้น ปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่เจ็ดหากพบเจออันตรายใดเข้าคงหาหนทางหลบหนีออกไปได้โดยไม่ ได้รับบาดเจ็บมากนัก ทว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในพันธนาการที่ดิ้นไม่หลุดของห้องโถงมังกรปีศาจอย่างสมบูรณ์ สภาพตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากปลาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเขียงรอการถูกนั่นออกเป็นชิ้นๆ!
จํานวนเลขนับถอยหลังอย่างรวดเร็วกระทั่งถึงยี่สิบและค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นกว่าเลขบนจอผลึกแก้วจะนับถอยไปจนถึงศูนย์!
แม้สถานการณ์คอขาดบาดตายกระชั้นเข้ามา ทว่าห้องโถงยังเงียบกริบไร้สรรพเสียงใด
องค์ชายหลีก่วงซ่านรู้สึกหวาดผวาเสียจนทําอะไรไม่ถูก ตอบถูกรอดพ้นอันตราย..ตอบผิดมีโทษถึงตาย! กงล้อสะบั้นมังกรที่แขวนเด่นอยู่เหนือร่างของเขาจะร่วงลงมาเพิ่มอีกสองเมตร เป็นการลงโทษ ซึ่งเวลานี้มันอยู่ห่างจากเขาเพียงสองเมตรอย่างพอดิบพอดี ตอบผิดเมื่อไร อาจถึงฆาตเมื่อนั้น กลับกัน…หากเขาเลือกที่จะผ่านคําถามดังกล่าว กงล้อจะร่วงลงมาเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น และเขาจะยังมีโอกาสสุดท้าย
องค์ชายไม่ปริปากเอ่ยคําใด หงจือเซียก็นิ่งเงียบ เพราะคิดค้นคําตอบที่สมควรไม่ออกเช่นกัน ระยะห่างระหว่างซีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของทวีปอัคคีสวรรค์จนจรดปลายทางของซีกโลกอีกฝั่งนั้นไกลเกินไป ยังไม่รวมถึงหมู่เกาะน้อยใหญ่และแผ่นดินอื่นในต่างแดนซึ่งมีผู้ฝึกตนตั้งถิ่นฐานอาศัยอีกเป็นจํานวนมาก เลยท้องมหาสมุทรกว้างใหญ่เป็นที่ตั้งของทวีปไร้แสงจันทร์อันเป็นถิ่นอาศัยของผู้ฝึกมาร ไกลออกไปกว่านั้นนางก็ไม่อาจหยั่งรู้แล้วว่ามีทวีปอื่นผุดขึ้นมาอีกหรือไม่?!
ใช่ว่าพวกเขาคิดหลีกเลี่ยงการตอบคําถามดังกล่าว แต่พวกเขาหาคําตอบจากมันไม่ได้ต่างหาก!
บางทีแม้แต่ยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดอันทรงเกียรติอาจไม่ทราบแน่ชัดด้วยซ้ําว่าสุดขอบโลกใหญ่ไพศาลใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด เหนือฟ้ายังมีสรวงสวรรค์ เหนือขุนเขายังมียอดเขา เหนือทะเลสาบยังมีมหาสมุทร เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วคําตอบแบบใดเล่าจึงจะถูกต้อง?!
“ระยะทางที่ไกลที่สุดในโลกใบนี้คือระยะห่างของหัวใจ ยิ่งเย็นชามากเพียงใดยิ่งห่างไกลเกินหยั่งถึง…”
ขณะที่องค์ชายรัชทายาทและหงจือเซียหลับตารอคอยให้กงล้อสะบั้นมังกรอันน่าสะพรึงกลัวร่วงลงมาอีกหนึ่งเมตร เสียงตอบคําถามจากเยี่ยฉวนกลับดังกึกก้อง ชายหนุ่มหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวเสริม “หากคู่สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว ต่อให้ร่างกายอยู่ห่างไกลสุดขอบโลกหัวใจย่อมพันผูกโดยไร้ระยะทางเป็นเครื่องขวางกั้น ในทางกลับกัน…หากบุคคลผู้หนึ่งไม่สมหวังในความรัก หรืออาจร่วมเรียงเคียงหมอนกับคู่ชีวิตโดยไร้ความฝันที่เป็นหนึ่งเดียว ต่อให้ทั้งคู่ยืนเคียงข้างแนบสนิทเพียงใด ทว่าหัวใจกลับห่างไกลราวมีกําแพงยาวสุดขอบโลกคอยกางกั้น!”
