Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 253 รูปปั้นโฉมงาม
บทที่ 253 รูปปั้นโฉมงาม
“ฮ่าๆๆ ดีไอ้หนู กล้านักก็รับหมัดของข้าไปซะฮ่าๆๆ!”
องค์รัชทายาทแห่งต้าฉินระเบิดหัวเราะลั่น พร้อมพุ่งมาข้างหน้าและเหวี่ยงกําปั้นเข้าใส่
ตามข้อตกลงแล้วเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว เท่านั้น จึงต้องฆ่าเยี่ยฉวนให้ได้ในกระบวนท่าเดียว!
อากาศพลันบิดเบี้ยวและไหวกระเพื่อมราวกับ ทะเลสาบสงบนิ่งที่ถูกลมพัดกระโชกแรง มวลอากาศที่มองไม่เห็นระเบิดออกเป็นวงกว้างจนผู้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรแก้วหูสั่นสะเทือนแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก ทั้งหมดรีบถอยร่นออกไปอีกรวมถึงสตรีพรหมจรรย์ผู้มีขั้นการฝึกตนสูงส่ง มีเพียงนางมารร้ายหลิวหงที่ยังยืนพิงก้อนหินใหญ่ในระยะสิบเมตรเพราะอยากเห็นวาระสุดท้ายของเยี่ยฉวนใกล้ๆ
เคล็ดวิชาหมัดจักรพรรดิ!
องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันใช้กระบวนท่าสังหาร ที่รุนแรงที่สุดเขาลั่นวาจาไว้ว่าจะใช้พละกําลังเพียงครึ่งเดียวแต่ดูเหมือนว่าจะใช้ไปแล้วถึงหกในสิบของพลังทั้งหมดการโจมตีในครั้งนี้แข็งแกร่งเสียจนสีหน้าของเหล่ายอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ถึงกับแปรเปลี่ยน
“จอเซีย…”
นักรบพฤกษาเถียนกู่ก้าวไปข้างหน้า ร่องรอย ความกังวลฉายชัดในแววตา
เมื่อไตร่ตรองถึงความต้องการของราชินีอสูรเกศาขาวดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ต้องการให้เยี่ยนวนตายในเวลานี้หากเยี่ยฉวนถูกฆ่าเตาหลอมระดับสวรรค์จะตกไปอยู่ในมือขององค์รัชทายาทซึ่งเป็นปัญหาอย่างแน่นอน สมบัติล้ําค่าชิ้นนี้ต้องไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของราชวงศ์ต้าฉันเป็นอันขาด!
จักรพรรดิต้าฉันมีความทะเยอทะยานสูง เขาไม่เพียงกดขี่ข่มเหงสํานักฝึกตนระดับสามแต่ยังจับตาดูสํานักอสูรเมฆาและสํานักชั้นเลิศอื่นๆ อีกด้วย หากสบโอกาสอาจนําหายนะใหญ่หลวงมาสู่สํานักอสูรเมฆาได้!
“ช้าก่อน!”
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียโบกมือห้ามปรามเถียนกู้ให้รอเวลา
ตลอดเวลาที่ผ่านมานางไม่เคยอ่านใจเยี่ยฉวนหรือเข้าใจการฝึกตนของเยี่ยฉวนได้แม้แต่ครั้งเดียวนางรู้สึกว่าเขาซุกซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้และนี่เป็นโอกาสที่จะได้รู้ชัดเสียที
เสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ
หมัดอันรวดเร็วและโหดเหี้ยมขององค์รัชทายาทมาถึงตรงหน้าของเยี่ยฉวนทันใด
เจ้าโง่นี่ไม่หลบหรือไร?
ฝูงชนที่มองดูอย่างเป็นกังวลร้องลั่นด้วยความตกใจแม้แต่โท่วป่าเซียงที่เป็นปรปักษ์กับสํานักหมอกเมฆายังส่งเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัวผู้ฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับสื่อย่างเขายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถต้านทานพลังหมัดขององค์รัชทายาทได้แล้วขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนจะสักเท่าใดกันเชียว?ยืนนิ่งเช่นนั้นไม่เท่ากับฆ่าตัวตายโดยเปล่าหรือ?!
“คุณชาย…”
ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งร้องอย่างตื่นตระหนกพวกเขาฝ่าฝืนคําสั่งของเยี่ยฉวนและพุ่งตัวออกมาพร้อมกันเพื่อหยุดการโจมตีขององค์รัช ทายาท ทว่าสายไปเสียแล้ว…
“สรวงสวรรค์และพื้นพิภพยังต้องแตกสลายด้วยหมัดจักรพรรดิยอมรับชะตากรรมของเจ้าเสียเถอะ!” องค์รัชทายาทเผยสีหน้าอํามหิตด้วยความมั่นใจว่าหมัดเดียวสามารถปลิดชีพเยี่ยฉวนได้แน่
เขาอาจพลาดเป้าได้หากเยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชา ไร้เทียมทานหลบหลีก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยืนตั้งรับแรงปะทะโดยตรงเช่นนี้คงไม่รอดแน่!นี่ไม่ใช่การกระทําที่กล้าบ้าบินหากแต่เป็นความโง่เขลาและรนหาที่ตายโดยแท้!
