Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 24 ไม้กวาดสังหารคน
บทที่ 24 ไม้กวาดสังหารคน
ยามนี้จินหัวเสมือนสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนให้จนมุมจนต้องดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อเอาตัวรอด เขาพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนด้วยจิตสังหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเยี่ยฉวนยังอยู่ในอาการสงบ “ศิษย์น้องจินหัว…อย่าพยายามเอาชนะข้าเลย อย่างไรเจ้าก็หนีไม่พ้น ยอมจำนนต่อความผิดโดยดีเถิด…โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ข้าจะใช้ฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักร้องขอให้ท่านอาวุโสสูงสุดไว้ชีวิตเจ้า!”
แสร้งทำต่อไป! แสร้งเป็นคนดีไว้ก่อน!
‘ประสบการณ์ของเจ้ายังอ่อนนัก! ระดับข้าต้องปะทะกับบิดาจอมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจึงเหมาะสม!’
เขาลอบยิ้มเยาะและแสร้งพูดดี เพราะอาวุโสสูงสุดแอบฟังอยู่ที่ไหนสักแห่งและยังไม่ตอบสนองใดๆ ต่อเหตุการณ์ตรงหน้า…
“ฮ่าๆๆ ไอ้บัดซบ! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!” ความโกรธของจินหัวทวีถึงขีดสุด เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวน!
“เจ็ดก้าว!” เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก!
“เจ็ดก้าว?! หมายความว่าอย่างไร?!” จินหัวหยุดชะงักทว่าพลังปราณภายในร่างยังแปรปรวนพลุ่งพล่าน
เยี่ยฉวนกระชับแส้เทวะในมือ “ข้าหมายความว่า…หากเดินเข้ามาเพียงเจ็ดก้าว เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!”
“ฮ่าๆๆ! ไร้สาระ!”
ยามนี้จินหัวโกรธายิ่งจนไม่อาจยับยั้ง เขาหัวเราะราวคนสติก่อนพุ่งเข้าหาอีกฝ่าย! เพียงก้าวเดียวเท่านั้น…เสียงหัวเราะพลันเงียบลง ร่างกายสั่นสะท้านด้วยชีพจรที่จู่ๆ ก็เต้นแรงอย่างไร้เหตุผล
“ฆ่า!”
จินหัวไม่ใส่ใจอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนพลางพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า!
ก้าวที่สอง…ความแน่นอึดอัดก่อตัวขึ้นในทรวงอก แขนและขาทั้งหมดพลันอ่อนแรง!
ก้าวที่สาม…ทรวงอกค่อยๆ ร้อนขึ้นราวมีเปลวไฟโหมอยู่ภายใน!
ก้าวที่สี่…ความเจ็บปวดในทรวงอกสาหัสรุนแรงราวถูกมีดจ้วงแทงเป็นแผลฉกรรจ์!
การฝึกตนจนเป็นศิษย์ชั้นเลิศแห่งหอแปรธาตุทำให้เขาแข็งแกร่งและมีความอดทนสูงกว่าผู้อื่น! เขากัดฟันข่มความเจ็บปวดทั้งมวลก่อนรวบรวมพลัง…ทันใดนั้นอสูรเสือร้ายพลันปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ!
ก้าวที่หก…ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันราวทรวงอกระเบิดออกเป็นเสี่ยง! เสมือนหลอดเลือดและลำไส้ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ!
“อ๊าก!”
เขาแผดเสียงกรีดร้องราววัวถูกเชือด! รู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสเสียจนโสตประสาทขาวโพลนและว่างเปล่าไปชั่วขณะ การเคลื่อนที่ค่อยๆ เฉื่อยชาลง ทว่ายังฝืนสังขารเฮือกสุดท้ายให้เดินต่อเป็นก้าวที่เจ็ด…ทันใดนั้นทรวงอกของเขาพลันถูกแหวกออกก่อนที่จักจั่นป่าสีทองจะบินออกมาจากโพรงน่าสยดสยองนั้น เลือดคาวคลุ้งซึมกระจายเป็นวงกว้าง!