ตึง! กงล้อสะบั้นมังการที่แขวนอยู่เหนือร่างขององค์ชายหลีก่วงฮานและสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซียร่วงลงมาคนละหนึ่งเมตรตามกฎกติกา มีเพียงกงล้อเหนือร่างของเยี่ยฉวนที่ยังคงอยู่ในตําแหน่งเดิมห่างออกไปสี่เมตร
ใบหน้าขององค์ชายซีดเผือดยิ่งกว่าเดิมจนไร้ร่องรอยเลือดฝาดใดๆ กงล้อซึ่งเต็มไปด้วยซีฟันแหลมคมลอยอยู่เหนือร่างของเขาเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น ทั้งยังมีผลต่อการตอบคําถามในครั้งสุดท้ายของเขา ส่วนหงจือเซียที่อยู่ห่างจากกงล้อสองเมตรยังเผยสีหน้าซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว แม้มีโอกาสมากกว่าองค์ชายถึงหนึ่งครั้ง ทว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะหนีห่างจากความตาย ไม่ช้าก็เร็วนางอาจสิ้นใจอย่างน่าอนาถภายใต้อาวุธสังหารโบราณนี้!
จอผลึกแก้วกะพริบส่องแสงสว่างสีขาวอีกครั้ง คราวนี้แสงขาวโพลนปรากฏอยู่นานกว่าทุกครั้ง พวกเขาไม่อาจล่วงรู้ว่ามันกําลังทําการเตรียมพร้อมโดยมีปัญหาเชาวน์ที่ยากเพียงใดรอคอยอยู่ ปรมาจารย์สูงสุดของ
อาณาจักรสวรรค์แห่งมังกรปีศาจโหดเหี้ยมเพียงใดคงมีเพียงเทพเซียนที่รู้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องเป็นจอมมารผู้ไม่ใส่ใจชีวิตน้อยๆของเหล่ามนุษย์เป็นแน่!
ฟันกรามบนและล่างขององค์ชายสั่นกระทบกันเสียงดัง กงล้อสะบั้นมังกรตรงหน้าซึ่งร่วงต่ําลงมาทุกขณะ ทําให้เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป ครั้นหันมองกงล้อที่ลอยอยู่เหนือร่างเยี่ยฉวนเปรียบเทียบกับตําแหน่งของตนเองก็รู้สึกสลดจนแทบกระอักเลือด!
เขาดํารงตําแหน่งเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉิน ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนชั้นเลิศที่บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่เจ็ด ทว่าเหตุใดการทดสอบด้านสติปัญญาจึงด้อยกว่าศิษย์ชั้นสามัญอย่างเยี่ยฉวนเช่นนี้?! ต่อให้ในที่สุดเขาก็ต้องตาย…แต่ไอ้เด็กเหลือขอนั่นควรเป็นคนที่ตายก่อน ไม่ใช่ข้า!
