Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 226 ขอบเขตคมมีด
บทที่ 226 ขอบเขตคมมีด
เมื่อมู่หรงซุ้ยเฟิงมีใบมีระดับสวรรค์ข้างกายทำ ให้เขาบังเกิดความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงและเดือดดาลยิ่ง กว่าครั้งก่อน!
เยี่ยฉวนผู้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจนไม่สามารถหายใจได้อย่างสะดวกขอบเขตคมมีด!
ขอบเขตดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากทักษะของมู่หรงซุ้ยเฟิงแต่เกิดจากใบมีดระดับสวรรค์ที่เขาถืออยู่ในมือ ไม่น่าเชื่อว่ามันสามารถแสดงพลังทรงอานุภาพถึงเพียงนี้!
เยี่ยฉวนผู้เคยเป็นถึงมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ในภพชาติก่อนมีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับมันอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ทั้งยังรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่ง!
สมบัติทุกชนิดบนโลกมีการแบ่งย่อยออกตามระดับคุณภาพ แบ่งเป็นขั้นเทวาลัยหรือระดับสวรรค์ ขั้นปถพี ขั้นซวน และขั้นอำพัน ซึ่งสมบัติขั้นสูงสุดอย่างขั้นเทวาลัยเป็นสิ่งที่เสาะหามาครอบครองได้ยากยิ่ง แต่เมื่อเป็นเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ยิ่งรับมือได้ยากขึ้นไปอีก!
ซึ้ง! เสียงอาวุธมีคมเชือดเฉือนผ่านอากาศหวีดแหลมดังเสียดแก้วหู
ตอนนี้การเคลื่อนที่ของมู่หรงซุ้ยเฟิงรวดเร็วยิ่ง กว่าครั้งก่อนหน้าถึงสามในสิบ ราวกับใบมีดระดับสวรรค์ส่งเสริมให้คุณสมบัติทุกประการที่มีรวมถึงวรยุทธ์การต่อสู้พัฒนาขึ้นโดยไร้ขีดจำกัด เขาฟาดฟันอาวุธอย่างดุเดือดโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งรับ แสงสว่างสีแดงที่สะท้อนจากใบมีดซึ่งมีความยาวเพียงหนึ่งช่วงแขนขยายขึ้นเป็นสองเท่าทั้งยังร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟแผดเผา!
เยี่ยฉวนเร่งก้าวถอยกลับอย่างรวดเร็วพร้อมโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งหกใบเพื่อต้านทานแร งกดดันหนักหน่วงที่มองไม่เห็นจากขอบเขตคมมีด
เสียงอู้อี้เสียดโสตประสาทคล้ายเสียงมีดทำครัวปาดบนพื้นผิวเขียงไม้ดังกังวานไปทั่วบริเวณ
เยี่ยฉวนถอยกรูดออกห่างไปอีกประมาณห้าเมตร หน้าอกของเขาถูกผ่าเป็นแนวเฉียงโดยตรงจนเขาทรุดลงกองกับพื้นเพราะไม่อาจต้านไหวโลหิตแดงฉานไหลย้อมทั่วชุดคลุมอย่างน่าสะพรึงกลัว เขาถอยหลบหลีกจากคมมีดของอีกฝ่ายได้ทันการณ์ ทว่ามันยังฝากบาดแผลฉกรรจ์ไว้บนร่างเขาจากอกซ้ายเอียงลาดไปยังหน้าท้องด้านขวา หากเขาเคลื่อนไหวช้ากว่านี้เพียงครึ่งก้าวอาจถูกผ่าท้องจนเครื่องในทะลัก หรือไม่ร่างกายก็อาจขาดสะพายแล่ง!
เยี่ยฉวนแบมือออกเพื่อสัมผัสบาดแผลของตนเมื่อเห็นว่าฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือดสดๆ เกินความคาดหมายจึงตื่นตระหนกยิ่ง!