ตอนอยู่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล เยี่ยฉวนไม่เพียงมองเห็นแผนการสกปรกของอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่งและขับพิษน้ำยาทลายหยางออกได้ทันท่วงที ทว่ายังซ้อนแผนโดยการปล่อยบริวารเช่นจักจั่นป่าสีทองให้ชอนไชเข้าไปในร่างกายของจินหัวขณะส่งมอบผลึกเส้นโลหิตมังกรโดยไม่มีผู้ใดทันสังเกต จักจั่นตัวน้อยบินพล่านซุกซนไปอุดเส้นเอ็นและหลอดเลือด ทำให้จินหัวไร้ประสาทสัมผัสจนไม่สามารถสานสัมพันธ์ทางกายกับศิษย์น้องหญิงเสี่ยวซิงได้!
จินหัวนึกกระหยิ่มไปเองว่าพลังของตนมีความก้าวหน้าขึ้นหลังขัดเกลาผลึกเส้นโลหิตมังกรสำเร็จ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสับขาหลอก! ความเป็นจริงเขาถูกจักจั่นป่าสีทองที่แฝงอยู่ในร่างกายดูดกินเลือดและพลังวิญญาณราวปรสิต ประสาทสัมผัสและสมรรถภาพทางเพศถูกมันทำลายย่อยยับ! ที่สำคัญ…ภายในร่างของเขาปราศจากสมบัติล้ำค่าใดๆ เยี่ยฉวนไม่ได้มอบผลึกเส้นโลหิตมังกรให้แก่เขาจริงๆ!
“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าหากเดินเพียงเจ็ดก้าวเจ้าจะสิ้นใจโดยไร้หนทางเอาชนะ ทว่าเจ้ากลับไม่เชื่อ…จนต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้!” ดวงตาคมกริบของเยี่ยฉวนฉายแววเย็นชา เขาส่ายหน้าพลางแสดงความสงสารขณะมองอีกฝ่ายที่กำลังกรีดร้องโหยหวน
“อะ-ไอ้สารเลว! จะ-เจ้า…กล้าลงมือสังหารข้า?”
จินหัวรู้สึกกลัวลนลานขณะเห็นจักจั่นป่าสีทองบินออกจากโพรงแผลบริเวณทรวงอกของตน ไม่คาดคิดว่าเยี่ยฉวนจะกล้าลงมือสังหารโดยใช้อาวุธที่น่ากลัวถึงเพียงนี้!
“ศิษย์น้องจินหัว…เจ้าช่างพูดมากเสียจริง!”
ดวงตาเยี่ยฉวนพลันปรากฏแสงสว่างวาบขณะโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ จักจั่นป่าทองคำบินเข้าไปภายในร่างและซ่อนตัวอยู่ในผลึกเส้นโลหิตมังกรอย่างรวดเร็ว เขาเงื้อแส้เทวะขึ้นสูงก่อนฟาดเข้าที่ลำตัวของอีกฝ่ายสุดแรงจนเกิดเสียงเพี้ยะดังก้องทั่วบริเวณ! จินหัวเบิกตากว้างก่อนกระอักเลือด…ลมหายใจสุดท้ายของเขาถูกพรากไปด้วยการตีเพียงครั้งเดียว! ร่างไร้วิญญาณล้มลงกับพื้นทันที!
“หยุดมือ!”