มู่หรงซุ้ยเฟิงที่เหลือเพียงร่างกายท่อนบนท่วมทันไปด้วยความปิติยินดีแต่หลิวหงกลับตื่นเต้น เสียยิ่งกว่ารอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าสะสวย พราวเสน่ห์นางไม่ได้แลดูบอบบางน่ารักเหมือนในกาลก่อนอีกแล้ว
“แม้แต่องค์จักรพรรดิยังต้องแหลกสลายเป็นผุยผง!”
เยี่ยฉวนเผยสีหน้าเย็นยะเยือกดุจน้ําแข็ง เขาไม่ได้หลบหนีหรือเคลื่อนไหวในวินาทีคอขาดบาดตายหากแต่ถือก้อนผลึกมนุษย์ร่างเล็กสีฟ้าไว้ ในมือซ้ายขณะที่มือขวาออกหมัดเต็มแรง
ฉับพลันพลังงานรุนแรงปะทุออกจากร่างของเยี่ยฉวน… หนักแน่นประหนึ่งภูเขาและแปรปรวนต่างจากออร่าของผู้ฝึกตนอื่นใดในดินแดนรกร้าง พลังงานมหาศาลไหลทะลักออกมาจากความว่างเปล่าจนสีสันของโลกทั้งใบแปรเปลี่ยนไป แผ่นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นบนท้อ งฟ้าผู้คนที่เงยหน้ามองอัศจรรย์ใจจนพูดไม่ออกมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆสีดําน้ําทะเลสีดําสนิทดุจท้องทะเล แห่งความตายในตํานานพลังงานยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้แผ่ลงมาจากบนฟากฟ้า!
เยี่ยฉวนเตรียมการไว้นานแล้วเขาโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์สุดกําลังในช่วงเวลาคับขันและเชื่อมต่อกับดินแดนที่อยู่เหนือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ด้วยแรงหนุนจากก้อนผลึกมนุษย์สีฟ้ากระแสพลังงานรุนแรงถึงขั้นกวาดล้างสวรรค์และผืนดินจึงไหลหลั่งลงมาราวกับสายน้ํา
องค์รัชทายาทไม่ทันตั้งตัวและหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับตนเองเป็นศูนย์กลางของลมพายุแห่งทะเลดําดูเหมือนว่าพลังจากดินแดนอันสูงส่งกว่าสวรรค์กําลังจะฉีกร่างของเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
“ตึง!” หมัดของทั้งสองปะทะกันในทันใด
ภาพท้องทะเลสีดําเบื้องบนหายวับไปพร้อมกับร่างของเยี่ยฉวนที่กระเด็นไปในอากาศ เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมาแขนขวาอ่อนปวกเปียกและมีโลหิตไหลหลั่ง… ชายหนุ่มแทบแหลกสลายในหมัดเดียว!ส่วนองค์รัชทายาทแลดูไร้รอยขีดข่วนหากแต่เผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“บ้าชะมัด… โดนไอ้สารเลวนี่หลอกอีกแล้ว!”
องค์รัชทายาทแห่งตาฉินขบกรามแน่นหมัดอันทรงพลังของเยี่ยฉวนและภาพทะเลดําบนท้องฟ้าที่แลดูน่าเกรงขามเป็นเพียงกระบวนท่าจอมปลอมเท่านั้นความตื่นตระหนกทําให้การเหวี่ยงหมัดขององค์รัชทายาทชะงักไปเล็กน้อยและลดความรุนแรงลงราวแปดในสิบแม้เยี่ยฉวนจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตายตกไปดังใจหวัง
เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายและมีแผนการ มากมายไม่รู้จบ จะปล่อยให้มีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้… ไม่ได้เด็ดขาด!
องค์รัชทายาทก้าวเท้ามาข้างหน้าพร้อมจิตสังหารพุ่งสูงการต่อกรกับเยี่ยฉวนที่อยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับเจ็ดนับว่ายากเย็นเต็มทนแล้วขึ้นปล่อยให้อีกฝ่ายบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ไปจะไม่ลําบากกว่านี้อีกหรือ?
“พอเถิดเพคะฝ่าบาท คําตรัสขององค์ชายรัช ทายาทมีน้ําหนักมหาศาล พระองค์คิดจะกลับ คําหรือเพคะ?”
