Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 189 ก้อนผลึกมนุษย์
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 189 ก้อนผลึกมนุษย์
โท่วปาเซียงเนียวและพี่ใหญ่ลู่เร่งร้อนมาดูอาการของหนาสุ่ยด้วย เช่นกันสีหน้าทั้งสองเผยความวิตกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหลือขาเพียงข้างเดียว
หนาสู่ยที่อาสาจัดการอสูรหินเศียรพยัคฆ์กลับพบเจอความโชคร้ายยิ่งตอนนี้เขาสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง อีกทั้งหลิวหงยังตัดขาของ เขาอย่างเหี้ยมโหดไม่มีแววตาลังเลใดปรากฏเลยแม้แต่น้อยในขณะทําเช่นนั้น
ขณะที่ทุกคนกําลังจับจ้องขาของหนาสุ่ย พลันรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่แล่นผ่านเท้าขึ้นมา
แผ่นดินไหวอะไรกัน?
โท่วปาเซียงเนียวมองไปรอบๆ พร้อมอุทานออก
อสูรหินเศียรพยัคฆ์ที่ถูกลากเข้ามาในปาหินแห่งนี้กําลังสับสนมันไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรจึงปินปายก้อนหิน แต่ด้วยน้ําหนักตัวที่มากเกินทําให้แผ่นดินทั้งหมดสั่นสะเทือน
“อ๊ะ…”
“วิ่งเร็วเข้า!”
ทั้งกลุ่มเผยสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมกับวิ่งไปที่หินก้อนอื่นทันทีหลิวหงที่เป็นผู้นํากลุ่มวิ่งออกไปคนแรก แม้แต่หนาสุยที่เหลือขาเพียงข้างเดียวซึ่งกําลังโอดครวญก็ต้องใช้ขาที่เหลือเพื่อกระโดดหนีใบหน้าของเขาซีดขาวไร้โลหิตพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้านอย่างไรการควบคุม
อสูรหินเศียรพยัคฆ์ตนนี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น มันยังสามารถกระโดดและปืนปายได้ด้วยหรือ?
อสูรหินเศียรพยัคฆ์ที่กําลังปืนขึ้นก้อนหินใหญ่สร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกคนยิ่ง เมื่อเทียบกับอสูรหินเศียรสุนัขตัวก่อนแล้ว มัน แข็งแกร่งกว่ามากโข!
โฮก!
อสูรหินเศียรพยัคฆ์คํารามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับเริ่มไล่ล่าหลิวหงร่างใหญ่ของมันกระโดดไปยังหินอีกก้อนอย่างคล่องแคล่วตอนนี้ระยะห่างระหว่างมันกับหลิวหงเหลือเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น สําหรับหลิวหงแล้วในทุกครั้งยามออกไปด้านนอกนางมักจะประ
ณีตกับการเลือกสรรเสื้อผ้าให้ผู้คนสะดุดตา ความงามของนางนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้อื่นเสมอ แต่คราวนี้นางโชคร้ายที่ผ้าผ่อนของตนกลับไปสะดุดสายตาของอสูรร้ายเสียแล้ว นี่คือราคาที่นางต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสวยงาม!
“โจมตี!หยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”
หลิวหงหวาดกลัวจนเริ่มหนีอย่างลนลาน ข้างหลังของนางมีก้อนหินขนาดใหญ่กําลังไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง หินทุกก้อนที่มันเหยียบย่ําล้วนแต่สั่นคลอนราวกับจะพังทลายลง แต่อย่างไรมันก็ยังไม่หยุดพยายามหลิวหงผู้แสนฉลาดปราดเปรื่องในด้านการวางแผนกลับกลายเป็นกังวลเสียจนหลังเหงื่อเย็นเฉียบ หัวใจของนางเต้นรัวอย่า งบ้าคลั่งในขณะออกวิ่ง
พี่ใหญ่ลู่เข้าช่วยเหลือด้วยการขว้างหินก้อนใหญ่ออกแม้หินก้อนนี้จะสามารถทําให้ผู้เชี่ยวชาญระดับซิวถือกระอักเลือดได้แต่สําหรับศีรษะของอสูรร้ายตัวนี้กลับรู้สึกคันๆ เท่านั้น มิหนํา
การเคลื่อนไหวของมันยังไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย
กระบี่บินสองเล่มพุ่งขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของมันคือดวงตาของอสูรหินเศียรพยัคฆ์
โท่วปาเซียงเนียวซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งและหนาสุ่ยจากสํานักเบญจลักษณ์พยายามโจมตีอสูรร้ายที่กําลังไล่ตามหลิวหงอย่างไม่ลดละดวงตาคือจุดอ่อนของมัน แม้ว่าจุดอ่อนที่ค้นพบจะถูกต้องแต่โชคไม่ดีนักที่พลังของพวกเขายังไม่เพียงพอจะสร้างบาดแผลให้ อีกฝ่าย กล่าวได้ว่าอสูรตนนี้แข็งแกร่งเกินไปอสูรหินเศียรพยัคฆ์ยก แขนขึ้นเพื่อปกป้องดวงตาของตนเองแล้วจึงเลิกสนใจกระบี่บินที่ล้อมรอบไปโดยสมบูรณ์ มันยังคงวิ่งไล่ล่าหลิวหงต่อส่วนหลิวหงที่เชี่ยวชาญด้านการหลบซ่อนอําพราง เวลานี้นางกลับตกอยู่ในสถา นการณ์ที่ยากลําบากยิ่งและความเหนื่อยล้าเริ่มปกคลุมร่างกาย
มีคนอื่นมากมายอยู่โดยรอบแต่ทําไมมันจึงเลือกที่จะวิ่งตามนาง?