อาวุโสสูงสุดตะโกนสุดเสียงพลางวิ่งออกไปหมายห้ามเยี่ยฉวน ทว่าสายไปเสียแล้ว…
“เยี่ยฉวน! นี่เจ้า…”
ชายชราผู้เป็นที่รู้จักในนามปรมาจารย์แห่งเต๋าของสำนักหมอกเมฆายืนนิ่งอย่างตื่นตะลึง! เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาไม่ทันตั้งตัว ไม่คาดคิดว่าจินหัวผู้บรรลุขั้นซิวฉือระดับสองจะถูกสังหารโดยไม้กวาดธรรมดาๆ ของศิษย์พี่ใหญ่ผู้บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับห้า! ทั้งเยี่ยฉวนยังไม่ถูกอีกฝ่ายโจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
“อาวุโสสูงสุด…ขออภัยที่ข้าไม่สามารถยั้งมือไว้ได้ทัน ไม่นึกว่าเขาจะสิ้นใจเร็วถึงเพียงนี้…บั้นปลายชีวิตของศิษย์น้องจินหัวหมกมุ่นอยู่แต่กับการทำลายข้า!” เยี่ยฉวนไม่ปรายตามองร่างไร้ลมหายใจของอีกฝ่ายแม้แต่น้อยราวร่างนั้นเป็นเพียงแมลงวันที่ตกตาย!
“เยี่ยฉวน…เจ้าฆ่าจินหัวด้วยไม้กวาดด้ามนี้จริงหรือ?!”
ซู่โกวหง อาวุโสสูงสุดเบิกตากว้าง! แม้เขาจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตาตนเองทว่ายังทำใจให้เชื่อได้ยากยิ่ง!
“ศิษย์น้องจินหัวทำการขัดเกลาผลึกเส้นโลหิตมังกรอย่างเร่งด่วน ทว่าอานุภาพของผลึกนั้นมหาศาลเกินกว่าร่างกายของเขาจะรับไหว ข้าอาจใช้ไม้กวาดตีถูกจุดอ่อนบางอย่างของเขาเข้า ทำให้ร่างที่อ่อนแออยู่แล้วไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดเพิ่มอีก”
เยี่ยฉวนยกเหตุผลอื่นที่มีความเป็นไปได้สูงมาอธิบายแทน เพราะไม่ต้องการเปิดเผยว่าตัวเขามีจักจั่นป่าทองคำอยู่ในครอบครอง “ศิษย์น้องจินหัวเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ทว่าเขากลับวางแผนการชั่วร้ายเพื่อกำจัดข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขาละโมบอยากดำรงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆามาโดยตลอด สุดท้ายแม้หลีกหนีอย่างไรก็ไม่พ้นอำนาจสวรรค์…ยามนี้ผลกรรมที่คิดร้ายต่อข้าย้อนคืนสนองเขาแล้ว!”
อาวุโสสูงสุดได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวคำใดไม่ออก สิ่งที่เยี่ยฉวนพูดทั้งหมดเป็นความจริง เขาได้ยินกับหูและเห็นกับตาว่าจินหัวรับสารภาพทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องลอบทำร้ายเยี่ยฉวนหรือเรื่องบุุกรุกหอคัมภีร์สงครามเพื่อขโมยตำราลับมังการอวตารก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทั้งสิ้น แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือการที่เยี่ยฉวนรู้เท่าทันแผนการของอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง! คนที่เคยโง่เขลาเบาปัญญาและพูดน้อยราวเป็นใบ้เช่นเขาจะฉลาดถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? หรือก่อนหน้านี้เขาแสร้งโง่มาโดยตลอด?!