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียท้วงขึ้น
องค์รัชทายาทชะงักฝีเท้าและสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์การที่สํานักอสูรเมฆาเข้ามาข้องเกี่ยวเป็นสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดชายหนุ่มไม่ ถือสาหากต้องกลับคําแต่การขัดแย้งกับสตรีพรหมจรรย์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
“จอเซีย ข้ารู้ดีว่าเจ้าคงไม่ยืนกอดอกมองดูอยู่เฉยๆ เจ้าคงไม่อยากให้ข้าตายด้วยน้ํามือของผู้อื่นเมื่อได้ขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์มาแล้วข้าจะรีบตรงไปยังสํานักอสูรเมฆาเพื่อสู่ขอเจ้ากับราชินีอสูรเกศาขาวทันทีข้าบอกแล้วว่าจะรับผิดชอบเจ้าจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน…” เยี่ยฉวนลุกขึ้นยืนและส่งยิ้มให้สตรีพรหมจรรย์ทว่ากระอักเลือดออกมาก่อนจะพูดจบ
หมัดจักรพรรดิขององค์ชายรัชทายาทมีพลานุ ภาพมหาศาลยิ่งร่างกายอันแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนแทบแหลกสลายในคราเดียวถึงแม้ว่าจะถูกลดทอนพลังไปแล้วหากโดนหมัดนี้เข้าเต็มกําลังแม้แต่กระดูกของยักษ์เหล็กก็คงแหลกเป็นผุยผง
“เยี่ยฉวน เจ้า…”
สตรีพรหมจรรย์ทั้งโกรธทั้งอาย คําพูดของ เยี่ยฉวนฟังดูกํากวมเหลือเกิน ต่อให้พยายามอธิบายให้กระจ่างก็มีแต่จะแย่ลงกว่าเดิม
องค์รัชทายาทหน้าเสียทันทีที่ได้ยินคําพูดของ เยี่ยฉวน ดูเหมือนว่าหงจือเซียและเยี่ยฉวนจะกระทําสิ่งนั้นไปแล้ว… สตรีที่แสนผุดผ่อง สูงส่ง และสันโดษถูกเยี่ยฉวนครอบครองไปเสียแล้วเขาจะรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
องค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านที่สนใจในตัวสตรีพร หมจรรย์อย่างลับๆ โกรธจัด จิตสังหารปะทุขึ้นอีกครั้ง
ทว่ามีผู้เปิดฉากโจมตีขึ้นก่อนที่เขาจะได้ลงมือ!
หลิวหงที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลพลันเหยียบ กระบี่บินพุ่งเข้ามา นางใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามเคลื่อนไหวมาอยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวนอย่างรวด เร็วก่อนจะจ้วงแทงกระบี่เข้าที่อกทุกสิ่งเกิดขึ้นกะทันหันโดยที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว แม้แต่หงจือเชียก็ไม่อาจตอบสนองได้ทันการณ์
“ฮ่าๆๆ เยี่ยฉวน สุดท้ายเจ้าก็ตายด้วยน้ํามือของข้า! ฮ่าๆๆ” หลิวหงแผดเสียงหัวเราะชั่วร้ายเมื่อได้จังหวะหลังรอคอยมาเป็นเวลานานนางฉวยโอกาสที่เยี่ยฉวนบาดเจ็บสาหัสเข้าจู่โจมอย่างกะทันหันแม้การขัดเกลาหยาดโลหิตมังกรจะทําให้ร่างกายของเยี่ยฉวนทนทานขึ้นแต่การโจมตีเขาในยามเจ็บหนักและไม่ทันระวังตัวกลับเป็นผลสําเร็จ
“หลิวหง เจ้าจะดีใจเร็วไปหน่อยแล้ว!”
เยี่ยฉวนสูดหายใจเข้าลึก เขาไม่ได้หลบหลีกหรือเคลื่อนไหวทั้งยังไม่แยแสกระบี่ที่ปักอยู่กลางอกหากแต่กระแทกศีรษะของตนเข้ากับอวัยวะ เดียวกันของอีกฝ่ายหลิวหงที่กําลังหัวเราะลั่นถูกส่งกระเด็นไปทางหมอกพิษพลุ่งพล่านโดยไม่ทันตั้งตัว!
“กร็ด… ฝ่าบาท ช่วยข้าด้วย…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนน่าหดหูดังแว่วมาจากก ลุ่มหมอกพิษจนกระทั่งเงียบลงในที่สุด
รูปปั้นเสมือนจริงอีกรูปปรากฏขึ้นข้างครรลอง มังกรปีศาจ รูปร่างอ่อนช้อยและเรียวขายาวของหลิวหงยังคงสง่างามเมื่อมองดูจากระยะไกลน่า เสียดายที่ทั้งร่างนั้นเย็นเฉียบไร้ออร่าความชั่วช้าเลวทรามและหยิ่งผยองทําให้หญิงงามต้องพบกับจุดจบในที่สุด