หลังเขากลั่นโลหิตมังกรปีศาจตัวน้อยจนเกิดยันต์รูปมังกรปีศาจที่ควบแน่นในจุดตันเถียน ร่างกายที่เคยทรุดโทรมพลันแกร่งขึ้นกว่าเก่าอย่างมหาศาล แม้แต่ยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ายังอาจด้อยกว่า แม้ขณะที่เขานิ่งสงบเข้าสู่สมาธิหลิวหงยังไม่อาจทำอันตรายเขาถึงตาย มีเพียงปลายแหลมคมของกระบี่บินที่แทงลึกเข้าไปในอกเพียงสองนิ้ว ดังนั้นใบมีดระดับสวรรค์ของมู่หรงซุ้ยเฟิงต้องมีความคมเป็นพิเศษเหนืออาวุธสังหารทั่วไปเป็นแน่!
เยี่ยฉวนเผยสีหน้าเครียดเคร่ง เขาตระหนักทันทีว่าตนประมาทในพลังทำลายล้างของมันเกิน ไป!
ห้วงความทรงจำเก่าๆ สมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ ในดินแดนรกร้างกว้างใหญ่แห่งนี้ปราศจากอาวุธที่ทรงพลังยิ่งดังกล่าว เขาไม่แน่ใจว่ามันถูกสร้างขึ้นหลังจากที่ถูกกักขังในสุสานเทพเจ้าหรือมันไม่ใช่มรดกเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในดินแดนนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม มันอาจเป็นสมบัติล้ำค่าจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่เขาไม่เคยพานพบก็เป็นได้! คงมีเพียงดินแดนห่างไกลดังกล่าวที่สามารถผลิตอาวุธสังหารซึ่งเปี่ยมพลังอันรุนแรงไร้เทียมทานเช่นนี้!
ชายหนุ่มหวนคิดไปถึงท้องมหาสมุทรสีดำสนิทที่อยู่ในภาพนิมิตของโลกเหนือแดนสวรรค์ เพียงพลังปราณที่มองไม่เห็นซึ่งกระเพื่อมไหวอยู่ในชั้นบรรยากาศก็มีพลังทำลายล้างรุนแรงมากพอที่จะแยกร่างมนุษย์ให้ขาดครึ่งออกจากกัน ใบมีดระดับสวรรค์นี้จะต้องถูกสร้างขึ้นโดยใช้พลังปราณนั้นจึงได้โหดเหี้ยมเหนืออาวุธอื่นเป็นเท่าทวี! เห็นทีคงมีเพียงยอดฝีมือจากดินแดนแห่งนั้นที่สามารถรับมือกับมันโดยง่าย
“เข้ามา! ไอ้สารเลว! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะต้านทานการโจมตีจากข้าได้สักกี่กระบวนท่า!”
มู่หรงซุ้ยเฟิงพุ่งตัวไปด้านหน้าอีกครั้งพร้อมทิ้งภาพลวงตาไว้เบื้องหลังทั้งมุมซ้ายและขวา คมดาบซึ่งผนวกพลังปราณหนาแน่นเหวี่ยงไปทางเยี่ยฉวนอีกครั้ง ชายหนุ่มยังไม่ทันตั้งรับแต่อย่างใดกลับถูกโจมตีจนเกิดบาดแผลลึกบนร่างเป็นครั้งที่สอง! แสงสะท้อนของใบมีดฟาดฟันกลางอากาศครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งมู่หรงซุ้ยเฟิงออกแรงโจมตีเพียงใดความกระหายในชัยชนะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น!
เสียงอื้ออึงบริเวณห้องโถงเงียบกริบ…
ยอดฝีมือทุกคนหลงลืมการต่อสู้เพื่อช่วงชิงสมบัติล้ำค่าไปชั่วขณะและหันมาเฝ้าดูการต่อสู้อันน่าซึ่งตรงหน้าเป็นตาเดียว ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจด้วยเกรงว่าอาจเกิดเสียงเล็ดลอดออกไปทำลายบรรยากาศ ครั้นสังเกตเห็นพลังทำลายล้างมหาศาลของใบมีดระดับสวรรค์ในมือของมู่หรงจุ้ยเฟิงผู้บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าผู้คนต่างมีเม็ดเหงื่อผุดพราวบนใบหน้า หลายคนตั้งข้อสงสัยกับตนเองว่าหากตนยืนอยู่จุดเดียวกับเยี่ยฉวนในขณะนี้จะสามารถต้านทานพลังของอีกฝ่ายได้หรือไม่?! ด้วยขั้นการฝึกตนของมู่หรงซุ้ยเฟิงที่สูงส่งกว่าเยี่ยฉวนมากนักรวมถึงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนไม่อาจจับตามอง อีกทั้งยังมีอาวุธสังหารอันทรงพลังในมือเช่นนี้ เยี่ยฉวนจะสามารถเอาตัวรอดให้พ้นจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายได้โดยวิธีใด?
หลิวหงซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างเผยรอยยิ้มเย็นเยือกอย่างร้ายกาจ
ครู่นี้ถ้อยคำเหน็บแนมจากเยี่ยฉวนที่ว่านางเปลี่ยนต้นขาใหม่เพื่อเกาะแสวงหาผลประโยชน์ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด การที่นางจะเปลี่ยนที่พึ่งพิงในชีวิตใหม่เป็นเรื่องน่าอับอายหรืออย่างไร? การอยู่เคียงข้างผู้ที่ไร้ซึ่งอำนาจและบารมีสิน่าอับอายยิ่งกว่า…หนำซ้ำยังอาจถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าใช้กำลังบดขยี้ ด้วยขั้นการฝึกตนของนางที่ยังไม่เกิดการพัฒนาสู่ระดับที่สูงขึ้นทำให้การสังหารเยี่ยฉวนด้วยมือตนเองเป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่ง! แต่หากบริหารเสน่ห์ที่มีให้ถูกกาลเทศะอาจโน้มน้าวให้คุณชายสูงศักดิ์เช่นมู่หรงซุ้ยเฟิงสังหารเยี่ยฉวนแทนตนได้!
“ศิษย์พี่ใหญ่! ระวัง!”
“โจมตีกลับเร็วขอรับศิษย์พี่ใหญ่!”
จซื้อเจียและจ้าวต้าจ๋อตะโกนร้องเรียกเยี่ยฉวน เสียงแหบแห้งด้วยความตื่นตระหนกในสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้า แม้พวกเขาต้องการเข้าไปช่วยเหลือเพียงใดรังแต่จะเป็นการรนหาที่ตายโดยไม่สมควรเสียเปล่า มู่หรงซุ้ยเฟิงแข็งแกร่งจนสามารถเข่นฆ่าผู้คนและสับร่างออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวผักปลา ส่วนโท่วป่าเชียงเนียวเปล่งเสียงอู้อี้ขณะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการและครครวญด้วยความวิตก นางทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากนิ่งมองเยี่ยฉวนที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าต่อตา!
ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างสนามประลองก็ประหม่าไม่แพ้กัน เยี่ยฉวนได้รับบาดเจ็บหนักจนเลือดท่วมทว่ายังยืนหยัดอยู่ที่เก่าอย่างมั่นคงโดยไม่แสดงความอ่อนแอใดๆ ให้ศัตรูเย้ยหยัน เขาเบี่ยงกายหลบการโจมตีจากอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าโดยปกป้องอวัยวะสำคัญเช่นลำคอและหัวใจ
“หรือข้าควรเรียกราชันจักจั่นทองคำหกปีกออกมาโจมตีเสียตั้งแต่ตอนนี้?
เยี่ยฉวนฉุกคิดว่าตนควรโต้กลับ แต่แล้วก็สลัดความคิดบ้าบินครู่นี้ทิ้งไปเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะสม…
จักจั่นทองคำหกปีกที่เขาเรียกใช้ให้ไปซ่อนตัวอยู่ใต้คอเสื้อของมู่หรงจุ้ยเฟิงควรเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ทันทีที่เรียกใช้ต้องแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะดับดิ้นภายในกระบวนเดียว ต่อให้เขาเรียกวิญญาณร้ายเฮยกุ้ยหรือกองทัพสัตว์อสุรกายต่างๆ ออกมาร่วมรบพวกมันอาจไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งนั้นได้ แม้แต่ภูตทะเลสาวหงลี่ลี่ยังไร้ประโยชน์สำหรับสถานการณ์คอขาดบาดตายเช่นนี้ ตอนนี้มู่หรงซุ้ยเฟิงแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะกระทำการทุ่มบ่าม หากเปิดไพ่ตายเร็วเกินไปไม่แน่ว่าเขาอาจพลาดท่าเสียที่อย่างยากจะแก้ไข