ขณะมองย้อนไป นางเห็นว่าอสูรหินเศียรพยัคฆ์กําลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆตอนนี้ความกดดันเริ่มทําให้ตึงเครียด จิตใจของหญิงสาวเริ่มกรีดร้องหาความยุติธรรม!
นางพยายามบอกกล่าวให้พี่ใหญ่ลู่และหนาสู่ยจัดการกับมันเพื่อที่จะสลัดอสูรหินเศียรพยัคฆ์ออกไป ทว่านางกลับต้องแปลกใจที่อสูรร้ายไม่ยอมรามือและยังคงวิ่งตามอย่างไม่ลดละ
“หน่าฮุย หนาซาน ไอ้พวกขยะ! พวกเจ้าสองคนมัวทําสิ่งใดอยู่?คุณชายเยี่ย… คุณชายเยี่ยทําอะ..”
หลิวหงกรีดร้องออกมาอย่างกระวนกระวายในขณะที่มองไปรอบๆด้วยเช่นกัน ทั้งหนาซาน พี่ใหญ่ลู่และโท่วปาเซียงเพียวพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือนาง แม้แต่หน่าลุยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังกัดฟันและออกมาต่อสู้ ทว่ากลับไม่พบร่องรอยของเยี่ยฉวนแม้แต่น้อยเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไอ้บัดซบ!
หลิวหงสาปแช่งอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน ตอนนี้นางกําลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งอสูรหินเศียรพยัคฆ์ยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องราวกับมันไม่เคยเหน็ดเหนื่อย
“เฮ้ ข้าอยู่นี่ ศิษย์พี่หญิงใหญ่หลิว…ข้ามาช่วยแล้ว!”
ขณะที่หลิวหงกําลังหลบหนีอย่างว้าวุ่นใจ นางวิ่งมาจนเกือบชายแดนของปาหิน เยี่ยฉวนปรากฏตัวขึ้นบนก้อนหินสูงซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เขากําลังกวักมือให้นางอย่างเร่งร้อน
หลิวหงกัดฟันแน่นพร้อมกับวิ่งตรงไปหาเยี่ยฉวนในทันที
ก่อนหน้านี้นางตรวจสอบเยี่ยฉวนอย่างระมัดระวังและสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในขั้นซิวฉือระดับสามแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเยี่ยฉวนแข็งแกร่งกว่าสิ่งที่เขาแสดงออก ต้องมีความลับที่ซุก ซ่อนอยู่ภายในแน่เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นนางจึงเร่งฝีเท้าเข้าหาอย่าง ไม่รู้ตัวแม้ว่าเยี่ยฉวนจะไม่สามารถหยุดอสูรหินเศียรพยัคฆ์แต่อย่าง น้อยนางก็สามารถใช้เขาเพื่อเป็นเกราะกําบังได้มิใช่หรือ?
หลิวหงผู้คุ้นชินกับการหนีเอาชีวิตรอดนั้นยังไม่ยอมละทิ้งแผนการชั่วร้ายแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ําแย่
หลิวหงเหยียบกระบี่บินพร้อมกับพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนด้วยความเร็วสูงสุดอสูรหินเศียรพยัคฆ์ได้เห็นเยี่ยฉวนปรากฏตัวมันก็พลันเร่งร้อนขึ้นเช่นกัน ตอนนี้มันเร็วยิ่งกว่าหลิวหงที่ยืนอยู่บนกระบี่บินเสียอีก เมื่อหลิวหงมาถึงจุดหมาย อสูรหินเศียรพยัคฆ์ก็มาถึงเช่นกันเพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็จะสามารถจัดการกับมนุษย์ตรงหน้าได้แล้ว
“ระวัง!”