“หากเจ้ารู้อยู่แล้วว่าการขัดเกลาผลึกเส้นโลหิตมังกรอาจเกิดอันตรายใหญ่หลวงต่อตัวผู้ฝึกตน แล้วเหตุใดเจ้าจึงจงใจมอบมันเป็นของกำนัลให้จินหัวเล่า?” ชายชราเอ่ยถาม
“ท่านเจ้าสำนักออกท่องยุทธภพจึงไม่มีผู้ใดชี้แนะวิธีการขัดเกลาผลึกนั้น หากข้าไม่แสร้งผูกมิตรและมอบมันให้จินหัว ไม่ช้าก็เร็วข้าคงต้องตายด้วยเงื้อมมือเขาในสักวัน ด้วยระดับการฝึกตนที่อ่อนแอ…ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจเช่นนั้น” เยี่ยฉวนนึกอยู่แล้วว่าจะต้องมีคนตั้งคำถามเช่นนี้ ดีที่เขาเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า
ชายชรามองไปยังเยี่ยฉวนผู้ได้รับแต่สายตาที่เย็นชาจากบรรดาผู้อาวุโสหลายๆ ท่าน ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด เขากล่าวคำเบาอย่างรู้สึกผิด “ทั้งหมดถือเป็นความผิดของข้าที่ไม่คอยดูแลสารทุกข์สุกดิบจนทำให้เจ้าเผชิญความยากลำบากมานานหลายปี…”
ชายชราถอนหายใจยาว เขาแสร้งหลับหูหลับตาไม่รับรู้ความขัดแย้งภายในสำนักมาหลายต่อหลายปี การที่เยี่ยฉวนอดทนต่อความอัปยศอดสูที่ผู้คนหยิบยื่นให้มาจนถึงวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย “แม้จินหัวสมควรตายทว่าเขาก็ตายด้วยน้ำมือของเจ้า เจ้าแห่งหอสายนเวทรวมถึงอาวุโสลำดับสามไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้เป็นแน่ โท่วป่าเซียงอีกเล่า?! บุตรสาวของเขากำลังจะได้แต่งงานกับจินหัวอยู่แล้ว…เขาจะยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?!”
“อาวุโสสูงสุดไม่ต้องกังวลไป ข้าจะจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตนเองโดยไม่พาดพิงให้ท่านและสำนักหมอกเมฆาต้องเสื่อมเสีย!”
ขณะที่ชายชรารู้สึกวิตกกังวลกับความร้าวฉานระหว่างสำนักที่อาจเกิดขึ้น ทว่าเยี่ยฉวนกลับสงบนิ่งราวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องทั้งหมด เขากล่าวออกหลังนิ่งเงียบเป็นเวลานาน “ระหว่างนี้เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมากมาย สามเดือนก่อนบรรดาผู้พิทักษ์ถูกลอบสังหารในสุสานเทพเจ้า ผู้ใดกันที่รู้ความเคลื่อนไหวและแข็งแกร่งพอจะทำเช่นนั้น?! ครั้นระยะเวลาการประลองระหว่างสามสำนักใกล้เข้ามา โท่วป่าเซียงที่เป็นสำนักคู่แข่งกลับเดินทางมาเยือนถึงที่ ทั้งยังต้องการผูกสัมพันธไมตรีโดยการแต่งงานกับคนของเราอย่างกะทันหัน เรื่องทั้งหมดนี้ท่านไม่รู้สึกสงสัยแม้แต่น้อยเชียวหรือ?!”
“เยี่ยฉวน! เจ้ากำลังจะบอกว่า…” ชายชราพึมพำพร้อมสายตาวูบไหว
“ข้าสงสัยว่าอาจมีหนอนบ่อนไส้ที่มีตำแหน่งสูงอยู่ในสำนักของเรา!” เยี่ยฉวนเว้นจังหวะก่อนกล่าวต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ขณะท่านเจ้าสำนักออกท่องยุทธภพ การแก่งแย่งชิงดีในอำนาจและผลประโยชน์ภายในสำนักทวีความรุนแรงราวคลื่นใต้น้ำ ท่านอาวุโสสูงสุดคงรู้ดีว่าผู้ใดผูกขาดการดูแลหอศาสตราวุธถึงขั้นห้ามไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปหากไม่มีหลักฐานการอนุญาตมาแสดง บุคคลผู้นั้นเป็นคนเดียวกันกับที่คอยเกณฑ์บรรดาศิษย์มาท้าประลองกับข้าอยู่เนืองๆ โท่วป่าเซียงเจ้าสำนักเครื่องนิลอาจรับรู้อยู่แล้วว่าข้าอ่อนแอเช่นไรจึงระบุเจาะจงว่าบุตรสาวของเขาจะต้องแต่งงานกับศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเท่านั้น! เป็นไปได้ว่าการผูกสัมพันธไมตรีนี้เป็นเพียงฉากบังหน้าและกลยุทธ์สกปรกในการทำลายสำนักหมอกเมฆาทางอ้อม ยามนี้เขาทำให้คนของสำนักเรากลายเป็นตัวตลก ที่แต่งงานกับบุตรสาวผู้มีรูปโฉมน่าเกลียดราวนกอินทรียักษ์ ทว่าภายภาคหน้าผู้ที่โชคร้ายอาจเป็นข้า เป็นท่าน หรือแม้แต่จูซือเจีย…”
“พวกมันเหิมเกริมถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?!” สีหน้าของชายชราเย็นเยือกราวน้ำแข็ง จิตสังหารของเขาปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง!