องค์ชายรัชทายาทรู้สึกอัดอั้นด้วยต้องการสาปแช่งทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยถ้อยคําหยาบรุนแรง ทว่าเขากลับไม่กล้าปริปากพูดอะไรสักคํา ทําได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเงียบๆเท่านั้น เวลานี้ใบหน้าที่เคยหล่อเหลากลับบิดเบี้ยวและดุร้ายอย่างหาใดเปรียบ การแสดงออกซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในชะตากรรมระคนโกรธแค้น ฉายสะท้อนอยู่บนจอผลึกแก้วเหนือร่างจนเยี่ยฉวนสังเกตเห็น
“ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงมีความประสงค์จะสาปแช่งก็ตรัสออกมาเถิด กระหม่อมคิดว่าคงไม่ส่งผลแต่อย่างใด
เยี่ยฉวนเหลือบมองใบหน้าอีกฝ่ายผ่านจอผลึกแก้วด้านบนพลางแสยะยิ้มเย้ยหยัน
หลังตื่นตระหนกอยู่นานในที่สุดเขาจึงระงับจิตใจให้สงบลงก่อนสํารวจขอบเขตป้องกันอันน่าอัศจรรย์อย่างใจเย็น
“ไอ้สารเลว! เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดออกมาให้เร็วกว่านี้เล่า?! บ้าเอ๊ย! ขอบเขตไร้สาระพวกนี้กําหนดไว้เพื่ออะไรกัน?! ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาท หากที่นี่จะมีคนตาย คนผู้นั้นคงไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้า…” องค์ชายรัชทายาทซึ่งนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ถ่มเลือดเต็มกระพุ้งแก้มออกมาก่อนสบถสาปแช่งเสียงดัง ทว่ายังไม่ทันพูดจบริมฝีปากกลับเม้มเข้าหากันอย่างฉับพลัน!
ข้อความชุดใหม่ปรากฏขึ้นบนจอผลึกแก้วอีกครั้ง หากองค์ชายไม่ยั้งฝีปากของตนไว้ไม่แน่ว่าหลังคําถามบนจอหายไปขอบเขตป้องกันอาจเข้าใจว่าเป็นคําตอบทําให้กงล้อสะบั้นมังกรร่วงลงมาตัดศีรษะ!
“ทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง จงอธิษฐานความปรารถนาของตนเสีย”
ข้อความที่ปรากฏบนจอผลึกแก้วในครั้งนี้ทําให้แววตาของทุกคนพลันเปล่งประกายด้วยความหวัง!
ทุกคําถามที่ผ่านมาทําให้พวกเขาใช้สมองอย่างหนักหน่วงจนเกิดความตึงเครียดและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในที่สุดทั้งสามก็ได้รับโอกาสเพื่อไถ่ชีวิตของตนเอง!
อธิษฐานงั้นหรือ?
สถานการณ์คับขันเช่นนี้พวกเขาสามารถขอสิ่งใดได้บ้าง? ขอพรให้กงล้อนสะพรึงเหล่านี้หายไป ขอพรให้ออกจากห้องโถงมังกรปีศาจแห่งนี้โดยสวัสดิภาพ หรือขอพรให้ตนได้รับมรดกของอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้?!
ทั้งสามครุ่นคิดคําตอบที่เหมาะสมไว้ในใจ ความมุ่งมั่นปรารถนาปรากฏชัดในดวงตาทุกคู่ โดยเฉพาะองค์ชายหลีก่วงฮานที่ก่อนหน้านี้เอาแต่คร่ําครวญว่าตนจะต้องตายเป็นแน่แท้กลับฟื้นคืนสู่สภาพจิตใจใหม่ราวตนเพิ่งหลุดพ้นจากประตูนรก ตอนนี้เขาตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนา!
เช่นเดียวกับจํานวนเลขบนจอผลึกแก้วที่นับถอยหลังลดลงไปเรื่อยๆ…
แม้นี่นับเป็นโอกาสที่พวกเขาสามารถไถ่ถอนตนออกจากวังวนอันโหดร้าย ทว่ายังมีระยะเวลากําหนดไว้ไม่ต่างจากการตอบปัญหาเชาวน์ หมายความว่าองค์ชายผู้อาภัพเหลือโอกาสเพียงครั้งเดียว สตรีพรหมจรรย์มีโอกาสถึงสองครั้ง ส่วนศัตรูที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดําเช่นเยี่ยฉวนกลับมีโอกาสถึงสี่ครั้ง! หากครั้งนี้เขาพลาดโอกาสเห็นที่กงล้อสะบั้นมังกรคงร่วงลงมาทับร่าง และส่งดวงวิญญาณให้หลุดลอยออกจากร่างไปพบบรรพบุรุษอย่างไม่ต้องสงสัย!