โท่วปาเซียงเนียวและคนอื่นๆ กรีดร้องออกมาพร้อมกับเร่งฝีเท้าเข้าไปหมายจะช่วยเหลือ
โฮก!
อสูรหินเศียรพยัคฆ์คํารามออกอีกครั้งราวกับมันกําลังประกาศว่าตนคือผู้พิทักษ์ของปาหมื่นอสูรแห่งนี้
“สาม…. สอง หนึ่งร่วงไปซะ!” เยี่ยฉวนเผยแววตาเย็นชาในขณะจับจ้องอสูรหินเศียรพยัคฆ์
ทั้งกลุ่มเผยสีหน้าแตกตื่น ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่แม้แต่จะกะพริบตาอสูรหินเศียรพยัคฆ์อยู่ห่างจากเขาเพียงก้าวเดียวและตอนนี้เขายังนิ่งเฉยหลังจากชายหนุ่มพึมพําจบ หินที่อยู่ใต้ร่างของอสูรยักษ์ก็สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งจนสุดท้ายทลายลงไปต่อหน้าต่ อตา!หินที่อยู่โดยรอบพลันทรุดตัวลงไปตามพร้อมฝังกลบยักษ์ใหญ่ แห่งปานี้ไว้ใต้ดิน…
เยี่ยฉวนใช้ประโยชน์จากการที่อสูรร้ายวิ่งตามหลิวหงอย่างตั้งใจเขาเลือกหินที่สูงที่สุดโดยสร้างกลไกเล็กๆ ไว้ใต้หินเหล่านี้แม้ว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหากมนุษย์พลาดพลั้งมาเหยียบแต่หากเป็นอสูรหิน เศียรพยัคฆ์ที่ใหญ่โตเช่นนี้ล่ะก็ มันไม่ต่างอะไรจากการขุดหลุมฝัง ศพตนเอง!
รูปร่างของอสูรหินเศียรพยัคฆ์ใหญ่โตยิ่ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานการทุบตีจากก้อนหินยักษ์หลายสิบก้อนได้ในคราวเดียวเยี่ยฉวนเลือกสถานที่แห่งนี้อย่างรอบคอบ หินทั้งหมดสูงสิบถึงหกสิบเมตร น้ําหนักของพวกมันมหาศาลเกินกว่าจะคาดเดาได้ การถล่มของหินยักษ์เหล่านี้ทําให้อสูรหินเศียรพยัคฆ์ตายตกไปโดยไม่ทันรู้ตัว ด้วยซ้ํา!
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่หลิวเป็นอย่างไรบ้าง?”
เยี่ยฉวนมองหน้าอกอวบนูนที่กําลังขยายเข้าออกอย่างเหนื่อยล้าด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เขากล่าวต่อโดยไม่รออีกฝ่ายตอบกลับ “นับตั้งแต่นี้ไปหากไม่มีโอกาสพิเศษ อย่าได้แต่งตัวเช่นนี้อีกร่างกายของเจ้าคงจะไปกระตุ้นตัณหาของอสูรหินเศียรพยัคฆ์ นี่คือต้นเหตุ ของปัญหา”
“เหอะ…”
หลิวหงพ่นลมหายใจ นางรู้สึกได้ว่าเยี่ยฉวนแทบจะไม่ได้พยายามอะไรเลย เหมือนว่าเขาจะมีวิธีจัดการกับอสูรหินเศียรพยัคฆ์อยู่แล้วแต่กลับไม่คิดจะลงมือและรอให้นางจนตรอกจนต้องอับอายเสียก่อนอยู่เสมอ
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่มาดูนี่เร็วเข้า มีก้อนผลึกมนุษย์อยู่ข้างในนี้มา
เร็ว!”
เสียงของหนาซานแห่งสํานักเบญจลักษณ์ดังขึ้นจากในกองหิน
อสูรหินเศียรพยัคฆ์เพิ่งถูกบดขยี้ไปเมื่อครู่ แต่คนๆ นี้กลับพุ่งเข้าไปที่ซากของมันอย่างไร้ยางอายและค้นพบบางอย่างที่อยู่ในร่างกายของอสูรยักษ์