เยี่ยฉวนไม่มีความมั่นใจเพียงพอว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายจึงทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบการโจมตีไปเรื่อยๆ เท่านั้น บนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายและเลือดที่ไหลอาบจนแดงฉาน เวลานี้เขายังรักษาท่าที่นิ่งสงบได้ แต่บรรดาผู้สังเกตการณ์ต่างโคลงศีรษะด้วยความเวทนาหลายครั้ง โท่วป่าเชียงแปรเปลี่ยนสีหน้าด้วยไม่คิดว่าเด็กเยี่ยฉวนจะมีความอดทนสูงถึงเพียงนี้ทว่าเจ้าสำนักชราเพียงนึกชื่นชมเท่านั้นไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซงหรือช่วยเหลือแต่อย่างใด ส่วนอาวุโสเฟิงเหรินแห่งสำนักเบญจลักษณ์มองทุกกระบวนท่าที่เยี่ยฉวนใช้โดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา หากเสร็จสิ้นการโจมตีเขาใคร่ลากตัวเด็กหนุ่มผู้นี้มาเค้นถามเกี่ยวกับเคล็ดวิชาไร้เทียมทานให้สิ้นสงสัย ครั้นเห็นว่ามู่หรงซุ้ยเฟิงยังไม่มีทีท่าว่าจะรามือจึงพับเก็บความคิดเหล่านั้นไปเสียก่อน
มู่หรงซุ้ยเฟิงผู้มีใบมีดระดับสวรรค์อยู่ข้างกายยังคงฮักเหิมด้วยจิตสังหารอันแก่กล้าเพราะพลังยุทธ์เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ความกระหยิ่มเล็กน้อยพลันบังเกิดเมื่อเวลานี้แม้แต่อาวุโสเฟิงเหรินผู้เก่งกาจแห่งเทือกเขาหมอกเมฆายังไม่กล้าหยิ่งผยอง
ทันใดนั้นการเปลี่ยนแปลงบางประการพลันปรากฏขึ้นกับโลงศพหินบนแท่นบูชา!
ขณะที่ฝูงชนเพ่งความสนใจไปทางการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างมู่หรงซุ้ยเฟิงและเยี่ยฉวน ทั้งยังคาดเดาไปว่าอย่างไรเยี่ยฉวนก็ต้องตายด้วยเอื้อมมือของอีกฝ่ายเป็นแน่ โลงศพหินบนแท่นบูชากลับสั่นสะเทือนโดยแรงพร้อมพลังงานสีขาวสว่างที่ระเบิดออกมาจากภายใน สัมผัสแห่งความอันตรายรุนแรงแผ่ออกจากโลงศพพร้อมพลังงานที่มีอานุภาพสูงส่งจนพื้นดินสั่นไหว! รัศมีดังกล่าวขยายกระจายไปเป็นบริเวณกว้างราวสมบัติที่อยู่ภายในกำลังจะปรากฏสู่สายตา ไม่แน่ว่าอาจเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่เพิ่งตื่นจากการจำศีล!
“มรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์! สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏ!”
“ฝาโลงเคลื่อนเปิดแล้ว! ขอบเขตป้องกันคลายตัวลง!”
ยอดฝีมือจากทั่วสารทิศหันขวับกลับไปมองการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันบางคนเร่งฝีเท้าเข้าใกล้โลงศพหินอย่างไม่รอช้าหมายช่วงชิงสมบัติล้ำค่าที่อยู่ภายในไปครอบครองก่อนผู้อื่นและหลบหนีออกไป แม้แต่มู่หรงจุยเฟิงผู้มีจิตสังหารแรงกล้าก็หยุดชะงักการโจมตีอย่างกะทันหันและไม่ใส่ใจสังหารเยี่ยฉวนอีกต่อไป
แน่นอนว่าเขาโกรธายิ่งจนอยากสังหารเยี่ยฉวนและสับร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ ให้สาสม ทว่ามรดกล้ำค่าของอาณาจักรสวรรค์ที่กำลังจะปรากฏมีความสำคัญต่อเขามากกว่า ครั้งนี้เขาอุตส่าห์เดินทางไกลจากเมืองหลวงหมายยึดครองสมบัติในสถานที่แห่งนี้ หากทำไม่สำเร็จดังความมุ่งหวังอาจไร้โอกาสครอบครองใบมีดระดับสวรรค์ของท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลขุนนางมู่หรงไปตลอดชีวิต!