ช่วงเวลาไม่นานมานี้เขาเพิ่งสูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่งไป ยามนี้จูซือเจียเป็นหลานสาวผู้เดียวที่หลงเหลืออยู่ในชีวิต หากผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวและกระทำการหยาบช้า หรือกล้าแตะต้องแม้เพียงเส้นผมของนาง เขาสามารถฉีกร่างคนผู้นั้นออกเป็นชิ้นๆ!
“ถึงขั้นนี้แล้วไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาไม่กล้าทำอย่างแน่นอน ความขัดแย้งภายในสำนักอาจก่อให้เกิดการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าการสู้รบระหว่างสำนักเสียอีก! ดังนั้นท่านไม่ควรนิ่งนอนใจ!” เยี่ยฉวนรีบตีเหล็กขณะที่ยังร้อน
“เฮ้อ…”
ชายชราถอนหายใจอีกครั้งและไตร่ตรองอย่างเงียบเชียบ ตลอดช่วงชีวิตอันยาวนานเขาต้องเผชิญกับภยันตรายที่ไม่คาดคิดมากมาย ทว่าเขาเลือกที่จะต่อสู้ด้วยตนเองเพราะไม่อาจทนเห็นบรรดาศิษย์ร่วมสำนักต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ท่านอาวุโสสูงสุด…”
ครั้นเห็นท่าทีลังเลไม่กล้าตัดสินใจของอีกฝ่ายเยี่ยฉวนถึงกับลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าคนใกล้เข้ามาจึงไม่ทันได้กล่าวหว่านล้อมใดๆ ต่อ
ในบรรดาผู้คนที่วิ่งออกมาจากความมืดและตรงมายังที่เกิดเหตุ มีเสียงคร่ำครวญหวนไห้อย่างโศกเศร้าราวใจจะขาดดังขึ้น…
“หัวเอ๋อร์! หัวเอ๋อร์ลูกชายข้า! ผู้ใดฆ่าเจ้า?! มันเป็นใคร…”
ร่างกายของจินหัวเย็นเยียบ ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด ดวงตาเบิกโพลงและแดงก่ำราวกับเลือด จินจื่อคุนเห็นสภาพน่าเวทนาเช่นนั้นจึงทิ้งตัวลงกอดร่างไร้วิญญาณของบุตรชายไว้ในอ้อมแขนพลางร่ำไห้โหยหวนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด อาวุโสลำดับสามและผู้ติดตามจำนวนหนึ่งเร่งรุดมาถึง ครั้นเห็นว่าเกิดเหตุใดขึ้นกับลูกศิษย์คนโปรดใบหน้าของเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด จิตสังหารรุนแรงแผ่เป็นวงกว้างราวเมฆหมอกบนท้องฟ้า!
เยี่ยฉวนต้องเตรียมรับมือกับอาวุโสลำดับสามและเจ้าแห่งหอแปรธาตุซึ่งเป็นบุคคลสำคัญภายในสำนักก่อน ส่วนโท่วป่าเซียงแห่งสำนักเครื่องนิลผู้เป็นบุคคลนอกยังมาไม่ถึง
แสงจากคบเพลิงสว่างเรืองเป็นแนวยาวในความมืด เสียงฝีเท้าของบรรดาศิษย์และเหล่าทหารองครักษ์หลายสิบคู่ดังสนั่นราวฟากฟ้ากัมปนาทขณะวิ่งตรงมาจากทุกทางจนพื้นดินสั่นสะเทือน…